ผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่นั่งฟังอาจารย์คนใหม่ที่เข้ามาก็เริ่มต้นแนะนำตัวเองคร่าวๆให้นักศึกษาได้รู้จักด้วยน้ำเสียงอันทุ้มลึกชวนฟัง จากนั้นก็เริ่มพูดเรื่องการเรียนการสอนโน่นนี่นั่นที่เข้าสมองบ้างไม่เข้าบ้าง ปากเล็กเริ่มอ้าหาวติดๆ ดวงตาฉ่ำหวานปรือปรอยเพราะความง่วงเข้าครอบคลุมแต่ก็ยังฝืนถ่างตาเอาไว้ พลางควานมือเข้าไปในกระเป๋าสะพายหาลูกอม แกะเปลือกแล้วเอาใส่ปาก รสชาติเปรี้ยวๆหวานๆช่วยได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น เพื่อนก็ไม่มีใครชวนคุยเพราะต่างตั้งอกตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“งือ ง่วงจังเลย เมื่อคืนไม่น่านอนดึกเลยเรา” โอดครวญเบาๆ กับตนเอง เมื่อไหร่จะยอมปล่อยสักทีคือความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวสมอง พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้งก็ดันสบกับประสานสายตาคมๆคู่นั้นเข้าอย่างจัง แล้วอาการหาวก็กลั้นเอาไว้ไม่อยู่เสียด้วย และด้วยความหลงลืมตัวชั่วขณะจึงไม่ได้ยกมือขึ้นมาปิดปากรักษากิริยามารยาทที่ดีต่อหน้าผู้คน พอเห็นมุมปากที่ดูเหมือนว่าจะยกขึ้นนิดๆของอาจารย์ความอายก็ตีตื้นขึ้นมา
“ผมอาจจะพูดจาน่าเบื่อไปหน่อยเลยทำให้มีคนง่วงนอนจนหาวปากกว้างเชียว ถ้าไม่มีอะไรสงสัยวันนี้ผมก็จะพอแค่นี้ก่อนละกัน ไว้เจอกันครั้งหน้าค่อยเริ่มต้นเข้าสู่เนื้อหาหลักๆอย่างเป็นทางการ” เขาไม่ได้ชี้เป้าว่าเป็นใครแต่มีคนร้อนตัวเผลอตวัดค้อนมองตาคว่ำให้จนอดที่อมยิ้มเล็กๆไม่ได้ และทำให้คิดว่าการรับหน้าที่นี้ชั่วคราวมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
สักเท่าไหร่ออกจะดีเกินคาดไปด้วยซ้ำสำหรับวันแรกที่ได้มาเหยียบย่างที่นี่ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง
“ขายหน้าไหมล่ะเนี่ยจัสมิน หาวแบบนี้ต่อหน้าต่อตาอาจารย์ ปล่อยไก่ออกมาเป็นเล้าๆเลย” เสียงยุ่งๆบ่นพึมพำปนอายที่ถูกจับได้และดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่ถูกพาดพิงด้วย และมั่นใจเต็มร้อยว่าในนี้ต้องไม่ใช่แค่เธอแน่ๆที่ง่วง
“ก่อนออกขอผมเช็คชื่อหน่อยนะครับ”
“เรียกเร็วๆนะคะอาจารย์ขา หนูง๊วงง่วง” จัสมินพูดหงุงหงิงปากก็หาวเป็นระยะ คอยเงี่ยหูฟังว่าเมื่อไหร่จะถึงชื่อของตัวเองด้วยอาการง่วงงุนสาเหตุเป็นเพราะเมื่อคืนท่องเว็บอินเทอร์เน็ตอ่านเรื่องลี้ลับตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ อ่านไปก็กลัวไปแต่มันหยุดความอยากรู้เอาไว้กลางคันไม่ได้ กว่าจะเข้านอนจริงๆจังๆก็ปาไปเกือบตีสองสภาพร่างกายเลยกลายเป็นซอมบี้ชั่วคราวเช่นนี้ ความสดใสชื่นบานที่พกพามาจากบ้านหายวับไปตั้งแต่เสียงของอาจารย์ขับกล่อม
