LOGINหลังจากงานเลี้ยงจบลง ศักดิ์ชัย และ มณี ก็ทยอยส่งแขกในงาน โดยมี ธนา และ ริสา ยืนอยู่ข้างกายช่วยจนแขกคนสุดท้ายจากไป
ศักดิ์ชัยหันมายิ้มด้วยความพึงพอใจ: "ทำไมวันนี้ แกเป็นลูกที่ดีได้ล่ะ? อยู่จนจบงาน แถมยังช่วยพ่อส่งแขก ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ"
ธนา: (ยิ้มเหยียด กึ่งประชด) "แล้วไม่ดีเหรอครับ? ก็พ่อต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ผมก็ทำให้แล้วไง... ก็พ่ออยากให้เราอยู่เป็นครอบครัว นี่ครับ"
ศักดิ์ชัย: "ก็ดี! ถ้าแกคิดได้แบบนี้ ฉันจะได้สบายใจสักที" (ศักดิ์ชัยเดินนำเข้าคฤหาสน์ไปพร้อมกับมณี)
สักพัก เสียงศักดิ์ชัยก็ดังขึ้นจากโถงบันได: "อ้าว! แล้วไม่กลับคอนโดเหรอ? ร้อยวันพันปีไม่อยากจะกลับบ้าน ครั้งนี้อยู่จนจบงาน แถมยังนอนที่บ้านอีก! เออ วันนี้มันวันอะไร มันวันดีแท้ ๆ"
ธนา: (ไม่ตอบศักดิ์ชัย แต่หันไปทางมณีด้วยรอยยิ้มเย็นชา) "วันนี้ก็ดึกแล้ว ไหน ๆ ก็มาแล้ว ผมก็นอนที่บ้านนี้แหละ"
มณี: (หันมามองลูกสาวด้วยสายตาอ่อนโยน) "หนูก็ขึ้นไปพักผ่อนได้แล้วลูก ดึกแล้ว แม่ไปแล้วนะ"
ริสา: "ค่ะคุณแม่ ฝันดีค่ะ" (หันไปทางศักดิ์ชัยที่กำลังเดินลับไป) "ฝันดีนะคะคุณพ่อ"
ในขณะที่ศักดิ์ชัยกับมณีเดินลับหายไปจากสายตา ธนา ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามทันที:
ธนา: (พึมพำ) "ฝันดีนะคะคุณพ่อ... ไม่กระดากปากเลยเหรอ? พูดได้เต็มปากขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าอย่างนั้น ฉันคงต้องเรียกแม่เธอว่า 'คุณแม่ครับ' แบบนี้สินะ ถึงจะดูสมน้ำสมเนื้อ"
ริสาไม่พูดโต้ตอบอะไร เพียงแค่ใช้หางตามองเขานิ่ง ๆ อย่างดูแคลน ราวกับเขาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ แล้วหมุนตัวเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
ธนา: (รู้สึกไม่พอใจกับท่าทีเยือกเย็นของเธอ เลือดในกายเดือดพล่าน) "เดี๋ยวสิ! จะรีบไปไหน น้องสาว? รอพี่ชายคนนี้ก่อน" เขาคว้าแขนเธอไว้แน่นจนริสาเจ็บ
ริสา: (สะบัดแขนออกสุดแรง สีหน้าเคร่งเครียด) "คุณจะไปห้องของคุณคุณก็รีบไปสิ! ฉันก็จะกลับห้องของฉัน! อย่ามายุ่งกับฉัน!"
พูดจบ ริสาก็สะบัดมือของเขาออกจนหลุด แล้วรีบก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นบนอย่่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ธนา มองตามแผ่นหลังของริสาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วย ความโมโหและไม่พอใจอย่างรุนแรง เขาก้าวตามเธอไปทันทีโดยไม่มีเสียงเตือนใด ๆ
ริสาเข้าไปในห้องพักของเธอ เธอยืนหันหลังให้ประตู กำลังปลดสร้อยคอกับกำไลข้อมือออก เธอไม่ได้ล็อกประตูเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าตามเข้ามา
ปัง...!
