ทั้งคู่ออกมาจากห้องน้ำ จนเวลาเลยเกือบมาถึงเย็น เพราะใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานพอสมควร และใช้เวลานานมากของทั้งคู่ ที่เสียเวลาทำอย่างอื่นมากกว่าการอาบน้ำนานพอสมควร เพราะหมอหนุ่มไม่ใช่แค่อาบน้ำอย่างเดียว
“ไม่ใส่ได้ไหมชุดนี้” ร่างสูงพูดขึ้นมา เมื่อหยิบชุดออกจากถุงแบรนด์ที่น้องสาวนำมาให้ แล้วมองกลับไปที่หญิงสาว
“ทำไมละคะ ก็นี้มันเป็นเสื้อผ้าของร้านปั้นหยาไม่ใช่เหรอ พิมว่าสวยดีออก” พิพิมถามขึ้นอย่างสงสัย เพราะนี้ก็เป็นเสื้อผ้าจากร้านน้องสาวเขาแท้ๆ แต่กลับไม่อยากให้เธอสวมใส่
“มันโป๊เกินไป” ร่างสูงบอก พร้อมกับจับชุดออกมากางดู แล้วหมุนไปมา
“แล้วไม่ให้ใส่ชุดนี้ จะให้พิมใส่ตัวไหนค่ะ หรือพี่มีชุดอื่นสำรอง” หญิงสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มงอนร่างสูง แล้วจ้องหน้าชายหนุ่มอย่างต้องการคำอธิบายที่ชัดเจน
“งั้นใส่ตัวนี้ก็แล้วกัน ตัวแสบเอาอะไรมาให้ก็ไม่รู้” ร่างสูงจำต้องยอม แล้วหยิบอีกตัวที่ดูเรียบร้อยที่สุด มาให้หญิงสาวได้สวมใส่
“หยาคงคิดว่า สาวๆของพี่ชายเธอ คงจะมีแต่ลุคแซ่บๆ เซ็กซี่กันมั้งค่ะ เลยเลือกชุดแบบนี้มาให้พิม เพราะหยาก็ไม่รู้นี้เนอะ ว่าเอามาให้พิมใส่” หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ประชดประชัน เพียงเล็กน้อย พร้อมกับจ้องมองดูปฏิกิริยาของร่างสูง
“สาวที่ไหนกัน พี่ไม่มีทั้งนั้นแหล่ะ มีแค่พิพิมคนเดียวครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก พร้อมกับช่วยหญิงสาวแต่งตัว
“...” หญิงสาวเอาแต่เงียบ แล้วมีใบหน้าที่สลดลงมาเล็กน้อย
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบไป” ร่างสูงถามขึ้นมา เมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่เงียบ เหมือนมีความกังวลไม่สบายใจอะไรสักอย่าง
“ไม่มีค่ะ เรารีบไปกันเถอะ” หญิงสาวตอบกลับไป แล้วรีบชวนร่างสูงออกไปทันที
คอนโดฯ (พิพิม)
เมื่อตกลงกันได้แล้ว ทั้งคู่จึงเดินทางมาที่คอนโดของหญิงสาวต่อ โดยที่ตะวันเกือบจะลับขอบฟ้าเอาเสียแล้ว
“พี่แวะไปหาหยาก่อนก็ได้น่ะ เดี๋ยวพิมจัดการเองได้” หญิงสาวพูดขึ้นมา เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงที่หน้าห้องของเธอ
“ไม่ดีกว่า เจอหน้ากันทีไร เป็นต้องเสียทรัพย์สินให้ตลอด” ร่างสูงเอ่ยบอก พร้อมกับส่งยิ้มมาให้แก่หญิงสาวตรงหน้า
หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ ให้กับความน่ารักของพี่น้องคู่นี้ แล้วส่งยิ้มบางๆ ออกมา พร้อมกับมือที่กดรหัสเปิดประตูห้องเข้าไปข้างในทันที
“พิมจ๋า...ลุงทีม” เสียงเล็กของอาเธอร์ดังออกมาทันที เมื่อประตูเปิดออก
“อาเธอร์!” หมอหนุ่มเรียกชื่อนั้นออกมา และก็ต้องแปลกใจ เพราะพึ่งจะเห็นกันเมื่อเช้า ที่น้องสาวพาไปด้วย แล้วบอกว่าเป็นลูกเพื่อน แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องของพิพิมได้
