แม้ว่าแพรไหมจะพยายามทำความเข้าใจและยอมรับอดีตอันมืดมิดของคริสเตียนเพียงใด และคริสเตียนเองก็ได้เปิดเผยทุกสิ่งในใจออกมาจนหมดสิ้นแล้ว
ทว่าความจริงที่ว่าชายผู้เป็นที่รักของเธอต้องแปดเปื้อนกับโลกที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและผิดกฎหมายมานานหลายปีนั้น ยังคงเป็นสิ่งหนักอึ้งเกินกว่าที่เธอจะจัดการกับมันได้โดยง่าย การปลอบโยนของคาร่าและความเข้าใจที่เธอมีต่อคริสเตียนช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้าง แต่ความขัดแย้งภายในใจยังคงอยู่ และเธอรู้ว่าเธอต้องการเวลาอย่างแท้จริง เพื่อทบทวนเรื่องราวทั้งหมด และตัดสินใจอนาคตของตัวเอง
หลังจากค่ำคืนแห่งการเปิดเผยและบทรักที่ควรจะช่วยเยียวยาจิตใจ แพรไหมยังคงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่สับสนปนเปอยู่ภายใน เธอพยายามบอกตัวเองว่าเธอรักคริสเตียน เธอพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขา แต่ทุกครั้งที่ภาพเหตุการณ์ในอดีตของเขาผุดขึ้นมาในความคิด ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ การแก้แค้น หรือการกระทำที่ผิดกฎหมายบางอย่าง ความรู้สึกหนาวเย็นก็ยังคงเกาะกุมหัวใจเธอ
เธอรู้ว่าคริสเตียนไม่ได้เลือกที่จะเป็นแบบนี้ แต่สถานการณ์บังคับให้เขาต้องทำเพื่อปกป้องครอบครัวและแก้แค้นให้คนที่เขารัก เธอก็เข้าใจในส่วนนี้ แต่การที่เขาต้องฆ่าคน ต้องทำเรื่องที่ไม่ถูกกฎหมายบางอย่าง มันช่างแตกต่างจากโลกที่เธอเคยรู้จักสิ้นเชิง และเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถกลืนลงได้ง่ายๆ
เธอเริ่มมีอาการนอนไม่หลับ ฝันร้ายถึงภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอดีตของคริสเตียน และบางครั้งก็มีอาการซึมเศร้า เก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดคุยกับใคร แม้กระทั่งกับคาร่า เพื่อนสนิทที่เข้าใจเธอมากที่สุด เธอรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนทางแยก และไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี
คริสเตียนเองก็รับรู้ถึงความผิดปกติของแพรไหม เขาสังเกตเห็นว่าเธอพยายามเก็บตัว หลีกเลี่ยงการสบตา และมักจะเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง เขารู้ว่าแพรไหมยังคงต้องการเวลา เขารอคอยอย่างอดทน แต่ความกังวลก็กัดกินหัวใจเขาเช่นกัน เขากลัวว่าบาดแผลในอดีตของเขาจะกลายเป็นกำแพงที่กั้นระหว่างพวกเขาสองคนตลอดไป
หลายวันผ่านไป แพรไหมก็ยังคงจมอยู่กับความคิดและความรู้สึกของตัวเอง เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ต่อไปได้ เธอไม่ต้องการให้ความรู้สึกที่สับสนของเธอกระทบกระเทือนจิตใจของคริสเตียนไปมากกว่านี้ และเธอก็ไม่ต้องการตัดสินใจอะไรในขณะที่อารมณ์ยังไม่มั่นคง
ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจครั้งสำคัญ เธอต้องการ "เวลา" เธอต้องการที่จะกลับไปอยู่กับครอบครัวชั่วคราว กลับไปในที่ที่เธอคุ้นเคย ที่ที่เธอรู้สึกปลอดภัยและได้รับการปลอบประโลมอย่างแท้จริง เธอเชื่อว่าการได้ห่างจากสภาพแวดล้อมปัจจุบันสักพัก จะช่วยให้เธอได้ทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างมีสติ และหาคำตอบให้กับตัวเองได้
เธอรอคอยโอกาสที่เหมาะสมที่จะพูดคุยกับคริสเตียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เย็นวันหนึ่ง ขณะที่พวกเขากำลังรับประทานอาหารค่ำด้วยกันในห้องอาหาร บรรยากาศยังคงเงียบงัน แพรไหมรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย
“คริสเตียนคะ…ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณค่ะ”
คริสเตียนวางช้อนส้อมลง เขารับรู้ได้ถึงความจริงจังในน้ำเสียงของแพรไหม ดวงตาของเขามีแวววิตกกังวล “มีอะไรหรือแพรไหม”
แพรไหมมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป
