เจนไม่เข้าใจว่าทำไมอดีตเพื่อนร่วมห้องของเธอถึงดูถูกเธอเมื่อเจอกันแบบนี้ เธอเป็นคนที่น่ารังเกียจ และน่ารังเกียจมากขนาดนั้นจริง ๆ หรือ?เธอขบที่มุมริมฝีปากของเธอเบา ๆ จนเกิดรอยยิ้มที่น่าเศร้าเธอมองซูซี่โดยไม่พูดอะไร การมองแวบนั้นไม่มีความหมายอะไรเป็นพิเศษเลย หรืออาจเป็นลักษณะของการมองเพียงแค่ "การระลึกความทรงจำ" หลังจากนั้นเธอก็หันหลังกลับค่อย ๆ เดินกะเผลกออกจากสายตาของซูซี่ซูซี่รู้สึกแย่มาก เหมือนมีคนมาบีบที่ลำคอของเธอ ด้วยความโกรธเธอกำมือแน่นเป็นหมัดที่ต้นขาของเธอ จ้องมองไปที่ร่างที่เดินจากไปอย่างร้ายกาจเธอไม่เข้าใจผู้หญิงคนนั้นช่างน่าสมเพช ทำไมเธอถึงแสดงทีท่าหยิ่งแบบนั้นต่อหน้าเธอได้ขนาดนี้!ผู้หญิงคนนั้น – เจน ดันน์!เธอมีสิทธิ์อะไรถึงอวดดีขนาดนี้?ยัยขาพิการ!ยัยสิ่งมีชีวิตที่น่าสงสาร ที่กระดิกหางและขอเงิน!แม่มดขี้เหร่ที่ไม่มีรูปลักษณ์หรือร่างกาย แต่ยังต้องการไปยั่วยวนผู้ชาย!ซูซี่จำใบหน้าที่ชวนให้หลงใหลของ ไฮด์ ได้อีกครั้ง และความโกรธของเธอก็ยิ่งลึกลงไปเท่านั้น…ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นฝ่ายที่เข้าหาคุณชายโซรอสก่อนแน่ ๆ!บางคนเฝ้าดูซูซี่ และเจนตลอดการเผชิญหน้า พวกเขาทั้งห
ฝันร้ายไม่รู้จบ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเธอยืนอยู่บนขอบหน้าผาและจู่ ๆ เธอก็ดิ่งลงเหว! ... เจนสะดุ้งตื่นไม่ใช่เพราะเธอตกหน้าผา แต่เป็นเพราะประตูด้านหลังเธอเปิดออกจากข้างใน"อะไรกันเนี่ย? ทำไมเธอถึงนอนที่ประตู และไม่นอนบนเตียงของเธอ "ซูซี่ไม่สนใจเจนทุกครั้งที่พบกัน หลังจากเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นทำตัวเย็นชาและห่างเหิน แม้ว่าเธอจะดูถูกเจน แต่เธอก็ไม่ได้คุยกับเจนเช่นกัน ราวกับว่าแค่คุยกับเจนตัวเธอก็จะถูกลดระดับลงอย่างไรก็ตามเมื่อเช้านี้ที่หอพักทั้งสองคนเจอกัน ซูซี่ได้คุยกับเจนจริง ๆ โดยทำเหมือนเป็นการแสดงออกถึงความเมตตาแต่…เธอไม่ได้พูดอะไรที่ดีเป็นพิเศษ มันอาจจะดีกว่าถ้าเธอไม่พูดอะไรเลย“ประตูถูกล็อคจากด้านในเมื่อคืนนี้”เจนพูดอย่างอ่อนโยน มีบางสิ่งที่ดีที่สุดที่ยังไม่ได้พูดเธอไม่ได้หวังคำขอโทษ เธอแค่อยากให้ซูซี่หยุดแค่นั้นซูซี่พูดอย่างเมินเฉย เสียงของเธอไปถึงหูของเจน“ โอ้ ~ มันถูกล็อคจากข้างในใช่ไหม? บางทีฉันอาจจะชนมันโดยบังเอิญ ตอนที่ฉันปิดประตูเมื่อคืนนี้”บังเอิญชนเข้าหรือเปล่า? ... คงไม่มีใครเชื่อเช่นนั้นเจนส่ายหัว เธอไม่อยากทะเลาะกับซูซี่เพราะหัวของเธอหนักขึ้นเรื่อย ๆ และรู้สึ
