LOGINหลังเหตุการณ์ในคืนนั้น ริสาเลือกที่จะเก็บความรู้สึกและเรื่องราวทั้งหมดไว้ในใจ เธอตัดสินใจ เงียบ ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้กับใคร โดยเฉพาะกับแม่ เพราะเธอไม่อยากให้ชีวิตที่เหลืออยู่ของแม่ต้องมีปัญหาหรือเกิดความระหองระแหงใด ๆ
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอเลือกที่จะเงียบก็คือ ธนา ไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่พักอยู่ที่คอนโดเป็นส่วนใหญ่ โอกาสที่จะได้พบหน้ากันจึงมีไม่มากนัก และที่สำคัญที่สุดคือเธอรู้ดีว่าเธอคงไม่ได้อยู่ที่นี่ไปตลอด เมื่อเธอเรียนจบ เธอก็จะใช้ข้ออ้างนี้ในการ แยกย้ายออกไปหางานทำ โดยที่แม่สบายใจและไม่สงสัย เธอจึงพยายามอย่างหนักที่จะ เก็บอาการ ทำตัวเป็นปกติที่สุด
ทางด้าน ธนา หลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกเลย...
บ่ายวันหนึ่ง ริสากำลังนั่งเล่นเงียบ ๆ อยู่ในสวนหลังบ้าน ปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับความคิดของตัวเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นสายเรียกเข้าจาก เมย์ เพื่อนสาวคนสนิทที่เรียนด้วยกันมา
"ริสา! ตกลงสุดสัปดาห์นี้แกจะมาเอง หรือจะมาค้างที่คอนโดยัยจี๊ดจะได้ออกไปพร้อมกัน?" เสียงเมย์ดังมาตามสายอย่างตื่นเต้น
ริสาขมวดคิ้วเล็กน้อย "เดี๋ยว ๆ แก สุดสัปดาห์นี้คืออะไร? จะออกไปไหนพร้อมกัน?"
"อ้าว! นี่แกลืมไปแล้วเหรอ? ก็วันนั้นที่ พี่วายุ ชวนไง! พี่เขาเปิด ไนท์คลับ ใหม่ ก็ตกลงกันแล้วนี่! แกจะเทพวกฉันเหรอ!?" เมย์ถามกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเล็กน้อย
ริสารีบแก้ตัว "เปล่า ๆ ฉันจำไม่ได้... คือ... ฉันไม่ไปได้ไหมแก?"
"ได้ยังไง! แกไม่ไปมันก็ไม่สนุกสิริสา! ไปด้วยกันเถอะนะ ๆๆๆ แกก็รู้ว่านาน ๆ ทีจะได้รวมตัวกันแบบนี้!" เมย์อ้อนวอนหนัก
"แล้ว ยัยจี๊ด ว่าไง?" ริสาถามถึงเพื่อนอีกคน
"ยัยจี๊ดเหรอ? ฮึ่ม... ไปซื้อชุดไว้รอแล้วจ้ะ!" เมย์เน้นเสียงหนักที่คำว่า 'ซื้อชุด'
"โธ่เอ๊ย! นี่นางทุ่มเทขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย..." ริสาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
"ก็ใช่สิ! ไม่รู้จะแต่งตัวสวยไปให้ใครมอง..." เมย์ว่าพลางหัวเราะคิกคัก
"เห็นอัปรูปลงโซเชียลบอกว่าจะไปทำสวยและทำผม... อย่าบอกนะ ว่าเพื่องานนี้?" ริสาถามหยั่งเชิง
"ไม่รู้สิ... ไม่รู้ว่าอยากสวยไปให้ใครดู..." พูดจบ เมย์กับริสาก็หัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน
"สรุปว่าแกไปนะ ริสา!" เมย์ย้ำ
ริสาเริ่มคิดหนักอีกครั้ง แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหาข้อมูลเพื่อเตรียมรับมือ "ว่าแต่... มีคนไปเยอะไหม?"