“อ้าวพิม...พี่ทีม ทำไมมาด้วยกันล่ะค่ะ แล้วนี้เสื้อผ้าที่หยาเอาไปให้เมื่อเช้านี้น่า อย่าบอกน่ะว่าพิพิมคือ...” ปั้นหยาเดินมาตามหลังของอาเธอ แล้วก็มองทั้งสองที่มาด้วยกัน พร้อมกับหันหน้าไปทางพี่ชายอย่างอยากรู้คำตอบที่ยืนยันอีกที เพื่อความแน่ใจ
“...แล้วอาเธอร์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันครับ” ทินกรพยักหน้าให้แก่น้องสาว แล้วหันมาถามอาเธอร์ที่ยืนทำหน้างงต่อ
“พี่เธอร์ อยู่ที่นี่ครับ อยู่กับแม่จ๋า” อาเธอร์เอ่ยตอบกับร่างสูง แล้วหันหน้าไปทางพิพิม ที่ตอนนี้ยังยืนอึ้ง ไม่รู้จะเริ่มอธิบายบอกตรงไหนก่อน
“อยู่กับแม่จ๋า” ทินกรเลิกคิ้วขึ้นถาม
“ครับ...นี่ไงครับ แม่จ๋าของพี่เธอร์” อาเธอร์เอ่ยตอบ พร้อมกับจับมือของพิพิมเอาไว้ แล้วหันมาบอกกับทินกรที่ตอนนี้ ยืนตัวแข็งทื่อจ้องหน้าพิพิมอยู่
“แม่จ๋าเหรอ” ทินกรถามเสียงเบา แต่สายตากับจ้องมองมายังพิพิมอย่างต้องการคำอธิบาย
“ครับ...แม่จ๋าของพี่เธอร์สวยไหมครับลุงทีม” อาเธอร์พูดโอ้อวดอย่างไร้เดียงสาออกมา
“...” ทินกรนิ่งเงียบ และไม่ยอมตอบอะไรออกมา
“ในเมื่อทั้งหมดก็รู้จักกันแล้ว งั้นก็ดีค่ะ หยาจะได้ไม่ต้องแนะนำ” เป็นปั้นหยาที่พูดขึ้นมา เพราะดูสถานการณ์ตรงนี้แล้ว เหมือนทั้งคู่จะมีคำถามที่อยากจะถามมากมาย
“หยา” ทินกรเรียกน้องสาว พร้อมกับส่งสายตาเชิงเป็นนัยๆ
“อ่อ...ถ้าอย่างนั้น พี่เธอร์ครับ เราไปเล่นที่ห้องหยาหยารอกันก่อนน่ะครับ ให้พิมจ๋ากับลุงทีมคุยกันก่อนน่ะ” เมื่อรู้ความหมายที่พี่ชายสื่อออกมา ปั้นหยาจึงหันไปชวนอาเธอร์ทันที
“ครับ” อาเธอร์ไม่สาวความยาว เดินออกไปตามที่ปั้นหยาบอกทันที อย่างว่าง่าย
ปัง
เมื่อเสียงประตูปิดลงจากคนทั้งสองที่ออกไปแล้วนั้น เหลือเพียงร่างสูงและหญิงสาวตรงหน้า ที่เอาแต่เงียบเมื่อตั้งแต่ที่เข้ามาภายในห้อง
“นี้มันเรื่องอะไรกันพิม” ร่างสูงหันมาถามหญิงสาวทันที เมื่อประตูห้องปิดลง และเริ่มเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแข็งขึ้นกว่าตอนแรก
“เอ่อ...คือว่า” หญิงสาวไม่รู้ตอบอย่างไร ได้แต่อ้ำอึ้งไม่กล้าพูดอะไรออกมา และก็ไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อนดี
“พูดมาสิพิม” ร่างสูงยกมือจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาว ให้หันมาเผชิญกัน พร้อมกับจี้ถามหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาทันที
“คะ...อาเธอร์คือลูกชายของพิมเองค่ะ” หญิงสาวจำต้องยอมรับ แล้วบอกความจริงกับร่างสูงออกไป ว่าเธอมีลูกชาย และไม่ทันที่หญิงสาวจะได้อธิบายบอกอะไรไป ร่างสูงกับสวนพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ลูกชายเหรอ” เสียงทุ้มถามย้ำกับคนตรงหน้าอีกที
“ค่ะ...” หญิงสาวพยักหน้ารับเชิงเป็นคำตอบที่ช่วยยืนยันอีกที
“ก็ไหนพิมบอกว่าไม่มีแฟนไง แล้วลูก...” ร่างสูงถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพราะในเมื่อเขาก็พิสูจน์มาแล้วว่าหญิงสาวไม่มีใคร แล้วลูกเกิดใครกัน จะเป็นลูกของเขา หรือว่าเธอไปมีลูกกับใครจากที่นอนกับเขา