ซูซี่หายใจแรงด้วยความโกรธและใบหน้าสวย ๆ ของเธอเริ่มแดงก่ำการแสดงออกของเธอเลวร้ายยิ่งขึ้น “ถ้าเธอพูดในสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าไม่ใช่ความรัก แล้วเธอคิดว่าการกระทำที่สกปรกของเธอเช่นนี้ ถือว่าเป็นความรักอย่างนั้นหรือ?”แม้แต่เจนก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อไหร่กันที่เธอบอกว่าความรักของซูซี่ไม่ใช่ความรัก?เธอแค่ถามว่าซูซี่ชอบเขามากขนาดไหนเจนก้มหัวลง สามปีสามารถล้างความเย่อหยิ่งในตัวของเธอได้ แต่ก็ไม่สามารถทำลายสติปัญญาของเธอได้เลยเห็นได้ชัดว่าเหตุผลเดียวที่ซูซี่รู้สึกร้อนรน เป็นเพราะคำพูดของเจนไปกระทบเธอในจุดที่มันเจ็บที่สุด เจนส่ายหัว“ทำไมเธอถึงส่ายหัว? เธอน่ารังเกียจมากที่เธอเที่ยวกระดิกหาง และหลอกล่อเย้ายวนผู้ชายทุกคนเพียงเพื่อเงิน เธอมีสิทธิ์อะไรถึงมาส่ายหัวใส่ฉัน? หมายความอะไร? เธอจะปั่นประสาทฉันหรอ? ฉันจะบอกเธอให้นะ เจน ดันน์ ทุกคนในโลกนี้ใคร ๆ ก็สามารถดูถูกเธอได้ แต่เธอไม่มีสิทธิ์มาดูถูกคนอื่น”ร่างกายของเจนกระตุก และศีรษะที่ก้มลงของเธอก็ยิ่งต่ำลงไปอีกด้วยความหดหู่ ใช่ทุกคนในโลกสามารถดูถูกเธอได้ แต่เธอไม่มีสิทธิ์ไปดูถูกคนอื่นได้เลย‘ฌอน สจ๊วตตอนนี้คุณมีความสุขไหมนะ?
คุณหมอเดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน “คุณเป็นครอบครัวของเธอหรือเปล่าครับ?”ซูซี่ลังเล “หนูเป็นเพื่อนร่วมงานของเธอค่ะ เธอโอเคไหมคะ?”คุณหมอในชุดขาวมองเธอแบบไม่สู้ดีนัก “รบกวนโทรหาครอบครัวเธอทีครับ”ใบหน้าของซูซี่ซีดลงทันที “คุณหมอมันร้ายแรงมากเลยเหรอคะ?” หัวใจของเธอเต้นแรง ถ้าเจนตาย…นั่นหมายความว่าซูซี่เป็นฆาตกรหรือเปล่า?ไม่ ไม่ เธอไม่ใช่ ไม่ใช่ความผิดของเธอ เจนล้มลงด้วยตัวเธอเอง เธอ- เธอช่วยชีวิตเจนด้วยการพาเจนมาส่งที่โรงพยาบาลด้วยซ้ำหากใครพบว่าอุบัติเหตุของเจนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ เธอ ... เธอจะต้องถูกไล่ออกอย่างแน่นอนเธอทำงานหนักมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยเอส แล้วเธอจะ ... !ในขณะนั้นซูซี่อยู่ในอาการวิงเวียนศีรษะ จิตใจของเธอเต้นแรงราวกับว่าเธอวิ่งไปหนึ่งไมล์ต่อนาทีโดยพิจารณาถึงผลที่ตามมาหากมีอะไรเกิดขึ้นกับเจน และคนอื่น ๆ พบว่ามันเป็นความผิดของเธอ เธอคิดด้วยซ้ำว่า ไฮด์ โซรอส จะมองเธออย่างไร ถ้าเขาได้รู้ความจริง“คุณหมอคะ เจน ดันน์…นั่นคือชื่อเพื่อนร่วมงานของฉันเธอกำลังจะตายจริง ๆ เหรอคะ?”หมอขมวดคิ้ว และมองซูซี่ด้วยความประหลาดใจ “ใครบอกว่าเธอกำลังจะตาย?”“ละ -
