หน้าหลัก / แฟนตาซี / บ่าวหญิงของศิษย์รัก / บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

แชร์

บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-09 18:37:24

โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นยามค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกวัน หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันเข้านอน และเสียงจานชามในครัวก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมโชยเบาใต้ชายคาเท่านั้น

ซูหรงนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของตนเอง ไฟตะเกียงบนโต๊ะส่องสว่างพอให้เห็นใบหน้าของนางซึ่งสงบเยือกเย็น แต่แววตานั้นกลับมีร่องรอยของบางสิ่งที่คล้ายความตั้งใจแน่วแน่ ประเภทที่เตรียมใจสำหรับการกระทำที่ไม่อาจหวนคืนกลับไปได้อีก

บนโต๊ะของนางตอนนี้มีแผ่นยันต์ผืนบาง วัตถุดิบที่นางนำติดตัวมาจากตำหนักบนภูเขาเซียน และน้ำหมึกผสมผงหยก ซึ่งแม้จะเจือจาง แต่ก็ยังเป็นของที่ใช้ในพิธีเฉพาะทางของผู้ฝึกตนขั้นสูงที่อาจารย์เคยสอนนางมาแต่เล็ก

“ข้าคงต้องเลือกทางนี้แล้ว…” นางพึมพำกับตัวเอง พลางวางปลายนิ้วลงบนยันต์ และเริ่มวาดอักขระด้วยปลายพู่กันที่สั่นน้อย ๆ แม้ภายนอกจะสงบ แต่ภายในของนางเต็มไปด้วยหลากความรู้สึกโหมกระหน่ำอยู่ภายในคล้ายพายุ

เมื่อยันต์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสองยามพอดี นางจึงตัดสินใจจะออกไปตามเสี่ยวซุ่ย แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่า เสี่ยวซุ่ยยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว เด็กสาวย่อกายลงโค้งศีรษะให้นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมอย่างนอบน้อม ท่าทางสงบนิ่งและมั่นคง ก่อนที่ซูหรงจะเชิญเข้ามาในห้องส่วนตัว

“ตามสบายเถิดท่านอาจารย์” ซูหรงพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ใบหน้ายิ้มอ่อน แต่ในแววตามีบางอย่างที่แม้แต่ลั่วชิงในคราบเสี่ยวซุ่ยยังรู้สึกผิดสังเกต “ท่านอาจารย์คงจะสงสัยไม่น้อยว่าข้าอยากจะเจรจากับท่านด้วยเรื่องใด เพราะท่านเองก็ดูเหมือนจะสะกดพลังเอาไว้หลายส่วน ไม่ให้กระทบกระเทือนมนุษย์บนโลก คงจะใช้วิชาอ่านจิตไม่ได้เท่าไรนัก”

“เป็นเช่นนั้น” เสี่ยวซุ่ยตอบเบา ๆ “เจ้าต้องการเจรจาการใดกับข้าก็บอกมาเถอะ ข้ายินดีรับฟังเสมอ”

“นั่งก่อนเถิด” ซูหรงชี้ที่เบาะตรงข้าม ลั่วชิงนั่งลงอย่างสุภาพ สายตาจับจ้องนายหญิงของโรงเตี๊ยมอย่างใจเย็น ซูหรงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเรียบ ๆ

“ชื่อเสี่ยวซุ่ย เกิดปีเถาะ มาจากภูเขาทางใต้ เคยทำงานในโรงเรียนบนเขาแต่ไม่ได้เรียนหนังสือ ทำได้แค่ล้างชาม จัดของ และไม่รู้หนังสือ... นั่นคือประวัติที่ท่านบอกตอนมาพบข้าเพื่อของานทำ ใช่หรือไม่?”