“คะ พิมไม่มีแฟนจริงๆ” หญิงสาวเอ่ยตอบออกมาตามตรง เพราะเธอก็ไม่ได้มีแฟน หรือคบกับใครจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น คนที่พิมบอกว่าเขาคือทุกอย่างของชีวิตพิม ก็คือลูกสิน่ะ” ทินกรด่วนสรุปออกมาเองทันที ที่หญิงสาวเคยบอกไว้ว่า เธอมีคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ
“ค่ะ ลูกของพิมกับ พะ...” หญิงสาวพูดออกไปแบบไม่ทันที่จะจบประโยค ร่างสูงก็ถามสวนขึ้นมาเสียก่อน
“ใครคือพ่อของอาเธอร์” เสียงเข้มถามขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองใบหน้าของหญิงสาว อย่างต้องการคำตอบ และอยากได้ยินจากปากของ
คนที่อยากเจอที่สุด“แม่ปิ่น...มาได้ยังไงกันคระ...อาคิม อาพาย เออ. สะ สวัสดีครับ” ทินกรเอ่ยขึ้นถามอย่างตกใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไปที่ห้องพักฟื้นของอาเธอร์แต่เจอเข้ากับปิ่นลดา และต้องตกใจไปมากกว่านั้น เมื่อคนที่อยู่ภายในห้องมีทั้งคิมหันต์และพระพาย พ่อแม่ของพิพิมรวมอยู่ด้วย“พิพิม!” สองเสียงของคิมหันต์และพระพายเอ่ยขึ้นมาพร้อมกันทันที เมื่อเจอหน้าของลูกสาวที่เดินเข้ามาตามหลังของทินกร“พ่อจ๋า แม่จ๋า” พิพิมวิ่งเข้าไปสวมกอดท่านทั้งสองทันที หลังจากไม่ได้เจอหน้ากันนานนับ 5 ปี พร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินดั่งสายน้ำ“พิพิมลูกพ่อ” คิมหันต์เอ่ยขึ้นเบาๆ พร้อมกับลูบไปที่ศรีษะของลูกสาวอย่างอ่อนโยน และแสนคิดถึงมานาน“พิมจ๋าของแม่จ๋าไปอยู่ที่ไหนมาคะลูก” พระพายถามขึ้นพร้อมกับน้ำตาที่ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ไหลออกมาอาบทั้งสองแก้ม“พิมขอโทษค่ะ พ่อจ๋าแม่จ๋า พิมขอโทษ” พิพิมได้แต่เอ่ยคำว่าขอโทษเท่านั้น พร้อมกับเสียงสะอื้น“พิมจ๋า” เสียงเล็กของอาเธอร์ดังขึ้นมาจากห้องข้างใน เอ่ยเรียกชื่อของพิพิม ทุกคนจึงหันไปมองเป็นทางเดียวกันและเป็นทินกรเองที่รีบเดินเข้าไปหาอาเธอร์ทันที พิพิมจึงเดินเข้าไปตามหลัง ให้ทุกคนนั่งรอกันอยู่ที่ด้
ความจริงปารกฏ“หนูพิม ทำไมอยู่ที่นี่” หมอโปรดถามขึ้นมา เมื่อเดินมาถึงที่ แล้วเห็นพิพิมยืนอยู่ที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยกับลูกสาวเขา เพราะปั้นหยาแค่บอกว่าอาเธอร์เป็นลูกของเพื่อน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพื่อนคนไหน“พ่อโปรดรีบเข้าไปข้างในก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวก็รู้เรื่องทั้งหมดเอง” ปั้นหยารีบเอ่ยบอก เมื่อพ่อทำหน้าสงสัยอยู่ เพราะเธอก็พึ่งจะรู้เมื่อกี้นี้เองว่าอาเธอร์คือลูกของพิพิมกับพี่ชายเธอ“แค่เคสลูกเพื่อนน้องสาว กลับถึงขึ้นต้องโทรตามพ่อมาเลยเหรอ แถมยังให้เลือดเองด้วย” หมอโปรดพูดขึ้นมาทันที ที่ฌดินเข้าไปหาทินกร ที่นั่งให้เลือดอยู่อีกฝั่งหึ่งของห้องผ่าตัด“ลูกชายพิพิมครับ” ทินกรเอ่ยบอก โดยไม่ได้มองหน้าของพ่อ แต่กลับมองไปทางเด็กน้อยที่นอนรออยู่บนเตียง“อะไรน่ะ ลูกชายหนูพิม แล้วที่ให้เลือดนี้ ก็แสดงว่า...” หมอโปรดเลิกคิ้วขึ้นถาม อย่างตกใจ เมื่อรู้ว่าเด็กน้อยที่ปั้นหยาพามาคือลูกชายของพิพิม แล้วก็ต้องตกใจเมื่อนึกขึ้นมาได้ และมองไปยังลูกชายที่ยังอยู่ตรงนี้ อย่างต้องการคำตอบเพื่อความแน่ใจอีกที“ครับ” ทินกรตอบรับเพียงคำเดียว“แล้วทำไม ลูกไม่เป็นคนจัดการเองล่ะ” หมอโปรดถามลูกชายขึ้นมา“ทีมไม่กล้าครับ ก
