LOGIN‘ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนแปลงตน ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน’ หากต่อจากนี้นางทำดีกับเขา เขาก็จะดีตอบแทนนางเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากนั้นหยวนลี่หมิงกลับไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นเป็นปี เพราะหมิงเจียวซือหายหน้าไปตามที่บอกจริง ๆ
นัยน์ตาเมล็ดซิ่งจ้องมองไปนอกโรงเตี๊ยมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งมารอต้อนรับคังอ๋องที่ไปรบกับชนเผ่าทะเลทรายและได้รับชัยชนะกลับมาและหากนางไม่ได้รับจดหมายทวงสัญญาเป็นการส่วนตัวนางก็คงไม่มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้หรอก
ตอนนั้นที่นัดกันไปจิบน้ำชาที่โรงเตี๊ยมปินฉาน คังอ๋องคล้ายอยากให้คุณหนูในชนชั้นสูงทั้งหลายเห็นว่ามากับนาง แน่นอนว่าเย็นวันเดียวกันข่าวลือก็แพร่ไปอย่างรวดเร็วว่าคังอ๋องนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่ง แต่น่าเสียดายงานของนางยังไม่ทันได้เสร็จลุล่วง เขาก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำทัพหลวงออกไปรบกับชนเผ่าทะเลทรายที่เหิมเกริมบุกรุกชายแดนแคว้นจิ้น
เขาสั่งให้คนส่งจดหมายมาแจ้งนางว่าต้องออกไปรบแล้วย้ำเตือนว่าหากมีชีวิตรอดกลับมา นางจะต้องทำหน้าที่กีดกันสตรีให้ต่อ มิเช่นนั้นสัญญาฉบับนั้นจะถือเป็นโมฆะทันที
ในยามนั้นนางยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความเอือมระอาบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้อยู่เลย จะเข้าสู่สนามรบแล้วยังมีแก่ใจเขียนจดหมายย้ำเตือนนาง
“คุณหนู ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ” หลินถงที่ถูกสั่งว่าหากคังอ๋องขี่ม้าเข้ามาในระยะสายตาให้สะกิดบอกนางทันที เพราะนางขี้เกียจชะเง้อคอรอดูเช่นคุณหนูในห้องหอทั้งหลาย
“อืม” นางตอบรับก่อนจะโผล่หน้าออกไปนอกระเบียงเพื่อให้คนสั่งจองโต๊ะนี้ได้เห็นหน้า ประเดี๋ยวจะหาว่านางไม่ให้ความร่วมมือแล้วมาฉีกสัญญาหนี้บุญคุณของนางทิ้ง
‘เอ๊ะ! นั่นคุณหนูฝูมิใช่หรือ’ หมิงเจียวซือที่พอยื่นหน้าออกไปนอกระเบียงกลับได้เห็นบุตรสาวอัครเสนาบดี ที่ยื่นหน้าออกมานอกหน้าต่างเช่นกัน แต่สายตากลับจดจ่ออยู่สองที่สลับกันไปมา
ที่แรกที่คุณหนูฝูจับจ้องย่อมเป็นคังอ๋องที่สวมชุดเกราะเต็มยศนั่งอยู่บนหลังม้า ท่าทางสง่างามแฝงความเกรงขามดุดันตามลักษณะของเอกบุรุษซึ่งผ่านสนามรบมาแล้ว
