รวิวรรณมองบุตรสาวที่หมุนตัวไปมาอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ด้วยแววตารักใคร่ มะรืนนี้เป็นวันหมั้นหมายแล้ว ดูท่าทางเจ้าตัวจะตื่นเต้นมาก เพราะทันทีที่เธอกลับมาถึงบ้าน บุตรสาวสุดที่รักก็ดึงมือชวนไปดูชุดที่ภีมพลซื้อให้ อีกทั้งยังทดลองทำผมหลายทรงแล้วถามความเห็นมารดาอย่างตนด้วยว่าทรงไหนสวยที่สุด
“คุณแม่ว่าน้องอายทำผมเป็นลอนดีไหมคะ จะได้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาอีกนิด ถ่ายรูปออกมาจะได้สวยด้วย” เสียงเจื้อยแจ้วของรวิชาเรียกรอยยิ้มของคนที่กำลังเดินเข้ามาใหม่ได้ไม่น้อย
“ลูกสาวของพ่อ ทำทรงไหนก็สวยทั้งนั้นแหละ”
อาทิตย์นั่งลงข้างภรรยาพร้อมกับหันไปยิ้มให้กันอย่างเห็นเป็นเรื่องขบขัน ใครกันหนอที่หน้าหงิกหน้างอไม่อยากหมั้นกับคนแก่ แล้วดูตอนนี้สิ ตื่นเต้นจนแทบนั่งไม่ติด
“แต่น้องอายก็อยากได้ทรงที่สวยที่สุดนี่นา เอางี้ดีกว่า ในสายตาของคุณพ่อ คุณพ่อว่าทรงไหนดีคะ ระหว่างมัดรวบไว้สูง ๆ หรือม้วนเป็นลอน หรือว่าปล่อยยาวตรงลงมาธรรมดา ๆ ไม่ต้องทำอะไรกับมัน”
อาทิตย์ทำทีเป็นครุ่นคิดทั้งที่ในใจอยากจะหัวเราะออกมาเต็มที่ แต่ไม่อยากให้บุตรสาวงอนเพราะความขัดเขิน
“พ่อว่าปล่อยยาวลงมาธรรมดาก็พอมั้ง ดูธรรมชาติดีนะ”
“แต่น้องอายว่าม้วนเป็นลอนดีกว่านะคะดูเป็นผู้ใหญ่ดี คุณแม่ว่าไหม”
ฟังคำตอบของบุตรสาวแล้วคนเป็นพ่อแม่ก็ได้แต่อมยิ้มพลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดู รวิชามักเป็นอย่างนี้เสมอเวลาที่ต้องการความเห็นจากคนอื่น ถ้าตัวเองมีคำตอบอยู่ในใจแล้วก็ไม่วายถามคนนั้นคนนี้เพื่อเสริมความมั่นใจ แต่ถ้าคำตอบที่ได้ไม่ตรงกับสิ่งที่คิดเอาไว้ เจ้าตัวก็ยังจะยืนยันในสิ่งที่ตัวเองคิดและเลือกเอาไว้แต่แรกอยู่ดี
“คืนนี้คุณแม่นอนห้องน้องอายนะคะ...นะคะคุณแม่ น้องอายไม่ได้นอนกับคุณแม่นานแล้วนะ เสียดายเตียงน้องอายเล็กไปหน่อย ไม่งั้นจะให้คุณพ่อมานอนด้วยกัน” รวิชาเดินกอดเอวของบิดาอย่างออดอ้อน เพราะกลัวว่าบิดาจะน้อยใจที่ตนไม่ชวนนอนห้องเดียวกันเหมือนชวนคุณแม่
“รีบนอนกันเถอะครับสาว ๆ เดี๋ยวขอบตาดำแล้วจะไม่สวยเอานะ ถ้าถึงวันงานแล้วใต้ตาดำเป็นหมีแพนด้า แม่เราคงต้องเอาปูนขาวมาปิดใต้ตาแทนรองพื้นล่ะมั้ง”
อาทิตย์พูดยิ้ม ๆ งานหมั้นครั้งนี้แม้ว่าทางฝ่ายภีมพลจะเป็นคนจัดการเกี่ยวกับรายละเอียดของงานเองทั้งหมด แต่รวิวรรณก็ขอเป็นคนแต่งหน้าทำผมให้กับบุตรสาวด้วยตัวเอง เพราะอยากทำอะไรเพื่อลูกในวันสำคัญ