ซูหรงถาม ลั่วชิงในคราบเสี่ยวซุ่ยก็พยักหน้าเบา ๆ ไม่พูดอะไร

“แล้วข้าก็ได้บันทึกเรื่องราวในของท่านที่แจ้งเอาไว้ เขียนมันไว้ในบัญชีทะเบียนบ่าวของโรงเตี๊ยม ว่าเสี่ยวซุ่ยคือสาวใช้คนหนึ่งที่ไม่เคยฝึกวิชา ไม่เคยอ่านเขียน ไม่เคยเรียนรู้วิชาจากสำนักใด”

“เจ้าต้องการอะไรต่องั้นหรือ?” เสี่ยวซุ่ยกล่าว พลางยิ้มบาง ๆ แต่ก็ยังไม่คิดว่าซูหรงจะกล้าทำอะไร ทว่าในวินาทีนั้นเอง ซูหรงก็ดึงผืนยันต์บางออกมาวางกลางโต๊ะ

เสี่ยวซุ่ยหรี่ตาในทันใด แผ่นยันต์นั้นมีลายผนึกบางประการที่นางเคยได้สอนซูหรงเมื่อครั้งอยู่บนเขา มันเป็นลวดลายของวิชาโบราณสำหรับรับมือกับพวกที่ใช้เวทมนตร์ปลอมแปลงร่างซึ่งพลังปราณน้อยกว่าตัวผู้ใช้ โดยจะทำให้ร่างที่จำแลงกลายเป็นร่างจริง ผนึกพลัง และบีบให้ความสามารถทุกด้าน ไม่ว่าจะพลังปราณ หรือการแสดงออกทางสติปัญญา ให้ตรงกับสิ่งที่แสดงออกมา นางเคยใช้มันผนึกปีศาจที่จำแลงเป็นอีกามาสืบข่าวของตำหนักเซียน ให้มันกลายเป็นดังอีกาโดยแท้จริง รวมถึงเคยผนึกปีศาจที่จำแลงเป็นมนุษย์เพื่อหวังจับชาวบ้านกิน ให้มันได้กลายเป็นมนุษย์ที่ไม่มีพลังพิเศษใด ๆ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์เยี่ยงคนสามัญ

ตอนนี้วิชานั้นกำลังถูกนำมาใช้กับตัวนางเอง! ที่ตอนนี้กำลังลดระดับพลังให้เทียบเท่าคนสามัญ ซึ่งน้อยกว่าศิษย์ของนาง!

“ซูหรง เจ้า…” ลั่วชิงเริ่มเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ แต่ช้าไปแล้ว

“ท่านก็คงรู้อยู่แล้วว่า พลังของข้าตอนนี้เหนือกว่าท่านที่อยู่ในร่างเสี่ยว” น้ำเสียงของซูหรงนิ่ง เรียบ และเย็น ฟังแล้วราวกับพายุหิมะที่กำลังโหมกระหน่ำ

“ซูหรง เจ้าไม่รู้ว่านี่คือวิชาอันตรายเพียงใด มันจะทำให้...”

“มันจะไม่เป็นอะไรหรอก หากท่านอยากอยู่ช่วยเหลือข้าจริง ๆ ข้าก็จะให้ท่านได้อยู่ช่วยข้าต่อไปนาน ๆ โดยไม่ต้องมาเสแสร้งอีกไงล่ะ...” ซูหรงกล่าวพลางวางยันต์ลงตรงหน้าผากของเสี่ยวซุ่ย พร้อมถ่ายทอดพลังปราณลงไปในยันต์นั้น มือของเธอที่แตะยันต์รวมพลังมากเสียจนจนเกิดประกายแสงออกมา สว่างจ้ายิ่งกว่าแสงตะเกียงในห้อง “ถ้าท่านอยากเสแสร้งอยู่ในโลกสามัญนัก... ข้าก็จะให้ท่านเสแสร้งได้สมจริงไปตลอดชีวิต”

เสี่ยวซุ่ยร้องเบา ๆ ใบหน้าเจ็บปวดอย่างฉับพลัน มือเล็กสั่นระริก นัยน์ตากลมโตเต็มไปด้วยความตกใจ ร่างของนางไหววูบ เหมือนพลังงานทั้งหมดกำลังถูกดูดเข้าใบบริเวณหน้าผาก

“ซูหรง… เจ้าไม่…!”

แสงสว่างจากยันต์แผ่กระจายทั่วห้อง ก่อนที่ยันต์จะแทรกเข้าไปกลางหน้าผากของเด็กสาว แล้วพลันสลายหายไปพร้อมกับแสงที่ดับลงทันที ทิ้งไว้เพียงกลิ่นธูปโบราณ และเสียงหอบหายใจของร่างเด็กสาวที่ซวนเซอยู่ตรงหน้า

ซูหรงลุกขึ้นยืน ก้าวเข้าไปหาเด็กสาวตรงหน้า แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเรียบ

“เสี่ยวซุ่ย… ได้ยินข้าไหม?”

