ตอนที่ 4
กลับเยี่ยมบ้าน
ในห้องเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนสวี่ห่าวซวนเลิกคิ้ว “ไยต้องไป?”
“เพราะสุภาพชนผู้ยิ่งใหญ่ย่อมรู้จักธรรมเนียมปฏิบัติ”
“แต่งานข้ายุ่งมาก เชิญภรรยากลับเมืองจงเหนียนไปผู้เดียวเถิด”
“งานของแม่ทัพจะยุ่งก็ต่อเมื่อมีสงคราม แต่ตอนนี้แคว้โจวหนานกับเมืองจงเหนียนพึ่งทำพันธะสงบศึก แล้วจะมีอะไรให้ยุ่งนัก”
นางจ้องตาฟาดฟันกับสามีอย่างไม่ลดละ ยื่นหน้าเข้าไปเน้นย้ำเต็มเสียง “พรุ่งนี้ท่านต้องกลับเมืองจงเหนียนกับข้า”
“แล้วถ้าหากข้าไม่ทำเล่า”
ความยียวนของสวี่ห่าวซวนเป็นรองนางเสียเมื่อไร ในใต้หล้านี้เขาอาจมีภาพลักษณ์เป็นแม่ทัพหนุ่มมาดนิ่งแสนเย็นชา แต่ความจริงเนื้อแท้กลับเป็นคนหัวรั้นปากร้ายอย่างที่แสดงให้ลู่เจียวจูเห็น
“ไม่กลับก็ได้” นางยักไหล่ทำไม่แยแส
แต่สิ่งที่จะกล่าวต่อจากนี้ถึงกับทำให้ไฟโทสะในใจอีกฝ่ายโหมลุก
“ท่านไม่กลับ ข้าก็แค่บอกท่านพ่อให้ฉีกสัญญาสงบศึก เท่านี้ชีวิตอันผาสุขของชาวเมืองก็ถือว่าท่านเป็นผู้ทำลายมันเพราะความอยากเอาชนะของท่าน”
“เจ้า! เจ้ากล้าเอาเรื่องนี้มาอ้างแล้วยังโยนความผิดให้ข้า!?”
“ข้าไม่ใช้เป็นแค่ข้ออ้างแน่ รองตรึกตรองดูให้ถี่ถ้วนท่านก็จะรู้ว่าหากเราสองคนทำตัวห่างเหินเหมือนมิใช่สามีภรรยา ชื่อเสียงของข้าจะเสียหายเพียงใด บิดาข้าไม่มีทางยอมแน่ สุดท้ายก็จะนำไปสู่การฉีกสัญญาอยู่ดี”
มันจริงอย่างนางว่า ภรรยาที่พึ่งแต่งเข้าบ้านได้วันเดียวสามีก็หนีมานอนที่ฐานทัพ หนำซ้ำคือตัวนางต้องเป็นฝ่ายมาตามกลับไปเองอีก เช่นนี้จะไม่กลายเป็นขี้ปากชาวเมืองแย่หรือ
“ข้ามีข้อเสนอจะยื่นให้ท่านเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุอันไม่สมควรเกิด คือจากนี้ยามอยู่นอกบ้านให้ท่านแสดงเป็นสามีที่ดี มีงานอะไรเทศกาลไหนท่านต้องพาข้าไป แน่นอนว่าข้าเองก็จะทำตัวเป็นภรรยาที่ดี ไม่มีปากมีเสียงไม่เถียงท่านสักคำ ว่าตามไหนตามนั้น”
ข้อเสนอของนาง...ฟังแล้วมันแปลกๆอย่างไรไม่ทราบ
“แล้วข้าจะได้อะไรจากการเล่นละครปาหี่ต่อหน้าผู้คน”
“ท่านย่อมได้ภรรยาที่เชื่อฟังไว้ใช้สอยในยามจำเป็น”
ฟังแล้วก็ยิ่งดูทะแม่งๆหนักเข้าไปอีก สวี่ห่าวซวนใช่คิดตามไม่ทันเสียเมื่อไร เขารู้ว่าถึงยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่นนางจะแสดงเป็นศรีภรรยาไม่ว่าไม่เถียงเขา แต่ฝ่ายเขาเองก็จะต้องปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพ มิใช่จะแก้แค้นเอาคืนหรือด่าทออย่างไม่ไว้หน้าได้ ไม่อย่างนั้นฝ่ายที่จะเสียชื่อเสียงก็คือตัวเขาเองนั่นแหละ
“ข้าแลไม่เห็นผลประโยชน์จากเรื่องนี้เลย”
“ความเห็นแก่ตัวมันบังตาท่านไปหมดแล้วกระมัง ผลประโยชน์ที่เราต่างได้ร่วมกันก็คือการคงไว้ซึ่งสัญญาสงบศึกอย่างไรเล่า”
แล้วดูนางด่าข้า เช่นนี้หรือคือวิธีการขอร้องคน...
