หมิงเยว่ได้ฟังพลันหัวเราะ “หากข้ารู้ว่าทำเช่นนี้แล้วเจ้าจะหายจากอาการความจำเสื่อมคงซัดเจ้าให้กระอักเลือดตั้งนานแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก เอ่ยอีกว่า “เจ้าจำตัวตนที่แท้จริงได้แล้วเช่นนี้ก็ดี จากนี้จงเลิกยุ่งกับนายน้อยหลิวเสียเถิด กลับไปปกครองอาณาจักรแดนใต้ซะ”ซิงเยว่ส่ายหน้า “ข้าทำไม่ได้”หมิงเยว่มุ่นคิ้ว “เหตุใดจะทำไม่ได้ เจ้าบ้าไปแล้ว”ซิงเยว่ยิ้มขื่น “เป็นเพราะหายดี ข้ายิ่งไม่อาจตัดใจ”คนฟังขมวดคิ้วแน่น “ซิงเยว่ เขามีภรรยาอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับยอมบั่นทอนศักดิ์ศรีอันสูงส่งที่มีจนหมด เจ้า...”หมิงเยว่รู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ความเงียบงันเกิดขึ้นทันทีซิงเยว่ถอนหายใจ ดวงหน้านวลเนียนระบายยิ้มอ่อน “ท่านยังไม่บอกข้าเลย ว่าเหตุใดถึงสำเร็จวิชาจันทราเย็น อย่าบอกนะว่าท่านคือสตรีที่วิญญาณของพี่ใหญ่ข้าเข้ามาอาศัยร่างแทนที่”หมิงเยว่พลันชะงัก “จ่ะ เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ซิงเยว่หมุนกายเดินมานั่งลงบนเตียงข้างกายพี่สาว“ข้าขอสารภาพ วันนั้นยามที่ท่านสั่งให้ข้าพาทุกคนหนีออกไปก่อน ส่วนท่าน เพื่อพวกเราทุกคน ท่านสละชีพด้วยการลดดาบตัวเองลงจนตัวตาย ข้าแอบย้อนกลับมา”ซิงเยว่ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ “ท่านรู้ห
แน่นอนว่านางไม่เคยรู้สึกผิด หากให้ย้อนกลับไปก็ยังคงจะทำแบบเดิมอยู่ดีคู่รักคู่หนึ่งหากต้องจากตายมิสู้จากเป็นถูกสะบั้นรักยังดีกว่าต้องทนรักอย่างทุกข์ตรมเพราะอีกคนสิ้นชีพอย่างน่าอดสูมิใช่หรือไร?ทว่าโชคชะตาคนมักเล่นตลกเสมอทั้งๆ ที่คิดไว้ว่าจะไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้วในชาตินี้ แต่นางกลับไม่ตายในฐานะโจรถ่อยอย่างน่าเวทนา ทั้งยังได้เจอเขาอีกคราอย่างไม่คาดฝันในฐานะสาวใช้ยามนั้นแววตาของเขาทั้งรักทั้งชัง แค้นเคืองกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆ ที่นางกลายเป็นทาสสาวต่ำต้อยในฐานะที่แตกต่างกับเขาราวเหวกับฟ้าเหมาะแก่การแก้แค้นเอาคืนอย่างสาสมใจ แต่ท้ายที่สุดเขากลับดูแลนางอย่างดี แม้อยากจะฆ่ากันปานใดก็ยังห่วงใยไม่ห่างจริงอยู่ที่ตอนนั้นนางความจำเสื่อมย่อมไม่รู้แจ้ง แต่ตอนนี้นางจำได้ทั้งหมดแล้ว รู้ซึ้งแล้วถึงหัวใจชายผู้นี้ซิงเยว่ยิ้มกล่าว“ข้าไม่เป็นไร ท่านอย่าได้กังวลจนเกินไป”ไม่พูดเปล่า ซิงเยว่ยังเอื้อมมือนุ่มแตะแก้มสากคมสัน ลูบไล้แผ่วเบาอย่างต้องการปลอบประโลมให้เขาหายจากอาการตื่นตระหนก นางยิ้มหวานล้ำย้ำความรู้สึกที่กลับมา ดวงตาหงส์ทอประกายอ่อนหวานเพิ่มขึ้นมากโขเจอกันครั้งนี้ ซิงเยว่รู้สึกรักหลิวไท่หย