“จริงด้วยจ้ะน้องอาย ถ้าขอบตาดำแล้วแต่งหน้าไม่สวยนะ งานมีวันมะรืนนี้ แต่เราก็ต้องนอนแต่หัววันตั้งแต่วันนี้ไปเลยนะลูก”
รวิวรรณแกล้งขู่บุตรสาว เจ้าตัวจึงรีบเดินไปหยิบชุดนอนจากในตู้แล้วผลุบหายเข้าไปเปลี่ยนชุดในห้องน้ำ ทิ้งให้บิดามารดาได้แต่ยิ้มให้กันอยู่เบื้องหลัง
รวิชานั่งนิ่งอยู่ที่หน้ากระจก มือทั้งสองข้างเย็นเฉียบ และสั่นเล็กน้อยทั้งที่เจ้าตัวพยายามระงับความตื่นเต้นอย่างที่สุดแล้ว ทว่าดูเหมือนเธอทำได้ไม่ดีนัก ตาเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาบนผนังเป็นระยะเมื่อรู้สึกว่าเวลาเตรียมตัวเตรียมใจเหลือน้อยลงไปทุกที
หญิงสาวสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ก่อนที่มันจะถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของมารดาในเดรสตัวยาวสีฟ้าอ่อนดูสวยงาม และแม่นมชราที่นุ่งผ้าซิ่นยกดอก สวมเสื้อลูกไม้ทั้งตัวเดินเข้ามาในห้อง
“หนูต้องลงไปข้างล่างแล้วนะลูก บ้านโน้นเขามากันแล้ว”
รวิวรรณบอกบุตรสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม คนเป็นแม่อย่างเธอได้แต่ปลาบปลื้มอยู่ในอก สาวสวยตรงหน้าคือบุตรสาวของเธอแน่แล้ว ไม่ใช่เด็กน้อยที่คอยยืนกระโดดโลดเต้นอยู่หน้าบ้านตอนเห็นพ่อกับแม่กลับจากที่ทำงานอีกต่อไป
“วันนี้ลูกสาวของแม่สวยมากเลย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหนูจะโตขนาดนี้แล้ว” รวิวรรณน้ำตารื้นบอกกับบุตรสาวเสียงเครือ ในขณะที่แม่นมชรานั้นน้ำตาไหลอาบแก้มไปแล้ว นมพิมใช้ผ้าเช็ดหน้าบรรจงซับที่หางตาอย่างแผ่วเบา สีหน้าและแววตาปลาบปลื้มยินดีไม่ต่างจากรวิวรรณ
“แหม...จะซึ้งอะไรกันมากมายคะคุณแม่ นมพิมขา ก็ไหนว่าแค่หมั้นตบตาลุงบุญทรงไม่ใช่หรือคะ ไม่ได้หมั้นกันเป็นจริงเป็นจังสักหน่อย”
รวิชาทำทีเป็นไม่ใส่ใจกับการหมั้นครั้งนี้นัก ทั้งที่หัวใจเต้นกระหน่ำไปด้วยความตื่นเต้น ลึกลงไปก็ยอมรับว่า ตลอดสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ภีมพลเอาใจใส่และดีกับเธอมาก มากจนเธอรู้สึกเคยตัว และคุ้นชินว่าทุกวันเวลานี้ เขาต้องมารับเธอไปส่งที่โรงงานของบิดามารดา หรือไม่ก็ไปนั่งช่วยงานเอกสารเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บริษัทของเขา ตกเย็นหลังจากรับประทานมื้อเย็นกันเสร็จเรียบร้อย เขาก็จะพามาส่งบ้าน
และทุกครั้งก่อนเธอลงจากรถ เขาต้องฝากรอยรักเอาไว้ที่หน้าผากอีกด้วย!
