ณ โรงเรียนมัธยมของเอกชน
“พิม...” เสียงเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว เมือเห็นว่าหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้านไปฉลองวันจบการศึกษาพอดี
และวันนี้ ก็เป็นวันที่ชายหนุ่มพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่พ่อส่งตัวให้ไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง แต่วันนี้เจ้าแอบบินกลับมาเพื่อที่จะมาแสดงความยินดีกับหญิงสาวแทน
“พี่ทีม...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่ม
“พี่พึ่งจะลงจากเครื่องมา...ก็แวะมารับเรานี้แหล่ะ ไปกันได้แล้ว ทุกคนรออยู่ที่ร้านแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอก
“...” หญิงสาวไม่รอช้ารีบขึ้นรถของชายหนุ่มไปทันที
“อยากกินไร...วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” เสียงนุ่มเอ่ยบอกเมื่อเข้ามาถึงที่ร้าน
“วันนี้พิมจะกินให้พุงกาง...อ้วนเป็นหมูไปเลย” พิพิมพูดขึ้นมา พร้อมกับทำตาลุกว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่มาเสิร์ฟ
เมื่อภาคินน้องชายของพิพิมขอตัวกลับไปก่อน เพราะไม่ค่อยชอบทานอะไรพวกนี้ แต่ที่จริงแล้วคือข้ออ้างอีกตาม คงจะแอบหนีไปเล่นเกมตามประสาผู้ชายนั้นแหล่ะ
ส่วนปั้นหยา ก็นัดฉลองกันกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ จึงทิ้งให้พิพิมอยู่กับพี่ชายของเธอแทน แล้วยังเป็นคนโทรขออนุญาตพ่อกับแม่ของหญิงสาวว่าให้ค้างมากับเธออีกด้วย
แต่ก็รอจนแล้วจนเล่า ปั้นหยาก็ไม่กลับมาสักที ทินกรจึงพาพิพิมเข้าไปรอที่คอนโดเขาแทน เพราะนี้ก็ดึกมากแล้ว น้องสาวก็ยังไม่ยอมมารับหญิงสาวสักที แถมยังติดต่อไม่ได้อีก
รอจนดึก จนคนที่บ้านได้โทรศัพท์มาบอกกับทินกรว่าน้องสาวถึงที่บ้านแล้ว และตอนนี้ก็ขึ้นนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
“หยาหลับไปแล้ว แล้วเราจะเอายังไง ให้พี่ไปส่งที่บ้านไหม...” ทินกรหันมาถามความจากหญิงสาว เมื่อวางสายโทรศัพท์ลง
“แต่นี้มันดึกแล้วน่ะค่ะ...อีกอย่างพี่ก็ดื่มด้วย แถมเหมือนจะเมาอีก” พิพิมเอ่ยบอก แถมทำท่าทางเอามือขึ้นปิดจมูกของตัวเองอีก
“ถ้าอย่างนั้น...พิมเข้าไปนอนที่ห้องเถอะ แล้วล็อคห้องไว้ดีๆด้วยล่ะ” ทินกรเอ่ยบอกหญิงสาวให้รีบเข้านอน
“ทำไมต้องล็อคห้องด้วยค่ะ...ก็ในเมื่อพี่ก็อยู่ด้วย คงไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความใสซื่อ เพราะไม่รู้ถึงความหมายที่ชายหนุ่มสื่อออกมา
“หึ...เด็กน้อยเอ้ย” ทินกรเค้นหัวเราะ ในความไร้เดียงสาของหญิงสาวตรงหน้า และกำลังจะเดินออกไป
“อ่อ พิมลืมไป ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง” หญิงสาวพูดขึ้นมาเมื่อพึ่งจะนึกอะไรขึ้นได้
“...” ทินกรหยุดฝีเท้า แล้วหันกลับมามองหน้าหญิงสาว อย่างรอคำตอบ
“Happy Valentine's Day น่ะค่ะ พี่ทีม...พิมไม่มีอะไรให้พี่หรอกน่ะ...” เสียงหวานเอ่ยขึ้นบอกทันที
“มีสิ...”