ส่วนอีกที่เหมือนจะเป็นในกลุ่มฝูงชนที่อยู่ด้านล่างซึ่งมารอต้อนรับทัพหลวงเช่นกัน
‘เอ๊ะ! นั่นพี่ใหญ่มิใช่หรือ’ นางคิดหลังจากมองตามสายตาของฝูหว่านอิ๋งแล้วพบว่าจุดหมายของอีกฝ่ายเป็นพี่ชายต่างมารดาของตนเอง
‘ไม่ได้เจอกันหนึ่งปี ดูรูปงามขึ้นหรือไม่นะพี่ใหญ่’ เมื่อนางเอ่ยปากแล้วนางก็ทำตามวาจาของตน ตั้งแต่วันนั้น นางไม่ไปที่เรือนท้ายจวนอีกเลย ส่วนเรื่องข้าวของสิ่งใดที่นางและเซียวเหยาได้รับ นางก็จะให้หลินถงนำไปมอบให้พี่ชายต่างมารดาด้วย
หมิงเจียวซือจ้องมองพี่ใหญ่จนอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมองนาง ทำให้นางรีบถอนสายตากลับมาแล้วเปลี่ยนไปมองคังอ๋องที่สั่งให้นางมานั่งตรงนี้เพื่อรอต้อนรับ โดยให้เหตุผลว่านี่เป็นการดีที่คุณหนูทุกคนจะได้เห็น
หากนางไม่ต้องการความช่วยเหลือจากคังอ๋องให้ปกป้องคนตระกูลหมิงจากพี่ใหญ่ นางคงไม่ยอมเอาตนเองมาเป็นเป้าล่อธนูให้กับบุรุษสูงศักดิ์ ที่ใครก็ทราบว่ามีคุณหนูจากตระกูลชั้นสูงหมายปองมากมาย เป็นพระชายาของบุรุษสูงศักดิ์มีอันใดดีกัน นางไม่เข้าใจเลย
“คุณหนู คังอ๋องโบกมือให้ท่านด้วยเจ้าค่ะ” หลินถงกล่าวพลางดึงรั้งชายอาภรณ์นางให้เลิกเหม่อมองไปที่อื่น
‘หลินถง เด็กน้อยเช่นเจ้าตามเล่ห์กลของคังอ๋องไม่ทันหรอก’ ที่เขาทำเป็นเพียงงิ้วฉากหนึ่ง ไหนจะการจับจองโต๊ะนี้ให้นาง ซึ่งใครก็ทราบดีว่าโต๊ะนี้ไม่ใช่ใครก็สามารถจองได้ เนื่องจากเป็นโต๊ะเพียงโต๊ะเดียวที่มีระเบียงสามารถเดินออกมามองด้านนอกได้ของโรงเตี๊ยมชั้นสูงแห่งนี้
“บ่าวเพิ่งเคยได้เห็นท่านอ๋องในชุดเกราะเช่นนี้ ช่างสง่างามเสียจริง มิแปลกใจเลยที่วันนี้มีสตรีมารอต้อนรับทัพหลวงมากมาย”
“เพราะมีสตรีมารอต้อนรับท่านอ๋องมากมาย ดังนั้นเมื่อท่านอ๋องขี่ม้าผ่านไปแล้ว เราต้องรีบกลับเข้าใจหรือไม่” มิเช่นนั้นคงจะได้พบกับความริษยาของคุณหนูพวกนั้น
สตรีที่พร้อมจะทำร้ายสตรีด้วยกันเองเพื่อบุรุษที่ไม่เห็นค่าพวกนาง
“แต่ว่า...” มิใช่ว่าต้องรอเจอท่านอ๋องก่อนหรือ
“หรือเจ้าอยากให้ข้าโดนพวกคุณหนูที่หมายปองท่านอ๋องรุมทึ้ง”
“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
และหมิงเจียวซือก็รีบร้อนกลับจวนทันทีที่ม้าของคังอ๋องผ่านหน้าโรงเตี๊ยมปินฉานไป
“คุณหนูรองหมิง ได้โปรดรอข้าก่อนเจ้าค่ะ” เสียงหวานใสดุจระฆังแก้วของคุณหนูผู้หนึ่งดังขึ้น
