เจ้าของร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรเพิ่งก้าวขาออกจากลิฟต์มีอันต้องชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นหญิงสาวที่เขาจำได้ว่าเธอคือหนึ่งในลูกศิษย์ของเขา ร่างเพรียวระหงที่คาดเดาว่าน่าจะหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรแต่งกายด้วยชุดเดรสสายเดี่ยวสีชมพูกะปิ ผ้าปักลายดอกสีขาวผสมงานปักเลื่อมคริสตัลระยิบระยับ ตัวทรงกระโปรงพองคล้ายทรงบัลเล่ต์ สั้นประมาณหัวเข่า อวดขาเรียวยาว และรองเท้าส้นสูงสีเงินระยิบระยับที่เดาว่าน่าจะสองนิ้ว อดที่จะชื่นชมไม่ได้ว่าช่างเลือกชุดได้เข้ากับตัวเองเป็นอย่างมากเพราะสวยหวานน่ารักไปทั้งตัว เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้ในร่างของมนุษย์ไม่มีผิด
“หาอะไรอยู่รึเปล่า” เขาคิดว่าเธอต้องเห็นเขาแล้วแหละแต่ทำเป็นมองไม่เห็น เขาจึงต้องพาตัวเองเข้ามาหา อย่างน้อยๆ ตอนนี้ก็ได้ชื่นว่าลูกศิษย์แต่กลับทำเมินเหมือนเขาคืออากาศธาตุที่เจ้าหล่อนจะสนใจหรือไม่สนใจก็ได้อย่างนั้นเหรอ มันน่านักเชียว “คะ เอ่อ อาอะ...อาจารย์อนาวิน คือว่าหนู...หนูกำลังจะไปห้องน้ำน่ะค่ะแต่จำทางไม่ได้” จัสมินสะดุ้งนิดๆและเกิดอาการติดอ่างขึ้นมาปัจจุบันทันด่วน เมื่ออยู่ๆ ดันมาเจออาจารย์อนาวินเดินเข้ามาทัก ยังไงล่ะคือมันก็ไม่เชิงทักทายใช่ไหมแบบนี้ ความประหม่าเล็กน้อยที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะดวงตาที่มองมาแม้จะดูเรียบเฉยแต่ทำไมเหมือนมันไม่สงบนิ่งอย่างที่เห็นก็ไม่รู้ “ตามมาสิเดี๋ยวผมจะพาไปเอง คงไม่คิดว่าผมจะล่อลวงคุณไปไหนหรอกใช่ไหมครับจัสมิน” สีหน้าเหรอหราที่ลูกศิษย์สาวน้อยแสดงออกมาอย่างงงๆนั้นช่างน่าแกล้งเสียจริง ไหนจะท่าทางเหมือนกับจะกลัวๆเขาอีก “คะ หนูไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเลยนะคะ” โบกไม้โบกมือเป็นพัลวันให้เชื่อว่าไม่ได้คิดอย่างที่เขาพูด และพอรู้ว่ามันคือการแกล้งหยอกล้อแบบหน้าตายก็ขบริมฝีปากแน่นอย่างขุ่นเคืองเล็กๆ นี่เขาเห็นเธอหลอกง่ายใช่ไหม “งั้นก็ตามมาได้แล้วครับคุณผู้หญิง ผมรู้จักที่นี่ดีไม่ต้องกลัวว่าจะพาหลงหรอก” ทุกตารางนิ้วของที่นี่เขารู้หมดว่าอะไรอยู่ตรงไหน ดังนั้นการพาไปทางไหนย่อทวางใจได้ “ค่ะ แต่ความจริงแล้วแค่บอกทางหนูมาก็ได้นะคะ คือหนูไม่อยากรบกวนน่ะค่ะเกรงใจ” เขาเป็นถึงอาจารย์เธอเชียวนะ ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดเดินไปส่งถึงที่ก็ได้ “ผมไม่ชอบคนขัดใจ” เขาพูดเสียงขรึมให้รู้ว่าที่บอกนั้นเรื่องจริง “งั้นก็เดินนำหนูไปสิคะ” บอกมาขนาดนี้ไม่อยากขัดใจเดี๋ยวจะพาลขู่หักคะแนนขึ้นมาอีก อนาวินยิ้มเมื่อหันไปมองตุ๊กตามีชีวิตที่เดินตามหลังมาต้อยๆด้วยใบหน้างอๆ ก็อารมณ์ดีแปลกๆ ความจริงแค่ชี้นิ้วแล้วบอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างที่เจ้าตัวต้องการก็น่าจะพอแต่ไม่รู้ทำไมถึงอยากจะพาไปส่งถึงที่ เหตุผลที่คิดน่าจะพอหักล้างกันได้ในนาทีนี้คงเป็นเพราะปล่อยไปอาจจะเดินไปชนใครเข้า “เอ่อ อาจารย์มาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอคะ” บรรยากาศมันดูเงียบจนเกินไปเลยลองชวนคุยเพื่อผูกมิตรแต่ไม่รู้ว่าคำถามเมื่อสักครู่มันจะละลาบละล้วงเกินไปไหม “ผมมาทำงานเพราะที่นี่คืองานหลักที่ต้องรับผิดชอบแล้วเราล่ะมาทำอะไรที่นี่ มาทานข้าว มานั่งดื่ม มาเดทหรือว่ามาทำอะไรงั้นเหรอครับจัสมิน” คิ้วเข้มเลิกขึ้นแล้วชะลอฝีเท้าเพื่อให้คนขาสั้นกว่าได้เดินทันกัน และแปลกที่เขากลับไม่อยากได้รับคำตอบที่ว่ามาเดททั้งที่ไม่ใช่กงการอะไรของตัวเอง คำถามของอนาวินเป็นแบบกว้างๆ มีหลายตัวเลือกแต่คนที่โดนถามกลับรู้สึกว่ามันคือการจับผิดเพราะที่กล่าวมานั้นไม่ใช่เลยสักนิด หรือเขาคิดว่าเราเป็นสาวไฟแรงสูง แค่คิดก็ส่งสายตาวิ้งๆ มองแล้วค้อนประหลับประเหลือก “หนูมางานการกุศลกับป๋าแล้วก็มามี๊ ไม่ได้มาทำอะไรน่าเกลียดนะคะ โปรดอย่าเข้าใจผิด ไม่ได้มาเดท หนูไม่เคยมีแฟนจะเดทได้ยังไง” แล้วทำไมเราจะต้องขยายความเพิ่มเหมือนร้อนตัวแบบนี้ด้วยล่ะ จัสมินปากยื่นนิดๆ เมื่อขัดใจตนเอง คำพูดแสนซื่อและดวงตาใสแจ๋วเปล่งประกายมันทำให้เชื่อหมดใจว่าสิ่งที่บอกนั้นคือเรื่องจริง จัสมิน บัตเตอร์ นามสกุลคุ้นหูที่ได้ยินบ่อยครั้ง ลูกสาวของมาร์ติน บัตเตอร์ ผู้ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความหวงลูกหวงเมีย “หึ ผมไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นเลยนะสาวน้อย เอาล่ะถึงแล้วเชิญเข้าไปทำธุระตามสบาย” สาวน้อยที่ว่าแก้มแดงหน่อยๆจะด้วยเพราะอะไรก็ตามก็สุดจะคาดเดาแต่มันน่าเอ็นดูไม่น้อย เขาต้องบ้าหรือไม่ก็ผิดปกติอะไรสักอย่างไปแล้วแน่ๆ ที่คิดอยู่อย่างเดียวน่าแม่ลูกศิษย์นามว่าจัสมินน่ารักทุกอิริยาบถ “ขอบคุณค่ะ” กล่าวขอบคุณแล้วรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่าง รีบร้อนโดยมีสายตาของอาจารย์อนาวินมองตามหลังเข้าไปก่อนเจ้าตัวจะส่ายหน้าน้อยๆ กับตัวเอง จัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็เดินเอื่อยๆ ออกมา