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นอย่างเงอะงะ แววตาเต็มไปด้วยความงุนงง และแววขลาด

“นายหญิง... เอ่อ... ข้า...”

เสียงนั้นไม่ใช่น้ำเสียงของลั่วชิง เซียนหญิงผู้ยิ่งใหญ่อีกต่อไป ตอนนี้มันเป็นเพียงเสียงของสาวใช้ธรรมดาคนหนึ่ง ที่ขาดความรู้ ประสบการณ์ก็ไม่ได้มีมากมายอะไร เป็นดังคนธรรมดาสามัญโดยแท้จริง

ซูหรงขยับริมฝีปากเล็กน้อย ลมหายใจหนักขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามไปอีกประโยค

“ลำดับสมุนไพรที่เจ้าเรียงไว้ในห้องครัววันนี้คืออะไร? จำได้หรือไม่?”

“สมุน...ไพร?” เด็กสาวกะพริบตา “เอ่อ... ข้าไม่แน่ใจเจ้าค่ะ ข้าแค่... เห็นมันรก ๆ ก็เลยเรียงตามขนาด... ข้าทำผิดหรือเปล่าเจ้าคะ?”

ซูหรงเดินวนรอบนาง มองท่าทางของเด็กสาวอย่างถี่ถ้วน ตอนนี้นางไม่มีความสง่างามเลยแม้แต่น้อย ไหล่ตก เดินไม่มั่นคง สองมือกำเกาะชายผ้าตนเองแน่นด้วยความประหม่า หวาดเกรงว่าจะโดนตำหนิหรือลงโทษจากเจ้านาย

“เจ้าอ่านออกไหม?” ซูหรงหยิบกระดาษจดรายการสมุนไพรยื่นให้กับเด็กสาว

“เอ้อ... ตัวนี้... เป็นรูปอะไรเหรอเจ้าคะ?” เสี่ยวซุ่ยขมวดคิ้ว ก้มหน้าลงหลบตาต่ำ เหมือนละอายที่ตนเองไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งใดที่ปรากฏบนนั้นกระดาษ น้ำเสียงของนางเหมือนเด็กสาวผู้เขินกลัวจะถูกตี

“ไปพักก่อนเถิด พรุ่งนี้ข้าจะให้พี่หลินมาสอนงานเพิ่ม”

“เจ้าค่ะ...” เสี่ยวซุ่ยรับคำ เสียงสั่น ๆ ก่อนจะก้มตัวแล้วเดินออกจากห้องไป ท่าทางเก้ ๆ กัง ๆ ยิ่งมองยิ่งไม่เหมือนผู้บำเพ็ญเพียรเลยแม้แต่น้อย ซูหรงยืนพิงโต๊ะอย่างเงียบงัน มองตามเธอเดินออกไปจากห้อง กลิ่นธูปผนึกยังหลงเหลืออยู่ในอากาศ นางมองลงมือของตัวเองที่สั่นเบา ๆ

ซูหรงหลับตาลงช้า ๆ ความรู้สึกสั่นไหวไหลท่วมอก ไม่แน่ใจว่าคือความเสียใจ หรือความสาแก่ใจ หรือความกลัวว่านางอาจทำลายบางสิ่งที่สำคัญไปตลอดกาล แต่นางพยายามหายใจออกยาว ๆ บอกกับตัวเองในใจว่าบัดนี้ไม่มีอาจารย์ลั่วชิงผู้ทำตัวเป็นเหมือนมารดาของนาง มาพยายามจะช่วยเหลือนางเพราะความไม่วางใจ เหมือนนางเป็นเด็กน้อยขาดประสบการณ์อีกต่อไป มีเพียงแต่บ่าวหญิงคนใหม่ให้นางต้องสอนงานเท่านั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 7: นางเกรี้ยวกราดที่โรงเตี๊ยมถูกบุกรุก