“พี่น้องข้า...จงลืมทุกสิ่งให้หมด ปลดหน้ากากออก ค่ายโจรจันทราแดงไม่เคยปรากฏต่อใต้หล้า”ทุกคนกลั้นน้ำตาประสานหมัดแบบไร้เสียงการปลดหน้ากากคือการทำลายตัวตนโจรถ่อยจนสิ้น คงเหลือเพียงคนธรรมดาสามัญ ไร้ซึ่งพิรุธป่าเถื่อนต่ำช้าให้ใครสังเกตเห็น จนนำไปสู่การจับกุมเค้นอดีตแล้วลงทัณฑ์หลังจากแยกย้ายกับสมุน ซิงเยว่แอบฝ่าฝืนคำสั่ง วิ่งกลับไปหาพี่สาว ทว่าสายเกินไปหมิงเยว่สิ้นชีพไปแล้วด้วยฝีมือของแม่ทัพพยัพบูรพาฉายาจอมกระบี่สุริยันผู้นั้นชั่วขณะที่วิชามารกำลังขับเคลื่อนจากกระบี่สุริยันแผ่ซ่านกลิ่นอายเหนือธรรมชาติกระทั่งกำจายความชั่วร้ายอบอวลรอบด้านโดยไม่มีใครสังเกต ซิงเยว่กลับเห็นทุกสิ่งทุกการกระทำทั้งหมดของหยางเจี้ยนส่งผลให้นางลมหายใจสะดุดเฮือกจากนั้นพลันตามมาด้วยการรู้ตัวของเหล่าทหารพวกนั้นตามล่าซิงเยว่อย่างบ้าคลั่ง กระทั่งนำมาซึ่งการต่อสู้เลือดสาด จนซิงเยว่เสียท่าพลัดตกจากหน้าผาสูง นับว่าโชคดีที่เบื้องล่างคือทะเลสาบเกล็ดน้ำแข็งพันปีทะเลสาบนี้ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตหากตกลงมามีเพียงสตรีสกุลโม่ที่ลงมาได้เพราะเป็นสถานที่ฝึกฝนวิชาจันทราเย็น ทว่าน่าเสียดายที่ซิงเยว่ยังฝึกฝนไม่สำเร็จ จึงทำได้เพียงประ
พลังจันทราเย็นร้ายกาจเหลือคณา ทำเอาซิงเยว่ถึงขั้นกระอักเลือดก่อนสลบไสลสิ้นสติไปทันทีทว่ามิคาด สติที่สิ้นสูญจนห้วงภวังค์มืดดำกลับมิอาจปิดกั้นห้วงความคิดกระทั่งทำให้เห็นแสงสว่างไสวในอุโมงค์ ร่างกายที่ถูกพลังเยียบเย็นยิ่งกว่าหุบเขาน้ำแข็งอัดกระแทกกลับคล้ายทำการปลดผนึกบางอย่างจากตัวตนที่เลือนราง ทุกความทรงจำจึงหลั่งไหลประหนึ่งกระแสน้ำเชี่ยวกรากตั้งแต่เป็นเด็กหญิงอาศัยอยู่ที่สำนักคุ้มภัยในอดีตพร้อมหน้าบิดามารดา กระทั่งเกิดเหตุการณ์พลิกผันจนครอบครัวพังยับต้องพลัดพรากจากความสุขสงบพร้อมหน้า จวบจนตนเองเติบโตมากับใคร อาศัยอยู่ที่ใดและทำสิ่งใด ผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมาบ้างกระทั่งภาพหนึ่งฉายชัดซ้ำๆ เต็มสมองบนเนินเขาหินปูนสูงตระหง่านเหนือพื้นน้ำสีคราม อันเป็นธรรมชาติสรรสร้าง ภูมิทัศน์ราวกับความฝันเหตุการณ์อันสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเกิดขึ้นที่นั่นทะเลยามสายัณห์อาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าและท้องทะเลกลายเป็นสีแดงโลหิต บรรยากาศเหนือมวลน้ำเยียบเย็นอบอวลไปด้วยกลิ่นอายมรณะเรือรบขนาดใหญ่หลายลำเคลื่อนตัวล้อมรอบเข้ามา ทหารเกราะเหล็กรูปร่างกำยำสูงใหญ่บนเรือหลายร้อยชีวิตกำลังยกคันธนูขึ้นเตรียมยิงมายังกลุ่มคนของน