ประตูถูกเปิดออกอย่างแรงจนกระแทกผนัง ริสาถึงกับสะดุ้งสุดตัว ธนาเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด ดวงตาแดงก่ำ
ริสา: (หันกลับไปเผชิญหน้าเขา ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่แววตาเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกคุกคาม) "ไม่มีมารยาท! เข้าห้องคนอื่นมาโดยไม่ขออนุญาตแถมไม่เคาะประตู! นี่เหรอผู้ดีมีชาติตระกูลที่ทุกคนยกย่อง?"
ธนา: (ก้าวเข้าหาเธออย่างช้า ๆ ด้วยท่าทางคุกคาม) "ใครอนุญาตให้เธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้!"
ริสา: "ก็คุณพ่อไง! จะใครได้อีก! คุณพ่อเป็นคนให้คนรับใช้จัดห้องนี้ให้ฉันเอง! ถ้าคุณพ่อไม่สั่งให้จัดให้ฉันจะมาอยู่ได้ยังไง! ถามอะไร ไม่มีสมอง!"
ธนา: (เส้นเลือดปูดขึ้นที่ขมับ) "เธออย่ามายอกย้อน! เธอออกไปจากห้องนี้เดี๋ยวนี้เลย! ฉันไม่อนุญาตให้เธออยู่ห้องนี้!"
ริสา: "ไม่อนุญาตแล้วยังไง? ตั้งแต่ฉันเข้ามาวันแรกทำไมคุณไม่มาแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ? อยู่มาจนจะครึ่งเดือนแล้ว จะมาบอกให้ฉันออกตอนนี้หรอ! ความรู้สึกช้าไปหน่อยนะคะ... คุณพี่ชาย!"
ธนา: "นี่เธออย่ามายอกย้อนฉันนะ! กล้าดียังไงถึงเลือกที่จะมาอยู่ห้องนี้!"
ริสา: "ฉันพูดแล้วไง ว่าฉันไม่ได้เป็นคนเลือก! คุณพ่อเป็นคนจัดการทั้งหมดนี้ให้ฉัน! แล้วฉันก็ไม่ได้อยากจะอยู่สักเท่าไหร่หรอก ไอ้บ้านหลังนี้! บ้านที่มีแต่เปลือก! ไม่มีคนรู้จักคำว่า 'ความรัก' และ 'ความอบอุ่น' เลยสักนิด! นี่คุณต้องขอบคุณฉันกับแม่ฉันแล้วนะ ที่อุตส่าห์ย้ายเข้ามาอยู่ คุณพ่อถึงได้มีความสุข เพราะถ้าหวังความสุขจากลูกชายสุดที่รักคนเดียว... คงไม่มีวันได้รับหรอก!"
คำพูดของริสาแทงลึกลงไปกลางใจ ธนาโกรธจนแทบคลั่งที่เธอกล้าพูดแทงใจดำเขาขนาดนี้ เขาหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง
ธนา: "เธอ... กล้าดียังไงมาพูดกับฉันแบบนี้! มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน!"
ริสา: (แม้ใจจะกลัวจนสั่น แต่ปากก็ยังเชิดขึ้น) "ทำไมฉันจะพูดไม่ได้? ในเมื่อคุณเองก็ไม่ให้เกียรติฉัน ทำไมฉันต้องให้เกียรติคุณด้วย คุณพี่ชาย! แล้วคุณก็ไม่ต้องมาเอะอะโวยวายในห้องนี้ด้วย! ถ้าฉันจะย้ายออก... ฉันก็จะย้ายเอง! แต่ตอนนี้ฉันจะอยู่ห้องนี้! ดึกแล้วฉันจะนอน! ออกไปเดี๋ยวนี้...!"