"ฉันก็ไม่รู้หรอก น่าจะแค่กลุ่มเพื่อน ๆ พี่เขา"
"ถ้าเป็นเพื่อน... ก็ต้องมี สองคน ที่ต้องไปแน่ ๆ ใช่ไหม?" ริสาเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
"แกหมายถึงพี่ธนากับพี่ชายฉันใช่ไหมล่ะ?" เมย์ถามกลับทันควัน เหมือนจะเดาใจริสาได้
"อันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกว่าพี่ชายแกจะไปไหม เธอก็ถามพี่เขาเองสิเป็นพี่น้องกันแล้วนี่! แต่ดูแล้วพี่ธนาคงจะงานเยอะนะ ปกติงานแบบนี้พี่ธนาไม่ค่อยไปหรอก เหมือนพี่ชายฉันแหละ ฉันก็ไม่แน่ใจหรอก รายนั้นเขาไม่ค่อยเที่ยวกลางคืนเท่าไหร่แต่ถ้าเพื่อนชวนไปเขาก็ไปแหละ แต่งานนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ เพราะกลุ่มเพื่อนพี่วายุเขามีเยอะ มีทั้ง สายเที่ยว กิน ดื่ม ส่วนพี่ชายฉันกับ พี่ชายคนใหม่ ของแก... สองคนนี้เขาสายทำงาน สายมีสาระ ไม่ใช่สายไร้สาระหรอกงั้นสรุปไปนะ" เมย์ย้ำอีกครั้งก่อนวางสาย
ริสาวางสายโทรศัพท์ลงช้า ๆ นั่งครุ่นคิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น เธอไม่อยากจะไปเจอหน้า ผู้ชายคนนั้น ด้วยซ้ำ ถ้าเลี่ยงได้เป็นเลี่ยง...
เย็นวันศุกร์ ณ มหาวิทยาลัย หลังหมดชั่วโมงเรียน จี๊ด ก็เดินเข้ามาหาเพื่อนทั้งสองทันที
"เย็นนี้เราไปเที่ยวกันไหมแก?" จี๊ดเอ่ยชวนอย่างกระตือรือร้น
เมย์ รีบเบรก "จะไปไหน? พรุ่งนี้เราก็มีนัดกันแล้ว วันนี้ไม่ต้องไปหรอก ค่อยไปพรุ่งนี้ทีเดียว"
"เออ... ก็จริงด้วย ฉันลืมเลย" จี๊ดตอบรับ
เมย์สวนกลับทันควัน "แหม ๆ ๆ กล้าพูดนะว่าลืม! ไม่กี่วันยังไป เปลี่ยนทรงผม มาใหม่ ไปเข้าร้านเสริมสวยซะขนาดนั้น บอกมาเลยว่าตื่นเต้น!" เมย์ล้อเพื่อนอย่างเขิน ๆ
"แหม มันก็มีบ้างแหละแก ผู้หญิงเรา อย่าหยุดสวย!" จี๊ดตอบอย่างภูมิใจ
ริสา นั่งเงียบ ไม่พูด ไม่ออกความคิดเห็นใด ๆ ตั้งแต่ต้น เพราะใจยังคงวุ่นวายอยู่กับเรื่องคืนพรุ่งนี้
จี๊ดหันมามองริสาอย่างคาดคั้น "สรุปว่าเสาร์นี้ เราไปนะ! ห้ามเท กันด้วย โดยเฉพาะแก ยัยริสา!"
ริสาพยักหน้ารับอย่างจำยอม ด้วยสีหน้าครุ่นคิด สลับกับความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ความเปลี่ยนแปลงในวันเสาร์
ตลอดวันเสาร์ ริสาพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ในใจก็สั่นไหวและมีความรู้สึกที่ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อถึงช่วงเย็น เธอมาห้องจี๊ดและเลือกสวมชุดอย่างง่ายที่สุดเพื่อจะใส่ไปงาน แต่ก็โดนเมย์กับจี๊ดที่มารอที่คอนโดของจี๊ดตั้งแต่บ่ายบังคับให้เปลี่ยน
"ไม่ได้นะแก! งานเปิดตัวไนท์คลับเชียวนะ! ใส่ชุดนี้ได้ยังไง!?" จี๊ดโวยวายพร้อมกับยื่นชุดสวยที่ดูไม่หวือหวาจนเกินไปให้
ริสาถอนหายใจยาว ๆ ก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุดอย่างว่าง่าย เธอรู้ว่าการขัดใจเพื่อนตอนนี้คงจะวุ่นวายมากกว่า
และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เธอไม่อยากพบที่สุด... ช่วงเย็นวันเสาร์ ทั้งสามสาวออกเดินทางไปยังไนท์คลับเปิดใหม่ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน: จี๊ดตื่นเต้น เมย์ร่าเริง และริสาก็กังวลจนรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ...
