LOGINบรรยากาศในรถตึงเครียด จนแทบจะหายใจไม่ออก ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในตัว ธนา เริ่มทำงานหนัก ขณะที่ ริสา ที่เมาหนักกว่าก็นั่งนิ่งเงียบอยู่ข้าง ๆ เขาตั้งใจจะมุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ฉุกคิดได้ว่าเส้นทางนี้ต้องเจอ ด่านตรวจแอลกอฮอล์ แน่นอน ริสา ที่อ่อนแรงจากความเมาและอารมณ์ที่ปะทุในคืนนี้ ค่อย ๆ หลับไปโดยไม่รู้ตัว
ธนาตัดสินใจหักเลี้ยวรถ มุ่งหน้าไปยังคอนโดของตัวเอง อย่างน้อยที่นั่นก็คงไม่มีด่าน เมื่อถึงหน้าคอนโด เขานั่งนิ่งครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ นี้ดี จึงตัดสินใจเอ่ยปากปลุก
"นี่...เธอ ตื่นได้แล้ว!" ธนาเรียกเสียงห้วนอยู่หลายครั้ง แต่ริสายังคงไร้การตอบสนอง
เขาปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูลงจากรถ แล้วเดินอ้อมมาเปิดประตูฝั่งที่ริสานั่งอยู่ เขย่าเบา ๆ เพื่อปลุกเธออีกครั้ง ทว่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าเธอจะได้สติ ธนาจำต้องเอื้อมมือเข้าไปเพื่อจะปลดเข็มขัดนิรภัยให้
ในจังหวะนั้น ใบหน้าของริสาที่หลับใหลอยู่ พลิกกลับมาอย่างเชื่องช้า จน ปลายจมูกของทั้งคู่เกือบจะชนกัน ด้วยระยะที่กระชั้นชิด ความหอมกรุ่นของแอลกอฮอล์จาง ๆ และกลิ่นกายเฉพาะตัวของเธอ ทำให้ธนา กลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ โดยไม่รู้ตัว สายตาเขามองใบหน้า ที่น่าหลงใหล และริมฝีปากบางของเธออย่างไม่อาจห้ามได้ สัมผัสภายในใจที่พลุ่งพล่านทำให้เขาเผลอ เม้มปากแน่น
'บ้าเอ๊ย! หยุดคิดเลยนะ!' ธนาต่อว่าตัวเองในใจ เขาต้องรีบดึงใบหน้าออกมาเล็กน้อยเพื่อ ตั้งสติ ก่อนจะปลุกเธออีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เป็นผล
ในที่สุด ธนาก็ตัดสินใจช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มเพื่อพาขึ้นห้อง 'ทำไมมันวุ่นวายขนาดนี้นะ!' เขาคิดอย่างหงุดหงิด
ระหว่างทางเดินเข้าไปในอาคารคอนโดมิเนียม รปภ. สองคนที่เขาจำหน้าได้ดีในคืนนั้นก็เหลือบมาเห็น
"อ้าว! สรุป... พวกคุณสองคน (รปภ.คนหนึ่งทำนิ้วชี้สองนิ้วชนกัน) ตกลงกันได้แล้วใช่ไหมเนี่ย? ไม่ใช่ว่า..."
"ฮ่า ๆ! ว่าแล้วไง ในที่สุดก็ลงเอยกันอยู่ดี!" รปภ. อีกคนหัวเราะ แล้วใช้ศอก กระทุ้ง แขนเพื่อนเบา ๆ เป็นเชิงรู้กัน พร้อมพยักหน้าอย่างมีเลศนัย
ธนานิ่งไปเล็กน้อย มองหน้า รปภ. ทั้งสองที่ทำเหมือนตนเป็นตัวละครในละครหลังข่าว เขาเลือกที่จะไม่ตอบ แม้แต่คำเดียว เพียงแต่ก้าวเท้าอุ้มริสาเดินเข้าลิฟต์ไปอย่างรวดเร็ว ท่าทางที่เร่งรีบและไม่พอใจชัดเจน
เมื่อลับหลังธนา รปภ. ทั้งสองก็หันกลับมาคุยกันต่อทันที
"ว่าแล้ว! มันต้องมีอะไรที่เราไม่รู้แน่ ๆ หนุ่มหล่อสาวสวยขนาดนั้น ไม่ใช่คืนนั้นคง..."