“จัสมิน บัตเตอร์” ไม่มีเสียงตอบรับเขาจึงต้องเงยหน้าขึ้นจากใบรายชื่อให้แน่ใจว่าไม่มาจริงๆ คนอื่นๆที่ขานชื่อเรียกก็มาครับ มาค่ะ
โดยที่เขาติ๊กถูกพียงอย่างเดียว
“เร็วๆเข้าอย่ามัวทำหน้ามึนอยู่นังสวย วิญญาณออกจากร่างชั่วคราวรึไงเนี่ยจัสมิน” กัสแหวและสะกิดยิกๆ ขัดใจยัยอืดอาดยืดยาดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้
“จัสมิน บัตเตอร์ มาไหมครับ จัสมิน”
“คะ หนูเองค่ะจัสมิน” แขนเรียวรีบยกขึ้นสูงเมื่อได้ยินชื่อของตัวเอง เป่าปากผ่อนลมหายใจเมื่อไม่โดนต่อว่าอะไรให้ถูกหัวเราะเยาะนอกจากสายตาตำหนินิดๆเท่านั้น ก่อนจะปล่อยผ่านขานชื่อคนอื่นต่อ เกือบไปแล้วไหมล่ะจัสมินเอ๊ย!!
“เลิกเรียนแล้วกลับบ้านเลยไหมจัสมิน”
“กลับเลยแหละจ้ะดาด้า เย็นนี้จัสมินน้อยๆคนนี้ต้องไปงานกับป๋าแล้วก็มามี๊ไง ไปเที่ยวเล่นด้วยไม่ได้ลืมเหรอจ๊ะเพื่อนจ๋า” ปกติครอบครัวเธอไม่ค่อยชอบออกงานสังคม นานทีปีหนที่ป๋าจะพาตัวเองกับมามี๊ไปโชว์ตัว งานนี้เห็นว่าเป็นคนคุ้นเคยกันดีจัดขึ้นมาเลยยอมตอบรับว่าจะไป
“อย่าให้ป๋ากับมามี๊ขายหน้าล่ะยิ่งซุ่มซ่ามอยู่ด้วย”
“เห็นเพื่อนเป็นคนยังไงเนี่ยกัสโต๊ะ ซุ่มซ่ามที่ไหนไม่มี๊ไม่มีเลย โอ๊ะ!! ขอโทษค่ะ” สิบนิ้วพนมไหว้พร้อมรอยยิ้มแหยๆอย่างเก้อๆ ลิ้สีชมพูแอบแลบออกมาอย่างลืมตัว ยังไม่ทันขาดคำก็แสดงความซุ่มซ่ามที่เพิ่งถูกกล่าวหาให้เพื่อนได้เห็นและหัวเราะเยาะ แถมยังเป็นคนเดียวกับเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วด้วย
“ครั้งที่สองของวันนี้แล้วนะครับจัสมิน” น้ำเสียงเรียบนิ่งกล่าวอย่างยากที่คาดเดาได้ว่าอยู่ในภาวะอารมณ์ไหน พอก้าวขาพ้นออกมานอกประตูห้องเรียนแม่สาวน้อยเริงร่าที่หมุนตัวโต้ตอบกับเพื่อนกะทันหันก็เซถลาเสียการทรงตัวมาชนเขา ดีที่รับไว้ทันไม่งั้นคงได้เจ็บตัวบ้างล่ะ “ทำไมถึงไม่ระวังตัวเลย”
“ขอโทษค่ะ มันเป็นอุบัติเหตุ หนูไม่ได้ตั้งใจชน” บอกเสียงอ่อย พลางทำปากยื่นนิดๆ อ้อมแขนกอดหนังสือเรียนเล่มหนาเอาไว้แน่น
คนมองส่ายหน้าช้าๆและรีบคลายอ้อมแขนออกจากเอวเล็กเมื่อเจ้าตัวยืนตัวตรงได้แล้ว