เมื่อประตูไนท์คลับเปิดออก เสียงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ก็ดังกระหึ่มเข้าปะทะโสตประสาทของผู้มาเยือน แสงไฟนีออนหลากสีสาดส่องไปทั่วบริเวณที่เต็มไปด้วยผู้คนแต่งตัวจัดเต็ม ทั้งหนุ่มหล่อสาวสวยที่หลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ริสา ก้าวตามเพื่อนเข้ามาในคลับด้วยความรู้สึกตื่นเต้นปนหวาดระแวง สายตาของเธอรีบกวาดมองไปทั่วบริเวณบาร์และโซนวีไอพีเพื่อสอดส่องหาใบหน้าของ ธนา เมื่อไม่เห็นร่างสูงของเขา ริสาก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ถอนหายใจเฮือกใหญ่คล้ายยกภูเขาออกจากอก
แต่ความโล่งใจนั้นอยู่ได้ไม่นาน จี๊ด ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มออกอาการแปลก ๆ เธอจับหน้าท้องแล้วบิดตัวไปมาอย่างกระสับกระส่าย
"โอ๊ย... แก! ฉันปวดท้องจังเลยว่ะ สงสัย... ต้องเข้าห้องน้ำอีกแล้ว" จี๊ดบอกเพื่อนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
เมย์ หันไปมองเพื่อนอย่างไม่ไว้ใจ "เดี๋ยว ๆ แก เป็นอะไรมากป่าวเนี่ย? ตั้งแต่มาถึงแกเข้าห้องน้ำไปสองรอบแล้วนะ"
"ไม่รู้ดิ กินอะไรผิดสำแดงมาแน่ ๆ เลย ขอเข้าอีกรอบนะ เดี๋ยวมา" จี๊ดรีบวิ่งหายเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน จี๊ดก็กลับออกมานั่งได้ไม่ถึงสิบนาที เธอก็แสดงอาการปวดท้องอีกครั้ง และรีบเดินเข้าห้องน้ำไปเป็นรอบที่สาม รอบนี้ จี๊ดหายไปนานจนผิดสังเกต...
ขณะที่เมย์กับริสากำลังยืนรออยู่ด้วยความเป็นห่วง จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเมย์ก็ดังขึ้น เธอเห็นว่าเป็นสายจากจี๊ด
เมย์รับสาย "ว่าไงยายจี๊ด! แกเป็นอะไรนักหนาเนี่ย?"
เสียงจี๊ดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแหบ ๆ ปนอ่อนแรง "แก... ฉันไม่ไหวแล้วว่ะ... สงสัยท้องเสียหนักมาก คงไม่ได้กลับไปสนุกด้วยแล้วนะ ฉัน... ให้แท็กซี่ไปส่งโรงพยาบาลเลยดีกว่า ไม่ต้องห่วงนะ คงไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่... กินกับเต้นต่อไม่ได้... คนขี้แตก เขาไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้วว่ะ"
"อะไรนะ! ไปโรงพยาบาลเลยเหรอ! แล้วแกไปคนเดียวได้ไงเนี่ย!" เมย์ตกใจ
"ได้ ๆ ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องตามมานะ! พวกแกสนุกกันให้เต็มที่เลย สบาย ๆ เลยนะ! บาย!" พูดจบ จี๊ดก็รีบวางสายไปทันที ทำให้เมย์กับริสายิ่งงุนงงและเป็นห่วง
ความช่วยเหลือที่ไม่คาดฝัน
จี๊ดเดินออกมาจากไนท์คลับอย่างทุลักทุเล สีหน้าซีดเซียวเหงื่อแตกพลั่ก เธอรีบโบกมือเรียกแท็กซี่ที่จอดอยู่ริมถนนอย่างเร่งรีบ ทันใดนั้น... รถยนต์คันหรูที่กำลังจะเลี้ยวเข้าลานจอดก็ชะลอความเร็วลงและจอดเทียบข้างเธอ
กระจกรถเลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าของ เมฆ พี่ชายของเมย์ที่มาร่วมงาน
"จี๊ด! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ? ไม่สบายเหรอ สีหน้าไม่ดีเลย" เมฆถามด้วยความเป็นห่วง
จี๊ดพยักหน้าพร้อมใบหน้าซีดเผือดจนไม่มีสี "อือ... ปวดท้อง... จะไปโรงพยาบาล"
เมฆรีบเปิดประตูรถออกทันที "งั้นขึ้นรถเลยครับ! ไม่ต้องเรียกแท็กซี่แล้ว เดี๋ยวพี่พาไปส่งโรงพยาบาลเอง"
จี๊ดยอมขึ้นรถอย่างง่ายดาย เพราะอาการปวดท้องไม่สามารถทำให้เธอปฏิเสธความช่วยเหลือได้...