ริสาใช้ฝ่ามือเล็ก ๆ ดันแผงอกแกร่งของเขา ให้ค่อย ๆ ถอยหลังไปจนถึงประตู ธนากวาดมือไปด้านหลังแล้ว ปิดประตูพร้อมกับล็อกกลอนไว้ทันที เสียง 'แกร๊ก' ดังสนั่นก้องไปทั่วห้องอย่างน่ากลัว
ริสา: (ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจและหวาดกลัวอย่างแท้จริง) "คุณจะทำอะไร! คุณออกไปเลยนะ! คุณจะล็อกประตูทำไม! ถ้าคุณทำอะไรบ้า ๆ ฉันจะร้องให้คนทั้งบ้านได้ยิน!"
ธนา: (หัวเราะเยาะอย่างบ้าคลั่ง) "ฮ่าๆๆ...! เธอแหกตาดูบ้านหลังนี้สิ! เธอคิดว่าแค่เสียงเธอร้องให้คนช่วย... จะมีคนได้ยินไหม? ห้องนี้เก็บเสียงได้ดี... ดีพอที่จะทำอะไรกับเธอได้ทั้งคืน... โดยไม่มีใครรู้!"
ธนาค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ริสาค่อย ๆ ถอยหลังจนแผ่นหลังติดกับผนังเย็นเฉียบ
ริสา: "คุณจะทำอะไร! คุณจะทำอะไรออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!"
ธนา: "ทำไม? รู้สึกกลัวขึ้นมาเลยเหรอ? เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย... ร้องสิ! ถ้าอยากให้คนรู้ก็ร้องสิ! ก็ดีเหมือนกันนะ... แม่เธอจะได้รู้ธาตุแท้ของเธอ ว่าลูกสาวใส ๆ ซื่อ ๆ ไร้เดียงสา... แท้จริงแล้วช่ำชองเรื่องผู้ชายขนาดไหน!"
' เพี๊ยะ! '
ริสา ตบเข้าไปที่ใบหน้าของธนาอย่างจัง สุดแรงทั้งหมดที่เธอมี แต่ธนากลับไม่รู้สึกอะไร เขากัดมุมปากจนมีเลือดซิบ ๆ แล้วใช้มือลูบหน้าตัวเองเบา ๆ รอยยิ้มของเขาดูอำมหิตจนน่าขนลุก
ธนา: (เสียงทุ้มต่ำและดุดัน) "แรงมีแค่นี้เองเหรอ? ขอแรง ๆ กว่านี้หน่อยได้ไหม!" ยังไม่ทันสิ้นเสียงพูดของธนา ก็...
' เพี๊ยะ...! '
เธอตบเข้าไปอีกครั้งหนึ่ง แต่มือเรียวเล็กของเธอก็ไม่ได้ทำให้ธนารู้สึกเจ็บ ความอดทนของเขาขาดสะบั้น
เขาก้าวเข้ามายืนชิดตัวเธอ ดึงร่างบางของหญิงสาวเข้ามากดจูบอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ริสาดิ้นสุดแรงเพื่อจะผลักเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล เธอไม่ยอมแพ้ พยายามดิ้นรนจนหลุดออกมาได้ แต่เขาก็คว้าตัวเธอไว้ได้อีกครั้ง ความโกรธทำให้ธนาขาดสติอย่างสมบูรณ์
เขาจับร่างหญิงสาวกดลงบนเตียงอย่างแรง พยายามจะข่มเหงน้ำใจเธออย่างดิบเถื่อน เขาฉีกดึงชุดเดรสของหญิงสาวจนขาดหลุดลุ่ย เสียงผ้าขาดดัง'ครืนๆ' เธอพยายามใช้มือปิดร่างและดึงชุดไว้