“อะไรเหรอ อื้อ...” หญิงสาวถามไม่ทันจะจบประโยค ชายหนุ่มก็คว้าร่างเธอเข้ามาชิงจูบทันทีอย่างรวดเร็ว เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เขาควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ อุ้มหญิงสาวเข้าห้องนอนอย่างรวดเร็วทันที
“เป็นของพี่น่ะครับ...” เสียงกระเส่าเอ่ยถาม เมื่อวางหญิงสาวลงบนเตียง แล้วคร่อมทับตัวเธอเอาไว้
“พี่ทีม...พี่เมามากแล้วน่ะ ช่วยมีสติหน่อยสิ พี่อื้อ...” หญิงสาวพยายามเอ่ยเตือนสติชายหนุ่ม และดันร่างของชายหนุ่มออก แต่ด้วยแรงอันน้อยนิด จึงสู้แรงของชายหนุ่มไม่ได้ เพราะด้วยอารมณ์จูบที่ปนไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้ง ทำให้เธอเผลอคล้อยตามไปกับชายหนุ่ม
“พี่ทนไม่ไหวอีกแล้ว...ให้พี่ได้เป็นคนแรกของพิมน่ะ” เสียงนุ่มของชายหนุ่มเอ่ยขออนุญาตขึ้นมาอีกครั้ง
“...” หญิงสาวที่ตอนนี้ไม่ตอบอะไร และปฏิเสธไม่ได้ จึงพยักหน้ารับเชิงเป็นคำตอบแทน
ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจนหมดสิ้น แล้วตามด้วยเสื้อผ้าของเขาต่ออย่างรีบร้อน
ชายหนุ่มก้มลงมาคร่อมทับหญิงสาวอีกครั้ง แล้วซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว มือหนานกขึ้นมาบีบหน้าอกของหญิงสาวขนาดไม่ใหญ่มากนักลงไปอย่างหมั่นเขี้ยว
“อ๊ะ...พี่ทีม” เสียงหวานของหญิงสาวร้องออกมา เมื่อถูกลุกลานไปทั่วร่างกาย เมื่อชายหนุ่มใช้ปากปรนเปรอไปทั่วทุกส่วน
มือหนาจับชักแก่นกายของตัวเองขนาดเกือบเท่าข้อมือของหญิงสาว จ่อไปยังกลีบกุหลาบที่อาบไปด้วยน้ำมันวาววับ
กึก กึก กึก
สวบ
“กรี๊ดดด...” เสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นมา เมื่อแก่นกายได้เข้าไปที่เดียวจนสุด
“อ่าห์...” เสียงกระเส่าอย่างสุขสมดังขึ้นมา พร้อมกับความเจ็บปวดเพียงไม่น้อย ทำให้ตอนนี้ ทินกรสร่างเมาทันที และก็ต้องตกใจไม่น้อยที่ตัวเองเผลอทำรุนแรงกลับหญิงสาว
“เอาออกไปได้ไหม...พิมเจ็บ” เสียงสะอื้นของหญิงสาวเอ่ยบอกอย่างเจ็บปวด
“พี่ก็เจ็บครับ...แต่พี่ถอยไม่ได้แล้ว พี่ขอโทษครับ ที่เผลอทำกับพิมแรงไปหน่อย พิมครับ มองหน้าพี่น่ะที่รัก” เสียงนุ่มเอ่ยขอโทษขึ้นทันทีด้วยความรู้สึกผิด
“ฮือ...พิมไม่เอาแล้ว พิมเจ็บ” หญิงสาวเริ่มร้องงอแงออกมา พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“พิม...พิมเป็นของพี่แล้วน่ะ และพี่ก็เป็นของพิมเหมือนกัน เราเป็นของกันและกันไงที่รัก” เสียงกระเส่าพยายามเอ่ยปลอบประโลม
“พี่ทีม...พี่เมามาก พี่รู้ตัวไหมว่าพี่พูดอะไรออกมา” หญิงสาวขึ้นเสียงตะคอกใส่ เพื่อเรียกสติของชายหนุ่ม
“พี่รู้ตัวครับ...ว่าตอนนี้พี่ทำอะไรลงไป พี่ไม่ได้เมาแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับจ้องหน้าของหญิงสาวอย่างแน่วแน่
“พิมไม่เชื่อ...อ๊ะ” หญิงสาวเริ่มดิ้น แต่ก็ต้องร้องออกมาเมื่อโดนชายหนุ่มดันแก่นกายเข้ามาลึกกว่าเดิมอีก