ในขณะที่ทั้งคู่ที่ยืนสบตากันธนา รุกด้วยท่าทีที่นุ่มนวล "ทำอะไรกันอยู่ครับ ไม่เห็นชวนพี่มาบ้างเลย อุตส่าห์รอให้ชวน ก็ไม่เห็นชวน เลยต้องเดินมากดกริ่ง"ริสาถึงกับเขิน ธนาจับไปที่แก้มสีชมพูของคนตรงหน้า "หน้าแดงใหญ่เลย เขินพี่ขนาดนั้นเลยเหรอ"ริสาที่ยังอึ้งรีบดึงสติแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟา "ริสาแค่ทำตัวไม่ถูกค่ะ พี่จะกลับมาทำไมไม่บอกล่วงหน้า ยังส่งข้อความคุยกันอยู่เลย กลับมาแล้วน่าจะบอกริสาหน่อย"ธนา เดินตามมานั่งลงตรงข้ามเธอ "ก็พี่ยุ่งๆ กับห้องใหม่อยู่เลยยังไม่เข้าที่เข้าทาง... ทำไม ถ้ารู้ว่าเป็นพี่ย้ายมาอยู่ข้างห้อง จะช่วยพี่จัดของเหรอ"ริสา "เปล่าสักหน่อย ริสาก็แค่... แค่ทำตัวไม่ถูก ที่พี่มาอยู่ตรงหน้าแบบกะทันหันแบบนี้"ธนา เสียงนุ่มนวลและจริงใจ "หลายเดือนที่ผ่านมา พี่ขอโทษริสานะ ที่พี่ไม่ได้อยู่ข้างๆ ริสา"ริสา "จะขอโทษทำไมคะ มันเป็นความต้องการของริสาเอง มันทำให้ริสาทำใจง่าย การที่ไม่เจอหน้าพี่ในช่วงนั้น... ถ้าริสาต้องเจอพี่ในตอนนั้นมันมีแต่ความเจ็บปวดของการสูญเสีย"ธนานั่งนิ่งเงียบ สีหน้าเริ่มเศร้าลงมา พร้อมกับคำถามที่แสนจริงใจ "แล้วตอนนี้... เจอหน้าพี่... แล้วยังเจ็บปวดอยู่ไห
หกเดือนผ่านไป...หลังเหตุการณ์ที่พลิกผันชีวิต ริสา เลือกที่จะย้ายออกจากบ้านตามความต้องการของตัวเอง ทว่าเพื่อคลายความกังวลของของแม่ เธอจึงยอมรับข้อเสนอของพ่อเลี้ยงที่มอบคอนโดมิเนียมให้เป็นที่พักพิง และรอคอยวันที่เธอพร้อมจะกลับมาริสาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่คอนโด เธอทำงานรับงานรีวิวบ้าง ขายของออนไลน์บ้าง พยายามดำเนินชีวิตให้กลับสู่ภาวะปกติ ทว่าบาดแผลจากการสูญเสียครั้งใหญ่ยังคงฝังลึกในใจ ไม่มีวันลบเลือนเสียงตะกุกตะกักดังมาจากห้องข้างๆ ริสาเปิดประตูออกไปดูด้วยความแปลกใจ "อ้าว! ห้องนี้มีคนซื้อแล้วเหรอ... เพื่อนบ้านใหม่จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายนะ" เธอพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดประตูและกลับมานั่งดูทีวีต่อหลังจากที่ริสาปิดประตู... ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว คิ้วเข้มคมคาย ก้าวออกมาจากลิฟต์ เขาหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตน แต่สายตาและใบหน้ากลับจับจ้องไปยังประตูห้องข้างๆ ที่เพิ่งปิดลง รอยยิ้มเล็กๆ แห่งความหวังฉายชัดบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าสู่ห้องใหม่ที่เพิ่งขนข้าวของเข้ามา เขาเปิดม่านรับแสงแดดยามบ่ายอ่อนๆ ยืนเท้าเอวทอดสายตาไปยังวิวเบื้องหน้าอันกว้างไกล ก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง"นี่แหละค