“ฉัน…ฉันคิดว่าฉันต้องการเวลาค่ะ…ต้องการเวลาที่จะอยู่คนเดียวสักพัก เพื่อทบทวนเรื่องราวทั้งหมด”
หัวใจของคริสเตียนหล่นวูบ เขารู้ทันทีว่าแพรไหมหมายถึงอะไร “คุณ…คุณจะไปจากผมเหรอแพรไหม” เสียงของเขาแหบพร่าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะคริสเตียน” แพรไหมรีบตอบ เธอเห็นความเจ็บปวดในดวงตาของเขาแล้วรู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย
“ฉันแค่ต้องการเวลาที่จะไปพักอยู่กับครอบครัวชั่วคราวค่ะ ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับแม่และน้องชายของฉัน เพื่อให้ใจฉันได้สงบลง และทบทวนทุกอย่างอย่างถี่ถ้วน”
คริสเตียนนิ่งไป เขาพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่แพรไหมพูด เขารู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการจะทิ้งเขาไป แต่ความเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งก็ยังคงกัดกินหัวใจเขาอย่างรุนแรง
“คุณไม่ไว้ใจผมแล้วเหรอแพรไหม” คริสเตียนถามเสียงเบาหวิว
“ไม่ใช่แบบนั้นเลยค่ะคริสเตียน” แพรไหมรีบเดินเข้าไปหาเขา วางมือบนมือของเขาที่กำลังเย็นเฉียบ
“ฉันยังรักคุณนะคะ…ฉันถึงได้ต้องการเวลาแบบนี้ ฉันต้องการให้แน่ใจว่าฉันจะสามารถอยู่เคียงข้างคุณได้อย่างแท้จริง โดยที่ไม่มีความรู้สึกกังวลใจใดๆ อีก”
“ผมเข้าใจว่าอดีตของผมมันหนักหนา” คริสเตียนกล่าว “แต่ผมกำลังพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ผมกำลังพยายามสร้างอนาคตที่ดีที่สุดให้กับเรา”
“ฉันรู้ค่ะคริสเตียน และฉันก็ซาบซึ้งใจกับทุกสิ่งที่คุณทำเพื่อฉัน” แพรไหมกล่าว “แต่ฉันต้องการเวลาที่จะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองค่ะ ฉันไม่อยากให้ความรู้สึกที่สับสนของฉันมาเป็นภาระของคุณ”
คริสเตียนหลับตาลง เขาพยายามสงบสติอารมณ์ เขารู้ว่าการรั้งแพรไหมไว้ในตอนนี้อาจจะยิ่งทำให้เธอรู้สึกอึดอัด และอาจจะทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เป็นได้ การให้พื้นที่และเวลาแก่เธอ อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“คุณจะไปนานแค่ไหน” คริสเตียนถามเสียงแผ่ว
“ฉันยังไม่รู้ค่ะคริสเตียน” แพรไหมตอบ “แต่ฉันจะกลับมาแน่นอนค่ะ…ฉันจะกลับมาหาคุณ”
คริสเตียนพยักหน้าช้าๆ “ผมจะรอคุณนะแพรไหม…ไม่ว่าคุณจะนานแค่ไหน ผมก็จะรอ”
เมื่อคริสเตียนยอมรับการตัดสินใจของแพรไหม บรรยากาศในคฤหาสน์ก็เต็มไปด้วยความเศร้าสร้อย คริสเตียนสั่งให้นิคจัดเตรียมรถยนต์เพื่อพาแพรไหมกลับไปที่บ้านของครอบครัวอย่างปลอดภัย และจัดเตรียมทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับการเดินทางของเธอ
แพรไหมเริ่มเก็บข้าวของส่วนตัว เธอพยายามเลือกเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นจริงๆ เธอตั้งใจว่าจะไปพักอยู่กับแม่และน้องชายที่บ้านเล็กๆ ในต่างจังหวัด ไม่ใช่บ้านของป้าที่เธอเคยอยู่ตอนแรก เธอต้องการความสงบและเป็นส่วนตัวอย่างแท้จริง
คาร่าเมื่อรู้เรื่องที่แพรไหมจะกลับไปบ้านชั่วคราวก็รู้สึกตกใจ แต่เมื่อแพรไหมอธิบายเหตุผลให้ฟัง คาร่าก็เข้าใจและให้กำลังใจเพื่อนสนิท
“ดูแลตัวเองดีๆ นะแพรไหม” คาร่ากอดเพื่อนแน่น “ถ้ามีอะไรโทรหาฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ”
“ขอบใจนะคาร่า” แพรไหมตอบ “แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันจริงๆ”
ในวันเดินทาง นิคมาส่งแพรไหมที่หน้าคฤหาสน์ คริสเตียนยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว ใบหน้าของเขาดูหม่นหมองอย่างเห็นได้ชัด แพรไหมเดินเข้าไปหาเขา
“ดูแลตัวเองด้วยนะคะคริสเตียน” แพรไหมกล่าว เสียงของเธอสั่นเล็กน้อย
คริสเตียนดึงแพรไหมเข้ามากอดแน่น กอดที่เต็มไปด้วยความรัก ความคิดถึง และความกังวล เขาจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน
“คุณก็เหมือนกันนะแพรไหม” คริสเตียนกล่าว “ผมจะคิดถึงคุณเสมอ”
แพรไหมพยักหน้า เธอรู้ว่าการจากลากันในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอเชื่อว่ามันจำเป็นสำหรับการเยียวยาจิตใจของเธอ และเพื่อความสัมพันธ์ของพวกเขาในอนาคต
เธอเดินขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ ชายตาไปมองคริสเตียนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง เขาจ้องมองเธอไม่วางตาจนกระทั่งรถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปจากคฤหาสน์
การเดินทางกลับบ้านเกิดของแพรไหมเต็มไปด้วยความคิดที่วกวน เธอพยายามมองออกไปนอกหน้าต่าง ชมทิวทัศน์สองข้างทาง เพื่อให้จิตใจสงบลง แต่ภาพของคริสเตียนและความจริงเกี่ยวกับอดีตของเขาก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ
เมื่อรถมาถึงบ้าน แพรไหมโผเข้ากอดแม่และน้องชายแน่น น้ำตาคลอเบ้าด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ทั้งคิดถึง โล่งใจ และเศร้าสร้อย
“แม่! ต้น!”
แม่ของแพรไหมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวลูกสาว เธอเห็นแววตาที่หม่นหมองและความเหนื่อยล้าที่ซ่อนอยู่ภายใน แต่ก็ไม่ได้ซักถามอะไรมากนัก เพียงแค่กอดลูกสาวแน่นและปลอบโยนเธออย่างเงียบๆ
แพรไหมใช้เวลาอยู่ที่บ้านเกิดอย่างเงียบสงบ เธอช่วยแม่ทำงานบ้าน ทำอาหาร และใช้เวลากับต้น น้องชายของเธอที่กำลังเรียนหนังสืออย่างตั้งใจ การได้อยู่ท่ามกลางความเรียบง่ายและคุ้นเคย ช่วยให้จิตใจของเธอสงบลงได้บ้าง
เธอพยายามทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอย่างมีสติ เธอคิดถึงความรักที่คริสเตียนมีให้เธอ ความเสียสละที่เขาทำเพื่อปกป้องเธอ และความพยายามของเขาที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่ออนาคตของพวกเขา
แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็ยังคงคิดถึงอดีตของเขา ภาพความรุนแรงที่เขาต้องเผชิญ ภาพการฆ่าฟัน และการกระทำที่ผิดกฎหมายบางอย่าง มันยังคงเป็นเงามืดที่เกาะกุมจิตใจของเธอ
เธอตั้งคำถามกับตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอจะสามารถยอมรับอดีตของคริสเตียนได้จริงๆ หรือไม่ เธอจะสามารถอยู่กับผู้ชายที่มือเคยเปื้อนเลือดได้จริงๆ หรือเปล่า เธอจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มืดมิดเช่นนั้นได้หรือไม่ แม้ว่าคริสเตียนจะพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วก็ตาม ความกลัวของเธอจะหมดไปเมื่อไหร่
แพรไหมพยายามหาคำตอบให้กับคำถามเหล่านี้ เธอเดินไปริมแม่น้ำ นั่งมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ ปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปกับสายลม เธอรู้ว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะส่งผลต่ออนาคตของเธอไปตลอดชีวิต
เธอไม่ได้ต้องการจะทิ้งคริสเตียนไป เธอรักเขา และเธอก็รู้ว่าเขาก็รักเธอมากเช่นกัน แต่เธอแค่ต้องการความชัดเจนในใจ เธอต้องการให้แน่ใจว่าเธอสามารถอยู่กับความจริงที่ว่าเขามีอดีตที่มืดมิดได้จริงๆ โดยไม่รู้สึกหวาดกลัวหรือกังวลอีกต่อไป
แม้จะห่างไกลกัน แต่คริสเตียนและแพรไหมก็ยังคงติดต่อกันผ่านการโทรศัพท์และข้อความ คริสเตียนไม่เคยเร่งรัดหรือกดดันแพรไหม เขาเพียงแค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ และบอกว่าเขารอคอยเธอเสมอ ทำให้แพรไหมรู้สึกอบอุ่นใจ และตระหนักว่าคริสเตียนยังคงรักเธออย่างไม่เปลี่ยนแปลง
“คุณเป็นยังไงบ้างแพรไหม” เสียงทุ้มต่ำของคริสเตียนดังขึ้นในโทรศัพท์ ทำให้แพรไหมยิ้มได้เล็กน้อย
“ฉันสบายดีค่ะคริสเตียน คุณล่ะคะ”
“ผมไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ถ้าไม่มีคุณอยู่ข้างๆ” คริสเตียนตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ผมคิดถึงคุณมากนะแพรไหม”
