 เข้าสู่ระบบ
เข้าสู่ระบบท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา
“พี่ทศวิขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาดื้อ ๆ เลยค่ะ ช่วยดูกระเป๋าให้วิด้วยนะ” วิเวียนบอกคนรักที่รอรับกระเป๋า
“จ้ะ พี่รอตรงทางออกนะ” บารมีบอกคนรักแล้วหันกลับมาสนใจกระเป๋าบนสายพานต่อ ไม่นานก็ได้กระเป๋าของตัวเอง แต่รอตั้งนานก็ไม่มีกระเป๋าของคนรักตามออกมา
“หรือว่าผ่านไปแล้ววะ... นี่ไงมาแล้ว” เขารีบยกกระเป๋าออกจากสายพาน
“ขอบคุณค่ะ”
บารมีรีบคว้าหูกระเป๋าเอาไว้ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะจูงมันไปหลังจากที่กล่าวคำขอบคุณ
ไอรดาหันไปมอง แล้วรีบถอดแว่นกันแดดที่อำพรางใบหน้าออก เมื่อเห็นความหล่อเหลาของชายหนุ่มชัดเจน
“อยากได้ลายเซ็นไอเหรอคะ” เธอถามพร้อมส่งสายตา โปรยยิ้มบาง ๆ จงใจหว่านเสน่ห์ใส่เขา
“เปล่าครับ” บารมีปฏิเสธเมื่อรู้แล้วว่าเธอคนนี้คือใคร ดาราและนางแบบรุ่นเก๋าดาวค้างฟ้า ผู้ที่มีทรวดทรงและหน้าตา เป็นอาวุธพิฆาตใจหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่มานักต่อนัก และเธอในวัยสี่สิบต้น ๆ คนนี้ก็นิยมกินหนุ่มที่เด็กกว่าเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาจาก

ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา“พี่ทศวิขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ ท้องไส้ปั่นป่วนขึ้นมาดื้อ ๆ เลยค่ะ ช่วยดูกระเป๋าให้วิด้วยนะ” วิเวียนบอกคนรักที่รอรับกระเป๋า“จ้ะ พี่รอตรงทางออกนะ” บารมีบอกคนรักแล้วหันกลับมาสนใจกระเป๋าบนสายพานต่อ ไม่นานก็ได้กระเป๋าของตัวเอง แต่รอตั้งนานก็ไม่มีกระเป๋าของคนรักตามออกมา“หรือว่าผ่านไปแล้ววะ... นี่ไงมาแล้ว” เขารีบยกกระเป๋าออกจากสายพาน“ขอบคุณค่ะ”บารมีรีบคว้าหูกระเป๋าเอาไว้ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งกำลังจะจูงมันไปหลังจากที่กล่าวคำขอบคุณไอรดาหันไปมอง แล้วรีบถอดแว่นกันแดดที่อำพรางใบหน้าออก เมื่อเห็นความหล่อเหลาของชายหนุ่มชัดเจน“อยากได้ลายเซ็นไอเหรอคะ” เธอถามพร้อมส่งสายตา โปรยยิ้มบาง ๆ จงใจหว่านเสน่ห์ใส่เขา“เปล่าครับ” บารมีปฏิเสธเมื่อรู้แล้วว่าเธอคนนี้คือใคร ดาราและนางแบบรุ่นเก๋าดาวค้างฟ้า ผู้ที่มีทรวดทรงและหน้าตา เป็นอาวุธพิฆาตใจหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่มานักต่อนัก และเธอในวัยสี่สิบต้น ๆ คนนี้ก็นิยมกินหนุ่มที่เด็กกว่าเป็นชีวิตจิตใจ จนได้รับฉายาจาก