ไม่หวังว่าจะเจอคนที่พามาส่งถึงหน้าห้องน้ำอยู่แล้วและมันก็จริงดังคาดเพราะไม่มีเขายืนรอยู่จริงๆ ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย อึดอัดนิดๆเมื่อต้องอยู่ใกล้อาจารย์ที่เหมือนคนแปลกหน้าต่อกันอยู่ดี แต่อีกใจหนึ่งก็คัดค้านว่าเขาไม่ได้น่ากลัวหรืออันตรายใดๆ ออกจะใจดีด้วยซ้ำ “แกล้งไม่เห็นหรือว่าเห็นแล้วแต่ไม่สนใจ” เขาถามอย่างใจเย็นเมื่อเห็นว่าสาวน้อยที่พามาเข้าห้องน้ำเดินมาแต่เหมือนในหัวกำลังคิดอะไรถึงไม่เห็นว่าเขายืนอยู่ เห็นว่าตรงนี้มันค่อนข้างลับสายตาคนเลยไม่กล้าปล่อยไว้คนเดียว แม้จะมั่นใจในความปลอดภัยของโรงแรมตัวเองแต่อะไรก็รับประกันไม่ได้ว่าจะไม่มีอะไรจริงๆ เพราะค่ำคืนนี้มันมีงานประมูลของมีค่ามากมาย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลป้องกันเหตุร้ายหนาแน่นก็จริงแต่เพื่อความไม่ประมาทเขาจึงไม่กล้าเสี่ยงทิ้งแม่สาวน้อยแสนซุ่มซ่ามตามลำพัง “ทำไมยังอยู่อีกล่ะ” พึมพำด้วยความแปลกใจจนคิ้วเรียวขมวดกันยุ่งเมื่อกี้ไม่มีเพราะเขามาอยู่ตรงปากทางเข้าตรงด้านหน้างั้นเหรอ รอทำไมไม่ใช่เด็กแล้วนะที่ต้องมีผู้ใหญ่มาคอยดูแล สารพัดคำถามตีกันให้วุ่นวายสับสน “ไปกันเถอะ” “ไปไหนเหรอคะ” “พาเด็กหลงทางไปส่งให้คุณพ่อคุณแม่ กลัวพวกท่านจะเป็นห่วง” คำพูดที่ไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมาทำให้คนฟังอดค่อนขอดไม่ได้ เหมือนจะตลกแต่ไม่เห็นยิ้มนอกจากหน้านิ่งๆ แต่สายตาที่จัสมินไม่ทันเห็นแฝงไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ใครได้เห็นคงใจเต้นก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมคือเรียบนิ่ง เด็กหลงทางค้อนแล้วทำปากขมุบขมิบที่คนหูดีได้ยินแว่วๆ ว่า ‘ไม่ใช่เบบี๋ เป็นสาวแล้วต่างหาก’ สาวที่เขารู้จักส่วนมากเจ้าหล่อนทั้งหลายจะมีแต่มุมสวยอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ตามเมื่อยามอยู่ต่อหน้าเพศตรงข้าม และเท่าที่สังเกตไม่มีใครแสดงอาการเง้างอนได้เป็นธรรมชาติเท่าสาวที่มองยังไงก็เหมือนไม่โตคนนี้อยู่ดี“คล้ายกันนิดหน่อยก็ไม่ได้ด้วยเหรอคะ พี่เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเมียพี่หวงสามีแม้กระทั่งคำพูด” อนาวินนิ่วหน้าคล้ายไม่ทันเกมของภรรยาแสนดื้อที่ชักจะเจ้าเล่ห์ขึ้นทุกวัน“ต้องหวงสิคะ กับสามีนี่ยิ่งต้องหวงหนักเลย เพราะว่ามันมีค่าลิขสิทธิ์ พี่วินต้องจ่ายค่าปรับให้แก่หนูซึ่งก็คือรองเท้าคู่ใหม่ที่เพิ่งวางขายไปเมื่อวานนี้สักสองคู่เป็นอย่างต่ำ น้อยกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด ไม่ทราบว่ายินยอมพร้อมใจที่จะตอบโอเคเลยไหมคะสามีขา” ถึงไม่ใช้วิธีนี้แกล้งเขา แค่เพียงเธอเอ่ยปากบอกว่าอยากได้มันมาครอบครองพี่วินก็ยอมซื้อให้แล้ว“นี่พี่ต้องโดนอีกแล้วใช่ไหมคะเนี่ย” เขาแกล้งทำสีหน้าสลดไปอย่างนั้นเพื่อเพิ่มสีสัน ใจนั้นยินดีจะจ่ายค่าปรับแสนแพงให้อย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว“จะไม่ยอมจ่ายให้หนูเหรอคะ”“ตรงกันข้ามจะรีบจ่ายให้ทันทีเมื่อกลับเข้ากรุงเทพ”“มันต้องแบบนี้สิคะสามีขา” มือเรียวประคองใบหน้าคมสันไว้แล้วจุมพิตแบบไม่มีกั๊ก หัวเราะคิกเมื่อถูกอนาวินยึดแก้มไว้แล้วระดมจูบกลับคืนมาชุดใหญ่“รักเมียขานะคะ”“หนูก็รักสามีขานะคะ”อนาวินรัดร่างกลมกลึงที่ยังคงนอนอยู่บนตัวเขาเอาไว้แน่น อากาศที่ค่อนข้างร้อนกลับไม่ส่งผลให้ทั้งสองคนอยากแยก
อนาวินพลิกตัวนอนหงายเพื่อรองรับร่างกายนุ่มนิ่มไปทุกสัดส่วนที่ปีนป่ายขึ้นมานอนทับอยู่บนตัวแทนการนอนแคร่ไม้ไผ่ โดยแนบแก้มหอมกรุ่นกลิ่นแป้งเด็กไว้ตรงหัวไหล่ข้างหนึ่ง ไม่ได้หลับหรือละเมอแต่กำลังตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือในมือ เดิมทีแค่พาดขาก่ายแต่ตอนนี้ภรรยาตัวน้อยปรับเปลี่ยนท่าทางอีกแล้ว พลางชะโงกหน้าจูบที่ขมับบางอยู่หลายครั้งติดอย่างมันเขี้ยวปนเอ็นดูเมียรัก ยกมือขึ้นลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยสูดหอมละมุนเข้าปอดอย่างชื่นใจ เขาชอบที่จะให้จัสมินคลอเคลียทำตัวติดกัน และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น คนสวยของเขาก็ชอบเกาะติดสามีขาเช่นเดียวกัน วันไหนที่มีเหตุไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่เป็นอันทำงานทำการอะไรเท่าไหร่ เพราะเอาแต่โทรหากันจนเครือข่ายโทรศัพท์ไฟแทบลุกไหม้ เนื่องจากไม่ได้พักผ่อนคู่สาย อันนี้เขาไม่ได้พูดเองแต่น้องสาวสุดที่รักเป็นคนค่อนขอด“พี่วินขา หนูอยากกินกีวีจังเลยค่ะ ป้อนหนูหน่อยค่ะสามีขา” เสียงใสร้องบอกสามีสุดที่รักโดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้านิตยสารแฟชั่นฉบับล่าสุดของเดือนนี้ ไม่ได้ชื่นชอบแฟชั่นจ๋าก็จริง แต่อะไรที่ออกมาใหม่แล้วโนจัสมินคนนี้ก็ไม่เคยพลาด“อ้าปากค่ะ” กีวีชิ้นพอดีคำยื่นมาจ่อตรงปากสีสดทั