“นอกจากจะไม่ยอมตั้งใจเรียนแล้วยังซุ่มซ่ามอีก ผมหักคะแนนซะตอนนี้เลยดีไหมฮึ” ใบหน้าจิ้มลิ้มราวตุ๊กตาที่สลดลงในคราแรกแปรเปลี่ยนเป็นงอง้ำ ตาใสๆก็วาวๆ เอาสิเอา ปกตินักศึกษาต้องกลัวเกรงอาจารย์ไม่ใช่เหรอ แต่ดูเหมือนว่าแม่เด็กคนนี้จะไม่เป็นอย่างนั้น ท่าทางอาการของเจ้าหล่อนเหมือนคนงอนเป็นอยู่อย่างเดียว
“วันนี้ยังไม่ได้เรียนจริงๆนะคะ อีกอย่างหนูก็ไม่ได้หลับจริงๆยังหักคะแนนหนูไม่ได้ค่ะ” แบบนี้ไม่โอเค แค่หาวเองไม่ได้หลับจริงสักหน่อย
หักไม่ได้
“อืม มันก็จริงที่วันนี้ยังไม่เริ่มเรียนแต่ถ้าลองจับประโยคดีๆเมื่อกี้นี้ ผมยังไม่ได้บอกว่าคุณหลับเลยนะครับคุณผู้หญิง” มุมปากหนากระตุกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแล้วออกเดิน ทิ้งให้สาวน้อยแสนงามยืนอ้าปากค้างเติ่งอยู่ที่เดิม
“ว้ายๆ มีร้อนตัวด้วยอ่ะ น่าอายจุง แต่ก็แอบอิจฉาหนักมากที่หล่อนได้ตกอยู่ในอ้อมแขนของอาจารย์สุดหล่อ ฮึ่ย!! ทำไมไม่เป็นฉันที่
เซถลาเข้าหาอกอาจารย์อนาวินเขานะ”
“อิจฉาอะไรเล่า ไม่เห็นจะน่าอิจฉาตรงไหนเลย” สะบัดค้อนแจกกัสแล้วเดินดุ่มไม่รอใคร พลันแก้มใสก็ขึ้นสีเรื่อเมื่อคิดว่าวันนี้ปล่อยไก่ตัวโตๆไปซะเยอะแยะเลย
“อะไรก็ไม่เท่าจำชื่อของเพื่อนเราซะแม่นเลย ว่าแต่สองรอบที่อาจารย์พูดถึงคืออะไรเหรอจัสมิน” ดาด้าสาวเท้าตามมาพร้อมคำถาม
คาใจติดๆ
“เมื่อก่อนเข้าเรียนก็ดันเดินชนเขาน่ะสิ ไม่รู้ว่าคืออาจารย์ด้วย วันนี้ดวงไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยเนอะ” คนดวงไม่ดียิ้มแหย ลูบแขนตัวเองอย่างเขินๆ
“นั่นไงล่ะ แล้วกล้าบอกว่าตัวเองไม่ซุ่มซ่ามนังชะนีน้อยหอยสังข์”
“อุบัติหตุต่างหากเล่า”
“ย่ะ อุบัติเหตุ!” สองเสียงแข็งขันของกัสและดาด้าที่พร้อมใจพูดคำเดียวกัน คนค้อนวันนี้ก็ค้อนจนเหนื่อย
“คล้ายกันนิดหน่อยก็ไม่ได้ด้วยเหรอคะ พี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเมียพี่หวงสามีแม้กระทั่งคำพูด” อนาวินนิ่วหน้าคล้ายไม่ทันเกมของภรรยาแสนดื้อที่ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน“ต้องหวงสิคะ กับสามีนี่ยิ่งต้องหวงหนักเลย เพราะว่ามันมีค่าลิขสิทธิ์ พี่วินต้องจ่ายค่าปรับให้แก่หนูซึ่งก็คือรองเท้าคู่ใหม่ที่เพิ่งวางขายไปเมื่อวานนี้สักสองคู่เป็นอย่างต่ำ น้อยกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ทราบว่ายินยอมพร้อมใจที่จะตอบโอเคเลยไหมคะสามีขา” ถึงไม่ใช้วิธีนี้แกล้งเขา แค่เพียงเธอเอ่ยปากบอกว่าอยากได้มันมาครอบครองพี่วินก็ยอมซื้อให้แล้ว“นี่พี่ต้องโดนอีกแล้วใช่ไหมคะเนี่ย” เขาแกล้งทำสีหน้าสลดไปอย่างนั้นเพื่อเพิ่มสีสัน