ริสาหลับไปได้ราว 3 ชั่วโมง จากความอ่อนเพลียและความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ จนเสียงสะอื้นเงียบลงไปธนานั่งเฝ้าไม่ห่าง ค่อยๆ ขยับเข้าไปมองใบหน้าเธอใกล้ๆ ความรู้สึกเจ็บปวดที่ทิ่มแทงหัวใจเขา... เขาใช้ปลายนิ้วแตะไปที่ผ้าปิดแผลด้วยความรู้สึกผิดและลูบกลุ่มผมของเธอเบาๆ สัมผัสรอยน้ำตาข้างแก้มที่ยังไม่แห้งกรัง ปากเขาพึมพำแต่คำว่า "ขอโทษ" อย่างไม่หยุดหย่อนน้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ยอมรับความรู้สึกผิดอย่างแท้จริงชั่วขณะต่อมา ริสารู้สึกเหมือนมีบางสิ่งสัมผัสกายและใบหน้า เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วลืมตาขึ้น พบว่าเป็นธนา ชายที่เธอรักมากที่สุด สายตาอ่อนล้าและเจ็บปวดในใจของเธอสบกับเขา เป็นสายตาที่ผสมผสานระหว่างความรักและความทนทุกข์ริสาไม่ได้ถาม ไม่ด่าทอ หรือแม้แต่ไล่เขาไป เธอกลับเงียบสนิทราวกับเขาไม่มีตัวตน ยิ่งทำให้ธนารู้สึกทรมานในหัวใจมากขึ้น"ริสา... ทำไมต้องเงียบแบบนี้ด้วย จะด่า จะว่า จะไล่พี่ก็ยังดี! พูดกับพี่สักคำได้ไหม พี่ขอร้อง พี่ขอโทษนะ อย่าเงียบแบบนี้เลย ให้โอกาสพี่สักครั้ง พี่ยอมรับผิดทุกอย่าง จะว่าพี่ยังไงก็ได้ แต่อย่าเงียบแบบนี้" ธนาอ้อนวอนด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าเปื้อนน
ทันทีที่ธนาก้าวออกมาจากห้องพักฟื้น เขาเหมือนสูญสิ้นเรี่ยวแรง ร่างสูงใหญ่ทรุดฮวบลงนั่งคุกเข่าต่อหน้ามณีและศักดิ์ชัย ด้วยความรู้สึกผิดที่กัดกินหัวใจจนแทบจะแหลกสลายเมฆที่ยืนอยู่ใกล้ๆ รับรู้ถึงบรรยากาศอันหนักอึ้ง เขาเลือกที่จะเดินเลี่ยงออกไปอย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ครอบครัวได้เผชิญหน้าและสะสางเรื่องราวกันเองธนาก้มหน้าต่ำ ติดพื้นห้องเย็นเฉียบ น้ำตาเอ่อคลอ ก่อนจะเริ่มกล่าวคำขอโทษและสารภาพผิดทั้งหมดออกมาอย่างยากลำบาก"ผมขอโทษครับคุณน้า... ทุกอย่างเป็นความผิดของผมคนเดียว ถ้าผมชัดเจนและทำให้น้องมั่นใจในความสัมพันธ์ของเรามากกว่านี้... เรื่องของเราคงไม่ต้องปิดบังใคร... เป็นเพราะผม... ตั้งแต่แรก..."ธนาหยุดหายใจ พยายามรวบรวมสติ "ทั้งๆ ที่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นตั้งแต่ที่เรายังไม่รู้จักกัน... ผมน่าจะทำให้มันถูกต้องตั้งแต่ทีแรก..."คำว่า 'ความผิดพลาดตั้งแต่ทีแรก' ทำให้มณีที่กำลังปวดร้าวอยู่แล้วยิ่งชะงักงัน"อะไรคือความผิดพลาดตั้งแต่ครั้งแรก... ตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน... น้าไม่เข้าใจ !" มณีเอ่ยถามเสียงสั่นเทาแฝงความประหลาดใจธนาเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มณีฟังอย่างละเอียดยิบ พ
