ตอนที่
[7] ชีวิตดี ๆ ที่ต้องแลก “ไปขโมยอะไรของใครมา” แทนที่เขาจะดีใจแต่กลับคิดว่านางไปขโมยของผู้อื่นมาเช่นนั้นหรือ “พวกข้าไม่ได้ไปขโมยของผู้ใดมา” “ใช่ พี่ชายพวกเราไม่ได้ไปขโมยมาจริง ๆ นะ” “พวกเจ้าน่ะข้าเชื่อ แต่คนบางคน….” ว่าแล้วก็ส่งสายตาไม่ไว้ใจไปยังเยว่จิน ด้านเยว่จินได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ผู้อาวุโสอี้บอกว่าเขาจะพานางมีชีวิตดี ๆ ในอนาคต ดังนั้น นางจะต้องอดทนจะทำให้เขาโมโหไม่ได้ มิเช่นนั้น หากเขาโกรธจนพานมิให้นางรักษา เช่นนั้นหนทางสุขสบายคงต้องหลุดลอยไปแน่ “พวกข้าเข้าป่าไปแล้วไปพบกับต้นลูกพลับที่ดกมาก จึงได้ช่วยกันเก็บมา นี่ช่วงบ่ายข้าก็จะไปเก็บมาอีก จะเอาไว้ทำลูกพลับตากแห้งเอาไว้กิน ผลสดก็อาจจะเอาไปขายได้” ทว่าแทนที่เมื่อได้ยินเหตุผลแล้วชายหนุ่มกลับดูไม่ได้มีความเชื่อใจเยว่จินเลยแม้แต่น้อย ในความคิดของเยี่ยนซี เขารับรู้มาตลอดว่าชาวบ้านมักจะไปหาเก็บของป่ากันที่ป่าชั้นนอกกัน จึงทำให้ในป่านั้นไม่ค่อยเหลืออะไรมาก เห็นได้จากเด็กทั้งสองที่มักจะได้หัวมันที่ไม่ค่อยสมบูรณ์รวมถึง ผักป่าที่ธรรมดากลับมา ไหนเลยจะยังเหลือลูกพลับผลโตที่น่ากินมากมายเช่นนี้ นอกจากว่านางจะไปเอาจากที่อื่นมา มิเช่นนั้นก็… “เจ้าพาเด็ก ๆ เข้าป่าชั้นกลางหรือ” “เอ่อ ก็ป่าชั้นนอกมันไม่มีอะไร ข้าเลย…” “นี่เจ้าไม่รู้หรือว่ามันอันตราย หากพวกเด็ก ๆ เป็นอันใดไปเจ้าจะรับผิดชอบไหวหรือ!!” “เอ่อ พี่ชายใจเย็น ๆ ก่อน” อวี๋ซิ่งเห็นท่าไม่ดีเพราะใบหน้าของพี่ชายเริ่มมีน้ำหนองไหลออกมาจากใบหน้าของเขาจึงได้รีบพยายามห้ามปราม “พวกเราเต็มใจไปกับพี่เยว่จินเองเจ้าค่ะ พี่เยว่จินบอกให้พวกเรารอที่ป่าชั้นนอก แต่พวกเราตื๊อจะตามไปด้วยให้ได้ นางจึงยินยอม แต่ในป่าไม่มีอันตรายอะไรเลยนะเจ้าคะ มีแต่ต้นพลับที่ผลดกเต็มไปหมดเลย” อวี๋หรูรีบอธิบายอีกแรง นางไม่อยากให้พี่สาวโดนพี่ชายดุ เยี่ยนซีรู้สึกว่าไม่สบอารมณ์ทันใดนั้นสายตาของเขาก็มองไปยังห่อผ้าที่เป็นผ้าเนื้อดีที่สตรีผู้นั้นสะพายมา “นี่เป็นห่อผ้าของข้า” เยว่จินระบายลมหายใจออกมาในความเหนื่อยหน่ายที่อีกคนขี้ระแวงและสงสัยมากเกินไป ก่อนจะอธิบายทั้งหมดที่นางได้บอกกับสองพี่น้องไปก่อนหน้า ถึงแม้เขาจะดูไม่เชื่อแต่นางก็คร้านจะอธิบายแล้ว “รีบกินอาหารเที่ยงกันก่อนเถิด ช่วงบ่ายข้าจะไปเก็บลูกพลับเพิ่มอีก” “พี่เยว่จินให้พวกเราไปด้วยได้หรือไม่” อวี๋ซิ่งนั้นรู้สึกสนุกยิ่ง ต้นพลับที่เจอนั้นไม่สูงสามารถเก็บได้สะดวก ลูกก็ใหญ่แถมยังอร่อยอีก ตอนที่เก็บเขากินไปตั้งหลายลูกแน่ะ “ไม่ต้อง พวกเจ้าอยู่ที่นี่แหละ เดี๋ยวพี่ชายจะเป็นห่วง ข้าจะรีบไปรีบกลับนะ” เยว่จินว่าแล้วก็ปรายตามองไปยังคนบางคนเร็ว ๆ ก่อนจะหันมาสบตาเด็กน้อย เด็กชายเผยความผิดหวังออกมา แต่ก็เข้าใจได้ เขาไม่อยากให้พี่สาวโดนพี่ชายตำหนิอีก เมื่อนำลูกพลับที่เก็บมาไปเก็บในเรือนนาเรียบร้อย นางก็นำเอาของกินที่คิดว่าน่าจะบอกเหตุผลของมันได้แนบเนียนที่สุดได้ออกมา “นี่คือเซาปิ่งไส้เนื้อ มันอยู่ในห่อผ้าของข้า ทุกคนรีบกินเถิด” ว่าแล้วพลางแจกจ่ายให้กับทุกคน เด็กน้อยทั้งสองนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดมาพวกเขาไม่เคยกินเซาปิ่ง ทั้งยังไม่เคยกินเนื้อมาก่อน ดวงตาเด็กน้อยจึงเบิกกว้างและเป็นประกาย ยิ่งได้กลิ่นหอม ๆ ที่ลอยออกมาที่ราวกับถูกทำสดใหม่ก็ยิ่งอดใจไม่ไหว มือน้อยจับที่เซาปิ่งชิ้นใหญ่เอาไว้แน่น เยว่จินมองภาพนั้นด้วยความเอ็นดู หากแต่เมื่อเบือนสายตาไปมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างก็เห็นว่าเขาเอาแต่นั่งนิ่งแล้วมองมาที่นางด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ เหอะ เสียอารมณ์ชะมัด “ซิ่งเออร์ หรูเออร์รีบกินกันเถิด” นางว่าแล้วก็รีบกินเซาปิ่งชิ้นของตนเอง เด็กน้อยทั้งสองที่เห็นเช่นนั้นก็เริ่มกินชิ้นของตนเองเช่นกัน “อื้ม อร่อยมากกกกก” ก่อนจะเผยคำพูดตื่นเต้น เจ้านั่นจะดูก็ดูไป พวกนางจะกินของอร่อย “พี่ชายรีบกินเถิด เซาปิ่งอร่อยมาก” อวี๋หรูที่เห็นว่าพี่ชายเอาแต่นั่งนิ่ง จึงได้ยัดเซาปิ่งใส่มือของเขาพร้อมทำสายตาคาดหวัง เยี่ยนซีนั้นไม่อยากให้เด็กน้อยเสียเวลาการกินของตนเอง เลยนำเซาปิ่งขึ้นมากะจะชิมเล็กน้อยพอเป็นพิธี หากทว่าเมื่อได้ลิ้มรสอาหารในมือ ดวงตาก็ขยายขึ้นก่อนจะรีบกลับมาเป็นปกติ จะว่าไปแล้วเขาก็ไม่ได้กินเนื้อนานแล้ว ไม่คาดคิดว่าเพียงเซาปิ่งไส้เนื้อที่เขาเคยมองว่าธรรมดา จะทำให้ความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามามากมายเช่นนี้ เยว่จินมองเจ้าคนท่ามากอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะแล้วไม่สนใจเขาอีก กินของอร่อยดีกว่า หลังจากที่ทุกคนต่างกินอาหารเสร็จแล้ว เยว่จินก็รับรู้ได้ว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองตนเองอยู่ นางจึงมองเขากลับไป ว่ามีอันใดหรือ แต่เขากลับไม่ตอบและมองไปทางอื่น ในความคิดของเยี่ยนซีนั้นกำลังคิดถึงที่มาของสตรีนามเยว่จินผู้นี้ หากนางถูกคนนำมาทำร้ายแล้วนำมาทิ้งไว้กลางป่า คนที่กระทำการก็ยังมีแก่ใจมอบของกินที่หลังจากลิ้มรสก็รู้ว่าไม่ใช่เซาปิ่งฝีมือของคนทั่วไปทำเป็นแน่ให้นางไว้อีก