“อย่าเกร็งครับ...ปล่อยตัวตามสบาย ปล่อยอารมณ์ไปกับพี่น่ะ” เสียงนุ่มเอ่ยปลอบอีกครั้ง
แล้วชายหนุ่มก็เริ่มสอนบบทเพลงรักให้แก่หญิงสาวทันที โดยไม่รึว่าจะจบลงตอนไหน และครั้งที่เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่
จนกระทั้งรุ่งเช้าชายหนุ่มตื่นขึ้นมา จึงพบกับความว่างเปล่า เพราะหญิงสาวหายออกไปแล้ว แค่ยังคงทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เขาดูต่างหน้าคือ รอยคราบเลือดอันบริสุทธิ์ที่ผสมกับน้ำรักไหลเปื้อนบนที่นอนเป็นบริเวณกว้าง
“แสบนักน่ะ...หนีออกไปไม่บอกไม่ลาสักคำ”
บทพิสูจน์ทั้งสามยังคงนั่งดื่มกันอยู่ที่เดิม พร้อมกับพูดคุยกันอยู่ที่เดิม และเหมือนฝันหญิงสาว เพียงคนเดียวที่อยู่ภายในห้อง ยังคงเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เอาแต่คอยชงเหล้าให้กับสามีของเธอ“กูหมายถึง พิพิมมาฝึกงานที่โรงพยาบาล ซึ่งกูเป็นคนดูแลอยู่ตอนนี้ แล้วเธอก็ยังเป็นนักศึกษาทุนของพ่อกูเอง แถมพักอยู่ที่คอนโดเดียวกันกับปั้นหยาอีกด้วย” ทินกรบอกออกไปตามความจริง เพราะเขาไม่คิดที่จะปิดบังเพื่อนอยู่แล้ว“แบบนี้ ยิ่งพิสูจน์ง่ายเลยเพื่อน ว่าน้องเขามีแฟนหรือไม่มี” คามินเริ่มคิดอะไรขึ้นมาออก พร้อมกับสายตาที่มีเล่ห์เหลี่ยม“แต่กูได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ เรียกชื่อผู้ชายน่ะเว้ย” ทินกรพูดบอก เพราะเขาได้ยินเธอเรียกพี่เธอร์ แถมยังพูดครับ บอกคิดถึงอีก“แค่ได้ยิน แล้วมึงเห็นกับตาหรือยัง” คามินสาดคำถามกลับทันที“ยัง กูแค่ไปส่งเธอที่คอนโด ไม่ได้ขึ้นไป เพราะกลัวจะเห็นอะไรไม่ดีเข้า เผลอๆเธออาจจะอยู่กับแฟนก็ได้ใครจะไปรู้” ทินกรเอ่ยบอกออกไปตามตรง ตามที่เขาคิด“ถ้ากูแนะนำวิธีที่กูคิดไว้ มึงจะทำตามที่กูบอกไหมเพื่อน” คามินเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ ถามทินกรกลับไปอย่างอยากรู้คำตอบทันที“วิธีอะไรของมึง” ทินกรหน้
ความเจ็บปวดที่ได้รับกลับมาที่ปัจจุบัน“โดนขนาดนั้น...ทำไมถึงลุกหนีพี่ไปได้อีก” เสียงนุ่มเอ่ยถาม พร้อมกับจ้องมองหน้าอย่างต้องการคำตอบ“...” หญิงสาวไม่ตอบอะไรออกมา ได้แต่ก้มหน้าหนี ไม่กล้าสบตากับหมอหนุ่ม“รู้ไหมว่าพี่รู้สึกยังไง...ตอนตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพิม พี่รู้สึกว่าตัวเองโดนฟันแล้วถูกทิ้งยังไงก็ไม่รู้” เสียงนุ่มพูดออกมาอีกครั้ง“นี้พี่จำได้ทุกอย่างเลยจริงเหรอ...” หญิงสาวถามขึ้น เพราะเธอยังสงสัยว่า เขาเมา แต่ทำไมเขาจำทุกอย่างได้หมดเลย“พี่ก็บอกแล้วไง...ว่าหายเมาแล้ว ตอนเสียบแล้วเจ็บนั้นแหล่ะ” หมอหนุ่มย้ำคำพูดออกมาอีกครั้ง และกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวในประโยคหลัง“พี่ทีม...ถอยออกไปเลยน่ะ” หญิงสาวตาลุกวาว แล้วรีบดันร่างสูงออกห่างจากตัวเธอตอนนี้ เพราะเธอเริ่มหน้าแดงขึ้นมา เมื่อหมอหนุ่มพูดถึงเรื่องนี้ออกมาอย่างไม่อาย“แค่รหัสเข้าห้องก็พอจะทำให้พิมรู้อะไรขึ้นมาบ้างแล้ว ใช่ไหม” ร่างสูงไม่พูดเปล่า รีบจับร่างของหญิงสาวให้นอนราบไปกับที่นอนทันที“ว้าย...พี่จะทำอะไร” หญิงสาวที่ตกใจ อยู่ตอนนี้ร้องออกมาทันที เมื่อร่างสูงขึ้นมาคร่อมเธอเอาไว้“เรามาทบทวนความหลังหน่อยไหม...” ร่างสูงจ้องมองด้วยแววตา