ไม่ทราบว่าพวกคุณเป็นญาติของคนไข้หรือเปล่าครับ...ทุกคนเงียบกริบ ธนา, มณี, และศักดิ์ชัย ก้าวเข้าไปหาคุณหมอพร้อมกันด้วยความหวังอันริบหรี่คุณหมอ สีหน้าเคร่งเครียดและเศร้าสร้อย"ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ..."คำพูดนั้น... ทำให้ ธนา ทรุดตัวลงกับพื้น มณีร้องไห้โฮอย่างสุดเสียงธนา เสียงแตกพร่า คุณหมอ... หมายความว่ายังไงครับ! ริสา... !คุณหมอ "คนไข้ปลอดภัยครับ แต่เนื่องจากคนไข้ได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรงจากการตกบันได... ทำให้... เราไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กในครรภ์ไว้ได้ครับ คนไข้มีภาวะแท้งคุกคามจากการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง..."ความเงียบเข้าปกคลุมทุกคนศักดิ์ชัยถึงกับกุมขมับอย่างเคร่งเครียด ส่วนธนาคุกเข่าตัวสั่นงันงกลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวดมณีหยุดร้องไห้ชั่วขณะด้วยความสับสนมณี เสียงแหบแห้ง "เด็ก... เด็กอะไรคะ! ลูกสาวฉัน... ริสา... ริสาท้องเหรอคะ...!"ศักดิ์ชัยหันไปมองธนาอย่างไม่เชื่อสายตา "ธนา... นี่แก... เป็นแก...แกทำอะไรลงไป...!"ธนา ไม่สามารถตอบได้ เขาร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดจากการสูญเสียที่มาพร้อมกับการรับรู้ถึงการมีอยู่ของลูก! และการสูญเสียครั้งนี้เกิดจ
จีน่า รีบวิ่งตามออกมา "เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งไป!"ริสาไม่สนใจรีบเดินลิ่ว จีน่า รีบวิ่งตามมาคว้าแขนเธอไว้"ฉันบอกว่าหยุด!" นี่เธอมีปัญหากับพี่ชายของเธอเพราะรูปถ่ายใบนั้นเหรอ! ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังเก็บไว้อยู่! และอีกอย่างนึง รูปนั้น..."ริสา ไม่ฟังสะบัดแขนจีน่าออกอย่างรวดเร็ว แล้วรีบวิ่งไปที่ลิฟท์ แต่ลิฟท์ไม่เปิด เธอจึงวิ่งไปทาง บันไดหนีไฟ ทันที เพื่อที่จะรีบออกจากที่น่ารังเกียจนี้ให้เร็วที่สุดธนา ที่วิ่งตามมาเห็นคนรักที่ตกบันไดไปต่อหน้าต่อตา หัวใจของเขาร่วงหล่นตามร่างเธอลงไป เขาตกใจจนแทบหยุดหายใจ ริสากลิ้งลงไปจนถึงขั้นสุดท้ายของบันได แล้วเธอก็ แน่นิ่งไปทันทีที่ ธนา วิ่งมาถึงร่างของเธอ เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บที่มือของตัวเอง รีบช้อนร่างบางของเธอขึ้นมา... เลือด ที่ไหลออกมาจากไรผมของเธอ และที่น่าตกใจกว่านั้นคือ เลือดที่ไหลออกมาจากช่วงล่างของเธอ เต็มไปถึงขา"ริสา... ริสา..." เขาพยายามเรียกชื่อเธอและเขย่าเบาๆ แต่เธอก็ไม่ได้สติน้ำตาเขาไหลพรากออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด ราวกับมีดนับพันเล่มกรีดแทงกลางอก เขาไม่มีเวลาเสียใจ ความหวาดกลัวเข้ากัดกินจนไร้สติ รีบอุ้มร่างของเธอขึ้น