    ค่ำวันนั้น โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นถูกแต่งแต้มด้วยแสงโคมแดงและกลิ่นอาหารหอมฉุย และบริเวณที่กลิ่นอาหารอบอวลมากที่สุดก็เห็นจะเป็นโต๊ะสำหรับรับรองแขกพิเศษของโรงเตี๊ยมในคืนนี้เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสะอาดเรียบร้อย เดินถือถาดอาหารเดินวนไปมา คอยเติมชาให้ผู้คน แม้จะยังเก้ ๆ กัง ๆ แต่ก็ไม่ทำถ้วยตก นางรู้สึกปลาบปลื้มกับพัฒนาการในการคุมร่างกายของตัวเองที่ทำได้ดีขึ้น แม้แต่เพียงเล็กน้อยก็ตามขณะทำงาน นางก็ลอบชำเลืองไปยังห้องรับรองหลัก ก็พบว่าแขกในคืนนั้นคือชายฉกรรจ์สี่คนที่แต่งกายคล้ายจอมยุทธ์ต่างสำนัก เสื้อลมผ้าหนา ปักสัญลักษณ์ประหลาดบนอกเสื้อ และแต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเกินกว่าผู้มาเยี่ยมเยียนโดยไมตรี ในโต๊ะเดียวกันนั้น อวี้ไป๋เฉินนั่งอยู่หัวโต๊ะเพื่อเผชิญหน้ากับแขกทั้งสี่ เสี่ยวซุ่ยเพิ่งได้พบหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่มาทำงานที่นี่ เขามีเส้นผมสีดำสนิทราวขนนกอีกา ปล่อยยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวงามได้รูป ผิวราวกับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในร่มมาเนิ่นนาน ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อน ๆ คิ้วของเขาเรียวยาว ดวงตาสีน้ำตาลก็เรียวเฉียงชี้ขึ้นเล็กน้อย จมูกของเขาโด่ง รับกับใบหน้าทั้งหมดอย่างน่าพึงพอใจ เสื

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 6 : นางกลั่นแกล้งข้า!

    แสงเช้าในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นอย่างไม่ต่างจากทุกวัน แต่สำหรับเสี่ยวซุ่ยแล้ว เช้านี้มีบางอย่างผิดปกติ เพราะทันทีที่นางมาถึงลานซักผ้าใต้ร่มไม้หลังโรงเตี๊ยม ก็พบกับซูหรง ในชุดเสื้อผ้าสีแดงสด กำลังยืนกอดอก รออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าเรียบเฉย เหมือนจะสงบนิ่ง แต่สายตานั้นแฝงความน่าหวาดหวั่นใจบางอย่าง ทำเอาร่างกายที่ถูกทำให้มีอาการอย่างเด็กสาวทั่วไปต้องอดสั่นน้อย ๆ ไม่ได้“เสี่ยวซุ่ย วันนี้เจ้าจะต้องทำงานเพิ่ม” ซูหรงเอ่ยขึ้น ด้วยท่าทีทรงอำนาจ “เริ่มจากไปซักผ้าปูโต๊ะทั้งหมดในร้าน ผ้าม่าน ผ้าปูที่นอนด้วย ข้าเตรียมไว้ให้แล้ว เจ้าต้องทำคนเดียวนะ วันนี้คนอื่นน่าจะยุ่ง ๆ กับการเตรียมตัวต้อนรับแขกพิเศษ เห็นว่าสหายเก่าของท่านอวี้ไป๋เฉินจะมาเยี่ยมเยือน”เสี่ยวซุ่ยชะงักเล็กน้อย นางรู้ดีว่านี่ไม่ใช่หน้าที่ปกติของสาวใช้ฝึกหัดทั่วไป งานเหล่านี้รวมทุกอย่างแล้ว ต้องใช้แรงกายมาก และใช้เวลาทั้งวัน หากไม่ใช่เพราะซูหรงตั้งใจสั่งเอง สาวใช้ฝึกหัดไม่น่าจะได้ทำด้วยซ้ำ“เจ้าค่ะ ข้าจะทำให้เสร็จ…” เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ สีหน้าเจือความลังเล แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ทำได้แต่เพียงรับคำสั่งเท่านั้น“เช่นนั้นก็รีบทำได้ ของทั้ง

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 5 : นางทำให้ข้าจำต้องเริ่มใหม่