จะอะไรซะอีกล่ะ! ภาพมันชัดเจนขนาดนี้แหละ! สงสัยตอนแรกงอนกันมั้ง สาวสวยเด็กคนนั้นถึงได้หนีหายไปให้ตามหา!" รปภ. ทั้งสองหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกลับไปนั่งประจำหน้าที่ด้วยความ อยากรู้อยากเห็น และ ซุบซิบ อย่างออกรส
ความปรารถนาที่ไม่อาจยับยั้ง
เมื่อประตูห้องปิดลง ธนา ค่อย ๆ วางร่าง ริสา ลงบนเตียงนุ่มอย่างเบามือ เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นเพื่อดับกระหาย
มือหนาเปิดตู้เย็น คว้าขวดน้ำขึ้นมา กระดกดื่มรวดเดียว ด้วยความหิวกระหาย ในขณะที่น้ำเย็น ๆ ไหลผ่านลำคอ สายตาเขากลับจับจ้องไปยังประตูห้องนอนที่เปิดอ้าอยู่ ภาพริสาที่นอนหมดสติบนเตียงเด่นชัดในมโนสำนึก... ค่ำคืนอันเร่าร้อนที่ผิดพลาดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ในครั้งนั้นหวนกลับมา... มันไม่ใช่ความผิดพลาดเสียทีเดียว แต่มันคือ ความหวานล้ำที่น่าจดจำ
ธนา กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ความกระหาย ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่ขวดน้ำเย็น ๆ นี้อีกต่อไป เขาวางขวดลงบนเคาน์เตอร์ เสียงดัง 'ตึง' เบา ๆ แล้วค่อย ๆ เดินกลับมายืนพิงผนังข้างประตูห้องนอน มองหญิงสาวที่หลับใหลอยู่เบื้องหน้าอย่างพิจารณา แสงสลัวจากนอกหน้าต่างสาดมากระทบผิวขาวเนียนของเธอ
"เธอทำอะไรกับฉันกันแน่นะริสา... ทั้งที่เพิ่งทะเลาะกันแทบตาย" ธนาพึมพำกับตัวเอง เสียงแหบพร่า ดวงตาฉายแววปรารถนาอย่างชัดเจน ความต้องการที่ถูกสะกดไว้ตลอดคืนนี้ปะทุขึ้นอีกครั้ง
เขาตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เดินไปปิดไฟในห้องนั่งเล่นอย่างเชื่องช้า ความมืดที่ปกคลุมทำให้บรรยากาศยิ่งคุกคาม ธนา เริ่มปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ทีละเม็ด... ทีละเม็ด... เผยให้เห็นแผงอกแข็งแรง เมื่อเสื้อหลุดออกจากไหล่ เขาโยนมันทิ้งอย่างไม่ไยดี แล้วก้าวเดินไปหาเตียงที่ริสานอนอยู่
การขัดขืนที่ไร้เรี่ยวแรง
เขาขึ้นไปบนเตียง คุกเข่าอยู่ข้างกายเธอ ก้มใบหน้าลงไป ซุกไซร้ที่ซอกคอหอมกรุ่น สูดดมกลิ่นกายของเธออย่างลึกซึ้ง ความหอมหวานที่คุ้นเคยปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบอย่างรุนแรง
"ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอจะจำฉันในค่ำคืนนั้น... ไม่ได้จริง ๆ เหรอ..." ธนาพึมพำเสียงกระซิบพร่าข้างใบหู ก่อนจะประทับ ริมฝีปากลงบนผิวเนียน อย่างหนักหน่วงและเร่าร้อน มือหนา เลื่อนลงไปสัมผัส แผ่นหลังบอบบาง ที่ขาวผ่อง ปลุกเร้าสัมผัสแห่งราคะ ในกายเขาจนเกินต้านทาน
การเล้าโลมเริ่มต้นอย่างดุดัน ความรุ่มร้อนจากร่างกายเขาที่ทาบทับ ทำให้ ริสา ที่จมอยู่ในห้วงนิทราเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ค่อย ๆ รู้สึกตัว เธอรับรู้ได้ถึง ลมหายใจอุ่นจัด และ น้ำหนักกดทับ ตรงซอกคอ ก่อนจะตามมาด้วย สัมผัสวาบหวาม ที่คุ้นเคยและน่ากลัว
ดวงตาของริสาเบิกกว้างขึ้นท่ามกลางความมืดมิด เธอไม่ได้สติเต็มที่ แต่สัญชาตญาณบอกให้เธอต้องหนี!