แต่ธนาไม่สน เขาก้มลงกดจูบและซอกไซร้ไปที่ลำคอของเธอด้วยความหิวกระหายและรุนแรง พร้อมกับใช้มือแกร่งปิดปากหญิงสาวไว้เพื่อไม่ให้เธอส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ
ในตอนนั้นที่เธอดิ้นจนสุดแรง น้ำตาของริสาไหลอาบแก้มเป็นสาย จนไปเปียกที่ไรผมข้างหู เธอสัมผัสได้ถึงความสิ้นหวังและความเจ็บปวด
ขณะที่เขากำลังซอกไซร้ไปตามซอกคอหญิงสาว กลิ่นหอมสะอาด ของริสา และ หยดน้ำตาอุ่น ๆ ที่สัมผัสผิวเขา ก็ทำให้ธนาชะงัก และ ดึงสติตัวเองกลับมาอย่างฉับพลัน
เขาผละร่างขึ้นมา มองหน้าหญิงสาวที่กำลัง ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด ความหวาดกลัว และความอับอาย เขาจึงดันร่างตัวเองออกและตระหนักถึงความผิดตัวเองเพียงชั่วครู่ ความรู้สึกผิดเข้าโจมตีเขาอย่างรุนแรง
เขาไม่พูดอะไรสักคำ รีบเดินไปเปิดประตูแล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขารีบก้าวลงจากคฤหาสน์เพื่อขับรถกลับคอนโดทันที
ทางด้าน ริสา ที่นอนกอดร่างตัวเองพร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดหลุดลุ่ย ร่างกายสั่นเทาไม่หยุด เธอร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อกี้ เธอรู้สึกว่าตัวเอง แปดเปื้อน และ ไร้ซึ่งที่พึ่ง ในบ้านหลังใหญ่หลังนี้ ความแค้นต่อธนาสุมอยู่ในอก
สวนทางด้านของ ธนา ที่กำลังขับรถกลับคอนโด ขณะขับรถเขาใช้กำปั้นทุบที่พวงมาลัยอย่างแรง ความรู้สึกผิดและโกรธตัวเองกำลังกัดกิน เขาใช้กำปั้นดันไว้ที่ปากพร้อมกับกัดหลังนิ้วชี้ตัวเองเบา ๆ
พลางคิดในใจ: นี่เราทำบ้าอะไรลงไปวะ! ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้! นี่เราเป็นคนที่ไม่ให้เกียรติผู้หญิงขนาดนี้ได้ยังไง!
เขารู้สึกสับสนในตัวเองอย่างรุนแรง เขาหวนคิดไปถึงคืนแรกที่เขากับริสา มีอะไรกันในคืนที่เมา และมาเจอเธอในสถานะลูกเลี้ยงของพ่อเขามองริสาเป็นผู้หญิงมารยาที่แสร้งทำเป็นใสซื่อ แต่การได้เห็นหยดน้ำตาของเธอเมื่อครู่ กลับทำให้ภาพนั้นสั่นคลอน ความจริงแล้วเธอเป็นคนยังไงกันแน่? ธนากำลังต่อสู้กับความรู้สึกผิดตั้งแต่ครั้งแรกจนมาถึงครั้งนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมเขาถึงควบคุมตัวเองไม่ได้ ความสงสัยนี้เกิดขึ้นอยู่ในใจของเขาเอง มันไม่ใช่แค่เรื่องแอลกอฮอล์ แต่มันคือไฟบางอย่างในตัวริสาที่ทำให้เขาคลั่ง!....