‘เรื่องอันใดข้าจะหยุด’ นางคิดก่อนจะเอื้อมไปจับมือสาวใช้คนสนิทให้เดินไปด้วยกัน ซึ่งหลินถงก็คล้ายจะเข้าใจจึงทำตามที่คุณหนูต้องการอย่างเงียบ ๆ ไม่เอ่ยวาจา
เสียงกรีดร้องโวยวายของอนุฯ ฝูห่างออกไปเรื่อย ๆ จนเงียบไป คังอ๋องจึงหันไปสั่งขันทีอาวุโสให้ไปตามชายารองเมิ่งที่เขามอบหมายให้ดูแลตำหนักแห่งนี้ ผ่านไปไม่กี่อึดใจชายารองเมิ่งก็รีบมาพบพระสวามีที่รออยู่ ก่อนจะแสดงความเคารพอย่างอ่อนช้อย “ยามนี้อนุฯ ฝูถูกย้ายไปอยู่ที่เรือนร้างเจ้าให้คนที่เชี่ยวชาญการแพทย์และเป็นวรยุทธ์สักเล็กน้อยไปคอยดูแลนางด้วย” “เพคะ” ชายารองเมิ่งคิดในใจว่า ท่านอ๋องช่างโปรดปรานสตรีเสแสร้งอย่างฝูหว่านอิ๋งจริง ๆ แม้จะโดนลงโทษก็ยังกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี ซึ่งนางก็คงจะคิดเช่นนั้นหากไม่ได้ยินประโยคต่อมาของผู้สูงศักดิ์ “หากพวกเจ้าอยากหยอกเย้าหรือเล่นกับนางก็สามารถไปเยือนที่เรือนร้างได้ข้าอนุญาต แต่อย่าลงมือหนักเกินไป ประเด
“มันเป็นใครหรือเพคะ คนที่ลงมือกับตระกูลฝูอย่างโหดเหี้ยมเช่นนั้น” ฝูหว่านอิ๋งเสียงแข็งกร้าวด้วยความโกรธแค้นอย่างลืมตัวว่าจะต้องทำท่าทางให้น่าสงสารหวังให้สวามีมาปลอบขวัญ คังอ๋องเซี่ยอี้หานอยากจะยิ้มเยาะออกมาเสียจริง ๆ สมควรแล้วที่ตระกูลฝูถูกฆ่าล้างตระกูล สิ่งที่ฝูซื่อทำไว้ แค่ร้อยชีวิตของตระกูลฝูไม่อาจชดเชยได้ เพราะสิบสองปีที่ผ่านมาฝูซื่อเลี้ยงกลุ่มโจรเอาไว้แล้วสั่งให้บุกสังหารหลายตระกูล ทั้งที่ขัดผลประโยชน์หรือที่ร่ำรวยมีทรัพย์ เพื่อแย่งชิงทรัพย์สมบัติของตระกูลเหล่านั้นมาเลี้ยงดูกลุ่มโจรและกองกำลังลับที่องค์ชายรองจะใช้ก่อกบฏ “เจ้าอยากทราบจริง ๆ หรือ” เขาเอ่ยถามพลางย่อตัวลงก่อนจะใช้มือเชยคางของนางขึ้นเพื่อให้เงยหน้ามองเขา “เพคะ พระองค์ทรงเมตตาหม่อมฉันได้หรือไม่เพคะ” 
ตอนพิเศษ เพื่อคนที่รักทั้งสอง เสียงกรีดร้องโวยวายที่หน้าห้องหนังสือทำให้คังอ๋องที่กำลังอ่านตำราพิชัยสงครามอยู่ขมวดคิ้ว ก่อนจะเก็บตำราแล้วลุกขึ้นไปจัดการเรื่องราวด้านนอก ตั้งแต่รับปากหยวนลี่หมิง ชีวิตของเขาไม่เคยได้สงบสุขเลย เรือนหลังตำหนักมีเ