ใจนั้นยินดีจะจ่ายค่าปรับแสนแพงให้อย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว“จะไม่ยอมจ่ายให้หนูเหรอคะ”“ตรงกันข้ามจะรีบจ่ายให้ทันทีเมื่อกลับเข้ากรุงเทพ”“มันต้องแบบนี้สิคะสามีขา” มือเรียวประคองใบหน้าคมสันไว้แล้วจุมพิตแบบไม่มีกั๊ก หัวเราะคิกเมื่อถูกอนาวินยึดแก้มไว้แล้วระดมจูบกลับคืนมาชุดใหญ่“รักเมียขานะคะ”“หนูก็รักสามีขานะคะ”อนาวินรัดร่างกลมกลึงที่ยังคงนอนอยู่บนตัวเขาเอาไว้แน่น อากาศที่ค่อนข้างร้อนกลับไม่ส่งผลให้ทั้งสองคนอยากแยก
อนาวินพลิกตัวนอนหงายเพื่อรองรับร่างกายนุ่มนิ่มไปทุกสัดส่วนที่ปีนป่ายขึ้นมานอนทับอยู่บนตัวแทนการนอนแคร่ไม้ไผ่ โดยแนบแก้มหอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็กไว้ตรงหัวไหล่ข้างหนึ่ง ไม่ได้หลับหรือละเมอแต่กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือในมือ เดิมทีแค่พาดขาก่ายแต่ตอนนี้ภรรยาตัวน้อยปรับเปลี่ยนท่าทางอีกแล้ว พลางชะโงกหน้าจูบที่ขมับบางอยู่หลายครั้งติดอย่างมันเขี้ยวปนเอ็นดูเมียรัก ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยสูดหอมละมุนเข้าปอดอย่างชื่นใจ เขาชอบที่จะให้จัสมินคลอเคลียทำตัวติดกัน และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนสวยของเขาก็ชอบเกาะติดสามีขาเช่นเดียวกัน วันไหนที่มีเหตุไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นอันทำงานทำการอะไรเท่าไหร่ เพราะเอาแต่โทรหากันจนเครือข่ายโทรศัพท์ไฟแทบลุกไหม้ เนื่องจากไม่ได้พักผ่อนคู่สาย อันนี้เขาไม่ได้พูดเองแต่น้องสาวสุดที่รักเป็นคนค่อนขอด“พี่วินขา หนูอยากกินกีวีจังเลยค่ะ ป้อนหนูหน่อยค่ะสามีขา” เสียงใสร้องบอกสามีสุดที่รักโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้านิตยสารแฟชั่นฉบับล่าสุดของเดือนนี้ ไม่ได้ชื่นชอบแฟชั่นจ๋าก็จริง แต่อะไรที่ออกมาใหม่แล้วโนจัสมินคนนี้ก็ไม่เคยพลาด“อ้าปากค่ะ” กีวีชิ้นพอดีคำยื่นมาจ่อตรงปากสีสดทั
“ง่วงจังค่ะสามีขา” จัสมินเอนแผ่นหลังพิงอกสามีที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างผ่อนคลาย “ยังไม่ให้ง่วงตอนนี้หรอก” ใบหน้าคมสันยื่นจูบเรียวปากสวย เลาะเล็มชิมความหวานสลับดูดเม้มตามจุดที่พึงปรารถนา พลางเคล้นคลึงดอกบัวตูมปริ่มน้ำ ขับไล่ความง่วงงุนที่เริ่มเข้ามาเกาะกินจัสมินให้กระเด็นออกไปไกล ๆ“อืม” เสียงครางยาวดังขึ้นเมื่อคนเกียจคร้านและอยู่ในอาการอยากนอนถูกปรับเปลี่ยนการนั่งจากหันหลังให้แก่กัน