เลือดเนื้อเชื้อไขช่วงสายของวันร่างสูงตื่นขึ้นมา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นมาไม่หยุด ทินกรลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ มองดูหญิงสาวที่ยังคงหลับสนิท แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย“ครับพ่อโปรด ทีมจะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ครับ” ทินกรรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นพ่อโทรมา แล้วรีบลุกขึ้นแต่งตัวอย่างรีบร้อน เดินทางออกไปยังโรงพยาบาลทันที เพราะพ่อโทรมาว่ามีเคสด่วน ปล่อยให้หญิงสาวได้พัก เขาจึงไม่ได้ปลุก แต่กลับสวมเสื้อเพียงตัวเดียวไว้ให้เธอโรงพยาบาลโยธินนารัตน์“มีเรื่องอะไรกันครับพ่อโปรด ตัวแสบทำไมอยู่ที่นี่” ทินกรรีบสวมเสื้อกาวน์อย่างรีบร้อน แล้วเดินออกมาถามพ่อที่อยู่ห้องทำงานทันที พร้อมกับต้องตกใจที่เห็นน้องสาวอยู่ที่นี่ด้วย“ทำไมมาเอาป่านนี้ หน้าตาดูไม่ได้เลย เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นเหรอ” เสียงทุ้มของหมอโปรดถามขึ้นมาทันที ที่เห็นลูกชายพึ่งจะเข้ามาที่ห้องเอาป่านนี้“มีปัญหานิดหน่อยครับ เดี๋ยวทีมเล่าให้ฟังทีมหลังน่ะ แล้วหยามาที่นี่ได้ยังไง” ทินกรเอ่ยบอกพ่อ แล้วหันหน้าไปถามน้องสาวที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย“อาเธอร์เกิดเรื่องค่ะ” ปั้นหยาเอ่ยบอกพี่ชาย และไม่ได้เล่ารายละเอียดให้ฟัง“อาเธอร์เหรอ อ่อ...ตัวแส
โดนเล่นงานNCภายในงานยังคงดำเนินการไปจนถึงดึก ทินกรให้การต้อนรับแก่นายอพทย์คนใหม่เป็นอย่างดี แต่ระหว่างที่พูดคุยทักทายกันนั้น สายตาก็พยายามที่จะมองหาพิพิมอยู่ตลอดเวลา“หมอทีมมองหาใครหรือครับ” นพดล นายแพทย์คนใหม่ถามขึ้นมา เมื่อคุยอยู่กับเขาแต่สายตาของทินกรกลับเอาแต่มองหาใครบางคนอยู่ตลอดเวลา“เปล่าหรอกครับ...หมอนพดื่มได้เลยน่ะครับ พอดีผมขับรถมาเอง ดื่มไม่ได้ครับ” ทินกรตอบกลับไป และพยายามปฏิเสธรับเครื่องดื่มทุกชนิดที่ทุกคนยื่นให้“พยาบาลที่นี่...มีแต่สาวสวยๆกันทั้งนั้นเลยนะครับ แบบนี้พอจะมีคนไหนว่าง ที่พอจะเข้าตาผมบ้างไหม หรือว่าหมอทีมมีใครที่อยากจะแนะนำผมเป็นพิเศษบ้างหรือเปล่าครับ” นพดลพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับสายตาที่กวาดมองดูเหล่าบรรดาพยาบาลสาวสวยที่อยู่ภายในงานนี้“เรื่องนี้...ผมขอปฏิเสธก่อนเลยครับ” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับสายตาที่ไปสะดุดเข้ากับหญิงสาวรายหนึ่งที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งก็เป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากพิพิม ที่กำลังเดินออกไปทางด้านนอก“...” นพดลไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กลับยกเครื่องดื่มขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย พอให้เป็นพิธี“ผมขอตัวก่อนนะครับ...” ทินกรรีบขอตัวลาทันที เมื่อสายตาเห็นพิพิ