คนที่นั่งตัดพ้อต่อว่าตนเองว่าโง่เขลาดูเหมือนจะเป็นบุรุษเพราะเขานั่งก้มหน้านางจึงยังมองไม่เห็นหน้า รู้เพียงแค่ว่าคนผู้นี้น่าจะจมอยู่ในความทุกข์ในเป็นเวลานาน ผมเพ้าขาวโพลนไปทั้งหัวขัดแย้งกับมือและเสียงที่ไม่ได้ใกล้เคียงผู้อาวุโสเลย นอกจากผมที่ขาวโพลนจะรกรุงรังไร้การรวบเก็บที่เรียบร้อยแล้ว อาภรณ์ยังสกปรกมีรอยขาดวิ่นคล้ายไม่ใส่ใจดูแลตน “ท่านน้าข้าขอโทษที่โง่เขลาหลงเชื่อวาจาเพียงไม่กี่คำของคนชั่วช้า เนรคุณต่อผู้มีพระคุณเช่นท่าน ทั้งยังก่อบาปมากมาย ยามนี้ความจริงทุกอย่างกระจ่างแจ้ง คนผิดได้ชดใช้กรรมในสิ่งที่ตนก่อ แต่ข้ากลับสูญเสียคนที่หยิบยื่นความเมตตาให้ข้าโดยไร้ข้อแม้เช่นท่านไปด้วยมือของข้าเอง ท่านน้า ท่านคงโกรธเคืองข้ามากใช่หรือไม่ ข้ายินดีให้ท่านสาปแช่งข้า ยามนี้ข้าสำนึกให้สิ่งที่ทำไปแล้ว แต่ข้ากลับไม่มีโอกาสได้ขอโทษท่านและครอบครัวของพวกท่าน” 
“อ๊า ๆ” นางได้แต่ร้องครวญครางอ่อนระทวยพร้อมคล้อยตามในสิ่งที่เขาต้องการทุกอย่าง เมื่อเรือนร่างเย้ายวนเริ่มแข็งเกร็งเขาก็ยิ่งเร่งการขยับลิ้นให้รัวเร็ว ก่อนที่นางจะเกร็งกระตุกปลดปล่อยน้ำหวานเอ่อล้นออกมา เป็นเช่นที่บอกว่าคืนเข้าหอมีค่าดังทองพันชั่งคุณชายหยวนไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า เขาชันตัวขึ้นก่อนจะกดแท่งหยกเข้าโพรงนุ่มที่แม้จะมีน้ำหวานเอ่อล้นแต่ภายในยังคับแน่น “เจ้ารัดพี่แน่นเช่นนี้ พี่คงทนได้ไม่นาน” เขาเอ่ยพลางขยับตัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะเริ่มเร็วขึ้นเมื่อนางปรับตัวได้ เสียงเนื้อกระทบกันยังคงดังสลับกับเสียงครางแว่วหวานทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาป่วนห้องหอ “เจียวซือ พี่รักเจ้ายิ่งน
“ย่อมไม่ปฏิเสธ” กล่าวจบเขาก็เชยคางมนให้เงยขึ้น โดยเขาซึ่งยืนนวดไหล่ให้ทางด้านหลัง ก้มใบหน้าเข้าใกล้นางก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกโพรงปากนุ่ม เกี่ยวกระหวัดพัวพันหวังปลุกเร้าความปรารถนาเพื่อค่ำคืนเข้าหอที่สุขสม เขาลิ้มชิมความหวานจนพอใจก่อนจะถอนจุมพิตออกมาด้วยกลัวว่านางจะเมื่อยคอ “รีบปลดอาภรณ์แล้วเข้ามาแช่น้ำร้อนด้วยกัน...” นางกล่าวชวนอีกครั้งยังไม่ได้จบ เขาก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แท่งหยกที่ควรจะอยู่สงบกลับแข็งขึงพร้อมมอบความสุขให้นาง “ในถังนี้คับแคบยิ่งนัก เจ้านั่งบนตักข้าดีกว่าจะได้ไม่อึดอัดมาก” กล่าวจบเขาก็ช้อนตัวนางยกขึ้นมานั่งบนตักของตน ส่วนแท่งหยกที่แข็งขึงถูไถอยู่บริเวณสะโพกของนาง “ลี่หมิง ของท่านโดนก้นข้า”&nbs