ในขณะที่ทั้งคู่ที่ยืนสบตากันธนา รุกด้วยท่าทีที่นุ่มนวล "ทำอะไรกันอยู่ครับ ไม่เห็นชวนพี่มาบ้างเลย อุตส่าห์รอให้ชวน ก็ไม่เห็นชวน เลยต้องเดินมากดกริ่ง"ริสาถึงกับเขิน ธนาจับไปที่แก้มสีชมพูของคนตรงหน้า "หน้าแดงใหญ่เลย เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"ริสาที่ยังอึ้งรีบดึงสติแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา "ริสาแค่ทำตัวไม่ถูกค่ะ พี่จะกลับมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เลย กลับมาแล้วน่าจะบอกริสาหน่อย"ธนา เดินตามมานั่งลงตรงข้ามเธอ "ก็พี่ยุ่งๆ กับห้องใหม่อยู่เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง... ทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ย้ายมาอยู่ข้างห้อง จะช่วยพี่จัดของเหรอ"ริสา "เปล่าสักหน่อย ริสาก็แค่... แค่ทำตัวไม่ถูก ที่พี่มาอยู่ตรงหน้าแบบกะทันหันแบบนี้"ธนา เสียงนุ่มนวลและจริงใจ "หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ขอโทษริสานะ ที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ริสา"ริสา "จะขอโทษทำไมคะ มันเป็นความต้องการของริสาเอง มันทำให้ริสาทำใจง่าย การที่ไม่เจอหน้าพี่ในช่วงนั้น... ถ้าริสาต้องเจอพี่ในตอนนั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดของการสูญเสีย"ธนานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มเศร้าลงมา พร้อมกับคำถามที่แสนจริงใจ "แล้วตอนนี้... เจอหน้าพี่... แล้วยังเจ็บปวดอยู่ไห
หกเดือนผ่านไป...หลังเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิต ริสา เลือกที่จะย้ายออกจากบ้านตามความต้องการของตัวเอง ทว่าเพื่อคลายความกังวลของของแม่ เธอจึงยอมรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงที่มอบคอนโดมิเนียมให้เป็นที่พักพิง และรอคอยวันที่เธอพร้อมจะกลับมาริสาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่คอนโด เธอทำงานรับงานรีวิวบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง พยายามดำเนินชีวิตให้กลับสู่ภาวะปกติ ทว่าบาดแผลจากการสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังลึกในใจ ไม่มีวันลบเลือนเสียงตะกุกตะกักดังมาจากห้องข้างๆ ริสาเปิดประตูออกไปดูด้วยความแปลกใจ "อ้าว! ห้องนี้มีคนซื้อแล้วเหรอ... เพื่อนบ้านใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งดูทีวีต่อหลังจากที่ริสาปิดประตู... ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้มคมคาย ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตน แต่สายตาและใบหน้ากลับจับจ้องไปยังประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มเล็กๆ แห่งความหวังฉายชัดบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่ห้องใหม่ที่เพิ่งขนข้าวของเข้ามา เขาเปิดม่านรับแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ยืนเท้าเอวทอดสายตาไปยังวิวเบื้องหน้าอันกว้างไกล ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง"นี่แหละค
ริสาหลับไปได้ราว 3 ชั่วโมง จากความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ จนเสียงสะอื้นเงียบลงไปธนานั่งเฝ้าไม่ห่าง ค่อยๆ ขยับเข้าไปมองใบหน้าเธอใกล้ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา... เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ผ้าปิดแผลด้วยความรู้สึกผิดและลูบกลุ่มผมของเธอเบาๆ สัมผัสรอยน้ำตาข้างแก้มที่ยังไม่แห้งกรัง ปากเขาพึมพำแต่คำว่า "ขอโทษ" อย่างไม่หยุดหย่อนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยอมรับความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงชั่วขณะต่อมา ริสารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งสัมผัสกายและใบหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น พบว่าเป็นธนา ชายที่เธอรักมากที่สุด สายตาอ่อนล้าและเจ็บปวดในใจของเธอสบกับเขา เป็นสายตาที่ผสมผสานระหว่างความรักและความทนทุกข์ริสาไม่ได้ถาม ไม่ด่าทอ หรือแม้แต่ไล่เขาไป เธอกลับเงียบสนิทราวกับเขาไม่มีตัวตน ยิ่งทำให้ธนารู้สึกทรมานในหัวใจมากขึ้น"ริสา... ทำไมต้องเงียบแบบนี้ด้วย จะด่า จะว่า จะไล่พี่ก็ยังดี! พูดกับพี่สักคำได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้เลย ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้" ธนาอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าเปื้อนน