ซูซี่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปที่เชอร์รี่ เธอไม่ตอบเชอร์รี่แต่ถามกลับแทนว่า “เธอล่ะ? เธอชอบคุณชายโซรอสไหมเชอร์รี่?” เชอร์รี่รีบโบกมือบอกว่า “อ๋อ ไม่ใช่ฉัน มีคนอีกมากมายที่ชื่นชอบคุณชายโซรอส”ความเฉียบคมในการจ้องมองของซูซี่จางหายไป และเธอแนะนำเชอร์รี่แบบตรง ๆ ว่า “ขอบคุณพระเจ้า ที่เธอไม่ได้ชอบเขาเชอร์รี่ ฉันหมายถึงเมื่อพิจารณาว่าเขาเป็นผู้ชายแบบไหน ฉันแน่ใจว่าเขามีรสนิยมที่สูงจริง ๆ ผู้หญิงคนไหนที่จะจับคุณชายโซรอสได้อยู่หมัด คน ๆ นั้นจะต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ”"คุณชายโซรอสอยู่ที่นี่ ที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ เพื่อความสนุกสนานเพียงเท่านนั้น ดังนั้นไม่มีทางที่เขาจะตกหลุมรักพวกเธอเหล่านั้นหรอก เชอร์รี่ฉันไม่ได้พยายามทำให้ใครขุ่นเคืองนะ แต่ฉันมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขามีมาตรฐานที่สูงมาก ๆ อย่าวิ่งแจ้นไปหาเขาแล้วทำตัวง่าย ๆ เชียว มันเหมือนผู้หญิงที่ราคาถูก มิฉะนั้นเธอจะต้องจบลงด้วยความช้ำใจ”ด้วยเหตุนี้เธอจึงเห็นว่าศีรษะของเชอร์รี่ลดลง และเธอก็เงียบไม่พูดอะไร ซูซี่เม้มริมฝีปากสีชมพูระเรื่อของเธอพร้อมกับจับมือของเชอร์รี่ “เชอร์รี่ฉันพูดทุกอย่างทั้งหมดนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเองเลยนะ ฉันหม
มันเป็นเรื่องปกติ ที่เจนต้องอยู่อย่างไร้ความเข้มแข็ง เธอต้องก้มหน้าก้มตายอมรับคำดูถูกด่าทอที่ไม่สมเหตุสมผลจากซูซี่ รวมไปถึงคำขอต่าง ๆ จากซูซี่ทุกครั้งไปอย่างไรก็ตามในมุมที่ลึกที่สุดของหัวใจ เธอนั้นมีความโลภ - เธอต้องการ "ความเคารพ" ที่เธอเสียไปเมื่อนานมาแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องได้รับการชื่นชมอย่างที่เธอเคยเป็น เธอเพียงแค่ต้องการความเคารพขั้นพื้นฐานที่สุด ที่เธอควรได้รับเหมือน ๆ กับคนปกติทั่วไปในฐานะ “มนุษย์คนหนึ่ง”อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่ามันจะไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับเธอหลังจากนั้นเจนได้ซ่อนหัวใจที่มีรอยแผลเป็นอย่างหนักของเธอไว้ลึกลงไปอีก โดยซ่อนสิ่งที่หัวใจของเธอปรารถนามากที่สุดไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่มีใครเข้าไปถึงที่นั่นได้ ซึ่งมันมืดมิดเงียบสงบและหนาวเหน็บราวกับความเงียบเหงาอันไร้เสียงในท้องทะเลลึกซูซี่จากไป และกลับมา และจากไปอีกครั้ง เธอมักจะมาในช่วงเวลาอาหาร และจากไปทันทีที่เธอทิ้งอาหารไว้ให้เจน“ฉันอยากที่จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ในคืนที่สี่หลังจากเกิดอุบัติเหตุ ซูซี่วางกล่องอาหารที่เธอซื้อมาบนลิ้นชักข้างเตียงในโรงพยาบาลตามปกติอย่างไร้อารมณ์ และเธอก็หันหลังจะเดินออกไป แต่เมื่