“ง่วงจังค่ะสามีขา” จัสมินเอนแผ่นหลังพิงอกสามีที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังอย่างผ่อนคลาย “ยังไม่ให้ง่วงตอนนี้หรอก” ใบหน้าคมสันยื่นจูบเรียวปากสวย เลาะเล็มชิมความหวานสลับดูดเม้มตามจุดที่พึงปรารถนา พลางเคล้นคลึงดอกบัวตูมปริ่มน้ำ ขับไล่ความง่วงงุนที่เริ่มเข้ามาเกาะกินจัสมินให้กระเด็นออกไปไกล ๆ“อืม” เสียงครางยาวดังขึ้นเมื่อคนเกียจคร้านและอยู่ในอาการอยากนอนถูกปรับเปลี่ยนการนั่งจากหันหลังให้แก่กัน กลายเป็นนั่งคร่อมตักกว้างเอาไว้ พลางแนบซบใบหน้าผุดผาดกับซอกคอแกร่ง โดยมีฝ่ามืออบอุ่นคอยลูบไล้ “สองรอบแล้วสามีขาจะให้เมียขานอนตามสบายโอเคไหมคะ” จุมพิตลาดไหล่เนียน ซุกไซ้หลังลำคอ พลางโยกร่างบอบบางบนตักให้ร่างกายได้เสียดสีกัน“กินมากเดี๋ยวจุกกันพอดีค่ะ” อนาวินหัวเราะในลำคออย่างเอ็นดูก่อนจะจูบเม้มที่เรียวปากจิ้มลิ้มฉ่ำวาว “จุกไม่กลัว พี่กลัวจะกินไม่อิ่มมากกว่า” ตอบคนช่างฉอเลาะที่ผงกศีรษะขึ้นมาตวัดค้อนอย่างน่ารัก เขายิ้มรับและก้มหน้าลงครอบอครองยอดอกสีหวานแทน “งื้อ” จัสมินครางเสียงหงุงหงิง แล้วแอ่นตัวไปด้นหลังอย่างเผลอไผล เป็นการเปิดทางให้คนหิวได้กินถนัดถนี่มากกว่าเดิม และเหมือนน้ำอุ่นมันจะร้อนขึ้นด้วย“ขา
“พี่วินชักจะเอาแต่ใจเกินไปแล้วนะคะ” ต่อว่าสามีเสียงเง้างอด และเตรียมตั้งท่าจะขยับกายลงจากเตียงเมื่อสามีสุดที่รักล่าถอยห่างออกไปหลายก้าว ภายใต้บุคลิกนิ่งเฉยที่พี่วินแสดงออกมันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น“พี่เอาแต่ใจกับเมียผิดด้วยเหรอคะ เอาล่ะเลิกต่อว่าสามีขาได้แล้ว พี่พาไปล้างตัวดีกว่า แต่เห็นทีพี่คงไม่สามารถบริการหนูทั้งในชุดนี้ได้คงต้องถอดมันออกก่อน” มือใหญ่เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่ภรรยาช่างอ้อนและช่างเอาใจเลือกให้ใส่ ยิ้มใส่นัยน์ตาคู่สวยที่ตวัดค้อนให้ควักอย่างมันเขี้ยว “ถ้าลุกหนีคืนนี้พี่จะทำโทษทั้งคืนนะคะ โปรแกรมเที่ยวที่วางเอาไว้ก็ยกเลิกด้วย จะคิดว่าพี่แค่ขู่ก็ได้นะ” เท่านั้นแหละหน้างอง้ำเป็นจวักตักแกงเลย “ใจร้าย” ทำปากยื่นแล้วยกแขนเกี่ยวคอให้สามีอุ้มอย่างไม่อิดออดหรือเล่นตัว มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องยอมให้ท่านประธานใหญ่เขาบริการให้ตามใจชอบ ดีจะตายมีคนคอยอาบน้ำขัดตัวให้ถึงแม้จะมือปลาหมึกไปหน่อยก็ตาม“พี่เคยใจร้ายจริงจังสักกี่ครั้งหืม” อนาวินพาภรรยาสาวน้อยมายืนใต้ฝักบัว สายน้ำเย็นฉ่ำที่รินรดช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ร่างกายสดชื่น ใบหน้างามเลยผุดเผยรอยยิ้มกว้างกระจ่างใส เลยทำให้เขาพลอยยิ้
“นอนหงายหน่อยดีไหมคะ” “พี่วินไม่ฟังหนู”“พี่อยากเป็นคนนวดให้จัสมินด้วยตัวเองค่ะ เรื่องงานพี่ไว้ทีหลังได้เอาตามที่พี่พูด ตกลงไหมครับ” เขาชอบที่จะเอาใจเมียแบบนี้ ไม่ว่าใครจะมีความคิดเห็นอย่างไรเขาไม่เคยเก็บมาใส่ใจหรือใส่สมองให้มันเปลืองพื้นที่โดยใช่เหตุ เขาอยากให้จัสมินได้รับความสะดวกสบายมากที่สุดเท่าที่ตนเองจะทำให้ได้“หนูขัดพี่วินไม่เคยได้เลย” พูดเสียงยุ่งแต่ก็ยอมพลิกกายนอนหงายตามที่สามีแนะนำ คนที่กลืนน้ำลายกลายเป็นอนาวินเมื่อดอกบัวตูมของเขาผลิบานไร้สิ่งปกปิดความงดงาม ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ค่อยชอบใจที่จะให้ภรรยาตนเองมานอนนวด แม้จะอยู่ในโรงแรม ห้องหับมิดชิด คนดูแลมีอายุก็ตามอนาวินลงมือกับความเต่งตึงของก้อนเนื้อที่นูนเด่นขึ้นมาทั้งสองข้างอย่างตั้งใจ ลำคอแห้งผากขึ้นมากะทันหัน เห็นอยู่ทุกวันและสัมผัส ทุกวันอีกเช่นกัน ก็ไม่อาจทำให้หายจากอาการตื่นเต้นได้ แต่ก็ยังคงควบคุมอาการของตัวเองได้เป็นอย่างดี ส่วนฝ่ายคนได้รับการบริการระดับพรีเมียมจากท่านประธานใหญ่เริ่มบิดกายเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยปิดสนิท ริมฝีปากขบกัน หน้าท้องแบนราบแขม่วเกร็งเป็นระยะ ตรงส่วนนี้แม้แต่ป้าสายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้อง มีแ
ก่อนที่เราสองคนจะแต่งงานกันพี่วินงอแงหัวเสียแทบทุกวัน เหตุผลคืออยากนอนกอดทุกคืนแต่ทำอย่างใจคิดไม่ได้ ในระยะหลังจึงชอบหาข้ออ้างในการไปทำงานต่างจังหวัดแล้วพาเธอไปโน่นไปนี่ด้วยเป็นประจำ แถมยังชอบจับกินด้วย ยิ่งวิชาที่ลงเรียนก่อนจะจบมีแค่สองตัวด้วยเลยทำให้มีเวลาว่างเยอะ พี่วินเลยหอบหิ้วพาไปเที่ยวด้วยได้อย่างที่วางแผนเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า และถึงอย่างนั้นใช่ว่าป๋าจะยอมโดยง่าย ทุกครั้งที่ไปจะต้องมีเพื่อนรักตามติดก้นไปด้วยเสมอ โดยที่ป๋าท่านไม่ทราบเลยว่าเพื่อนรักของลูกสาวคนนี้น่ะเข้าข้างพี่วินมากกว่าป๋าที่บอกกันว่ากลัวนักกลัวหนาซะอีกและถึงจะแต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ป๋าก็ยังคงเขม่นพี่วินอยู่แต่น้อยกว่าเดิมเยอะเลย เพราะพี่วินเขาเข้าไปช่วยป๋าทำงานด้วยน่ะสิ มามี๊เลยชอบหยอกล้ออยู่บ่อยครั้งว่าอย่างนี้จะไม่รักลูกเขยแสนดีคนนี้ได้ยังไงไหว ส่วนเธอการปรับเปลี่ยนตัวเองหลังจากแต่งงานเธอก็ไม่ต้องปรับอะไรมากนอกเสียจากทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเพื่อให้สมกับตำแหน่งภรรยาของท่านประธานใหญ่ แต่พี่วินเขาบอกว่าอยากให้เธอเป็นเธอมากกว่า ไม่ว่ายังไงก็รักไม่เปลี่ยนแปลง อบอุ่นหัวใจเมื่อสามีบอกรักแทบทุกเวลาอา...