Share

บทที่ 10

ซูชิงอวี่บ่นพึมพำที่หลุมศพอยู่นานถึงได้กลับไป เธอไม่มีเวลาโศกเศร้า เพราะเธอจำเป็นต้องตามสืบต่อจากรูปภาพที่เธอได้มา

ผู้หญิงที่พ่อพบเจอส่วนมากเป็นที่บริษัท ในตอนที่เธอเตรียมเริ่มต้นจากพนักงานของบริษัท เธอได้รับสายโทรศัพท์

เป็นสายของอู๋เริ่นเด็กจากพื้นที่ภูเขาที่พ่อเคยช่วยเหลือ เสียงของเขาร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด “คุณหนูซู ผมเพิ่งกลับจากต่างประเทศก็ได้ยินข่าวที่คุณซูป่วยหนัก เขาเป็นยังไงบ้างครับตอนนี้?”

“ขอบคุณในความเป็นห่วงนะ พ่อของฉันยังรับการรักษาที่โรงพยาบาล”

“เฮ้อ คนดีแบบคุณซูสวรรค์ทำไมถึงทำกับเขาแบบนี้? ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะเขาช่วยเหลือพวกเรา พาพวกเราออกมาจากภูเขา พวกเราจะมีชีวิตแบบทุกวันนี้ได้อย่างไร?”

ซูชิงอวี่มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในหัว หลายปีก่อนซูฉี่ผิงเริ่มช่วยเหลือเด็กๆ ในพื้นที่ภูเขาที่ยากจน หากลี่หลานหลุ่ยถูกจับตัวไปขายในเขาลึก เป็นไปได้ไหมว่าจะรู้จักกับคุณพ่อเพราะเหตุนี้?

“พี่อู๋ พี่รู้จักนักเรียนเหล่านั้นที่คุณพ่อช่วยเหลือไหม?”

“ผมติดต่อพวกเขาแทนคุณซูมาโดยตลอด ส่วนมากก็รู้จัก เพียงแต่หลายปีนี้ออกนอกประเทศขาดการติดต่อกัน หากคุณหนูซูต้องการความช่วยเหลืออะไร ไม่ว่าทรัพย์สินเงินทองก็ดีกำลังวังชาก็ดี ไม่ว่าให้ผมทำอะไรก็ไม่มีทางบ่ายเบี่ยง”

ซูชิงอวี่มองเห็นความหวังอันริบหรี่จึงเอ่ยปากทันที “ฉันมีรูปภาพรูปหนึ่งคุณช่วยฉันดูหน่อยว่าเป็นคนที่พ่อฉันเคยให้ความช่วยเหลือหรือเปล่า”

“ครับคุณหนูซู”

ครึ่งชั่วโมงต่อมาอู๋เริ่นส่งข้อมูลบางอย่างมาให้เธอหลังจากที่ซูชิงอวี่ส่งรูปภาพไปให้

เด็กผู้หญิงในรูปดวงตาสดใสฟันขาวผ่อง มีความคล้ายคลึงกะเด็กผู้หญิงที่อยู่บนป้ายหลุมศพ โดยเฉพาะดวงตาที่เหมือนกับลี่ถิงเชินเป็นอย่างมาก

เด็กคนนี้ชื่อจ้างฟาง ออกมาจากภูเขาอันแห้งแล้งแห่งหนึ่ง ซูฉี่ผิงเริ่มช่วยเหลือเธอตั้งแต่เมื่อสิบสองปีก่อน ตั้งแต่เล็กจนโตเธอมีผลการเรียนยอดเยี่ยม ตอนมัธยมปลายมีมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งทั้งในและต่างประเทศยื่นรายชื่อส่งเข้าเรียนต่อ เธอเลือกเรียนต่อภายในประเทศ

บางทีเธออาจเป็นคนที่ตัวเองตามหา ซูชิงอวี่รีบนัดอู๋เริ่นออกมา

ที่คาเฟ่

อู๋เริ่นมาถึงตรงเวลา ซูชิงอวี่เคยเจอเขาเมื่อสิบปีก่อน ตอนนั้นเขายังเป็นเด็กโตที่ยังละอ่อน ไม่เหมือนตอนนี้ที่เป็น CEO ของบริษัทระดับสูง ชุดสูทรองเท้าหนัง เต็มไปด้วยความหรูหรา

ต่อให้ตระกูลซูล้มละลาย เขายังคงเรียกเธออย่างเคารพ “คุณหนูซูขอโทษที่ให้รอนานนะครับ”

“ฉันก็เพิ่งมาถึง คุณอู๋ฉันไม่อ้อมค้อมแล้วกันนะคะ คุณกับจ้าวฟางยังติดต่อกันไหมคะ?”

