หน้าหลัก / แฟนตาซี / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

แชร์

บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-12 17:37:34

เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของเธอถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการ

เมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา

“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด

“ไม่น่าจะยาก...” เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน

“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็บถั่วเขียวทีละเม็ด ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ต่างจากเมื่อวันก่อนที่ดูมั่นคง ทำเอาพี่หลินที่เดินผ่านมาเห็นเข้า ต้องถอนใจเบา ๆ “ค่อย ๆ ทำนะเสี่ยวซุ่ย ถ้าไม่มั่นใจก็เรียกให้ช่วย ไม่ต้องฝืนคนเดียว”

“เจ้าค่ะ ข้าจะระวัง” เสี่ยวซุ่ยรับคำเสียงเบา นางไม่กล้าบอกว่าก่อนหน้านี้เคยใช้เพียงพลังภายในควบคุมไฟและเคลื่อนวัตถุ จนไม่เคยต้องใช้แรงกายจุดฟืนจริง ๆ มานานนับพันปีจนจำวิธีไม่ได้

เมื่อพ้นจากงานครัว นางก็ช่วยเช็ดโต๊ะและยกน้ำชาให้แขก บางครั้งทำได้ดี แต่บางครั้งก็น้ำล้นถ้วย หรือเดินเฉี่ยวแขกเข้า จนเกือบสะดุดล้ม ต้องรีบขอโทษขอโพย

ผู้คนมองนางเป็นเพียงสาวใช้มือใหม่ที่ขยันแต่ยังเก้ ๆ กัง ๆ ไม่มีใครล่วงรู้ว่าในใจของเสี่ยวซุ่ยนั้นแสนจะสับสน

“บางอย่างข้ายังทำได้ บางอย่างก็ไม่ได้ ต้องทดสอบตัวเองสักหน่อยว่ายังทำอะไรได้บ้าง” ลั่วชิงคิดในใจ

หลังเลิกงานช่วงเย็น เสี่ยวซุ่ยกลับมานั่งคนเดียวในห้องเก็บของเล็ก ๆ ที่ถูกจัดไว้ให้นางใช้พักผ่อนระหว่างที่กำลังอยู่ในช่วงทดลองงาน นางถือแผ่นไม้กระดานกับถ่านไม้ขึ้นมาวางบนพื้น แล้วค่อย ๆ เขียนชื่อ "ลั่วชิง" ลงไปด้วยลายมือของตน

แต่ทันทีที่ตัวอักษรสัมผัสพื้นไม้ ความเจ็บวาบกลับแล่นผ่านปลายนิ้ว ราวกับเส้นประสาททั้งร่างสะท้าน เธอสะดุ้งเงยหน้าขึ้นทันที

“ไม่ได้... แม้แต่ชื่อของข้าก็เขียนไม่ได้...” นางพึมพำเบา ๆ ดวงตาเริ่มมีแววเศร้าแฝงความตระหนกอยู่ลึก ๆ

เธอเปลี่ยนมาลองเขียนคำอื่น ๆ เขียนได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนมากจะเป็นคำง่าย ๆ เช่น ข้าว น้ำ ชา ผ้า มือ โต๊ะ ฟืน ล้าง ปิด เปิด นายหญิง ห้อง ส่วนคำยาก ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตธรรมดา เช่น ลมปราณ พลังวัตร เซียน เวทมนตร์ ยันต์ มือของเธอจะเจ็บขึ้นมาจนไม่อาจจะเขียนได้ต่อไป

“นี่หรือคือขอบเขตของข้าในตอนนี้... มีบางอย่างที่ทำได้... มีบางอย่างที่แม้เริ่มจะเขียนก็เจ็บ” ลั่วชิงก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ

“หากมีโอสถฟื้นพลังอยู่สักเม็ด… ข้าคง...” นางคิดในใจ ทว่าสิ่งที่หลุดออกจากปากกลับไม่ใช่เช่นนั้น

“หากมี… ถั่วแดงต้มหวาน… ข้าคงอิ่มกว่านี้…”