ร่างสูงใหญ่กำยำของภีมพลอยู่ในชุดสูทสีเทาดำเรียบหรู เสื้อเชิ้ตตัวในสีขาว ผูกเนคไทสีเทาเข้าชุดกับสูทที่สวมอยู่ ชายหนุ่มทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาในห้องทำงาน โดยมีอาทิตย์เดินตามมานั่งลงอีกฝั่ง หลังจากที่ปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว
“ผมคิดว่าวันนี้คุณบุญทรงคงไม่มาแน่นอน เพราะผมเพิ่งบอกเขาเมื่อวานซืนนี้เองว่าน้องอายจะหมั้นกับคุณ” อาทิตย์เริ่มเรื่องทันที เพราะไม่อยากให้ทางผู้ใหญ่ฝ่ายภีมพลต้องคอยนาน
“เขาคงคาดไม่ถึงมั้งครับที่จู่ ๆ น้องอายต้องมาหมั้นกับผม ยังดีนะที่ผมกวาดซื้อหุ้นคืนมาได้ถึงสามในสี่ ตอนแรกเขาทำท่าอิดออดไม่ยอมขายท่าเดียว แต่พอผมเสนอจำนวนเงินให้ไปเขาก็ตกลงทันที ผมคิดว่าบริษัทของคุณบุญทรงน่าจะกำลังมีปัญหาทางด้านการเงิน เพราะวันนั้นเขานัดผมเจรจาขอผ่อนผันเงินกู้ ผมเลยได้โอกาสขอซื้อหุ้นบริษัทของพี่ทิตย์ต่อจากเขาเลย”
ภีมพลเล่าเหตุการณ์เมื่อสัปดาห์ก่อนให้อาทิตย์ฟัง นับว่าเป็นโชคดีของเขาที่ไม่ต้องใช้วิธีบีบบังคับอะไรมากนัก
“ไม่ใช่แค่คาดไม่ถึงหรอกครับ ดูท่าแล้วเขาไม่พอใจมากเลยด้วยตอนที่ผมบอกข่าวเรื่องงานหมั้น” อาทิตย์ส่ายหน้าเมื่อนึกถึงตอนที่ตนเกือบปะทะคารมกับบุญทรงเมื่อวันก่อน
“เขาถามไหมครับว่าทำไมผมถึงมาหมั้นกับน้องอายได้ ผมว่าเขาต้องสงสัยแน่ว่าทำไมตอนเขาขอน้องอายให้หมั้นกับลูกชาย ทางพี่ถึงไม่ยอม” พูดไปก็อดนึกถึงใบหน้ายียวนของกลวิชรไม่ได้ ดูท่าทางแล้วร้ายใช่เล่น
“ถามครับ ผมบอกเขาไปว่าเป็นการพูดคุยตกลงกันของสองครอบครัวที่ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วเพียงแต่ผมไม่ได้บอกใคร พอบอกแบบนี้ไปเท่านั้นแหละ เขาก็โวยวายใส่ผมใหญ่เลย”
อาทิตย์เหลือบมองภีมพลพลางลอบถอนหายใจ ตลอดสองอาทิตย์ที่เขาไม่อยู่บ้าน ใช่ว่าจะละเลยบุตรสาวเพียงคนเดียว เขาจ้างคนให้คอยตามดูอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ให้รวิชากับภีมพลรู้ตัว ฉะนั้นทุกเรื่องราวทุกการกระทำของคนทั้งคู่ เขาจึงได้รับรายงานจนหมดสิ้น
“พี่ทิตย์มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับ”
ภีมพลนั่งหลังตรงวางมือไว้บนหัวเข่าเพื่อรอฟัง เมื่อเห็นท่าทางราวกับมีเรื่องคับข้องใจจากคนที่เขาวางตัวเอาไว้ว่าเป็น “ว่าที่พ่อตา” ในอนาคต
“ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องคุณภีมครับ เกี่ยวกับหนูอาย”
อาทิตย์สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อตั้งหลัก ในหัวกำลังเรียบเรียงคำพูดให้ฟังดูเป็นกันเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่ภีมพลนั่งนิ่งรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“ระหว่างที่หมั้นหมายกัน ผมอยากขอร้องให้คุณภีมช่วยดูแลและให้เกียรติน้องอายจนกว่าเขาจะเรียนจบได้ไหมครับ ผมไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับน้องอายจะเปลี่ยนไปในรูปแบบไหน แต่ในฐานะที่ผมเป็นพ่อ เอ่อ...หวังว่าคุณคงเข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อ”
อาทิตย์สบตาคนที่กำลังจะกลายมาเป็นคู่หมั้นของบุตรสาวอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าเขาต้องการกีดกันภีมพล เพียงแต่หญิงชายที่อยู่ใกล้ชิดกันนานวันเข้า อาจมีเรื่องผิดพลาดขึ้นมาได้ เขาจึงต้องป้องกันไว้ก่อน อีกทั้งชื่อเสียง และข่าวลือเรื่องความเจ้าชู้ของภีมพลนั่นอีกเล่าที่เขาค่อนข้างหวั่นใจ
“อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้
อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่
หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา
“ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข
“ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล
ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