ในหัวคิดความน่าจะเป็นไปหลายอย่าง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจจะทำให้เขาไว้ใจสตรีแปลกหน้าผู้นี้ได้ คงต้องดูไปเรื่อย ๆ “ซิ่งเออร์ หรูเออร์ พวกเจ้ารีบนำพลับหวานไปให้ท่านย่าลองชิมดูเถิด อ้อ เซาปิ่งยังเหลืออยู่ พวกเจ้าเอาไปฝากท่านย่าด้วยนะ เดี๋ยวข้าจะไปเก็บลูกพลับแล้ว” “พี่เยว่จินจะไม่ให้พวกเราไปด้วยจริงหรือขอรับ” อวี๋ซิ่งเอ่ยถามอีกครั้ง เผื่อว่าพี่สาวคนงามจะเปลี่ยนใจ “ไม่เป็นไร พวกเจ้ารีบกลับบ้านเถิด หากท่านย่าได้กินของอร่อยจะต้องมีความสุขเป็นแน่” หลังจากที่ถามสองเด็กน้อย พวกเขากล่าวว่าย่าของพวกเขานั้นแก่ชราแล้ว แต่ก็ยังไปรับจ้างทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับคนในหมู่บ้านอยู่ ค่าแรงไม่ได้ แต่ได้เป็นวัตถุดิบเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอบแทนกลับมา เด็กทั้งสองจึงคิดเข้าป่าไปขุดมัน หาผักป่าเพื่อนนำมาเป็นอาหารช่วยท่านย่าอีกแรง เฮ้อ ช่างน่าสงสาร เด็กน้อยเมื่อรู้แล้วว่าอย่างไรเยว่จินก็ไม่เปลี่ยนใจจึงได้รีบพยักหน้าแล้วหันไปหยิบลูกพลับหวานรวมถึงเซาปิ่งที่เยว่จินเตรียมไว้ให้ก่อนจะหันไปกล่าวกับเยี่ยนซี “พี่ชาย พรุ่งนี้พวกเราจะมาใหม่นะขอรับ” “หรูเออร์ก็จะมา” “อืม ไปเถอะ” ชายหนุ่มกล่าวเพียงเท่านั้นเด็กน้อยก็หันไปกล่าวกับเยว่จิน “พี่เยว่จินพรุ่งนี้พวกเราจะมาใหม่นะขอรับ ขอบคุณสำหรับเซาปิ่งด้วยนะขอรับ อร่อยมากเลย” “ไว้เจอกันนะ ซิ่งเออร์ หรูเออร์” เด็กน้อยทั้งสองยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งกลับบ้านไป “เช่นนั้นข้าเข้าป่าก่อนนะเจ้าคะ” เมื่อเห็นว่าเหลือเพียงสองคนและไม่อยากให้ตนเองต้องพบกับบรรยากาศแสนอึดอัดจึงได้รีบเอ่ยขึ้น แต่ทว่า “เดี๋ยว” อะไรของเขาอีกคิดจะขัดขวางหรือ “ท่านมีอันใดหรือ” “เจ้าตกหลุม?” คราแรกอยากจะถามว่ามีอันใด แต่คิดไปแล้ว เขาคงจะอยากถามว่าเป็นอันใดหรือไม่กระมัง ไม่รู้ว่าเด็กทั้งสองไปบอกเขาว่านางตกหลุมตั้งแต่เมื่อใด “ข้าสบายดี ไม่บาดเจ็บอันใด ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ” “หึ ผู้ใดเป็นห่วงเจ้ากัน” ว่าแล้วก็หยิบไม้ค้ำของตนแล้วพยายามเดินเข้าห้องไปทันที ทิ้งให้เยว่จินหน้ามู่ทู่อยู่เพียงผู้เดียว ไม่เป็นห่วงแล้วถามทำไมกัน ในช่วงบ่ายเยว่จินใช้เวลาในการเก็บลูกพลับอย่างเมามัน เก็บให้มากเท่าที่จะเก็บไปได้ เมื่อกลับไปที่เรือนนาก็ยังทำอันใดมากไม่ได้ เพราะที่นี่ยังไม่มีอุปกรณ์อันใดมากนัก จะเอาออกมาจากมิติเลยก็จะน่าสงสัย ดังนั้นในช่วงเย็นหลังจากที่นางตัดไม้ไผ่มาล้อมทำที่อาบน้ำแบบลวก ๆ แล้ว