“เอ๋.. ป๊ะป๋าบอกว่าหมี่มี้ไปบ้านคุณย่าก็เลยรีบตามออกไป สรุปหมี่มี้ไม่ได้ไปเหรอคะ”“เปล่านี่ ออกจากห้องหนูหมี่มี้ก็กลับไปมาร์คหน้าแล้วนอนแช่น้ำวนที่ห้อง แต่พอออกมาก็ไม่เห็นป๊ะป๋าหนูแล้ว ก็เลยแต่งตัวเดินมาหาหนูนี่แหละเพราะคิดว่าเขาอยู่กับหนู”“แสดงว่าป๊ะป๋าเข้าใจผิดคิดว่าหมี่มี้ไปบ้านคุณย่า” เธอพูดกับมารดาและโทรศัพท์หาบิดาไปด้วย “ป๊ะป๋าทำเรื่องน่าขายหน้าจริง ๆ”“นั่นสิ น่าเนรเทศให้ออกไปนอนนอกห้องจริง ๆ” วิลาลีขำไม่ออกกับความซื่อบื้อของสามี แกล้งพูดดัง ๆ ให้ได้ยินเข้าไปในโทรศัพท์ เมื่อรู้ว่าเขารับสายของลูกสาวแล้วชาร์มมิ่งยื่นโทรศัพท์ให้มารดา “ป๊ะป๋าอยากคุยกับหมี่มี้ค่ะ”“ถ้าอยากคุยกับหมี่มี้ก็กลับมาคุยกันที่บ้าน หรือไม่อยากกลับถึงอยากคุยผ่านโทรศัพท์แบบนี้” วิลาลีไม่แม้แต่จะเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์ เพียงแต่ใช้เสียงฝากผ่านไปตามสายเท่านั้นชาร์มมิ่งกดเปิดลำโพง แล้วกรอกเสียงลงไป “ได้ยินไหมคะป๊ะป๋า”(ป๊ะป๋าจะตีรถกลับเดี๋ยวนี้เลยจ้ะ บอกหมี่มี้ด้วยนะ)
(ป้าหวังมาถึงเมื่อหัวค่ำนี่เอง แต่เพื่อนเรานี่สิยังมาไม่ถึงเลย พี่บอกให้กลับมาก่อนไม่ต้องรอกลับพร้อมไอ้ทศก็ไม่ฟังกันบ้างเลย กลับมาคราวนี้ต้องคาดโทษกันหน่อยแล้ว)“คาดโทษอะไรกันคะ วิเวียนเขาไม่ใช่เด็กแล้วนะ” เธอรู้ว่าเพื่อนรักต้องกลับประเทศไทยล่าช้ากว่าเดิมสองวัน เพราะลูกชายหุ้นส่วนใหญ่รายหนึ่งเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต พวกเขาก็เลยต้องอยู่ต่อเพื่อร่วมงานศพ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว(โตแค่ไหนก็ยังเป็นเด็กในสายตาพี่อยู่ดี)“แล้วพี่โมกจะทำโทษยังไงคะ”(ตัดเงินเดือนสามเดือน ให้ไอ้ทศมันรับผิดชอบแทน ดูสิมันจะว่าอย่างไรถ้าเห็นค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนของวิเวียน) เขาหมายถึงยึดบัตรเครดิตของเธอซะ“วิเขาก็ไม่ได้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเลยนะคะ เดือนละไม่เท่าไหร่เอง” เธอแก้ตัวให้เพื่อนรัก ที่มีค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนถือว่าน้อยมาก ๆ ถ้าเทียบกับตัวเอง(สำหรับผู้หญิงอายุยี่สิบห้าปี พี่ถือว่ามันฟุ่มเฟือยมาก)“พี่โมกทำไมเป็นคนงกแบบนี้คะ”(พี่ไม่ได้งกนะชาร์มมิ่ง คำว่าฟุ่มเฟือยของพี่หมายถึงการใช้เงินอย่างไร้ประโ
“อยากทำอะไรก็เชิญ แต่ผมไม่ปล่อยคุณไปเด็ดขาด ดึกดื่นขนาดนี้แล้ว คุณคิดว่าผมจะบ้าปล่อยให้เมียที่กำลังอารมณ์เสียขับรถออกจากบ้านเหรอ”เธอกระหน่ำทุบเขาไม่ยั้งด้วยความโมโหที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ “คุณห่วงมิกซ์หรือว่าห่วงแม่คุณกันแน่”“ผมก็ห่วงทั้งสองนั่นแหละ แต่ห่วงคุณมากกว่าเพราะคุณต้องขับรถด้วยแรงอารมณ์ ส่วนคุณแม่ท่านอยู่ที่บ้านเรียบร้อยแล้วจึงห่วงน้อยหน่อย” เขายอมรับตรง ๆ ตามความรู้สึก “ผมรู้ว่าคุณโกรธคุณแม่ผมมาก แต่คุณใจเย็นสักหน่อยได้ไหม ฟังเรื่องที่ผมกับท่านคุยกันวันนี้ก่อน ถ้าฟังแล้วคุณยังโกรธท่านอยู่ผมก็จะไม่ห้ามอีก” พยายามหว่านล้อมให้เธอใจเย็นลง “นะมายเลิฟ”“..