"อื้อออออ! ปล่อยนะ!" ริสาร้องเสียงหลง ปนเปกับเสียงกรีดร้องที่ถูกกลืนลงคอ พยายาม ดันร่างแกร่งของธนาออก อย่างสุดแรง แต่มันไร้ผล ความเมา ทำให้เธอไร้เรี่ยวแรง ราวกับร่างกายของเธอกลายเป็นก้อนสำลี การขัดขืนที่อ่อนปวกเปียกของเธอกลับยิ่งปลุกอารมณ์ดิบ ของเขาให้พุ่งสูงขึ้น
ธนาไม่สนใจเสียงร้องที่แหบพร่านั้น เขายึดข้อมือเธอไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้ร่างกายกดทับไม่ให้เธอขยับหนี
"หยุดดิ้นได้แล้วริสา! ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าฉันต้องการอะไรจากเธอ!" เขาคำรามเสียงต่ำ ดวงตาเป็นประกายดุดัน ความโกรธ ที่ถูกระงับไว้จากการทะเลาะเมื่อครู่ แปรเปลี่ยนเป็น แรงปรารถนา ที่ต้องการครอบครอง เขาจูบซับ ไปที่ขมับและลำคอของเธออย่างบ้าคลั่ง ลิ้นร้อนชื้น ลากไล้ลงไปตามผิว ปลุกเร้าทุกอณูสัมผัส ให้เธอจมดิ่งลงไปกับเขาอีกครั้ง
ริสาพยายามรวบรวมสติทั้งหมด กัดฟันแน่น เธอสะบัดศีรษะหนีอย่างแรง
"ไม่! ไม่เอา! ปล่อย... ปล่อยฉัน!"
เธอพยายามใช้เท้าถีบเขา แต่เขากลับสอดตัวเข้าใกล้ ตรึง เธอไว้กับที่นอน มือของเธอทุบลงบนแผ่นหลังของเขาอย่างไม่มีน้ำหนัก ราวกับเป็นการกระตุ้นเขามากกว่าขัดขวาง
"แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นนี่ริสา..." เขาพูดด้วยเสียงกระเส่าต่ำ จูบร้อน ๆ บดเบียดลงบนริมฝีปากบางของเธออย่างไม่รอคำตอบ ความรู้สึกที่ทั้งต่อต้านและอ่อนระทวย เริ่มตีกันในใจของริสา... เธอปฏิเสธเขาด้วยสมอง แต่ร่างกายกลับ ตอบสนอง ต่อสัมผัสรุ่มร้อนนั้นอย่างน่าอับอาย....