หมอคนใหม่วันนี้ทินกรกลับเข้ามาทำงานที่โรงพยาบาลแล้ว หลังจากที่พาพิพิมไปต่างจังหวัดมาสองวัน แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยังไม่คืบหน้าไปไหน เพราะพิพิมเอาแต่คอยหลบหน้า ส่วนเขาก็พยายามหาโอกาสที่จะอยู่กันตามลำพังกับหญิงสาวทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ว่าพิพิมก็ไม่ยอมเอาเพื่อนมาช่วยอ้างตลอด“เป็นยังไงบ้างทีม ไปต่างจังหวัดมา” หมอโปรดถามขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาภายในห้องคือทินกรนั้นเอง“เฮ้อ...เหมือนเดิมครับ พึ่งจะมารู้ ว่าการที่จะจีบเมียตัวเองนี้ยากเอาเรื่องอยู่เหมือนกันน่ะครับ” เสียงถอนหายใจยาวของทินกร เมื่อทิ้งตัวลงยังโชฟาตัวยาว พร้อมกับเอ่ยออกมาอย่างคนสิ้นหวัง“หึ...แค่นี้ก็หมดหวังแล้ว ไม่มีความอดทนเอาเสียเลย” หมอโปรดพูดแซวขึ้นมา พร้อมกับส่ายหน้าให้เพียงเล็กน้อย ที่ลูกชายไม่มีความอดทน หรือพยายามเอาเสียเลย“แล้วทีมต้องทำยังไงครับ ก็พิพิมไม่ยอมเปิดโอกาสให้ทีมเลย” ทินกรพูดขึ้น พร้อมกับหันหน้าไปขอความเห็นจากคนเป็นพ่อ“แล้วลองพยายามดูยัง” หมอโปรดถามขึ้นมา พร้อมกับจ้องมองหน้านิ่ง“...” ทินกรได้แต่ส่ายหน้า แล้วก้มหน้าไม่พูดไม่จา อะไรใดๆตอบ“วันนี้ ตอนเย็นมีการจัดเลี้ยงต้อนรับหมอคนใหม่ข
ผู้บ่าวมู่(แฟนเพื่อน)ณ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(ภาคอีสาน)ทั้งคู่เดินทางมาถึงที่นี่ ท้องฟ้าก็เกือบจะสว่างแล้ว โดยที่ไม่ได้หยุดพัก หรือแวะกลางทางเลยแม้แต่น้อย เพราะพิพิมเป็นห่วงที่เพื่อนพึ่งจะต้องสูญเสียพ่อกับแม่ไป“มีน...” พิพิมเอ่ยเรียกเพื่อนสาวขึ้นมาทันที ที่เดินทางมาถึงยังวัดตามที่อมีนาได้บอกเอาไว้“พิม...” อมีนาหันกลับไปตามเสียงเรียกของเพื่อนสาว แล้วโผล่เข้าสวมกอดพิพิม แล้วร้องไห้ออกมาทันที โดยไม่อายใครเลยแม้แต่น้อย“มีน...เข้มแข็งไว้เด้อ พ่อกับแม่เลาไปสบายแล้ว เฮาเสียใจนำเด้อ แล้วกะขอโทษนำเด้อที่มาบ่ทันเผา” (มีน...เข้มแข็งไว้นะ พ่อกับแม่ท่านไปสบายแล้ว เราเสียใจด้วยนะ แล้วก็ขอโทษด้วยนะที่มาไม่ทันเผา) พิพิมเอ่ยปลอบเพื่อน พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนกัน“ขอบใจโตหลายๆเด้อพิม...แล้วนี้”(ขอบใจเธอมากไปน่ะพิม...แล้วนี้) อมีนาทำท่าทางงงขึ้นมาทันที เมื่อเห็นหนุ่มหล่อร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังของพิพิม เพื่อนของเธอ“อ่อ...อ้ายทีม เพิ้นขับรถมาส่งเฮา”(อ๋อ...พี่ทีม เขาขับรถมาส่งเรา) พิพิมเอ่ยบอกเพื่อนสาว แต่ไม่ได้บอกทั้งหมดว่าทินกรนั้นเป็นใคร“สวัสดีจ้า...ซื่อมีนเด้อจ้า เป็นมู่กับพิม”(สวัสดีค่ะ