รถแท็กซี่ขับไปที่ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์ และเจนก็ก้าวออกมาจากรถยืนอยู่ที่หน้าประตูของ อีสต์ เอ็มเพอเรอร์สถานบันเทิงนานาชาติ สถานที่แห่งนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุง แต่ก็ยังคงเปิดให้บริการอยู่อย่างคึกคักเธอไม่รีบร้อนที่จะเข้าไป แต่กลับยกมือขึ้นและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่อย่างพิถีพิถันจัดระเบียบของตัวเอง จากนั้นเธอก็ฉีกผ้าพันแผลที่หน้าผากออก และใช้ผมหน้าม้าปิดแผลที่ถูกเย็บสามหรือสี่เข็มนั้นไว้เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็ยืดหลังให้ตรง แม้ว่ากระดูกสันหลังของเธอจะโค้งงอมาสามปีแล้ว แต่เธอก็พยายามยืดออกเพื่อให้มันดูดี ดวงตาของเธอมองตรงไปข้างหน้า เจนยกขาขึ้นแล้วเดินเข้าไปใน อีสต์ เอ็มเพอเรอร์สถานบันเทิงนานาชาติ ที่มีแสงสีสว่างจ้าอยู่ข้างในด้านหลังของเธอมีรถเฟอร์รารีสีน้ำเงินจอดอยู่ที่ประตู อีสต์ เอ็มเพอเรอร์สถานบันเทิงนานาชาติ ภายใต้กระจกรถเผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลามาก ชายนิรนามคนนั้น คนที่ได้เห็นการสนทนาทั้งหมดระหว่างเจนและซูซี่ที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ตอนนี้ใบหน้าอันหล่อเหลาน่าทึ่ง และดวงตาที่เย้ายวนนั้นเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นของการล่า ... และความซาดิสม์!“เจน ดันน์หรอ?” สายตาของเขาจั
ใบหูของเจนร้อนผ่าว ลมหายใจของชายนิรนามคนนี้ใกล้และชัดเจนมาก ลมหายใจของเขาเข้าไปในหูของเธอ เธอไม่สามารถเพิกเฉยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ แม้ว่าเธอจะไม่ต้องการที่จะมีปัญหาก็ใด ๆ ก็ตามแต่"ได้โปรดปล่อยดิฉันเถอะค่ะ" เธอกล่าวสิ่งที่เธอไม่คาดคิดคือ แทนที่ชายคนนี้จะปล่อยตัวเธอ ชายคนนี้กลับไม่แม้แต่จะถอยหลังออกไปด้วยซ้ำ อีกทั้งเขายังจงใจจะแกล้งเธอด้วยการพูดอย่างมีนัย ๆ ว่า "ได้สิ"ด้วยเหตุนี้เขาจึงปล่อยมือของเขาจากการจับตัวเจน ... เพียงแต่ว่าเขากลับงับไปที่ใบหูของเธออย่างทะเล้นแทนเจนตกตะลึง เธอได้พบกับผู้คนมากมาย แต่ก็ไม่มีใครเคยทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและลำบากใจได้ขนาดนี้มาก่อนเขาปล่อยเธอ…นั่นเป็นเรื่องจริงหรอ!อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หยุดเขา เขาเปลี่ยนมาจับเธอด้วยริมฝีปากของเขาแทนในเวลาเดียวกัน เจนไม่คุ้นเคยกับเสียงของผู้ชายคนนี้เลยเจนรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น…เธอมั่นใจว่าเธอไม่รู้จักผู้ชายนี้ เธอไม่คุ้นเคยกับเขาเลยจากนั้นเธอก็จำคำเตือนของผู้จัดการโคลที่หน้าประตูห้องได้ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่เธอก็อดทนต่อการปฏิบัติของเขาที่มีต่อเธอเธอค่อย ๆ เอียงศีรษะอย่างระมัดระวัง พยายามมองไ