“ฉันก็คิดถึงคุณค่ะคริสเตียน” แพรไหมตอบกลับ
“ฉันกำลังพยายามหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่นะคะ”
“ผมรู้ครับ…ใช้เวลาให้เต็มที่นะ ผมจะรอคุณเสมอ”
บทสนทนาเหล่านี้ทำให้แพรไหมรู้ว่าคริสเตียนยังคงมั่นคงในความรักที่มีต่อเธอ และเขากำลังรอคอยการกลับมาของเธออย่างอดทน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เธอต้องรีบหาคำตอบให้ตัวเองให้เร็วที่สุด
เธอใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการทบทวนเรื่องราวทั้งหมด ทั้งความรักที่เธอมีให้คริสเตียน อดีตของเขาที่เธอรับรู้ และอนาคตที่พวกเขาจะสร้างร่วมกัน เธอปรึกษาแม่ของเธออย่างอ้อมๆ เกี่ยวกับการให้อภัยและการอยู่กับความจริงในอดีต แม่ของเธอให้คำแนะนำที่เปี่ยมไปด้วยความเข้าใจและเมตตา
“ลูกจ๋า…คนเราทุกคนล้วนมีอดีตที่แตกต่างกันไป” แม่ของแพรไหมกล่าว
“ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ สิ่งสำคัญคือคนที่เราเลือกที่จะอยู่ด้วย เขาเป็นคนดีในปัจจุบันและพยายามที่จะดีขึ้นเพื่ออนาคตหรือเปล่า”
“ความรักที่แท้จริงคือการยอมรับซึ่งกันและกัน ยอมรับทั้งข้อดีและข้อเสีย ยอมรับทั้งปัจจุบันและอดีต ถ้าลูกรักเขาจริง ลูกก็จะผ่านมันไปได้”
คำพูดของแม่ทำให้แพรไหมฉุกคิด เธอเริ่มมองเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น เธอตระหนักว่าการที่คริสเตียนเปิดเผยอดีตให้เธอฟัง ไม่ได้หมายความว่าเขาต้องการให้เธอตัดสิน แต่เขาต้องการให้เธออยู่เคียงข้าง และยอมรับเขาในแบบที่เขาเป็นทั้งหมด
หลังจากที่ได้ทบทวนอย่างถี่ถ้วน แพรไหมก็เริ่มรู้สึกว่าความขัดแย้งในใจของเธอกำลังคลี่คลายลง เธอไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอดีตของคริสเตียนมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว เธอเริ่มเข้าใจว่าการที่เขาต้องทำเรื่องเหล่านั้น เป็นเพราะสถานการณ์ที่บีบบังคับ และตอนนี้เขาก็กำลังพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างจริงจัง
เธอตระหนักว่าความรักที่เธอมีให้คริสเตียนมันลึกซึ้งและแข็งแกร่งกว่าอดีตใดๆ เธอเชื่อว่าเขาสามารถเป็นคนที่ดีขึ้นได้ และเธอก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเขาในทุกย่างก้าว เพื่อช่วยให้เขาเยียวยาบาดแผลในใจ และสร้างอนาคตที่สดใสไปด้วยกัน
แพรไหมรู้แล้วว่าการจากลาชั่วคราวนี้ ไม่ได้ทำให้ความรักของพวกเขาลดลง แต่กลับทำให้เธอได้ใช้เวลาคิดและทบทวนอย่างแท้จริง จนพบคำตอบที่ชัดเจนในใจ
เธอตัดสินใจแล้ว เธอจะกลับไปหาคริสเตียน เธอจะกลับไปในฐานะผู้หญิงที่พร้อมจะยอมรับเขาในทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าอดีตของเขาจะมืดมิดเพียงใด เธอก็จะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ
ตอนที่ 80 เติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวหลังผ่านบทพิสูจน์แห่งผู้นำ และการกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ อเล็กซานเดอร์ ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของเขาและ ลลิล ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงคือ ข่าวดีที่สุด ที่พวกเขารอคอยมาตลอด เสียงเล็กๆ ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นความจริง และนำพาความสุขมาสู่ตระกูลคาร์ดินัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการมีทายาท อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อแม่ ลลิลเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลทารกอย่างละเอียด ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็เริ่มจัดเตรียมห้องเล็กๆ ในคอนโดเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ความคาดหวังเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน แต่พวกเขาก็พยายามไม่กดดันตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลลิลรู้สึกไม่สบายตัว อาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทำให้เธอสงสัย เธอตัดสินใจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้นสองขีดสีชมพู ปรากฏชัดเจน ลลิลกรีดร้องด้วยความดีใจ เธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวได้ เธอตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับอเล็กซานเดอร์ในทันที แต่เธอ