สวี่ห่าวซวนตวัดดวงตามีประกายคมกล้าจดจ้อง ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าสตรีผู้นี้ช่างมีนิสัยที่ทำให้ใบหน้างดงามอ่อนหวานนี้ดูเสียของซะจริง
“ข้ายอมตกลงก็ได้ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง”
“เชิญสามีว่ามาตามสบาย”
“เจ้าว่าการแสดงนี้ต้องทำต่อหน้าผู้อื่น เช่นนั้นแม้แต่ยามที่มีบ่าวในเรือนอยู่ เจ้าก็ห้ามมีปากเสียงกับข้า เชื่อฟังข้าทุกคำ”
ว่าให้ง่ายก็คือ จะมีแค่เวลาเข้าห้องนอนร่วมเตียงเดียวกันเท่านั้นที่นางจะเป็นตัวของตัวเองได้
ว่าพลางมุมปากยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ..ขอดูพลังความอดทนของสตรีผู้นี้หน่อยเถิด
ลู่เจียวจูรู้ว่าเขาอยากให้นางอกแตกตายไปข้าง แต่นั่นไม่ได้เหนือความคาดหมายของนางสักเท่าใด และตั้งแต่ก่อนแต่งงานก็เตรียมใจพร้อมจะมาสู้...ไม่ๆๆ ต้องกล่าวว่าเตรียมใจพร้อมจะมาโดนโขกสับอยู่แล้ว
“เรื่องนี้ข้าไม่แลเห็นว่าเป็นปัญหา”
“เช่นนั้นก็เป็นอันตกลง”
พวกเขาลงนามในสัญญาปากเปล่า เป็นอันว่าการเจรจาจบสิ้น ค่ำนั้นสวี่ห่าวซวนยอมกลับไปนอนที่จวนแต่โดยดี และเช้าวันต่อมาก็เดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเจ้าสาวตามธรรมเนียมด้วยกัน
ซึ่ง..ข้าก็ไม่คิดว่ามันจะน่าอึดอัดถึงเพียงนี้
สวี่ห่าวซวนเป็นบุรุษ และเมื่อเป็นบุรุษย่อมรู้จักฉวยโอกาส เขาแสร้งทำเป็นว่ารักใคร่นางนักหนาได้อย่างแนบเนียนด้วยการโอบไหล่ภรรยาตั้งแต่ตอนลงจากรถม้าไปจนกระทั่งพ่อตาเดินมาต้อนรับ
“คารวะท่านเจ้าเมืองลู่”
บิดาของลู่เจียวจูนามว่าลู่จุนเฟิง เขาประสานมือรับใบหน้าคงไว้ซึ่งรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย “ไม่เจอหน้าไม่กี่วัน ข้าไม่นึกว่าบุตรสาวจะดูเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ คงเพราะรัศมีของผู้เป็นฮูหยินกระมัง”
“ท่านพ่อชมเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”
นางรับคำชมนั้นด้วยรอยยิ้มหวานอย่างที่ไม่เคยยิ้มให้สวี่ห่าวซวน ทำคนข้างๆมองแล้วแอบทึ่งเล็กน้อย
ไม่นึกว่าเจ้าจะทำหน้าหมือนสตรีผู้มีกิริยาอ่อนหวานเป็นด้วย...เขาเกือบหลุดคำนั้นออกมา
“เอาล่ะๆ พวกเจ้าเดินทางกันมาเหนื่อยๆ รีบเข้าด้านในกันดีกว่า”
บิดาชักชวนเหมือนอย่างชายผู้มีจิตใจโอบอ้อมทั่วไป ..ไม่น่าเชื่อว่าคนนิสัยเช่นนี้จะสามารถบัญชาการแม่ทัพนายกองให้สู้กับกองทัพของแค้วนโจวหนานได้อย่างสูสี
แต่เอาเถิด ของแบบนี้ดูกันวันเดียวจะเชื่อได้อย่างไร
สวี่ห่าวซวนประสานมือรับ “ขอบคุณท่านเจ้าเมืองลู่”
“เรียกบิดาก็ได้ เจ้าแต่งกับบุตรสาวข้า ถือเป็นครอบครัวเดียวกัน”
โอ..ประเสริฐแท้
สวี่ห่าวซวนไม่ได้ยิ้มออกมา เกรงว่ามันจะกลายเป็นยิ้มที่ดูเสแสร้ง
เขาไม่ได้เชื่อใจใครง่ายๆ ยิ่งผู้ที่ต่อหน้าทำใจดีด้วยยิ่งไม่ค่อยจะวางใจสักเท่าไร
“ขอบคุณท่านพ่อที่เมตตา”
แต่วาจาประจบประแจงนั้น แน่นอนว่ายังต้องมีต่อไป
จวนเจ้าเมืองตกแต่งอย่างหรูหราสมฐานะ ในห้องรับรองมีน้ำชาชั้นดีรินให้ลูกสาวและลูกเขยที่มาเยี่ยมเยือน
“บุตรสาวข้าไปอยู่จวนเจ้าได้ทำตัวเกเรหรือไม่”
บิดาเอ่ยเย้าบุตรสาวก็ทำหน้างอ “ท่านพ่อ ถามอย่างกับข้าเป็นคนนิสัยเกเรอย่างนั้น”
เจ้าก็ทำตัวเกเรมากจริงๆ อย่างที่บิดาเจ้าสงสัยนั่นแหละ...