ลั่วชิงในร่างเสี่ยวซุ่ยกระพริบตาถี่ หัวใจเต้นเร็วขึ้น สองมือกำชายเสื้อแน่น

“ไม่ใช่… ข้าไม่ได้จะพูดเช่นนั้น…”  เสี่ยวซุ่ยกัดริมฝีปากแน่น ความรู้สึกหวาดกลัวเริ่มแทรกขึ้นในหัวใจ

“ข้าว่า…ข้าควรเริ่มวาดยันต์วงจรอักขระเพื่อกระตุ้น” นางพยายามคิด ทว่าสิ่งที่ออกมาจากปากกลับเป็น

“ข้าควรเริ่มเย็บผ้ารูปวงกลม…ไว้ทำผ้ารองถ้วยชา…”

คำพูดแปลกประหลาดนั้นหลุดจากปากไปอีกครั้ง ทั้งที่ใจเธอไม่ต้องการจะพูดแบบนั้นเลย นางกัดฟันกรอก รู้ตัวเองดีว่านางไม่ใช่เซียนอีกต่อไปในเวลานี้

ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรต่อ เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นด้านนอก ก่อนที่บานประตูห้องจะเคาะเบา ๆ สองที

“เสี่ยวซุ่ย อยู่หรือไม่?” เสียงนุ่ม ทุ้ม ดังมาจากอีกฟากของประตู นางลุกขึ้นเปิดประตู ก็พบกับใครบางคนยืนถือถุงผ้าอยู่ในมือ ดวงตาของเขามีแววกังวลบางอย่าง

เขาเป็นชายหนุ่มในวัยยี่สิบต้น ๆ ผู้มีรูปลักษณ์ที่ไม่ได้งามหยาดเยิ้มหรือสูงศักดิ์เยี่ยงคุณชาย แต่กลับน่ามองในแบบที่หาได้ยากในผู้คนธรรมดา ผิวสองสีคล้ำแดดจากการทำงานกลางแจ้งเป็นประจำ แต่กลับดูสะอาดสะอ้านและสุขภาพดี คิ้วของเขาเข้มเป็นเส้นชัด จมูกของเขาไม่โด่งเด่น แต่ได้รูปดี รับกับริมฝีปากบางสีซีด เส้นผมของเขาดำสนิทมัดไว้ลวก ๆ ด้านหลัง อย่างชายหนุ่มที่ไม่ได้ใส่ใจรูปลักษณ์นัก

นางจดจำชื่อเขาได้ เขาเป็นบ่าวหนุ่มคนหนึ่งในโรงเตี๊ยมนี้ เหมือนว่าพี่หลินจะเรียกเขาว่า “เฉินอี้” นั่นคงเป็นนามของเขา

“พอดีข้าเห็นเจ้าดูเหนื่อย ๆ ตอนทำงาน เลยเอาเกี๊ยวเหลือจากห้องครัวมาให้กินรองท้อง”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อนส่งถุงให้กับเด็กสาว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยรับไว้พลางโค้งศีรษะ รู้สึกอบอุ่นประหลาดในใจ เมื่อถูกใครสักคนให้ความใส่ใจ แม้ตอนนี้เธอจะไม่ใช่ผู้ทรงอำนาจในสายตาของผู้ใดเลยก็ตาม

“เจ้าสบายดีใช่ไหม?” เฉินอี้ถามต่อ “ข้าเห็นเจ้าทำงานหนักทั้งวัน โดนว่าอะไรก็ไม่เคยบ่นเลยสักครั้ง…”

“บางครั้ง ข้าก็กลัวเหมือนกันเจ้าค่ะ… กลัวว่าจะทำอะไรไม่ดีพอ” เสี่ยวซุ่ยตอบเสียงเบา

“ไม่ต้องกังวลไป เจ้าน่ะทำดีที่สุดในแบบของตัวเองแล้วล่ะ” เฉินอี้ยิ้มเบา ๆ พร้อมกับยิ้มน้อย ๆ “ข้าเองก็เคยเป็นเด็กฝึกงานมาก่อน ล้างชามทำตกนับสิบใบ พี่หลินบ่นเกือบทุกวัน”