    เช้าวันใหม่ในโรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นเริ่มต้นด้วยเสียงเก็บถาด ล้างหม้อ และกลิ่นหอมของข้าวร้อนผสมกลิ่นซุปสมุนไพรอ่อน ๆ ดังลอยปะปนกับเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เดินขวักไขว่ เสี่ยวซุ่ยในชุดผ้าฝ้ายสีฟ้าหม่น เดินอยู่ท่ามกลางนั้นอย่างเงียบ ๆ มือขาวนวลของเธอถือตะกร้าผักแนบอก ท่าทางไม่ต่างจากสาวใช้คนอื่น ทว่าในแววตายังเจือร่องรอยของความอึดอัดบางประการเมื่อเดินเข้าไปในห้องครัว นางเห็นพี่หลินกำลังสั่งให้สาวใช้อีกคนปอกขิง เตรียมพริกแห้ง และล้างชามดินเผา“เสี่ยวซุ่ย” พี่หลินเรียกเสียงนิ่งตามเคย “วันนี้เจ้าช่วยต้มถั่วเขียวในหม้อใหญ่นั่น ข้าจะทำข้าวต้มถั่วเป็นมื้อเช้า”“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซุ่ยตอบเรียบ ก่อนจะเดินไปที่หม้อขนาดใหญ่ ตั้งน้ำ ตวงถั่วตามที่คิดว่าเคยเห็นคนทำมาก่อน ทว่าขณะจะจุดไฟ นางกลับจ้องไม้ฟืนอยู่นานอย่างประหลาด“ไม่น่าจะยาก...” เซียนอายุนับพันในร่างเด็กสาวคิดในใจ ก่อนจะพยายามจุดไฟโดยใช้หินเหล็กและฟืนแบบชาวบ้าน แต่หลังพยายามอยู่ครู่ใหญ่ เปลวไฟกลับยังไม่ติดดีนัก ควันกลับฟุ้งขึ้นเต็มหน้า และเมื่อนางพยายามเติมถั่วในน้ำต้ม ก็พลาดทำตกกระเด็นครึ่งถุงจนกลิ้งเต็มพื้นหิน“อ๊ะ…” นางอุทานเบา ๆ พลางก้มลงเก็

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 4 : นางยัดเยียดชีวิตใหม่ให้อาจารย์

    โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นยามค่ำคืนนี้เงียบสงัดกว่าทุกวัน หลังจากแขกเหรื่อทยอยกันเข้านอน และเสียงจานชามในครัวก็เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมโชยเบาใต้ชายคาเท่านั้นซูหรงนั่งอยู่ในห้องรับรองส่วนตัวของตนเอง ไฟตะเกียงบนโต๊ะส่องสว่างพอให้เห็นใบหน้าของนางซึ่งสงบเยือกเย็น แต่แววตานั้นกลับมีร่องรอยของบางสิ่งที่คล้ายความตั้งใจแน่วแน่ ประเภทที่เตรียมใจสำหรับการกระทำที่ไม่อาจหวนคืนกลับไปได้อีกบนโต๊ะของนางตอนนี้มีแผ่นยันต์ผืนบาง วัตถุดิบที่นางนำติดตัวมาจากตำหนักบนภูเขาเซียน และน้ำหมึกผสมผงหยก ซึ่งแม้จะเจือจาง แต่ก็ยังเป็นของที่ใช้ในพิธีเฉพาะทางของผู้ฝึกตนขั้นสูงที่อาจารย์เคยสอนนางมาแต่เล็ก“ข้าคงต้องเลือกทางนี้แล้ว…” นางพึมพำกับตัวเอง พลางวางปลายนิ้วลงบนยันต์ และเริ่มวาดอักขระด้วยปลายพู่กันที่สั่นน้อย ๆ แม้ภายนอกจะสงบ แต่ภายในของนางเต็มไปด้วยหลากความรู้สึกโหมกระหน่ำอยู่ภายในคล้ายพายุเมื่อยันต์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาสองยามพอดี นางจึงตัดสินใจจะออกไปตามเสี่ยวซุ่ย แต่เมื่อเปิดประตูออกไป ก็พบว่า เสี่ยวซุ่ยยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว เด็กสาวย่อกายลงโค้งศีรษะให้นายหญิงแห่งโรงเตี๊ยมอย่างนอบน้อม ท่าทางสงบนิ่งและมั่นคง ก่อนที่ซ

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 3 : นางบอกว่าบัดนี้นางได้เติบใหญ่