“เมื่อก่อนติดต่อนะ หลังจากที่ผมไปต่างประเทศก็ติดต่อกับเพื่อนในประเทศน้อยลง พูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่ได้ติดต่อกันสองปีแล้ว”

“คุณรู้สถานการณ์ช่วงนี้ของเธอไหม?”

“ผมก็เพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน นี่ก็เพิ่งได้ยินจากเพื่อนเรื่องที่เกิดขึ้นกับตระกูลซู ผมกับจ้าวฟางไม่ได้สนิทกันมาก มากสุดก็แค่เมื่อก่อนช่วยคุณซูติดต่อกับพวกเธอก็เท่านั้นครับ”

อู๋เริ่นยกกาแฟขึ้นดื่มให้ชุ่มคอ “เพียงแต่ในเมื่อเป็นการฝากฝังของคุณหนูซู ระหว่างทางผมได้ติดต่อเธอและเพื่อนในแวดวงแล้ว โชคร้ายตรงที่ข่าวที่ได้รับก็คือเธอเสียชีวิตแล้ว เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ เธอคะแนนดีเลิศขนาดนั้น หากไม่เสียชีวิตน่าจะมีอนาคตที่ดี”

“เธอเสียชีวิตอย่างไร?”

“รายละเอียดการเสียชีวิตไม่แน่ชัด ได้ยินว่าเธอถูกคนงมขึ้นมาจากในทะเลน่ะครับ”

ซูชิงอวี่ขมวดคิ้ว เรื่องราวมีจุดน่าสงสัยหลายจุด ตอนที่ลี่หลานหลุ่ยถูกลักพาตัว เธอน่าจะมีความทรงจำ

ในเมื่อพ่อช่วยเหลือเธอ ทำไมเธอไม่ขอความช่วยเหลือ? มาถึงเมืองนี้แล้วทำไมเธอไม่กลับตระกูลลี่?

อีกเรื่องหนึ่งก็คือการตายของเธอเกี่ยวข้องอะไรกับพ่อของตัวเอง?

“พ่อฉันดีกับเธอไหม?” ซูชิงอวี่ถามลองเชิง

“จ้าวฟางเด็กคนนี้ภูมิหลังน่าสงสาร พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก เธอสอบติดมาที่เมืองนี้เพียงลำพัง คุณซูดูแลเธอดีมาตลอด เล่นกันว่าเป็นเพราะเธอนิสัยสันโดษอยู่ในหอพักถูกเพื่อนรังแก คุณซูยังเช่าคอนโดเล็กๆ ให้เธอโดยเฉพาะ ก็เพื่อให้เธอร่ำเรียนอย่างราบรื่น

อู๋เริ่นวางแก้วกาแฟลง “คุณหนูซูทำไมถึงอยากรู้เกี่ยวกับจ้าวฟางขนาดนี้ครับ?”

“ฉันแค่อยากหาเหตุผลการเสียชีวิตแทนเธอ ไม่ให้เธอตายเปล่าก็เท่านั้น”

เดิมทีซูชิงอวี่วางแผนที่จะเอาเงินห้าสิบล้านที่ได้หลังจากหย่าร้างกับลี่ถิงเชิน จัดการเรื่องหลังความตายแล้วก็สามารถจากโลกนี้ไปได้

ตอนนี้เธอมีความคิดหนึ่งเพิ่มขึ้น พิสูจน์แทนพ่อ ล้างแค้นแทนตระกูลซู

ลี่ถิงเชินไม่พูดเธอก็จะสืบเอง และจะต้องสืบความจริงออกมาให้ได้

อู๋เริ่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเงิน “คุณหนูซู นี่คือเพื่อนของผม เป็นนักสืบเอกชนที่มีชื่อเสียงมาก ถ้าหากคุณอยากรู้อะไร เขาช่วยคุณได้”

“ขอบคุณนะคะพี่อู๋”