กลายเป็นนั่งคร่อมตักกว้างเอาไว้ พลางแนบซบใบหน้าผุดผาดกับซอกคอแกร่ง โดยมีฝ่ามืออบอุ่นคอยลูบไล้ “สองรอบแล้วสามีขาจะให้เมียขานอนตามสบายโอเคไหมคะ” จุมพิตลาดไหล่เนียน ซุกไซ้หลังลำคอ พลางโยกร่างบอบบางบนตักให้ร่างกายได้เสียดสีกัน“กินมากเดี๋ยวจุกกันพอดีค่ะ” อนาวินหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดูก่อนจะจูบเม้มที่เรียวปากจิ้มลิ้มฉ่ำวาว “จุกไม่กลัว พี่กลัวจะกินไม่อิ่มมากกว่า” ตอบคนช่างฉอเลาะที่ผงกศีรษะขึ้นมาตวัดค้อนอย่างน่ารัก เขายิ้มรับและก้มหน้าลงครอบอครองยอดอกสีหวานแทน “งื้อ” จัสมินครางเสียงหงุงหงิง แล้วแอ่นตัวไปด้นหลังอย่างเผลอไผล เป็นการเปิดทางให้คนหิวได้กินถนัดถนี่มากกว่าเดิม และเหมือนน้ำอุ่นมันจะร้อนขึ้นด้วย“ขา
“พี่วินชักจะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะคะ” ต่อว่าสามีเสียงเง้างอด และเตรียมตั้งท่าจะขยับกายลงจากเตียงเมื่อสามีสุดที่รักล่าถอยห่างออกไปหลายก้าว ภายใต้บุคลิกนิ่งเฉยที่พี่วินแสดงออกมันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น“พี่เอาแต่ใจกับเมียผิดด้วยเหรอคะ เอาล่ะเลิกต่อว่าสามีขาได้แล้ว พี่พาไปล้างตัวดีกว่า แต่เห็นทีพี่คงไม่สามารถบริการหนูทั้งในชุดนี้ได้คงต้องถอดมันออกก่อน” มือใหญ่เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ภรรยาช่างอ้อนและช่างเอาใจเลือกให้ใส่ ยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวยที่ตวัดค้อนให้ควักอย่างมันเขี้ยว “ถ้าลุกหนีคืนนี้พี่จะทำโทษทั้งคืนนะคะ โปรแกรมเที่ยวที่วางเอาไว้ก็ยกเลิกด้วย จะคิดว่าพี่แค่ขู่ก็ได้นะ” เท่านั้นแหละหน้างอง้ำเป็นจวักตักแกงเลย “ใจร้าย” ทำปากยื่นแล้วยกแขนเกี่ยวคอให้สามีอุ้มอย่างไม่อิดออดหรือเล่นตัว มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องยอมให้ท่านประธานใหญ่เขาบริการให้ตามใจชอบ ดีจะตายมีคนคอยอาบน้ำขัดตัวให้ถึงแม้จะมือปลาหมึกไปหน่อยก็ตาม“พี่เคยใจร้ายจริงจังสักกี่ครั้งหืม” อนาวินพาภรรยาสาวน้อยมายืนใต้ฝักบัว สายน้ำเย็นฉ่ำที่รินรดช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายสดชื่น ใบหน้างามเลยผุดเผยรอยยิ้มกว้างกระจ่างใส เลยทำให้เขาพลอยยิ้