ก็ได้มานั่งกินเซาปิ่งและพลับหวานกับเขาสองคนจึงได้เอ่ยบางอย่างขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะนำลูกพลับไปขายที่ตลาดนะเจ้าคะ แล้วก็ในห่อผ้ามันมีปิ่นและเครื่องประดับอีกเล็กน้อยอยู่ด้วย ข้าว่าจะนำมันไปขายแล้วซื้อของใช้เข้าบ้าน ท่านจะเอาอะไรหรือไม่” เยว่จินถามขึ้นด้วยใบหน้าใสซื่อ ดวงตาเป็นประกาย หากแต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามกลับมีใบหน้าเรียบนิ่ง และตอบกลับคำเดียวมาว่า “ไม่” จากนั้นก็ลุกขึ้นก่อนจะเข้าไปในห้องตนเองอีกครั้ง ทิ้งให้เยว่จินนั่งงงงวยอยู่เพียงผู้เดียว เยี่ยนซีไม่คิดจะพูดอันใดมาก เพราะเขารู้ว่าพูดไปก็ไม่ได้อันใด อย่างไรสตรีผู้นี้คงไม่กลับมาที่เรือนนาอีกแล้วตอนพิเศษที่[3]ทำรากบัวเชื่อมกัน หลังจากที่แต่งงานกันมาหลายปีสามีก็เอ่ยว่า อยากจะพานางไปที่ที่หนึ่ง ซึ่งรับรองว่านางต้องชอบเป็นแน่ นางจึงตกลงไปด้วยความตื่นเต้น “เอ๋ สระบัวหรือเจ้าคะ” ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยดอกบัวที่งดงามมากมายมีส่วนที่เป็นสระน้ำและส่วนที่เต็มไปด้วยดอกบัวที่เกิดขึ้นกลางดินนางรู้สึกคุ้นเคยและแปลกใจก่อนจะหันไปมองหน้าเขา “ตอนที่อยู่ที่หมู่บ้านซินเฉียว พี่ไม่ค่อยได้ช่วยเจ้าทำรากบัวเลย มาวันนี้มีโอกาสและนึกขึ้นได้ว่าครอบครัวมีที่ดินที่มีสระบัวงดงามอยู่ผืนหนึ่ง จึงคิดอยากจะชวนเจ้ามาทำรากบัวเชื่อมกัน ให้เจ้าช่วยสอนพี่ทำแล้วจากนั้นค่อยเอาไปแจกจ่ายทุกคนดีหรือไม่” “ดีเจ้าค่ะ” นางก็ไม่ได้ทำรากบัวเชื่อมนานแล้ว ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่อยู่ที่ท้ายเรือนนา คิดแล้วก็อยากกินเหมือนกัน แต่ทำไมนางจึงรู้สึกว่าสายตาของสามีนั้นมีความวาววับบางอย่างนะ มันดูแปลก ๆ แค่ทำรากบัวเชื่อมเหตุใดต้องดูตื่นเต้นถึงเพียงนั้นแต่ดูเหมือนว่านางจะคิดไปเอง เพราะหลังจากที่ตกลงกัน นางและเขาก็ช่วยกันทำรากบัวกันอย่างจริงจัง เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกคือขุดรากบัว…รากบัวที่นี่มีขนาดหัวใหญ่มาก ใหญ่กว่าที่หมู่บ้านซินเฉียวเส
ตอนพิเศษที่[2]อวี๋ซิ่ง อวี๋หรูกับชีวิตที่ไม่คาดฝัน อวี๋ซิ่งและอวี๋หรูหรูนั้น พวกเขาคิดว่าชีวิตของพวกเขาคงจะอยู่ได้แค่ในหมู่บ้านซินเฉียวเท่านั้น ด้วยท่านย่าก็แก่ชราแล้วยากที่จะมีโอกาสได้ออกไปสัมผัสโลกภายนอก พวกเขาไม่แม้แต่จะมีโอกาสได้เข้าไปในตลาดตำบลด้วยซ้ำ ชีวิตจึงวนอยู่กับการช่วยท่านย่าหารายได้และขึ้นไปหาของป่าเพื่อประทังชีวิตกัน แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของพวกเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อได้พบกับสตรีผู้งดงามและใจดีอย่างพี่เยว่จิน