อดีตและความทรงจำที่ดี NCย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีก่อน 14/02/2019ณ โรงเรียนมัธยมของเอกชน“พิม...” เสียงเอ่ยเรียกชื่อหญิงสาว เมือเห็นว่าหญิงสาวเดินออกมาด้านนอกเพื่อที่จะกลับบ้านไปฉลองวันจบการศึกษาพอดีและวันนี้ ก็เป็นวันที่ชายหนุ่มพึ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ หลังจากที่พ่อส่งตัวให้ไปเรียนแพทย์เฉพาะทาง แต่วันนี้เจ้าแอบบินกลับมาเพื่อที่จะมาแสดงความยินดีกับหญิงสาวแทน“พี่ทีม...มาตั้งแต่เมื่อไหร่ค่ะ” หญิงสาวถามขึ้นอย่างดีใจที่ได้เห็นชายหนุ่ม“พี่พึ่งจะลงจากเครื่องมา...ก็แวะมารับเรานี้แหล่ะ ไปกันได้แล้ว ทุกคนรออยู่ที่ร้านแล้ว” เสียงนุ่มเอ่ยบอก“...” หญิงสาวไม่รอช้ารีบขึ้นรถของชายหนุ่มไปทันที“อยากกินไร...วันนี้ป๋าเลี้ยงไม่อั้น” เสียงนุ่มเอ่ยบอกเมื่อเข้ามาถึงที่ร้าน“วันนี้พิมจะกินให้พุงกาง...อ้วนเป็นหมูไปเลย” พิพิมพูดขึ้นมา พร้อมกับทำตาลุกว่าเมื่อเห็นอาหารตรงหน้าที่มาเสิร์ฟเมื่อภาคินน้องชายของพิพิมขอตัวกลับไปก่อน เพราะไม่ค่อยชอบทานอะไรพวกนี้ แต่ที่จริงแล้วคือข้ออ้างอีกตาม คงจะแอบหนีไปเล่นเกมตามประสาผู้ชายนั้นแหล่ะส่วนปั้นหยา ก็นัดฉลองกันกับเพื่อนในชั้นเรียนต่อ จึงทิ้งให้พิพิมอยู่กับพี่ชายของเธอแ
วันแห่งความทรงจำที่ดีพิพิมรีบคว้าเอาแฟ้มไปอย่างเร่งรีบ แล้วเดินตามทินกรออกไปทันที ทั้งกึ่งวิ่งกึ่งเดิน เพื่อให้ทันกับหมอหนุ่ม ที่ก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าลิฟต์แล้ว ต่างกับเธอที่ทั้งก้าวเท้าสับๆ แทบไม่ทัน“...” หญิงสาวได้แต่หอบเหนื่อย เมื่อเข้ามาภายในลิฟต์ และมีอาการเท้าสั่นเพียงเล็กน้อย เพราะรีบตามทินกรมากไปหน่อยมือหน้าของหมอหนุ่มยื่นออกไปคว้า เอาแฟ้มที่พิพิมกอดไว้แนบอกกลับมาเป็นฝ่ายถือเสียเอง เพราะเห็นหญิงสาวมัวแต่ยืนหอบอยู่ติ๊ง!เมื่อลิฟต์เลื่อนขึ้นมาถึงยังชั้นเป้าหมาย พิพิมได้แต่ยืนนิ่งและไม่ยอมก้าวขาออกจากลิฟต์ ตามร่างสูงไป เพราะตอนนี้ขาเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาเสียดื้อๆ จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ เพื่อเก็บอาการเอาไว้ และไม่กล้าที่จะขยับเพราะกลัวจะล้มเอาทางด้านหมอหนุ่ม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ยอมก้าวออกมาจากลิฟต์ จึงได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วเดินกลับเข้าไปที่ลิฟต์คืน และไม่พูดอะไรอุ้มหญิงสาวขึ้นมาในท่าเจ้าสาวทันที เขาก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าหญิงสาวเป็นอะไร หากให้เดาถ้ารองเท้าไม่กัด ก็คงจะเหน็บชาที่ขา“หึ...ยังเป็นเหมือนเดิมเลยน่ะ นิสัยไม่เคยเปลี่ยน” หมอหนุ่มเค้นหัวเราะออกมา พร้อมกับส่ายหน้าเ