“ไม่เลยท่านพ่อ นางเป็นภรรยาที่ดี คอยเป็นห่วงเป็นไยเอาใจใสข้าดียิ่ง”
ในใจสวี่ห่าวซวนอยากกัดลิ้น แต่เขาต้องอดทนพูดสิ่งที่ตรงข้ามกับในความคิดทุกประการออกไป
“ถึงจะพึ่งอยู่ด้วยกันแค่ไม่กี่วันข้าก็รู้แล้วว่านางเป็นสตรีน่ารักอ่อนหวาน นางไม่เคยยอมให้ข้าต้องอยู่ทำงานหนักในฐานทัพนานเกินไปจนลืมเวลากินเวลานอน ยังเอาใจใส่เรื่องในรั้วบ้าน จัดการงานต่างๆได้ดีเยี่ยม สมกับที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี”
“โอ...ได้ยินเช่นนั้นข้าก็ดีใจมาก”
ลู่จุนเฟิงหัวเราะร่าชอบใจ ต่างจากหญิงสาวที่ได้เพียงเข่นเขี้ยวในใจแล้วแสร้งทำเขินอายเพียงภายนอก
บทส่งท้ายไม่กี่เดือนหลังจากนั้น แคว้นโจวหนานก็มีข่าวดี..ฮูหยินของแม่ทัพสวี่ตั้งครรภ์แรกแล้วหลังจากเริ่มรู้ตัวว่าระดูไม่มา และอยู่ๆก็เกิดอาการเหม็นอาหารหลายอย่าง ลู่เจียวจูก็สังหรณ์ใจว่าในท้องน่าจะมีเจ้าตัวเล็กแล้ว นางจึงให้หมอมาตรวจอาการดู“ยินดีกับฮูหยินสวี่ด้วย” หมอชราประสานมือให้นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆเย็นย่ำเมื่อสามีกลับมาบ้านและรู้ข่าวนี้ ความยินดีก็ฉายเกลื่อนใบหน้าเขาเช่นกัน ก่อนสวี่ห่าวซวนเข้ามาสวมกอดคลอเคลีย“จะเป็นเด็กชายหรือเด็กหญิงกันนะ”“ท่านคงต้องรออีกนานกว่าจะได้เห็นหน้าลูก”เขารอลุ้นอยากเห็นหน้าลูกแทบไม่ไหว ทั้งที่อีกตั้งหลายเดือนกว่านางจะคลอด“ไม่เป็นไร ข้ารอได้ ขอแค่คลอดอย่างปลอดภัยก็พอ”เสียงเขาฟังช่างชวนอบอุ่นหัวใจ ลู่เจียวจูก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ค่ำคืนนั้นสามีนัวเนียอยู่แต่กับร่างนาง มีจูบหวานล้ำมอบให้ทั้งบนริมฝีปากและหน้าท้องที่ยังไม่นูนออกมาเลย“จากนี้ข้าจะดูแลเจ้าให้ดีกว่าเดิม”ราวกับเป็นคำมั่
ตอนที่ 29เข้าหออีกครั้งถึงแม้จะบอกว่าการหย่าร้างไม่เคยเกิดขึ้น แต่สุดท้ายการเลี้ยงฉลองใหญ่โตประหนึ่งงานสมรสครั้งใหม่กลับเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น“ไหนท่านว่าไม่เคยหย่ากับข้า แต่ทำไมจัดงานเสียอย่างกับแต่งกับข้าอีกครั้งเช่นนี้”“ใครว่าเป็นงานแต่งเล่า นี่มันงานฉลองที่แคว้นโจวหนานมีชัยเหนือยแคว้นเดิมของเจ้าเท่านั้น”ลู่เจียวจูฟังคำกล่าวอ้างของสามีแล้วต้องแอบเบ้ปากนิดๆ หากบอกว่าเป็นงานฉลองจริงเขาจะบังคับให้นางสวมชุดแดงมงคล