“ซิงเอ๋อร์ ข้ามารับเจ้า”หลิวไท่หยางพุ่งกายเข้ามาหาซิงเยว่ ส่งเสียงทุ้มนุ่มเจือแววเว้าวอนมาแต่ไกลไหนเลยจะมีบุรุษผู้โหดร้ายคล้ายผุดจากนรกเมื่อครู่ เมื่อการฟาดฟันสิ้นสุด บุรุษชุดดำก็พุ่งทะยานมาหาหมิงเยว่ จับนางขึ้นอุ้มแนบอก ท่วงท่าแนบชิดสนิทสนมนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หมิงเยว่เบิกตาเงยหน้ามอง“หยางเจี้ยน!”ความเงียบปกคลุมทั้งบริเวณ แสงตะวันส่องลงมา บุรุษชุดดำปลดผ้าบนหน้าออกก่อนเอ่ยชัดถ้อยชัดคำ“ข้าไม่อยู่ ไยซุกซน? ไฉนไม่เคยเชื่อฟัง”สีเข้มของเสื้อผ้าอันดำมืดขับเน้นใบหน้าหล่อเหลาให้ขาวกระจ่างดุจหยกงามหมิงเยว่แก้มแดงเรื่อซุกหน้างึมงำ “ข้าคิดถึงท่าน”ภายใต้แววตาเย็นชาดุดันทั้งใบหน้าคมคายเรียบเฉย ใบหูของหยางเจี้ยนกลับแดงเรื่อขึ้นมา “เจ้าเป็นอะไร บาดเจ็บตรงไหน?”หมิงเยว่ผงกศีรษะออกจากอ้อมอกสามี มองไปทางหลิวไท่หยาง “ท่านพี่อย่ากังวลเกินไป ข้าไม่บาดเจ็บสักนิด นายน้อยหลิวมิได้ทำร้ายข้า”จังหวะที่สามีภรรยากำลังพูดคุยกระหนุงกระหนิง ซิงเยว่รีบเข้าไปหาหลิวไท่หยาง“นายน้อยหลิว ท่านเป็นอะไรหรือไม่?”“ข้าไม่เป็นไร?”หลิวไท่หยางไม่สนอาการบาดเจ็บของตน เพียงรั้งร่างนุ่มเข้ามากอดแนบอกแน่น “เหตุใดไม
การต่อสู้ฟาดฟันเกิดลำแสงแปลบปลาบทั่วนภา ทักษะชั้นเชิงอยู่ในระดับเทวะไม่แพ้กันจังหวะรุกไล่ฟาดดาบกรีดกันกลางอากาศปราดหนึ่งก่อนสกัดกั้นไขว้กันรอจังหวะผลักดันพลังในระยะประชิด หมิงเยว่แค่นเสียงฉุนใส่หน้าบุรุษ “ท่านไม่มีสิทธิ์ในตัวซิงเยว่ จงกลับไปดูแลภรรยาของท่านซะ”หลิวไท่หยางหรี่ตา แววขึงเครียดไม่ยินยอมสักเสี้ยว “ภรรยาของข้าอยู่ที่นี่ ข้ามีสิทธิ์ต่อนางทุกประการ”หมิงเยว่ยิ่งเดือดดาลฟาดดาบจนสะบั้นเส้นผมบุรุษขาดร่วงหลายเส้น “ภรรยาของท่านคือโจวซู่ฉิน!”หลิวไท่หยางไม่สนใจเส้นผมของตน เขาสะบัดดาบปล่อยพลังปราณอันตราย “ภรรยาของข้าคือซิงเยว่!”ซิงเยว่ที่แอบฟังหลังประตูสูดลมหายใจเข้าอกเฮือก ปรารถนาเข้าไปห้าม แต่มิรู้จะทำได้อย่างไรทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือด ไม่ออมมือ ไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายหนึ่งตะวันเดือด อีกฝ่ายจันทราเย็น คลื่นพลังจึงคล้ายเห็นฟ้าแลบร้อนฉ่ากรีดลงกลางอากาศอันเย็นเยียบกระนั้นช่างเป็นความต่างอย่างไม่อาจเข้ากันได้เลยสักเสี้ยว ราวกับต้องการเป็นศัตรูคู่แค้นกันไปทุกชาติทั้งสองฝ่ายฝีมือนับว่าสุดยอด ต่างลงมืออำมหิต ปราศจากความปรานี ปราดเปรียว ฉับไว รวบรัด บุกตะลุยพุ่งชนดุจเปลวเพลิงปะทะเหมันต