“นอนหงายหน่อยดีไหมคะ” “พี่วินไม่ฟังหนู”“พี่อยากเป็นคนนวดให้จัสมินด้วยตัวเองค่ะ เรื่องงานพี่ไว้ทีหลังได้เอาตามที่พี่พูด ตกลงไหมครับ” เขาชอบที่จะเอาใจเมียแบบนี้ ไม่ว่าใครจะมีความคิดเห็นอย่างไรเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจหรือใส่สมองให้มันเปลืองพื้นที่โดยใช่เหตุ เขาอยากให้จัสมินได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำให้ได้“หนูขัดพี่วินไม่เคยได้เลย” พูดเสียงยุ่งแต่ก็ยอมพลิกกายนอนหงายตามที่สามีแนะนำ คนที่กลืนน้ำลายกลายเป็นอนาวินเมื่อดอกบัวตูมของเขาผลิบานไร้สิ่งปกปิดความงดงาม ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ค่อยชอบใจที่จะให้ภรรยาตนเองมานอนนวด แม้จะอยู่ในโรงแรม ห้องหับมิดชิด คนดูแลมีอายุก็ตามอนาวินลงมือกับความเต่งตึงของก้อนเนื้อที่นูนเด่นขึ้นมาทั้งสองข้างอย่างตั้งใจ ลำคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน เห็นอยู่ทุกวันและสัมผัส ทุกวันอีกเช่นกัน ก็ไม่อาจทำให้หายจากอาการตื่นเต้นได้ แต่ก็ยังคงควบคุมอาการของตัวเองได้เป็นอย่างดี ส่วนฝ่ายคนได้รับการบริการระดับพรีเมียมจากท่านประธานใหญ่เริ่มบิดกายเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยปิดสนิท ริมฝีปากขบกัน หน้าท้องแบนราบแขม่วเกร็งเป็นระยะ ตรงส่วนนี้แม้แต่ป้าสายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้อง มีแ
ก่อนที่เราสองคนจะแต่งงานกันพี่วินงอแงหัวเสียแทบทุกวัน เหตุผลคืออยากนอนกอดทุกคืนแต่ทำอย่างใจคิดไม่ได้ ในระยะหลังจึงชอบหาข้ออ้างในการไปทำงานต่างจังหวัดแล้วพาเธอไปโน่นไปนี่ด้วยเป็นประจำ แถมยังชอบจับกินด้วย ยิ่งวิชาที่ลงเรียนก่อนจะจบมีแค่สองตัวด้วยเลยทำให้มีเวลาว่างเยอะ พี่วินเลยหอบหิ้วพาไปเที่ยวด้วยได้อย่างที่วางแผนเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า และถึงอย่างนั้นใช่ว่าป๋าจะยอมโดยง่าย ทุกครั้งที่ไปจะต้องมีเพื่อนรักตามติดก้นไปด้วยเสมอ โดยที่ป๋าท่านไม่ทราบเลยว่าเพื่อนรักของลูกสาวคนนี้น่ะเข้าข้างพี่วินมากกว่าป๋าที่บอกกันว่ากลัวนักกลัวหนาซะอีกและถึงจะแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ป๋าก็ยังคงเขม่นพี่วินอยู่แต่น้อยกว่าเดิมเยอะเลย เพราะพี่วินเขาเข้าไปช่วยป๋าทำงานด้วยน่ะสิ มามี๊เลยชอบหยอกล้ออยู่บ่อยครั้งว่าอย่างนี้จะไม่รักลูกเขยแสนดีคนนี้ได้ยังไงไหว ส่วนเธอการปรับเปลี่ยนตัวเองหลังจากแต่งงานเธอก็ไม่ต้องปรับอะไรมากนอกเสียจากทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเพื่อให้สมกับตำแหน่งภรรยาของท่านประธานใหญ่ แต่พี่วินเขาบอกว่าอยากให้เธอเป็นเธอมากกว่า ไม่ว่ายังไงก็รักไม่เปลี่ยนแปลง อบอุ่นหัวใจเมื่อสามีบอกรักแทบทุกเวลาอา...