สวมมงกุฎทับทิมทองเก้าชั้น ร่วมเดินเคียงข้างเขาที่สวมชุดแดงเต็มยศเช่นนี้หรือบางทีสวี่ห่าวซวนอาจอยากเสริมความมงคลให้ชีวิติด้วยการจัดงานที่เสมือนเป็นงานแต่งกับภรรยาคนนี้อีกครั้ง เพื่อให้ทุกคนร่วมอวยพรให้เขาได้ครองรักกับนางนานๆก็เป็นได้และพอถึงตอนค่ำ สุรามงคลก็ยังวางอยู่บนโต๊ะ ราวกับรอให้บ่าวสาวมารินลงจอกแล้วคล้องแขนดื่มชมจันทร์ด้วยกัน“ไหนท่านว่าไม่ใช่งานสมรสซ้ำ”“งานสมรสมีรอบเดียวน่ะดี แต่เรื่องร่วมหอมีหลายๆครั้งไม่นับว่าเสียหาย
ตอนที่ 28ข้าไม่เคยหย่ากับเจ้า‘หากเจ้าอยากตามหานาง เช่นนั้นก็ไปตามหาเอาในปรโลกเถิด’นั่นคือคำที่ลู่จุนเฟิงทิ้งเอาไว้ให้สวี่ห่าวซวนก่อนถูกลากคอไปแน่นอนว่าข้าไม่มีทางเชื่ออย่างสนิทใจเขาใช่จะอ่านความคิดลู่จุนเฟิงไม่ออก ในเมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองจะต้องตายอยู่แล้ว เช่นนั้นคงไม่มีทางยอมเห็นใบหน้าดีใจเปี่ยมล้นของศัตรูเด็ดขาดลู่เจียวจูยังไม่ตายแน่ๆ..แต่แค่ต้องหาตัวนางให้พบการปูพรมค้นหาสตรียอดดวงใจแม่ทัพสวี่เริ่มต้นขึ้น แต่ผิดคาดจากที่ตอนแรกคิดว่าอาจพบตัวนางได้ยากสักหน่อย ที่ไหนได้กลับมาเจอเอาง่ายๆในห้องลับของจวนเจ้าเมืองเสียอย่างนั้นถึงสภาพนาง..จะดูย่ำแย่มากเต็มทีก็ตาม“เจียวจู!!”เสียงนั้นเป็นสามีเรียกหานาง โซ่ตรวนถูกปลดออกให้เขาได้กอดร่างหญิงสาวผู้เป็นที่รักไว้นางยังพอมีสติอยู่บ้าง รู้ว่าคนที่มาช่วยเป็นใคร น้ำตาก็ไหลรินอย่างไม่อาจห้าม มือที่ไร้เรี่ยวแรงและซีดขาวค่อยๆเลื่อนมาโอบกอดตอบเขาเบาๆ“ไม่นึกว่าจะเป็
ตอนที่ 27ทวงคืนคืนวันต่อจากนั้น ความทรมานของลู่เจียวจูยังไม่สิ้นสุด ยังไม่อาจเห็นแสงสว่างใดลอดเข้ามาเช่นเดียวกับความหวัง...ส่วนลู่จุนเฟิง ความเครียดยิ่งเพิ่มพูนเมื่อเขาเริ่มกลับมาครุ่นคิดถึงหนทางต่อจากนี้เพราะลู่เจียวจูหย่ากับสวี่ห่าวซวนแล้ว สัญญาสงบศึกจึงเป็นอันสิ้นสุดลง ระหว่างแคว้นโจวหนานกับเมืองจงเหนียนกลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือนเช่นร้อยปีที่ผ่านมาหากยังอยู่เฉยๆ..ไม่แน่ว่าภัยอาจจะมาเยือนเขาในอีกไม่ช้า เช่นนั้นลู่จุนเฟิงจึงออกคำสั่งต่อแม่ทัพของเขา ให้เริ่มจัดเตรียมกระบวนรบเพื่อบุกแคว้นโจวหนานอีกคราเพราะสวี่ห่าวซวนพึ่งหย่ากับลู่เจียวจูไป ซ้ำทางแคว้นโจวหนานพึ่งสิ้นศึกกับแดนใต้ กำลังรบน่าจะยังไม่ฟื้นคืนเต็มที่ เรียกว่าจะบุกมาหาเรานั่นเป็นไปไม่ได้ จะตั้งรับก็อาจจะยากเกินไปด้วยซ้ำนี่เป็นเวลาทองที่จะใช้ยึดอำนาจ ให้แคว้นโจวหนานตกมาอยู่ใต้อาณัติของเราเสีย!การจัดตั้งกองทัพเดินทางสู่ชายแดนสองเมืองเต็มไปด้วยความฮึกเหิมเปี่ยมล้นแต่ผิดคาด...ลู่จ