พี่สาวผู้นั้นเป็นราวกับเทพธิดาลงมาโปรด ทำให้พวกเขามีรายได้ด้วยตนเองเป็นครั้งแรก ได้กินของอร่อย ได้ไปเที่ยวตลาดในตำบลกับท่านย่า ได้ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้นั่งรถม้าคันใหญ่โต นอกจากนั้นยังได้ย้ายออกไปอยู่บ้านใหม่ที่หลังใหญ่โตมาก ทั้งชีวิตไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้อยู่ที่นี่แม้ว่าก่อนออกมาจะพบเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักเพราะท่านย่านั้นต้องบาดเจ็บ แต่ก็เป็นพี่สาวผู้นั้นที่เป็นผู้รักษาให้พวกเขาจึงคิดเอาไว้ว่านางนั้นถือว่าเป็นผู้ที่มีพระคุณกับพวกเขา ในอนาคตพวกเขาสองพี่น้องจะต้องรักและตอบแทนนางให้จงได้ แม้ต้องตายแทนก็ยอม…ต่อมาพวกเขาก็ต้องพบเรื่องไม่คาดฝันอีกครั้งเพราะพี่
ตอนพิเศษที่[1]ความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเซี่ยเยว่จิน เยว่จินไม่ใช่คนที่ปล่อยวางอะไรได้ง่ายถึงเพียงนั้น โดยเฉพาะเมื่อหากตอนที่โดนรังแกหรือเมื่อคนที่รักถูกรังแก ไม่ว่าตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนางไม่เคยที่จะปล่อยมันไปโดยง่าย จะต้องหาทางระบายเพื่อให้ความคับข้องใจให้หายไปและในคืนนี้ก็เช่นกัน…. หลังจากที่ทุกคนได้แยกย้ายเข้าพักในห้องของตนในบ้านหลังใหม่หลังออกจากหมู่บ้านซินเฉียวแล้ว ในช่วงค่ำของคืนนั้นเยว่จินได้เตรียมอำพรางตัว ก่อนที่จะลอบเดินเท้าด้วยรองเท้าพิเศษกลับไปที่หมู่บ้านอีกครั้ง ในตอนที่ทุกคนหลับใหลและไม่ได้คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น หญิงสาวยกยิ้มขึ้นราวกับมีแผนการบางอย่าง… เยว่จินแอบหยดบางอย่างลงไปในน้ำของชาวบ้านที่มาหาเรื่องตนและท่านย่าในวันนั้น ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้นำหมู่บ้านที่ไร้จริยธรรมและบ้านหานที่ไร้น้ำใจ นอกจากนั้นนางยังเอาฉี่แมวที่ให้ผู้อาวุโสอี้ไปรวบรวมนำมันไปราดที่หน้าบ้านของแต่ละคน เจ้าแก้แค้นเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย ผู้อาวุโสอี้ กลิ่นฉี่แมวนั่นกลิ่นแรงฉุนเตะจมูกนัก นางในโลกก่อนก็เคยเลี้ยง จึงได้คิดว่ากลุ่มคนที่มีจิตใจสกปรกเช่นพวกเขา ก็ต้องได้รับอะไรที่สาสมกันเช่นนี้ เมื่อทุก
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)บุรุษที่อยู่เรือนนาผู้นั้น ที่แท้เป็นถึงซ่งกั๋วกงและที่เขาเป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถูกพิษ บัดนี้ชุนเยว่เกิดความละอายใจไม่น้อย กับความคิดของตนด้วยตนนั้นก็อัปลักษณ์แต่มีสิทธิ์อันใดไปตัดสินและรังเกียจผู้อื่นเช่นนั้น โดยที่ไม่รู้จักเขาดีเลยสักนิด“พี่เยี่ยนซีไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องนั้นหรอกเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องคิดมาก แล้วท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ” ล่าสุดที่รู้คืออีกฝ่ายกระโดดน้ำตายไปแล้วยามนั้นชุนเยว่จึงได้นึกเรื่องราวในวันนั้นก่อนจะเล่าออกมา“วันนั้นข้าตั้งใจที่จะกระโดดน้ำให้ตายไป ด้วยเสียใจที่ถูกบังคับและเสียใจที่ท่านพ่อท่านแม่ทำราวกับข้ามิใช่ลูก เพราะว่าข้าเกิดมาเป็นคนอัปลักษณ์ แต่ผู้ใดจะคาดคิดว่าในขณะที่ร่างของข้าลอยออกไปและกำลังจะหมดลมหายใจ กลับมีคนผู้หนึ่งมาดึงข้าขึ้นจากน้ำ…”“คนผู้นั้นนอกจากจะไม่รังเกียจข้า ยังให้กำลังใจและยอมรับทุกอย่างที่ข้าเป็นอย่างไม่นึกรังเกียจ เขาพาข้าเดินทางมาเริ่มชีวิตใหม่ที่เมืองหลวง รู้ตัวอีกทีก็มีบุตรกับเขาสองคนเสียแล้ว” ชุนเยว่ลูบท้องของตนไปมา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรักใคร่และความสุขยามพูดถึงสามีที่รออยู
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ)ปกติหญิงสาวมักจะไม่ปล่อยเรื่องราวพวกนี้ไปโดยง่าย แต่เหตุใดวันนี้จึงได้เอาแต่ยกยิ้มแปลก ๆ อยู่เช่นนั้น ทว่า“จัดการอยู่เบื้องหลังสนุกกว่าอยู่เบื้องหน้าอีกนะเจ้าคะท่านพี่” เมื่อได้ยินภรรยากล่าวเช่นนั้นเขาก็รู้แล้วว่าทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างตาเห็น เมืองหนี่หรู่เป็นเมืองสุดท้ายที่พวกเขาจะบริจาคสิ่งของ แล้วจากนั้นก็จะได้เดินทางกลับเมืองหลวงเสียที ก่อนที่จะเดินทางกลับจึงเป็นเวลาที่พวกเขาจะได้ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนกันก่อน แน่นอนว่าสองสามีภรรยาแห่งจวนตระกูลซ่งนั้นเลือกที่จะไปรำลึกความหลังกันที่บ้านเช่าหลังนั้น… พวกเขาได้ขอเช่าจากเจ้าของบ้านเป็นเวลาสามวันและให้บ่าวรับใช้ไปปัดกวาดเช็ดถูก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเข้าไปอยู่ “ท่านพี่ อ๊ะตรงนั้นไม่ได้นะเจ้าคะ” เสียงหวานเอ่ยทักท้วงก่อนที่จะน้ำเสียงจะแปรเปลี่ยนเป็นความเย้ายวนบางประการเมื่อสามีพยายามสัมผัสจุดอ่อนไหวของนาง ซ่งเยี่ยนซีเอาวนอยู่กับร่างกายหอมของภรรยาอย่างไม่รู้เบื่อพวกเขาใช้เวลาอยู่ที่บ้านเช่าหลังนั้นอย่างเต็มที่และคุ้มค่ามากที่สุด องค์รัชทายาทที่รู้ว่าสหายและภรรยานั้นหนีไปทำอันใดกันก็ได้แต่เขี่ย