ในขณะที่ทั้งคู่ที่ยืนสบตากันธนา รุกด้วยท่าทีที่นุ่มนวล "ทำอะไรกันอยู่ครับ ไม่เห็นชวนพี่มาบ้างเลย อุตส่าห์รอให้ชวน ก็ไม่เห็นชวน เลยต้องเดินมากดกริ่ง"ริสาถึงกับเขิน ธนาจับไปที่แก้มสีชมพูของคนตรงหน้า "หน้าแดงใหญ่เลย เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"ริสาที่ยังอึ้งรีบดึงสติแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา "ริสาแค่ทำตัวไม่ถูกค่ะ พี่จะกลับมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เลย กลับมาแล้วน่าจะบอกริสาหน่อย"ธนา เดินตามมานั่งลงตรงข้ามเธอ "ก็พี่ยุ่งๆ กับห้องใหม่อยู่เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง... ทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ย้ายมาอยู่ข้างห้อง จะช่วยพี่จัดของเหรอ"ริสา "เปล่าสักหน่อย ริสาก็แค่... แค่ทำตัวไม่ถูก ที่พี่มาอยู่ตรงหน้าแบบกะทันหันแบบนี้"ธนา เสียงนุ่มนวลและจริงใจ "หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ขอโทษริสานะ ที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ริสา"ริสา "จะขอโทษทำไมคะ มันเป็นความต้องการของริสาเอง มันทำให้ริสาทำใจง่าย การที่ไม่เจอหน้าพี่ในช่วงนั้น... ถ้าริสาต้องเจอพี่ในตอนนั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดของการสูญเสีย"ธนานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มเศร้าลงมา พร้อมกับคำถามที่แสนจริงใจ "แล้วตอนนี้... เจอหน้าพี่... แล้วยังเจ็บปวดอยู่ไห
หกเดือนผ่านไป...หลังเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิต ริสา เลือกที่จะย้ายออกจากบ้านตามความต้องการของตัวเอง ทว่าเพื่อคลายความกังวลของของแม่ เธอจึงยอมรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงที่มอบคอนโดมิเนียมให้เป็นที่พักพิง และรอคอยวันที่เธอพร้อมจะกลับมาริสาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่คอนโด เธอทำงานรับงานรีวิวบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง พยายามดำเนินชีวิตให้กลับสู่ภาวะปกติ ทว่าบาดแผลจากการสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังลึกในใจ ไม่มีวันลบเลือนเสียงตะกุกตะกักดังมาจากห้องข้างๆ ริสาเปิดประตูออกไปดูด้วยความแปลกใจ "อ้าว! ห้องนี้มีคนซื้อแล้วเหรอ... เพื่อนบ้านใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งดูทีวีต่อหลังจากที่ริสาปิดประตู... ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้มคมคาย ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตน แต่สายตาและใบหน้ากลับจับจ้องไปยังประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มเล็กๆ แห่งความหวังฉายชัดบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่ห้องใหม่ที่เพิ่งขนข้าวของเข้ามา เขาเปิดม่านรับแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ยืนเท้าเอวทอดสายตาไปยังวิวเบื้องหน้าอันกว้างไกล ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง"นี่แหละค
ริสาหลับไปได้ราว 3 ชั่วโมง จากความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ จนเสียงสะอื้นเงียบลงไปธนานั่งเฝ้าไม่ห่าง ค่อยๆ ขยับเข้าไปมองใบหน้าเธอใกล้ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา... เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ผ้าปิดแผลด้วยความรู้สึกผิดและลูบกลุ่มผมของเธอเบาๆ สัมผัสรอยน้ำตาข้างแก้มที่ยังไม่แห้งกรัง ปากเขาพึมพำแต่คำว่า "ขอโทษ" อย่างไม่หยุดหย่อนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยอมรับความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงชั่วขณะต่อมา ริสารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งสัมผัสกายและใบหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น พบว่าเป็นธนา ชายที่เธอรักมากที่สุด สายตาอ่อนล้าและเจ็บปวดในใจของเธอสบกับเขา เป็นสายตาที่ผสมผสานระหว่างความรักและความทนทุกข์ริสาไม่ได้ถาม ไม่ด่าทอ หรือแม้แต่ไล่เขาไป เธอกลับเงียบสนิทราวกับเขาไม่มีตัวตน ยิ่งทำให้ธนารู้สึกทรมานในหัวใจมากขึ้น"ริสา... ทำไมต้องเงียบแบบนี้ด้วย จะด่า จะว่า จะไล่พี่ก็ยังดี! พูดกับพี่สักคำได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้เลย ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้" ธนาอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าเปื้อนน