ทันทีที่ธนาก้าวออกมาจากห้องพักฟื้น เขาเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ามณีและศักดิ์ชัย ด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจจนแทบจะแหลกสลายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ครอบครัวได้เผชิญหน้าและสะสางเรื่องราวกันเองธนาก้มหน้าต่ำ ติดพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเริ่มกล่าวคำขอโทษและสารภาพผิดทั้งหมดออกมาอย่างยากลำบาก"ผมขอโทษครับคุณน้า... ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมชัดเจนและทำให้น้องมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรามากกว่านี้... เรื่องของเราคงไม่ต้องปิดบังใคร... เป็นเพราะผม... ตั้งแต่แรก..."ธนาหยุดหายใจ พยายามรวบรวมสติ "ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่รู้จักกัน... ผมน่าจะทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ทีแรก..."คำว่า 'ความผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก' ทำให้มณีที่กำลังปวดร้าวอยู่แล้วยิ่งชะงักงัน"อะไรคือความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก... ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน... น้าไม่เข้าใจ !" มณีเอ่ยถามเสียงสั่นเทาแฝงความประหลาดใจธนาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มณีฟังอย่างละเอียดยิบ พ
ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าครับ...ทุกคนเงียบกริบ ธนา, มณี, และศักดิ์ชัย ก้าวเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกันด้วยความหวังอันริบหรี่คุณหมอ สีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย"ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ..."คำพูดนั้น... ทำให้ ธนา ทรุดตัวลงกับพื้น มณีร้องไห้โฮอย่างสุดเสียงธนา เสียงแตกพร่า คุณหมอ... หมายความว่ายังไงครับ! ริสา... !คุณหมอ "คนไข้ปลอดภัยครับ แต่เนื่องจากคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากการตกบันได... ทำให้... เราไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไว้ได้ครับ คนไข้มีภาวะแท้งคุกคามจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง..."ความเงียบเข้าปกคลุมทุกคนศักดิ์ชัยถึงกับกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ส่วนธนาคุกเข่าตัวสั่นงันงกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดมณีหยุดร้องไห้ชั่วขณะด้วยความสับสนมณี เสียงแหบแห้ง "เด็ก... เด็กอะไรคะ! ลูกสาวฉัน... ริสา... ริสาท้องเหรอคะ...!"ศักดิ์ชัยหันไปมองธนาอย่างไม่เชื่อสายตา "ธนา... นี่แก... เป็นแก...แกทำอะไรลงไป...!"ธนา ไม่สามารถตอบได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่มาพร้อมกับการรับรู้ถึงการมีอยู่ของลูก! และการสูญเสียครั้งนี้เกิดจ
จีน่า รีบวิ่งตามออกมา "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!"ริสาไม่สนใจรีบเดินลิ่ว จีน่า รีบวิ่งตามมาคว้าแขนเธอไว้"ฉันบอกว่าหยุด!" นี่เธอมีปัญหากับพี่ชายของเธอเพราะรูปถ่ายใบนั้นเหรอ! ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บไว้อยู่! และอีกอย่างนึง รูปนั้น..."ริสา ไม่ฟังสะบัดแขนจีน่าออกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ลิฟท์ไม่เปิด เธอจึงวิ่งไปทาง บันไดหนีไฟ ทันที เพื่อที่จะรีบออกจากที่น่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุดธนา ที่วิ่งตามมาเห็นคนรักที่ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาร่วงหล่นตามร่างเธอลงไป เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ริสากลิ้งลงไปจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเธอก็ แน่นิ่งไปทันทีที่ ธนา วิ่งมาถึงร่างของเธอ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่มือของตัวเอง รีบช้อนร่างบางของเธอขึ้นมา... เลือด ที่ไหลออกมาจากไรผมของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของเธอ เต็มไปถึงขา"ริสา... ริสา..." เขาพยายามเรียกชื่อเธอและเขย่าเบาๆ แต่เธอก็ไม่ได้สติน้ำตาเขาไหลพรากออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับมีดนับพันเล่มกรีดแทงกลางอก เขาไม่มีเวลาเสียใจ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจนไร้สติ รีบอุ้มร่างของเธอขึ้น