ก็ได้” หลังจากนิ่งคิดอยู่สักครู่ เธอก็ยอมจำนนต่อคำขอร้องของสามี “ปล่อยมิกซ์ได้แล้ว มิกซ์จะไปนอน”“จ้ะ” เขายอมคลายอ้อมแขนจากเธอ แล้วเดินตามไปด้วยความรู้สึกโล่งอก แต่เมื่อเห็นเธอเดินผ่านเตียงนอนไปที่ประตูห้องก็ต้องรีบก้าวเท้ายาว ๆ ไปขวางทางเอาไว้ “คุณจะไปไหน”“จะไปนอนสิคะ”
“ค่ะ” เธอเอนกายลงไปพักพิงกับอกของเขา “เล่าให้ผมฟังได้ไหมว่าคุณกำลังคิดมากเรื่องอะไร” วิลาลีเหลียวไปมองสามี “มิกซ์หลอกคุณไม่ได้อีกแล้วเหรอคะ” “เราเป็นสามีภรรยากันเกือบสามสิบปีแล้วนะมายเลิฟ” เขาสวมกอดร่างสมส่วนของเธอ “บอกผมมาเถอะว่าคุณกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่ ใช่เรื่องที่ลูกอยากจะแต่งงานหรือเปล่า” “ลูกยังไม่ได้บอกว่าจะแต่งเลยนะ เธอแค่บอกว่ามีคนรักแล้วและเขาก็ขอเธอแต่งงาน แต่เธอคงยังไม่แต่งเร็ว ๆ นี้ เพราะอยากศึกษาให้แน่ใจอีกสักพัก ซึ่งมิกซ์ก็เห็นด้วยกับลูก และเคารพในการตัดสินใจของลูกค่ะ แต่เรื่องที่มิกซ์เครียดคือเรื่องของคุณแม่มากกว่า ทำไมท่านต้องแอนตี้ขนาดนั้นด้วย” “คุณแม่ก็ไม่ได้พูดว่าอะไรนี่ ทำไมคุณถึงค
“สักพักแล้วลูก ทำไมชาร์มมิ่งถึงไม่ยอมคุยกับแม่เลยล่ะเจ็ท เธอโกรธแม่เหรอ” นางตอบคำถามลูกชายแล้วถามเขาด้วยความกังวลใจ“ทำไมเธอต้องโกรธคุณแม่ด้วยล่ะครับ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า” อาการของมารดาทำให้เขาอยากรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องมากยิ่งขึ้น เพราะมันดูไม่ธรรมดาเลยเจสสิก้าเริ่มมีน้ำตาปริ่มออกมา นางปาดน้ำตาเบา ๆ “แม่ผิดเองลูกรัก ที่ทำกับหลานแบบนั้น”“เราไปคุยกันทางนั้นดีกว่านะครับคุณแม่” เจ็ทพามารดาเดินแยกไปอีกด้านหนึ่งของบ้าน ที่สามารถทะลุไปยังสวนดอกไม้ได้ “เล่าให้ผมฟังสิครับว่าเกิดอะไรขึ้น” เขาถามท่านเมื่อเข้ามานั่งในศาลากลางสวนเรียบร้อยแล้ว“แม่.. แม่..” เจ็สสิก้าซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วปล่อยโฮออกมา“ถ้าคุณแม่เอาแต่ร้องไห้แบบนี้ผมจะช่วยคุณแม่ได้ยังไงล่ะครับ” เจ็ทตั้งใจจะปล่อยให้มารดาร้องไห้จนพอใจแล้วค่อยถาม แต่ท่านก็ร้องไม่มีทีท่าจะหยุดสักที อาการหนักยิ่งกว่าลูกสาวเขาซะอีก“แม่รับไม่ได้ที่ชาร์มมิ่งรักกับผู้ชายไทยคนนั้น เราก็เลยทะเลาะกันค่อนข้างแรง แม่โมโหมา