ทันทีที่ธนาก้าวออกมาจากห้องพักฟื้น เขาเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ามณีและศักดิ์ชัย ด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจจนแทบจะแหลกสลายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ครอบครัวได้เผชิญหน้าและสะสางเรื่องราวกันเองธนาก้มหน้าต่ำ ติดพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเริ่มกล่าวคำขอโทษและสารภาพผิดทั้งหมดออกมาอย่างยากลำบาก"ผมขอโทษครับคุณน้า... ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมชัดเจนและทำให้น้องมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรามากกว่านี้... เรื่องของเราคงไม่ต้องปิดบังใคร... เป็นเพราะผม... ตั้งแต่แรก..."ธนาหยุดหายใจ พยายามรวบรวมสติ "ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่รู้จักกัน... ผมน่าจะทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ทีแรก..."คำว่า 'ความผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก' ทำให้มณีที่กำลังปวดร้าวอยู่แล้วยิ่งชะงักงัน"อะไรคือความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก... ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน... น้าไม่เข้าใจ !" มณีเอ่ยถามเสียงสั่นเทาแฝงความประหลาดใจธนาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มณีฟังอย่างละเอียดยิบ พ
ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าครับ...ทุกคนเงียบกริบ ธนา, มณี, และศักดิ์ชัย ก้าวเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกันด้วยความหวังอันริบหรี่คุณหมอ สีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย"ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ..."คำพูดนั้น... ทำให้ ธนา ทรุดตัวลงกับพื้น มณีร้องไห้โฮอย่างสุดเสียงธนา เสียงแตกพร่า คุณหมอ... หมายความว่ายังไงครับ! ริสา... !คุณหมอ "คนไข้ปลอดภัยครับ แต่เนื่องจากคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากการตกบันได... ทำให้... เราไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไว้ได้ครับ คนไข้มีภาวะแท้งคุกคามจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง..."ความเงียบเข้าปกคลุมทุกคนศักดิ์ชัยถึงกับกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ส่วนธนาคุกเข่าตัวสั่นงันงกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดมณีหยุดร้องไห้ชั่วขณะด้วยความสับสนมณี เสียงแหบแห้ง "เด็ก... เด็กอะไรคะ! ลูกสาวฉัน... ริสา... ริสาท้องเหรอคะ...!"ศักดิ์ชัยหันไปมองธนาอย่างไม่เชื่อสายตา "ธนา... นี่แก... เป็นแก...แกทำอะไรลงไป...!"ธนา ไม่สามารถตอบได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่มาพร้อมกับการรับรู้ถึงการมีอยู่ของลูก! และการสูญเสียครั้งนี้เกิดจ
จีน่า รีบวิ่งตามออกมา "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!"ริสาไม่สนใจรีบเดินลิ่ว จีน่า รีบวิ่งตามมาคว้าแขนเธอไว้"ฉันบอกว่าหยุด!" นี่เธอมีปัญหากับพี่ชายของเธอเพราะรูปถ่ายใบนั้นเหรอ! ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บไว้อยู่! และอีกอย่างนึง รูปนั้น..."ริสา ไม่ฟังสะบัดแขนจีน่าออกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ลิฟท์ไม่เปิด เธอจึงวิ่งไปทาง บันไดหนีไฟ ทันที เพื่อที่จะรีบออกจากที่น่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุดธนา ที่วิ่งตามมาเห็นคนรักที่ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาร่วงหล่นตามร่างเธอลงไป เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ริสากลิ้งลงไปจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเธอก็ แน่นิ่งไปทันทีที่ ธนา วิ่งมาถึงร่างของเธอ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่มือของตัวเอง รีบช้อนร่างบางของเธอขึ้นมา... เลือด ที่ไหลออกมาจากไรผมของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของเธอ เต็มไปถึงขา"ริสา... ริสา..." เขาพยายามเรียกชื่อเธอและเขย่าเบาๆ แต่เธอก็ไม่ได้สติน้ำตาเขาไหลพรากออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับมีดนับพันเล่มกรีดแทงกลางอก เขาไม่มีเวลาเสียใจ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจนไร้สติ รีบอุ้มร่างของเธอขึ้น