“แต่พอฝึกฝนเรียนรู้บ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินไปเอง ถ้าเจ้าอดทนไหว วันหนึ่งเจ้าก็จะชำนาญมาก ๆ เลย อดทนไว้ ขยันหมั่นเพียรเรียนรู้ เดี๋ยวก็ผ่านไปได้”

ชายหนุ่มให้กำลังใจ ทำเอาเสี่ยวซุ่ยยิ้มบาง ๆ ยามได้ยินถ้อยคำเหล่านั้น แม้ในใจของเธอจะไม่ใช่เด็กสาวธรรมดาเช่นที่คนอื่นคิด แต่นาทีนี้ เธอกลับรู้สึกเหมือนได้รับ “คำสอน” ที่อ่อนโยน เหมือนครั้งยังเป็นผู้ฝึกตนก่อนจะบรรลุเป็นเซ๊ยน

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางกล่าวกับเขาอีกครั้ง ด้วยเสียงแผ่วเบา แต่จริงใจ

เฉินอี้พยักหน้า ก่อนจะหันหลังกลับไป นางมองแผ่นหลังของเขาจนลับตา แล้วจึงค่อย ๆ ปิดประตูลง กลิ่นของเกี๊ยวยังอุ่นในถุงผ้า และในหัวใจนางเอง ก็คล้ายอบอุ่นขึ้นเช่นกัน แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม ราวกับกองไฟน้อย ๆ กลางพายุหิมะที่ซูหรงได้ทำขึ้นมา

นางก้มลงมองมือของตนเองอีกครั้ง มือที่เคยวาดอักขระเคลื่อนย้ายพลังจักรวาล บัดนี้เหลือเพียงมือของเด็กสาวที่เผลอทำน้ำล้นถ้วยไปเมื่อเช้า

“หากนี่คือการใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์ธรรมดา... ข้าก็คงต้องเริ่มใหม่... เช่นเดียวกับศิษย์ของข้าในวันวานกระมัง...”

เซียนหญิงในร่างบ่าวกล่าวกับตนเอง ขณะที่แสงตะวันยามเย็นที่สาดลอดหน้าต่างเข้ามา ขับให้เงาของเด็กสาวนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นทอดยาวลงไปอย่างสงบ แม้ไม่เหลือเวทมนตร์ในตัว แต่จิตวิญญาณของผู้ฝึกตนยังมิได้หายไปไหน เพียงแค่ต้องเริ่มเดินทางใหม่ด้วยเท้าเปล่าอีกครั้งก็เท่านั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

    ค่ำวันนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมแดงและกลิ่นอาหารหอมฉุย และบริเวณที่กลิ่นอาหารอบอวลมากที่สุดก็เห็นจะเป็นโต๊ะสำหรับรับรองแขกพิเศษของโรงเตี๊ยมในคืนนี้เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสะอาดเรียบร้อย เดินถือถาดอาหารเดินวนไปมา คอยเติมชาให้ผู้คน แม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ไม่ทำถ้วยตก นางรู้สึกปลาบปลื้มกับพัฒนาการในการคุมร่างกายของตัวเองที่ทำได้ดีขึ้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตามขณะทำงาน นางก็ลอบชำเลืองไปยังห้องรับรองหลัก ก็พบว่าแขกในคืนนั้นคือชายฉกรรจ์สี่คนที่แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์ต่างสำนัก เสื้อลมผ้าหนา ปักสัญลักษณ์ประหลาดบนอกเสื้อ และแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าผู้มาเยี่ยมเยียนโดยไมตรี ในโต๊ะเดียวกันนั้น อวี้ไป๋เฉินนั่งอยู่หัวโต๊ะเพื่อเผชิญหน้ากับแขกทั้งสี่ เสี่ยวซุ่ยเพิ่งได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขามีเส้นผมสีดำสนิทราวขนนกอีกา ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวงามได้รูป ผิวราวกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่มมาเนิ่นนาน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วของเขาเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลก็เรียวเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขาโด่ง รับกับใบหน้าทั้งหมดอย่างน่าพึงพอใจ เสื

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

    แสงเช้าในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นอย่างไม่ต่างจากทุกวัน แต่สำหรับเสี่ยวซุ่ยแล้ว เช้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะทันทีที่นางมาถึงลานซักผ้าใต้ร่มไม้หลังโรงเตี๊ยม ก็พบกับซูหรง ในชุดเสื้อผ้าสีแดงสด กำลังยืนกอดอก รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตานั้นแฝงความน่าหวาดหวั่นใจบางอย่าง ทำเอาร่างกายที่ถูกทำให้มีอาการอย่างเด็กสาวทั่วไปต้องอดสั่นน้อย ๆ ไม่ได้“เสี่ยวซุ่ย วันนี้เจ้าจะต้องทำงานเพิ่ม” ซูหรงเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีทรงอำนาจ “เริ่มจากไปซักผ้าปูโต๊ะทั้งหมดในร้าน ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนด้วย ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว เจ้าต้องทำคนเดียวนะ วันนี้คนอื่นน่าจะยุ่ง ๆ กับการเตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษ เห็นว่าสหายเก่าของท่านอวี้ไป๋เฉินจะมาเยี่ยมเยือน”เสี่ยวซุ่ยชะงักเล็กน้อย นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ปกติของสาวใช้ฝึกหัดทั่วไป งานเหล่านี้รวมทุกอย่างแล้ว ต้องใช้แรงกายมาก และใช้เวลาทั้งวัน หากไม่ใช่เพราะซูหรงตั้งใจสั่งเอง สาวใช้ฝึกหัดไม่น่าจะได้ทำด้วยซ้ำ“เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้เสร็จ…” เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเจือความลังเล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งเท่านั้น“เช่นนั้นก็รีบทำได้ ของทั้ง

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

    เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของเธอถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด“ไม่น่าจะยาก...” เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

    โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นยามค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกวัน หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันเข้านอน และเสียงจานชามในครัวก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมโชยเบาใต้ชายคาเท่านั้นซูหรงนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของตนเอง ไฟตะเกียงบนโต๊ะส่องสว่างพอให้เห็นใบหน้าของนางซึ่งสงบเยือกเย็น แต่แววตานั้นกลับมีร่องรอยของบางสิ่งที่คล้ายความตั้งใจแน่วแน่ ประเภทที่เตรียมใจสำหรับการกระทำที่ไม่อาจหวนคืนกลับไปได้อีกบนโต๊ะของนางตอนนี้มีแผ่นยันต์ผืนบาง วัตถุดิบที่นางนำติดตัวมาจากตำหนักบนภูเขาเซียน และน้ำหมึกผสมผงหยก ซึ่งแม้จะเจือจาง แต่ก็ยังเป็นของที่ใช้ในพิธีเฉพาะทางของผู้ฝึกตนขั้นสูงที่อาจารย์เคยสอนนางมาแต่เล็ก“ข้าคงต้องเลือกทางนี้แล้ว…” นางพึมพำกับตัวเอง พลางวางปลายนิ้วลงบนยันต์ และเริ่มวาดอักขระด้วยปลายพู่กันที่สั่นน้อย ๆ แม้ภายนอกจะสงบ แต่ภายในของนางเต็มไปด้วยหลากความรู้สึกโหมกระหน่ำอยู่ภายในคล้ายพายุเมื่อยันต์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสองยามพอดี นางจึงตัดสินใจจะออกไปตามเสี่ยวซุ่ย แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่า เสี่ยวซุ่ยยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว เด็กสาวย่อกายลงโค้งศีรษะให้นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมอย่างนอบน้อม ท่าทางสงบนิ่งและมั่นคง ก่อนที่ซ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 3 : นางบอกว่าบัดนี้นางได้เติบใหญ่

    โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นในเช้าวันต่อมา เริ่มต้นด้วยกลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ และเสียงน้ำที่ถูกตักจากบ่อใส เสียงจานชามกระทบกันเบา ๆ ดังแทรกกับเสียงไก่ขันและเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เริ่มขยับเขยื้อนหลังวันใหม่มาถึง แต่ท่ามกลางความคึกคักนั้น มีเงาร่างหนึ่งซึ่งเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันและเป็นระเบียบไม่แพ้ใคร นั่นคือ “เสี่ยวซุ่ย”เด็กสาวในชุดผ้าฝ้ายเก่า ๆ สีฟ้าหม่น ไม่ได้โดดเด่นด้วยท่าทีหรือคำพูด ทว่าเธอกลับอยู่ในทุกตำแหน่งที่ควรอยู่เสมอ เช็ดโต๊ะก่อนใคร ล้างหม้อที่ใหญ่ที่สุดก่อนใคร ขนถังน้ำ ขัดพื้น เดินเสิร์ฟชาด้วยมือที่มั่นคงและสีหน้าสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือเพียงเด็กหญิงอายุสิบหกแม้ยังอยู่ในช่วงฝึกงาน แต่เสี่ยวซุ่ยกลับไม่มีบ่าวคนใดในโรงเตี๊ยมมองว่าเธออ่อนด้อยกว่าพวกตน แม้ไม่พูดมาก แต่กลับมีบางสิ่งในแววตา และในท่าทางของเธอที่ทำให้พี่หลิน บ่าวหญิงรุ่นพี่ที่เคยเข้มงวดกับเด็กใหม่ทุกรุ่น ถึงกับกล่าวกับคนอื่นอย่างประหลาดใจว่า“นางช่างเป็นเด็กที่ประหลาดนัก ข้าไม่ต้องว่าอะไรนางสักคำ นางก็ทำได้ทุกอย่าง”ระหว่างที่เหล่าบ่าวกำลังทำงานขะมักเขม้น นายหญิงอย่างซูหรงก็ยืนอยู่หน้าหน้าต่างชั้นบนของโรงเตี

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 2 : นางต้องการบ่าวหญิงคนใหม่

    ฟ้ายามเช้าปลายฤดูใบไม้ผลิยามนี้โปร่งใสไร้เมฆ แสงอรุณทอดผ่านหมู่ไม้และผิวน้ำจนเห็นเป็นสายทองระยิบระยับ ต้นหลิวเอนพลิ้วล้อลม สายน้ำแห่งลำธารไหลเอื่อยดั่งสายธารอารมณ์ ไม่มีอันใดฉูดฉาดเกินงาม แต่ละขอบเขาอาบด้วยแสงอ่อนคล้ายสวรรค์กำลังอวยพรเงียบ ๆ แก่คนสองคนซึ่งกำลังจับจ้องกันอยู่ใต้ศาลาไม้ไผ่หลังหนึ่งวันนี้คือวันแต่งงานของ ซูหรง กับ อวี้ไป๋เฉินใต้ศาลากลางสวนของโรงเตี๊ยม ซึ่งถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามจนผิดแผกไปจากทุกวันที่ผ่านมา บัดนี้เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ทั้งเพื่อนบ้านจากตลาด ตระกูลค้าขายใกล้เคียง และบางคนแม้เคยเป็นผู้เดินทางหลงทาง ก็ยังหวนกลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญแม้จะเป็นงานเล็ก ไม่หวือหวา แต่รายละเอียดทุกอย่างกลับเปี่ยมด้วยความเอาใจใส่ ผืนผ้าปูโต๊ะสีขาวปักลายดอกเหมยตัดกับแจกันหยกอ่อนที่บรรจุดอกบัวขาว ผืนธงผ้าสีแดงอ่อนเขียนอักษร แสดงความยินดีต่อทั้งคู่ ด้วยหมึกทองสะท้อนแดดระยับ ราวกับทองคำที่หลอมมาทำเป็นอักขระ หลอมรวมความสุขไว้เป็นนิรันดร์ซูหรงอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มปักดิ้นทอง งามราวเทพธิดาเสด็จจากฟากฟ้า เส้นผมยาวถูกเกล้ามวยขึ้นประณีต ประดับด้วยปิ่นหยกและกลีบบัวสีเงินแซมเกสรท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status