ตอนที่[36]บทสรุปความสุขที่หอมหวาน (ตอบจบ) ด้านเถาเจียที่ได้ยินคนพูดถึงชื่อของสตรีผู้หนึ่งที่ตนไม่ได้ยินมานานและไม่ชอบหน้าจนกระทั่งกุข่าวลือที่ไม่ใช่เรื่องจริงเพื่อใส่ความอีกฝ่ายจนเกิดการแพร่กระจายออกไปช่วงหนึ่ง ก็ชะงักแข็งค้างไปครู่หนึ่ง เพราะความทรงจำครั้งล่าสุดจากสตรีผู้นี้ไม่ดีนัก ในค่ำคืนนั้นที่สตรีผู้นี้ย้อนกลับมาเล่นงานตน…‘ถ้าไม่อยากหน้าเน่าแล้วก็ปากเน่าก็อย่าเที่ยวเอาปากไปพูดจาสกปรกที่ใดอีก’ คำพูดนี้น่ากลัวนัก จากที่คิดว่าวันนี้จะได้ทำตัวโดดเด่นเพื่อไปเตะตาองค์รัชทายาทและซ่งกั๋วกงให้มากที่สุดก็เป็นอันต้องพับเก็บไป ได้แต่พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนมากที่สุด สตรีผู้นั้นจะได้ไม่เห็นนาง หากเป็นไปได้นางอยากจะกลับหมู่บ้านไปด้วยซ้ำ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถกลับได้ เพราะต้องรอรับของบริจาคก่อน ทั้งไม่มียานพาหนะกลับไปอีก “สตรีไร้น้ำใจผู้นั้นเหตุใดจึงได้ไปนั่งในรถม้าของผู้สูงศักดิ์เช่นนั้น” ชาวบ้านหมู่บ้านซินเฉียวผู้หนึ่งยังไม่หายสงสัย ที่จู่ ๆ เห็นเยว่จินมากับผู้สูงศักดิ์จึงพากันเอ่ยความสงสัยของตนออกมา ทว่ามีหนึ่งในชาวบ้านหมู่บ้านที่ได้ยินพวกเขากล่าวไม่ค่อยดีเท่าไรนักจึงได้รีบเอ่ยขึ้น
ตอนที่[35]การจากลา“ข้าขอบคุณเจ้าอีกครั้งนะนังหนูที่ช่วยเหลือข้า แม้เจ้าจะขี้บ่นและดื้อไปบ้าง แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามแต่โดยดี ไม่สิ ดีกว่าที่คาดไว้มาก ข้าต้องขอบคุณจริงๆ”“ก็ท่านชอบกวนอารมณ์ข้านี่เจ้าคะ แถมยังชอบให้ทำอะไรแปลก ๆ ด้วย” เยว่จินกล่าวพร้อมรอยยิ้มทว่าในใจรู้สึกวูบโหวงไม่น้อยที่คนตรงหน้ากำลังจะจากไป “เจ้าดูแลตัวเองด้วย เห็นหรือไม่ข้าบอกแล้วว่าเจ้าจะมีอนาคตที่ดี นี่ก็มีจริง ๆ ข้าไม่ได้ผิดคำพูดนะ” เขาเอ่ยเย้า“ไม่เปลี่ยนใจอยู่ต่อจริง ๆ หรือเจ้าคะ” ทว่าเซี่ยเยว่จินกลับกล่าวอีกเรื่อง“ไม่ได้แล้ว เบื้องบนเรียกตัวข้าแล้ว แต่หากมีโอกาสคงได้พบกันใหม่” “เช่นนั้นข้าขอให้ท่านพบแต่ความสงบสุขนะเจ้าคะ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด” เซี่ยเยว่จินกล่าวด้วยใบหน้าจริงจังนัยน์ตากลมโตเริ่มแดงเรื่อขึ้น“พูดเช่นนี้ก็เป็นด้วย ข้าแทบน้ำตาไหลแน่ะ” ทว่ากลับถูกเย้าอีกเสียได้“ท่านนี่นะ” เซี่ยเยว่จินส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ “เจ้าหนุ่มเยี่ยนซี ข้าเห็นเจ้ามาตั้งแต่เด็กและก็คิดว่าเจ้านั้นมีพรสวรรค์และเจ้าก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ด้วย ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือหลานชายข้ามาโดยตลอด” “เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย
ตอนที่[35]การจากลา อี้ห่าวเมื่อเห็นว่าคนที่เขารอคอยมาถึงเขาก็รีบหมุนตัวกลับไปก่อนที่จะเข้าไปสวมกอดคนทั้งสองทันที “พวกเจ้ามาแล้วหรือ เป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่”เมื่อได้ยินเสียงของผู้ที่จากไปนาน จิ้นกว่างฮ่องเต้ก็หลั่งน้ำตาออกมาทันที “เสด็จพ่อ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง แล้วที่นี่คือที่ใด ท่านอยู่ที่นี่มาตลอดเลยหรือ…” “ข้าสบายดี และใช่ข้าอยู่ที่นี่มาตลอด ยังไม่ได้ไปเกิดที่ใดเลย” “เพราะเหตุใดกันเล่า ทุกปีกระหม่อมจะต้องทำพิธีรำลึกถึงพระองค์ ขอให้พระองค์มีความสุขบนสรวงสวรรค์และที่นี่ใช่สวรรค์หรือไม่” “ไม่ใช่ที่นี่ไม่ใช่สวรรค์ ข้ามันเรียกว่าดินแดนอนันต์ซึ่งนี่เป็นของนังหนูเยว่จิน” จากนั้นเขาจึงค่อย ๆ เล่าเรื่องทุกอย่างให้ทั้งสองฟังโดยละเอียด “ข้ารอวันที่เยว่จินมาถึง เพื่อต้องการให้นางได้ช่วยเหลือเยี่ยนซี จากนั้นเขาจึงจะได้ไปช่วยเหลือพวกเจ้าได้” “เหตุใดจึงต้องเป็นเยี่ยนซีหรือเสด็จปู่” องค์ชายสามเอ่ยถามเสด็จปู่ของตนด้วยความไม่เข้าใจ เข้าใจว่าซ่งเยี่ยนซีคือผู้ช่วยคนสำคัญของเขา แต่เขารู้สึกว่ามันมีนัยที่มากกว่านั้น“หากไม่มีเยี่ยนซีพวกเจ้าจะผ่านเรื่องราวพวกนี้ไปไม่ได้” “เสด็จพ่อกล่าวว่าห
ตอนที่[34]วันมงคลที่รอคอยราวดังฝัน….ไม่นานก็มาถึงวันมงคลของนางกับพี่เยี่ยนซีเสียแล้ว ในตอนที่เข้าหอใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุราพร้อมทั้งมองนางด้วยแววตาฉ่ำเยิ้ม และหลังจากที่ดื่มสุรามงคลเขาก็เอาแต่พร่ำบอกรักนางซ้ำไปซ้ำมา“จินเออร์ พี่รักเจ้า รักเจ้ามากที่สุด รักแค่คนเดียวเท่านั้น เจ้าเป็นคนเดียวที่ไม่เคยรังเกียจพี่และดูแลพี่เป็นอย่างดีทั้งชีวิตนี้ คงหาสตรีเช่นเจ้าจากที่ใดไม่ได้อีก” นางถูกอ้อมกอดอันอบอุ่นจนถึงขั้นร้อนของเขาดึงเข้าไปสวมกอดเอาไว้แน่น เยว่จินในตอนแรกคิดว่าอยากจะช่วยเหลือเขาเพื่อให้ได้มีชีวิตดี ๆ ก็เท่านั้น แต่ต่อมาเพียงแค่ได้อยู่ใกล้ ได้สัมผัส ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันนางก็พบว่าตนเองใจเต้นแรงกับบุรุษผู้นี้นับครั้งไม่ถ้วน คิดอีกทีก็อยากอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปเช่นนี้เสียแล้ว “เช่นนั้นต่อไปก็ดูแลข้าให้ดี ๆ นะเจ้าคะ”“ด้วยชีวิตของพี่ พี่สัญญาว่าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด และจะมีเจ้าเพียงคนเดียวในชีวิตนี้” กล่าวจบไม่รอช้าชายหนุ่มก็โน้มใบหน้าลงประกบริมฝีปากของตนลงที่ริมฝีปากงามของเยว่จินด้วยความอ่อนโยน ค่อย ๆ ลิ้มรสความหอมหวานนั้นอย่างใจเย็น ก่อนที่ไม่นานจะแปรเปลี่ยนเป็นความดุดันด