“คุณหนูซูเกรงใจเกินไปแล้ว อย่างไรก็รู้จักกับจ้าวฟาง ผมก็หวังว่าเธอจะเสียชีวิตอย่างมีค่า ช่วงนี้ผมอยู่ในประเทศ คุณหนูซูมีธุระก็ติดต่อผมได้ เดี๋ยวผมมีประชุมอีก ไม่รบกวนแล้วครับ”

“ลาก่อนค่ะ”

ซูชิงอวี่ติดต่อนักสืบเอกชนที่เขาบอก นำข้อมูลส่งไปให้พร้อมกัน และปลุกความฮึกเหิมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

เมื่อกลับถึงโรงพยาบาล หมอฟางหมอเจ้าของไข้เรียกเธอไปที่ห้องทำงาน

ซูชิงอวี่มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี รู้สึกกระวนกระวายใจแล้วพูดขึ้น “หมอฟางคะ อาการของพ่อฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ? เขาจะฟื้นเมื่อไหร่?”

“คุณหนูฟาง คุณต้องเตรียมใจไว้นะ แม้ว่าการผ่าตัดของพ่อคุณประสบความสำเร็จ แต่อุบัติเหตุรถยนต์ก่อนหน้านี้ที่ศีรษะได้รับการกระแทก มีโรคที่แสดงออกมาภายหลัง ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น อาจจะ…ไม่ฟื้นตลอดชีวิต”

ซูชิงอวี่หัวใจตกลงสู่ก้นบึ้ง มือที่จับแก้วน้ำใช้แล้วทิ้งสั่นอย่างรุนแรง

หมอฟางมองสีหน้าของเธอก็รู้สึกสะเทือนใจ เขาถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “คุณหนูซูอย่าท้อแท้ใจไปเลยนะครับ ผมแค่พูดว่ามีความเป็นไปได้ ถ้าหากสิ้นเดือนนี้พ่อของคุณฟื้นขึ้นมาได้ก็ไม่เป็นปัญหาใหญ่อะไร”

ซูชิงอวี่เงยดวงตาหม่นหมองขึ้น น้ำเสียงสะอื้นไห้ “ถ้าหากไม่ฟื้นขึ้นมาก็จะกลายเป็นเจ้าชายนิทราใช่ไหมคะ?”

“เป็นแบบนี้ไม่ผิด ดังนั้นผมหวังว่าคุณหนูซูจะเตรียมใจไว้แต่เนิ่นๆ และก็วางแผนล่วงหน้า”

หมอฟางรู้ว่าเธอหาเงินอย่างลำบาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินกับผู้ที่มีภาวะเจ้าชายนิทรา

ซูชิงอวี่สองมือค้ำโต๊ะพูดอย่างเด็ดขาด “ไม่ว่าผลเป็นอย่างไรฉันก็ไม่มีทางทอดทิ้งคุณพ่อ ฉันเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น”

ซูชิงอวี่เดินออกมาจากห้องทำงานอย่างเหม่อลอย เธอก็คิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะแย่ขนาดนี้ พ่อไม่ฟื้นขึ้นมา งั้นก็ไม่สามารถพูดความจริงได้ตลอดชีวิต

งั้นเธอก็ตายง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้!

เธอรีบไปที่แผนกเนื้องอกวิทยา หลินเหยียนเพิ่งทำการตรวจเสร็จ ซูชิงอวี่ก็บุกเข้ามา

“รุ่นพี่ ช่วยฉันด้วย”

หลินเหยียนเห็นเธอร้อนรน เธอจับชายเสื้อของตัวเองไว้แน่น เหมือนตามหาที่เพิ่งในทะเลกว้างเจอแล้วพูดขอร้องทีละคำ “รุ่นพี่ ทำคีโมก็ดี ผ่าตัดก็ได้ ฉันอยากมีชีวิตอยู่อีกช่วงหนึ่ง…”

มีเพียงมีชีวิตอยู่เธอถึงจะตามหาความจริงได้ ถึงจะสามารถใช้เวลาอยู่กับพ่อให้มากที่สุด

หลินเหยียนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ จนทำให้เธอมีความหวังที่จะมีชีวิต ในฐานะหมอ เขาดีใจมาก

“ตกลง ผมจะไปจัดการการทำคีโมระยะแรกให้คุณเดี๋ยวนี้”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status