    โรงเตี๊ยมไป๋อวิ๋นในเช้าวันต่อมา เริ่มต้นด้วยกลิ่นหอมของข้าวสวยร้อน ๆ และเสียงน้ำที่ถูกตักจากบ่อใส เสียงจานชามกระทบกันเบา ๆ ดังแทรกกับเสียงไก่ขันและเสียงฝีเท้าของบ่าวหญิงชายที่เริ่มขยับเขยื้อนหลังวันใหม่มาถึง แต่ท่ามกลางความคึกคักนั้น มีเงาร่างหนึ่งซึ่งเคลื่อนไหวอย่างเงียบงันและเป็นระเบียบไม่แพ้ใคร นั่นคือ “เสี่ยวซุ่ย”เด็กสาวในชุดผ้าฝ้ายเก่า ๆ สีฟ้าหม่น ไม่ได้โดดเด่นด้วยท่าทีหรือคำพูด ทว่าเธอกลับอยู่ในทุกตำแหน่งที่ควรอยู่เสมอ เช็ดโต๊ะก่อนใคร ล้างหม้อที่ใหญ่ที่สุดก่อนใคร ขนถังน้ำ ขัดพื้น เดินเสิร์ฟชาด้วยมือที่มั่นคงและสีหน้าสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือเพียงเด็กหญิงอายุสิบหกแม้ยังอยู่ในช่วงฝึกงาน แต่เสี่ยวซุ่ยกลับไม่มีบ่าวคนใดในโรงเตี๊ยมมองว่าเธออ่อนด้อยกว่าพวกตน แม้ไม่พูดมาก แต่กลับมีบางสิ่งในแววตา และในท่าทางของเธอที่ทำให้พี่หลิน บ่าวหญิงรุ่นพี่ที่เคยเข้มงวดกับเด็กใหม่ทุกรุ่น ถึงกับกล่าวกับคนอื่นอย่างประหลาดใจว่า“นางช่างเป็นเด็กที่ประหลาดนัก ข้าไม่ต้องว่าอะไรนางสักคำ นางก็ทำได้ทุกอย่าง”ระหว่างที่เหล่าบ่าวกำลังทำงานขะมักเขม้น นายหญิงอย่างซูหรงก็ยืนอยู่หน้าหน้าต่างชั้นบนของโรงเตี

  • บ่าวหญิงของศิษย์รัก   บทที่ 2 : นางต้องการบ่าวหญิงคนใหม่

    ฟ้ายามเช้าปลายฤดูใบไม้ผลิยามนี้โปร่งใสไร้เมฆ แสงอรุณทอดผ่านหมู่ไม้และผิวน้ำจนเห็นเป็นสายทองระยิบระยับ ต้นหลิวเอนพลิ้วล้อลม สายน้ำแห่งลำธารไหลเอื่อยดั่งสายธารอารมณ์ ไม่มีอันใดฉูดฉาดเกินงาม แต่ละขอบเขาอาบด้วยแสงอ่อนคล้ายสวรรค์กำลังอวยพรเงียบ ๆ แก่คนสองคนซึ่งกำลังจับจ้องกันอยู่ใต้ศาลาไม้ไผ่หลังหนึ่งวันนี้คือวันแต่งงานของ ซูหรง กับ อวี้ไป๋เฉินใต้ศาลากลางสวนของโรงเตี๊ยม ซึ่งถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามจนผิดแผกไปจากทุกวันที่ผ่านมา บัดนี้เต็มไปด้วยแขกเหรื่อ ทั้งเพื่อนบ้านจากตลาด ตระกูลค้าขายใกล้เคียง และบางคนแม้เคยเป็นผู้เดินทางหลงทาง ก็ยังหวนกลับมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญแม้จะเป็นงานเล็ก ไม่หวือหวา แต่รายละเอียดทุกอย่างกลับเปี่ยมด้วยความเอาใจใส่ ผืนผ้าปูโต๊ะสีขาวปักลายดอกเหมยตัดกับแจกันหยกอ่อนที่บรรจุดอกบัวขาว ผืนธงผ้าสีแดงอ่อนเขียนอักษร แสดงความยินดีต่อทั้งคู่ ด้วยหมึกทองสะท้อนแดดระยับ ราวกับทองคำที่หลอมมาทำเป็นอักขระ หลอมรวมความสุขไว้เป็นนิรันดร์ซูหรงอยู่ในชุดเจ้าสาวสีแดงเข้มปักดิ้นทอง งามราวเทพธิดาเสด็จจากฟากฟ้า เส้นผมยาวถูกเกล้ามวยขึ้นประณีต ประดับด้วยปิ่นหยกและกลีบบัวสีเงินแซมเกสรท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status