ตอนที่ 26หย่าขาด“ในเมื่อเจ้าไม่เห็นว่าข้าเป็นสามีที่คู่ควรกับเจ้าอีกต่อไป เช่นนั้นก็หย่าให้มันจบเรื่องไปเสีย”ยามกล่าวน้ำเสียงสวี่ห่าวซวนทั้งเข้มข่มขวัญ แววตาของเขาก็ช่างดุดันน่ากลัวอย่างยิ่งราวกับเขาโกรธจริงๆ และไม่คิดอยากจะมองหน้านางให้ยิ่งโกรธเพิ่มไปกว่านี้อีกจริงๆ...ลู่เจียวจูไม่ได้อยากได้รับปฏิกิริยาเช่นนี้ แต่นางต้องกลั้นใจว่าต่อ“พรุ่งนี้ ข้าจะไปยื่นหนังสือหย่าของเรากับท่านผู้ครองโจวหนานเอง ท่านโปรดวางใจ”“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยสะสางธุระน่ารำคาญให้ยิ่งลำบากกาย”ฟังวาจาเขาบาดหูได้อย่างเจ็บแสบนัก ลู่เจียวจูเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่แล้วแต่นางยังต้องทนต่อไป กล่าวอำลาอย่างเร็วๆก่อนจากออกมา“จากนี้ข้า..ไม่ใช่ฮูหยินสวี่อีกต่อไป ต้องขอลา”“เชิญ ข้าไม่ส่งนะ”เขาทำทีไร้เยื่อใยได้อย่างแนบเนียนมากจริงๆสมดังตั้งใจ ลู่เจียวจูดูไม่ออกเลยว่าอะไรจริงอะไรปลอมกันแน่
ตอนที่ 25คำตอบรับคืนค่ำ หลังจากวันนั้นที่สวี่ห่าวซวนออกจากบ้านไป ผ่านมาสองคืนก็แล้ว สามคืนก็แล้ว ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาเลยจุดประสงค์ของท่านคืออะไร? ตั้งใจหนีหน้าข้า หรือแค่อยากให้ความคิดของข้าตกตะกอนมากขึ้นกันแน่?“เฮ้อ!”ลู่เจียวจูผ่อนลมหายใจไม่ต่ำกว่าคืนละร้อยหนนางยังนั่งคอยนอนคอยอยู่บนเตียงอย่างกับจะตายลงเช่นเดิม กระทั่งบ่าวรับใช้หน้าประตูเข้ามารายงาน “ฮูหยินเจ้าคะ มีจดหมายมาถึงท่านเจ้าค่ะ”“จากท่านแม่ทัพหรือ!?”เพียงได้ยินว่ามีจดหมาย แววตานางพลันเปล่งประกายขึ้นมา ประหนึ่งวิญญาณกลับเข้าร่างแล้วกระนั้นแต่ฉับพลันมันก็ต้องวูบดับไปเมื่อได้รับคำเฉลย “ไม่ใช่เจ้าค่ะ เป็นจากท่านเจ้าเมืองจงเหนียนเจ้าค่ะ”จากลู่จุนเฟิงอย่างนั้นหรือรับจดหมายมาแล้ว ลู่เจียวจูยังไม่กล้าทำใจเปิด ด้วยหัวใจกระหน่ำเต้นลุ้นระทึกเขาจะเขียนอะไรมากันนะ...เมื่อในห้องนี้มีเพียงนาง ก็ยิ่งราวกับว่าเสียงหัวใ