ตอนที่ 79 บทพิสูจน์แห่งผู้นำท่ามกลางความกังวลเรื่องทายาทและความสุขในชีวิตคู่ อเล็กซานเดอร์ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในบทบาทของผู้นำ นั่นคือการแก้ไขวิกฤตการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความท้าทายนี้ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณธรรมและความโปร่งใสที่ กลุ่มคาร์ดินัล ยุคใหม่ยึดมั่นเมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนว่ามีการทุจริตจริงในบริษัทสตาร์ทอัพที่คาร์ดินัลลงทุนไป อเล็กซานเดอร์ ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรอบคอบ เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จับตัวผู้กระทำผิด แต่ต้องการถอนรากถอนโคนปัญหา เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอเล็กซานเดอร์เรียกประชุมทีมงานคนสำคัญของคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ รวมถึง เดฟ และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัท“เราจะไม่ยอมให้การทุจริตใดๆ มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของคาร์ดินัลอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในห้องประชุม “เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นธรรมที่สุด”เขามอบหมายให้ทีมผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้าม
ตอนที่ 78 บททดสอบใหม่และเสียงเล็กๆ ในอนาคตชีวิตคู่ของ อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ดำเนินไปอย่างราบรื่นและอบอุ่น แต่ในโลกของธุรกิจและความรับผิดชอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ย่อมมี ความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาเสมอ และท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น เสียงเล็กๆ ในอนาคตก็เริ่มดังขึ้นในหัวใจของทั้งคู่ในขณะที่โครงการเยียวยาชุมชนของมูลนิธิคาร์ดินัลดำเนินไปอย่างงดงาม และได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ปัญหาใหม่กลับเกิดขึ้นภายในอาณาจักรธุรกิจของคาร์ดินัลเองคริสเตียน ได้มอบหมายให้ อเล็กซานเดอร์ เข้ามาดูแลการลงทุนใน โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่คาร์ดินัลกำลังให้ความสนใจอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่คาร์ดินัลเข้าไปลงทุน มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด และที่สำคัญที่สุดคือ มี ข่าวลือเรื่องการทุจริต ของผู้บริหารระดับสูงบางรายในบริษัทนั้น“พ่อว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะอเล็กซานเดอร์” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องทำงานของเขา “เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของคา
ตอนที่ 77 บทใหม่แห่งชีวิตร่วมหลังพิธีวิวาห์ที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหมาย อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็ได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่โรแมนติก แต่ยังรวมถึงการปรับตัว การเรียนรู้ และการเติบโตไปพร้อมกันในทุกๆ วันชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวของพวกเขา แม้จะเคยมาพักอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง แต่การย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างถาวร ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปลลิลใช้ความสามารถด้านการออกแบบของเธอเข้ามาเนรมิตห้องชุดให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างลงตัว เธอเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆ และเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่น นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและงานศิลปะที่เธอชื่นชอบ ทำให้คอนโดแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเป็น "บ้าน" อย่างแท้จริง“คุณชอบไหมครับคุณ” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ลลิลจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยลลิลโอบแขนรอบเอวเขา “ฉันชอบมากค่ะที่รัก มันเป็นบ้านของเราจริงๆ”การปรับตัวเข้าหากันในรายละเอียด
ตอนที่ 76 ถักทอความรัก สู่พิธีวิวาห์หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ ได้ขอ ลลิล แต่งงานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของความสุขและความตื่นเต้นก็ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์คาร์ดินัล การเตรียมงานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ของทั้งคู่ทั้งอเล็กซานเดอร์และลลิลต่างเห็นพ้องต้องกันว่างานแต่งงานของพวกเขาจะต้อง เรียบง่าย อบอุ่น และเป็นส่วนตัว โดยเน้นไปที่ความหมายและความผูกพันของสองครอบครัวมากกว่าความหรูหราอลังการ“ฉันอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นวันที่เราได้แบ่งปันความสุขกับคนที่เรารักและห่วงใยค่ะที่รัก” ลลิลบอกกับอเล็กซานเดอร์ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานอเล็กซานเดอร์ยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณ”พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานเล็กๆ ที่ คฤหาสน์คาร์ดินัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลลิลมีความทรงจำดีๆ มากมาย และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเธอ โดยจะมีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญแพรไหม ผู้เป็นแม่ของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ดูแลการเตรียมงานทั้งหมดอย่างละเอียดอ่อน เธอต้องการให้งานแต่งงานของลูกชายออกมาสมบู
ตอนที่ 75 จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตคู่หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาด้วยกัน อเล็กซานเดอร์ ก็ตระหนักแล้วว่า ลลิล คือผู้หญิงที่ฟ้าส่งมาให้เขา เขาไม่ต้องการรออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ความรักของพวกเขาจะก้าวไปอีกขั้น สู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ชัดเจนและมั่นคงการขอแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ อเล็กซานเดอร์ใช้เวลาหลายวันในการวางแผน เขาอยากให้การขอแต่งงานครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ลลิลจะไม่มีวันลืมเขาปรึกษาเรื่องนี้กับ แพรไหม ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงดีที่สุด“ลูกอยากขอแต่งงานกับลลิลครับแม่” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ผมอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ”แพรไหมยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่ดีใจด้วยนะลูก แม่รู้ว่าลลิลคือคนที่ใช่สำหรับลูกจริงๆ”แพรไหมช่วยอเล็กซานเดอร์วางแผนอย่างละเอียด เธอแนะนำให้เขาเลือกสถานที่ที่มีความหมายกับทั้งคู่ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว อเล็กซานเดอร์คิดถึง บ้านพักที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความรักของเขาและลลิลเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเขาจัดเตรียมทุกอย่