Главная / แฟนตาซี / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

Share

บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

last update Последнее обновление: 2025-06-13 13:02:32

แสงเช้าในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นอย่างไม่ต่างจากทุกวัน แต่สำหรับเสี่ยวซุ่ยแล้ว เช้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะทันทีที่นางมาถึงลานซักผ้าใต้ร่มไม้หลังโรงเตี๊ยม ก็พบกับซูหรง ในชุดเสื้อผ้าสีแดงสด กำลังยืนกอดอก รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตานั้นแฝงความน่าหวาดหวั่นใจบางอย่าง ทำเอาร่างกายที่ถูกทำให้มีอาการอย่างเด็กสาวทั่วไปต้องอดสั่นน้อย ๆ ไม่ได้

“เสี่ยวซุ่ย วันนี้เจ้าจะต้องทำงานเพิ่ม” ซูหรงเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีทรงอำนาจ “เริ่มจากไปซักผ้าปูโต๊ะทั้งหมดในร้าน ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนด้วย ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว เจ้าต้องทำคนเดียวนะ วันนี้คนอื่นน่าจะยุ่ง ๆ กับการเตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษ เห็นว่าสหายเก่าของท่านอวี้ไป๋เฉินจะมาเยี่ยมเยือน”

เสี่ยวซุ่ยชะงักเล็กน้อย นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ปกติของสาวใช้ฝึกหัดทั่วไป งานเหล่านี้รวมทุกอย่างแล้ว ต้องใช้แรงกายมาก และใช้เวลาทั้งวัน หากไม่ใช่เพราะซูหรงตั้งใจสั่งเอง สาวใช้ฝึกหัดไม่น่าจะได้ทำด้วยซ้ำ

“เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้เสร็จ…” เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเจือความลังเล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งเท่านั้น

“เช่นนั้นก็รีบทำได้ ของทั้งหมดอยู่ลานกว้างที่ลำธารตรงโน้น ข้าให้คนขนไปรอเจ้าแล้ว” ซูหรงพูดพลางชี้ไปยังกองผ้าสารพัด กับถังซักผ้า และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ลานซักผ้าริมลำธาร ห่างจากหลังโรงเตี๊ยมไปไม่ถึงร้อยก้าว

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยค้อมศีรษะให้ ก่อนจะเดินไปจัดการกับกองผ้า กับถังไม้ พยายามยกมันไปที่ลำธารที่อยู่ห่างจากหลังโรงเตี๊ยมไปไม่ไกล

บริเวณลานกว้างมีราวไม้ไผ่พาดยาวระหว่างเสาไม้สองต้น ใช้สำหรับตากผ้า ข้าง ๆ มี ถังไม้ทรงกลมใหญ่ตั้งเรียงไว้สามใบ เต็มไปด้วยน้ำที่เพิ่งตักขึ้นใหม่ ๆ มาเตรียมไว้เผื่อเธอ น้ำยังเย็นฉ่ำและใสแจ๋วจนเห็นเงาสะท้อนหน้าของผู้ก้มมอง

ยังดีที่วันก่อนพี่หลินอธิบายเรื่องการซักผ้ามาอยู่บ้าง และความรู้ของนางตอนนี้ไม่ได้ถูกผนึกเรื่องการซักผ้า ดังนั้นนางคิดว่าตัวเองน่าจะทำไหวอยู่

เสี่ยวซุ่ยนั่งคุกเข่าอยู่ข้างถังไม้ มือเล็ก ๆ ของเธอจับผ้าปูโต๊ะอย่างระมัดระวัง ก่อนจะจุ่มลงในถังน้ำใบที่ผสมเถ้าถ่านไม้เบญจพรรณ และ เปลือกผลไม้แห้งบด ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำซักผ้าในยุคนี้ ฟองที่เกิดจากการขยี้นั้นไม่มากนัก แต่ช่วยล้างกลิ่นและคราบได้อย่างดี

เด็กสาวยกผ้าขึ้นวางพาด กระดานซักผ้า ที่ทำจากไม้แข็งเนื้อหยาบ ขนาดกว้างพอฝ่ามือ ยาวครึ่งศอก ปลายแผ่นทำเป็นร่องตื้น ๆ สำหรับขัดเส้นด้ายโดยไม่ทำลายเนื้อผ้า เสี่ยวซุ่ยพยายามจับผ้าแล้วถูลงกับแผ่นไม้สลับกับการขยี้ด้วยสองมือ  ก้มหน้าตั้งใจจนเส้นผมเปียกน้ำเปียกแนบแก้ม ฟองน้ำสีขาวหม่นค่อย ๆ ไหลลงตามร่องไม้ สะท้อนแดดระยิบ

ทุกคราวที่ขยี้ นางต้องเปลี่ยนแรงกดให้เหมาะกับชนิดของผ้า ผ้าปูโต๊ะเนื้อหยาบ ต้องขยี้แรงกว่า ผ้าบางของม่านประตู ซึ่งอาจเปื่อยได้หากถูแรงเกินควร

เมื่อซักผ้าปูโต๊ะจนหมดชุดแรก เธอยกผ้าออกไปล้างในถังน้ำสะอาดอีกใบ ล้างออกจนแน่ใจว่าไม่มีฟองหรือกลิ่นตกค้าง แล้วบิดผ้า  หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง หยิบ คานไม้ไผ่ยาว ยกขึ้นพาดบ่าแล้วนำผ้าไปแขวนเรียงกันทีละผืนตามแนวแสงแดด เธอใช้ ก้านไม้เรียวขัดปลาย ผ้าให้ตึงเพื่อไม่ให้ปลิว และคอยปรับระยะห่างให้ลมพัดผ่านได้ทั่วถึง

ครึ่งวันแรกผ่านไปด้วยความเหนื่อยล้า ผ้าจำนวนมาก บวกกับนี่เป็นการซักผ้าเองครั้งแรกในรอบนับพันปี ทำให้การซักกินเวลานาน น้ำในถังซักผ้าทำให้มือเล็ก ๆ แดงช้ำจนเริ่มแตกเปื่อย นางพยายามไม่บ่น ไม่ปริปากสักคำ จนกระทั่งซักเสร้จ นางจึงลุกขึ้นเตรียมกลับโรงเตี๊ยม

 ทว่ายังไม่ทันที่จะกลับไป นางกลับพบว่าซูหรงยืนรออยู่ นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมเดินเข้ามาพร้อมเดินดูผ้าปูโต๊ะ และผ้าม่านที่นางเพิ่งซักไปใหม่ ๆ พร้อมทำหน้าเหมือนสมเพชเต็มประดา

“นี่พวกที่เจ้าเพิ่งซักมาใช่ไหม? เห็นแล้วแทบไม่อยากวางบนโต๊ะรับแขก เจ้ารีบ ๆ ซักให้จบหรือไม่ตั้งใจ?”

“ข้า... ข้าขออภัยเจ้าค่ะ ข้าอาจจะ...”

“ข้ออ้างอีกแล้วหรือเสี่ยวซุ่ย?” ซูหรงขัดขึ้นทันที ก่อนจะมองเธอด้วยดวงตาคมบนสีหน้าเยือกเย็น “หากเจ้าคิดทำตัวไม่ตั้งใจทำงานเช่นนี้ ข้าก็ไม่อยากได้เจ้ามาอาศัยร่วมชายคานักหรอก”

คำพูดนั้นเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ น้ำตาเริ่มคลอขึ้นมาในตาของเด็กสาว โดยที่เธอควบคุมมันไม่ได้

“มันจะมากไปแล้วนะซูหรง” เสี่ยวซุ่ยพยายามจะพูด ทว่ากลับรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาจนพูดไม่ออก ขาสองข้างอ่อนแรงจนยืนไม่ได้ กลายเป็นทรุดกายลงคุกเข่าขึ้นมาโดยมิได้ตั้งใจ

“นายหญิง...” เด็กสาวคุกเข่าลงตรงหน้าซูหรง เสียงสะอื้นเริ่มแทรกในลำคอ นางอยากจะพูดอย่างอื่น แต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้ คำพูดที่นางพูดออกมาจึงต้องเป็นสิ่งที่นางรู้ว่าผนึกอนุญาตให้พูดเท่านั้น คำพูดของบ่าวหญิงที่อ้อนวอนเจ้านาย ที่ศิษย์ของนางอยากจะฟัง

“ข้ายังอยากทำงานอยู่ที่นี่ อย่าไล่ข้าไปเลยเจ้าค่ะ... ข้ายังไม่รู้จะไปที่ไหน... ข้ายังเรียนรู้ไม่พอ แต่ข้าจะพยายามให้มากขึ้น... ขอเพียงท่านเมตตาเถิด”

ซูหรงเห็นเสี่ยวซุ่ยเอ่ยขึ้นก็นิ่งไปชั่วขณะ มองใบหน้าที่เปียกน้ำตาของบ่าวหญิงตรงหน้า แววตาเสี่ยวซุ่ยไม่ได้มีเพียงความอ่อนแรง แต่แฝงด้วยความสับสน ว้าวุ่น และความกลัวอย่างแท้จริง ช่างน่าสมเพชจนยากจะบอกว่านั่นคืออดีตอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยเป็นเสมือนมารดาของตน... นั่นแหละที่นางปรารถนา การทำให้เซียนหญิงที่มีอำนาจเหนือนางต้องมาอยู่ในสภาพเช่นนี้

“ลุกขึ้น เจ้าไปพักก่อน ผ้าพวกนี้มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกนะ แต่คราวหน้าตั้งใจให้มากกว่านี้แล้วกัน” ซูหรงตอบเสียงเรียบ เหมือนไม่ไยดี แต่ในแววตากลับมีประกายแปลกประหลาดบางอย่าง  ความรู้สึกคล้ายชัยชนะ หรืออาจจะเป็นเพียงความโล่งใจ ที่ยันต์ยังทำงานได้จริง

เสี่ยวซุ่ยเดินกลับไปที่โรงเตี๊ยม ทอดกายลงนั่งพักผ่อน กอดเข่าอยู่ใต้ต้นพลับหลังโรงครัว ใบหน้าซบกับท่อนแขน น้ำตาที่เหือดแห้งแล้วทิ้งคราบบนพวงแก้มเล็ก ๆ นางไม่ได้ตั้งใจร้องไห้หรือสะอื้น ทว่าสัญชาตญาณของร่างนี้ทำให้นางสั่นกลัวหรือร้องไห้ได้เมื่อถูกซูหรงดุด่า มันอ่อนแอเกินกว่าที่นางคิดไว้พอสมควร

แต่แล้วเสี่ยวซุ่ยก็ต้องหยุดชะงักแล้วแหงนหน้าขึ้น เมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้นเงียบ ๆ ก่อนจะมีถ้วยน้ำชาอุ่น ๆ วางลงตรงหน้าเธอ เขาคือเฉินอี้ บ่าวหนุ่มที่เมื่อวานเอาเกี๊ยวมาให้เธอนั่นเอง!

“วันนี้เจ้าเหนื่อยมากเลยสิ...” เสียงของเฉินอี้ เอ่ยอย่างอ่อนโยน ก่อนจะย่อตัวนั่งลงข้าง ๆ

“ข้าเห็นเจ้าซักผ้ามากมายตั้งแต่เช้า แถมเมื่อครู่ยังเห็นเจ้าโดนนายหญิงตำหนิจนร้องไห้อีก...”

“ข้าไม่อยากโดนไล่ออก... ข้าไม่มีที่ไป” เสี่ยวซุ่ยพูดเสียงแผ่วเบา ซึ่งมันก็เป็นความจริง สภาพนี้นางไม่สามารถขึ้นเขากลับวิหารเซียนได้แน่นอน จะใช้พลังเวทสื่อจิตเรียกศิษย์มารับก็ไม่ไหว

“ไม่มีใครในโรงเตี๊ยมนี้ที่เก่งแต่เกิดหรอกนะ เจ้าอาจจะพลาดไปบ้าง... แต่นั่นไม่ใช่ว่าเจ้าแย่อะไร” เขาบอก พลางส่งยิ้มจาง ๆ “ข้าเองก็เคยโดนว่าแบบนี้ ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง แต่พี่หลินก็บอกว่าคนที่ไม่ท้อ... ยังไงก็จะก้าวหน้า”

เสี่ยวซุ่ยพยักหน้าเบา ๆ สายตานิ่งขึ้นเล็กน้อย เธอมองใบหน้าของเฉินอี้ แล้วรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่เกี่ยวกับพลัง ไม่เกี่ยวกับการบำเพ็ญ ไม่เกี่ยวกับตำหนักบนเขา มันคือความรู้สึกของ “มนุษย์” ที่อยู่เคียงข้างมนุษย์ด้วยกัน

“ข้าต้องอดทน... จะเรียนรู้ให้มากขึ้น” นางตอบเขากลับไป สายลมเย็นยามเย็นพัดผ่าน เด็กสาวมองมือของตนเองอีกครั้ง มือที่เมื่อครู่ยักสั่นระริก บัดนี้สงบนิ่งอยู่บนตักของตนเอง

นางไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่รู้ก็คือตอนนี้นางไม่ได้อยู่ลำพัง ยังมีคนที่คอยให้กำลังใจนางอยู่

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

    ค่ำวันนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมแดงและกลิ่นอาหารหอมฉุย และบริเวณที่กลิ่นอาหารอบอวลมากที่สุดก็เห็นจะเป็นโต๊ะสำหรับรับรองแขกพิเศษของโรงเตี๊ยมในคืนนี้เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสะอาดเรียบร้อย เดินถือถาดอาหารเดินวนไปมา คอยเติมชาให้ผู้คน แม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ไม่ทำถ้วยตก นางรู้สึกปลาบปลื้มกับพัฒนาการในการคุมร่างกายของตัวเองที่ทำได้ดีขึ้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตามขณะทำงาน นางก็ลอบชำเลืองไปยังห้องรับรองหลัก ก็พบว่าแขกในคืนนั้นคือชายฉกรรจ์สี่คนที่แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์ต่างสำนัก เสื้อลมผ้าหนา ปักสัญลักษณ์ประหลาดบนอกเสื้อ และแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าผู้มาเยี่ยมเยียนโดยไมตรี ในโต๊ะเดียวกันนั้น อวี้ไป๋เฉินนั่งอยู่หัวโต๊ะเพื่อเผชิญหน้ากับแขกทั้งสี่ เสี่ยวซุ่ยเพิ่งได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขามีเส้นผมสีดำสนิทราวขนนกอีกา ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวงามได้รูป ผิวราวกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่มมาเนิ่นนาน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วของเขาเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลก็เรียวเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขาโด่ง รับกับใบหน้าทั้งหมดอย่างน่าพึงพอใจ เสื

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

    แสงเช้าในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นอย่างไม่ต่างจากทุกวัน แต่สำหรับเสี่ยวซุ่ยแล้ว เช้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะทันทีที่นางมาถึงลานซักผ้าใต้ร่มไม้หลังโรงเตี๊ยม ก็พบกับซูหรง ในชุดเสื้อผ้าสีแดงสด กำลังยืนกอดอก รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตานั้นแฝงความน่าหวาดหวั่นใจบางอย่าง ทำเอาร่างกายที่ถูกทำให้มีอาการอย่างเด็กสาวทั่วไปต้องอดสั่นน้อย ๆ ไม่ได้“เสี่ยวซุ่ย วันนี้เจ้าจะต้องทำงานเพิ่ม” ซูหรงเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีทรงอำนาจ “เริ่มจากไปซักผ้าปูโต๊ะทั้งหมดในร้าน ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนด้วย ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว เจ้าต้องทำคนเดียวนะ วันนี้คนอื่นน่าจะยุ่ง ๆ กับการเตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษ เห็นว่าสหายเก่าของท่านอวี้ไป๋เฉินจะมาเยี่ยมเยือน”เสี่ยวซุ่ยชะงักเล็กน้อย นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ปกติของสาวใช้ฝึกหัดทั่วไป งานเหล่านี้รวมทุกอย่างแล้ว ต้องใช้แรงกายมาก และใช้เวลาทั้งวัน หากไม่ใช่เพราะซูหรงตั้งใจสั่งเอง สาวใช้ฝึกหัดไม่น่าจะได้ทำด้วยซ้ำ“เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้เสร็จ…” เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเจือความลังเล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งเท่านั้น“เช่นนั้นก็รีบทำได้ ของทั้ง

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

    เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของเธอถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด“ไม่น่าจะยาก...” เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

    โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นยามค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกวัน หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันเข้านอน และเสียงจานชามในครัวก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมโชยเบาใต้ชายคาเท่านั้นซูหรงนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของตนเอง ไฟตะเกียงบนโต๊ะส่องสว่างพอให้เห็นใบหน้าของนางซึ่งสงบเยือกเย็น แต่แววตานั้นกลับมีร่องรอยของบางสิ่งที่คล้ายความตั้งใจแน่วแน่ ประเภทที่เตรียมใจสำหรับการกระทำที่ไม่อาจหวนคืนกลับไปได้อีกบนโต๊ะของนางตอนนี้มีแผ่นยันต์ผืนบาง วัตถุดิบที่นางนำติดตัวมาจากตำหนักบนภูเขาเซียน และน้ำหมึกผสมผงหยก ซึ่งแม้จะเจือจาง แต่ก็ยังเป็นของที่ใช้ในพิธีเฉพาะทางของผู้ฝึกตนขั้นสูงที่อาจารย์เคยสอนนางมาแต่เล็ก“ข้าคงต้องเลือกทางนี้แล้ว…” นางพึมพำกับตัวเอง พลางวางปลายนิ้วลงบนยันต์ และเริ่มวาดอักขระด้วยปลายพู่กันที่สั่นน้อย ๆ แม้ภายนอกจะสงบ แต่ภายในของนางเต็มไปด้วยหลากความรู้สึกโหมกระหน่ำอยู่ภายในคล้ายพายุเมื่อยันต์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสองยามพอดี นางจึงตัดสินใจจะออกไปตามเสี่ยวซุ่ย แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่า เสี่ยวซุ่ยยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว เด็กสาวย่อกายลงโค้งศีรษะให้นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมอย่างนอบน้อม ท่าทางสงบนิ่งและมั่นคง ก่อนที่ซ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 3 : นางบอกว่าบัดนี้นางได้เติบใหญ่

    โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นในเช้าวันต่อมา เริ่มต้นด้วยกลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ และเสียงน้ำที่ถูกตักจากบ่อใส เสียงจานชามกระทบกันเบา ๆ ดังแทรกกับเสียงไก่ขันและเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เริ่มขยับเขยื้อนหลังวันใหม่มาถึง แต่ท่ามกลางความคึกคักนั้น มีเงาร่างหนึ่งซึ่งเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันและเป็นระเบียบไม่แพ้ใคร นั่นคือ “เสี่ยวซุ่ย”เด็กสาวในชุดผ้าฝ้ายเก่า ๆ สีฟ้าหม่น ไม่ได้โดดเด่นด้วยท่าทีหรือคำพูด ทว่าเธอกลับอยู่ในทุกตำแหน่งที่ควรอยู่เสมอ เช็ดโต๊ะก่อนใคร ล้างหม้อที่ใหญ่ที่สุดก่อนใคร ขนถังน้ำ ขัดพื้น เดินเสิร์ฟชาด้วยมือที่มั่นคงและสีหน้าสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือเพียงเด็กหญิงอายุสิบหกแม้ยังอยู่ในช่วงฝึกงาน แต่เสี่ยวซุ่ยกลับไม่มีบ่าวคนใดในโรงเตี๊ยมมองว่าเธออ่อนด้อยกว่าพวกตน แม้ไม่พูดมาก แต่กลับมีบางสิ่งในแววตา และในท่าทางของเธอที่ทำให้พี่หลิน บ่าวหญิงรุ่นพี่ที่เคยเข้มงวดกับเด็กใหม่ทุกรุ่น ถึงกับกล่าวกับคนอื่นอย่างประหลาดใจว่า“นางช่างเป็นเด็กที่ประหลาดนัก ข้าไม่ต้องว่าอะไรนางสักคำ นางก็ทำได้ทุกอย่าง”ระหว่างที่เหล่าบ่าวกำลังทำงานขะมักเขม้น นายหญิงอย่างซูหรงก็ยืนอยู่หน้าหน้าต่างชั้นบนของโรงเตี

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 2 : นางต้องการบ่าวหญิงคนใหม่

    ฟ้ายามเช้าปลายฤดูใบไม้ผลิยามนี้โปร่งใสไร้เมฆ แสงอรุณทอดผ่านหมู่ไม้และผิวน้ำจนเห็นเป็นสายทองระยิบระยับ ต้นหลิวเอนพลิ้วล้อลม สายน้ำแห่งลำธารไหลเอื่อยดั่งสายธารอารมณ์ ไม่มีอันใดฉูดฉาดเกินงาม แต่ละขอบเขาอาบด้วยแสงอ่อนคล้ายสวรรค์กำลังอวยพรเงียบ ๆ แก่คนสองคนซึ่งกำลังจับจ้องกันอยู่ใต้ศาลาไม้ไผ่หลังหนึ่งวันนี้คือวันแต่งงานของ ซูหรง กับ อวี้ไป๋เฉินใต้ศาลากลางสวนของโรงเตี๊ยม ซึ่งถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามจนผิดแผกไปจากทุกวันที่ผ่านมา บัดนี้เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ทั้งเพื่อนบ้านจากตลาด ตระกูลค้าขายใกล้เคียง และบางคนแม้เคยเป็นผู้เดินทางหลงทาง ก็ยังหวนกลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญแม้จะเป็นงานเล็ก ไม่หวือหวา แต่รายละเอียดทุกอย่างกลับเปี่ยมด้วยความเอาใจใส่ ผืนผ้าปูโต๊ะสีขาวปักลายดอกเหมยตัดกับแจกันหยกอ่อนที่บรรจุดอกบัวขาว ผืนธงผ้าสีแดงอ่อนเขียนอักษร แสดงความยินดีต่อทั้งคู่ ด้วยหมึกทองสะท้อนแดดระยับ ราวกับทองคำที่หลอมมาทำเป็นอักขระ หลอมรวมความสุขไว้เป็นนิรันดร์ซูหรงอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มปักดิ้นทอง งามราวเทพธิดาเสด็จจากฟากฟ้า เส้นผมยาวถูกเกล้ามวยขึ้นประณีต ประดับด้วยปิ่นหยกและกลีบบัวสีเงินแซมเกสรท

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status