ถูกกลั่นแกล้งพิพิมที่ได้เวลาพักกลางวัน หญิงสาวก็เดินมายังโรงอาหารของทางโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้หาอะทานเหมือนบุคลากรท่านอื่นๆ ขณะที่เธอเดินเข้ายังโรงอาหาร ก็มีทุกสายตาจ้องมองมาที่เธอตั้งมากมาย จนเธอต้องทนฝืนเดินไปสั่งอาหาร“ใช้บัตรนี้ครับ” เสียงเข้มของหมอหนุ่มเอ่ยขึ้น พร้อมกับยื่นบัตรที่ใช้สำหรับใช้ในการสั่งอาหารของรงพยาบาลแห่งนี้ เพราะเมื่อเขาเดินตามหญิงสาวมาตั้งแต่แรก จึงมั่นใจแล้วว่า เธอไม่มีบัตรแน่นอน เพราะเธอพึ่งจะมาที่นี่เป็นวันแรก จึงใช้บัตรเขาแทนและรับจานข้าวของหญิงสาวมา“เอ่อ...ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวมองหน้าร่างสูง แล้วรับจานข้าวกลับมาจากมือของหมอหนุ่มที่ยื่นมาให้ แล้วก็เดินออกหาที่นั่งทานแบบเงียบๆทินกรเมื่อเห็นหญิงสาวเดินออกไปแล้ว จึงได้เดินไปสั่งน้ำมาให้แก่หญิงสาว เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่ได้น้ำดื่ม แล้วร่างสูงก็เดินไปหาหญิงสาว ที่นั่งทานข้าวเงียบๆทันที“เดี๋ยวค่ะ...จะพาพิมไปไหน” หญิงสาวเอ่ยถาม แล้วทหน้าอย่างไม่เข้าใจทันที ที่จู่ๆ ทินกรก็มาคว้ามือของเธอแล้วพาเดินออกไป“...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรตอบ แต่กลับจูงมือของหญิงสาวให้เดินตามเขาไป“จะพาพิมไปไหนค่ะ พิมยังทานข้าวไม่เสร็จเลยน่ะ” หญิ
เผชิญหน้า“พิพิม!...”“...” หญิงสาวตาค้างทันที ที่ได้เจอกับชายหนุ่มอีกครั้ง ยืนตัวแข็งจนทำตัวไม่ถูก เพราะไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน“นี้ ทำหน้าตกใจกัน อย่าบอกน่ะว่า...ไม่เคยติดต่อกันเลย...” หมอโปรดถามขึ้น เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองต่างตกใจ ที่ได้เจอหน้ากันและกัน“...” ทินกรได้แต่พยักหน้ารับ และจ้องมองไปที่ใบหน้าหวานของพิพิม อย่างไม่อยากล่ะสายตาเลยแม้แต่น้อย และมีคำถามในใจอยู่มากมายที่อยากจะถาม“ถ้าอย่างนั่น...ก็คุยกันไปน่ะ เดี๋ยวลุงจะออกไปหาอะไรดื่มข้างนอกเสียหน่อย” หมอโปรดพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่ต่างอยากมีคำถามต่อกัน“หายไปไหนมาตั้ง 5 ปี” ทินกรยิงคำถามใส่ทันที เมื่ออยู่กันตามลำพัง และเห็นว่าพ่อเดินออกไปจากห้องนี้แล้ว“พะ พิมก็ไปเรียนต่อยังไงล่ะค่ะ...” พิพิมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงที่ตะกุกตะกัก กล้าๆกลัวๆ และไม่กล้าสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า“แค่เรียนเหรอ...” เสียงนุ่มของทินกรเอ่ยถาม แล้วย่างก้าวเข้าไปใกลๆหาหญิงสาวทันที“...” พิพิมถอยออกห่างเล็กน้อย และไม่ได้เอ่ยตอบอะไร แถมยังหลบสายตาของร่างสูงตรงหน้าอีก เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน“แล้วทำไม...ไม่ส่งข่าวใครๆบ้างเลย เล่นหายไปดื้อๆแ