ออกจากบริษัทปฐพีก็รับขับรถตรงมายังบ้านคุณเอกภพด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนที่เจอคุณเอกภพที่บริษัทสีหน้าของเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“คุณป้าครับ คุณลุงเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่เป็นไรแล้ว หมอบอกว่าแค่พักผ่อนน้อยตอนนี้ก็นอนพักอยู่ข้างบน”
“ช่วงนี้ท่านมีเรื่องเครียดอะไรหรือเปล่าครับ”
“ก็คงจะเรื่องยัยแอลนั่นแหละ ช่วงแรกแกเที่ยวทุกคืนท่านก็เลยนอนไม่ค่อยหลับ นี่ขนาดยังไม่รู้เรื่องที่ยัยแอลตบตีกับคนอื่นจนขึ้นโรงพักนะ ถ้ารู้คงเครียดขึ้นกว่าเดิม
“คืนนี้เธอก็นัดออกไปกับเพื่อนกลุ่มเดิมอีก” ปฐพีไม่อยากช่วยเธอปิดบังเพราะเพื่อนของเธอกลุ่มนี้ไม่น่าคบเท่าไหร่ แต่เขาก็ห้ามเธอไม่ได้ ก็คงจะมีแต่คุณแอนเดรียเท่านั้นที่จะพูดกับเอลินอร์
“ตายละ เดี๋ยวก็ได้ไปมีเรื่องกับคนอื่นอีก ดินได้ห้ามเธอหรือเปล่า”
“ห้ามแล้วครับ แต่คุณหนูบอกว่าจะไปเจอครั้งสุดท้ายแล้วจะไม่ไปเจออีก ผมไม่รู้จะพูดยังไงก็เลยบอกไปว่าผมจะมารับและมาส่งเธอที่บ้านเอง”
“ป้าได้ยินแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย แต่ดินต้องดูแลยัยแอลดีๆ นะ ป้ากลัวจะไม่เรื่องกับใครเขาอีก”
“ผมคิดว่าเธอคงเข็ดแล้วล่ะครับ”
“ป้าใจคอไม่ดีเลย”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับผมจะไม่ให้เธอทำเรื่องแบบนั้นอีกแน่นอน” ปฐพีรีบรับปากถึงแม้เขาเองก็ยังกังวลอยู่ก็ตาม
“ขอบใจนะดิน เย็นนี้อยู่ทานข้าวที่บ้านด้วยกันนะ”
“เย็นนี้ผมคงอยู่ทานข้าวด้วยไม่ได้ครับ ผมมีนัดคุยกับเพื่อนนิดหน่อย”
“แล้วจะว่างมารับยัยแอลเหรอ”
“คิดว่าน่าจะคุยเสร็จก่อนคุณหนูออกไปเที่ยวครับ”
ปฐพีอยู่คุยอีกไม่นานก็ขอตัวกลับบริษัทเพราะกลัวว่าถ้าไปถึงช้าคุณหนูจะก่อเรื่องปวดหัวให้กับคุณแขไข
22.30 น. ผับหรูแห่งหนึ่ง
“แอลทางนี้จ้ะ”
เอลินอร์หันไปตามเสียงเรียก พอเห็นว่าตอนนี้เพื่อนทั้งสองคนของกำลังยืนโบกมือให้ก็รีบตรงไปเข้าไปหาทันที จากนั้นเธอก็เดินตามเพื่อนขึ้นไปนั่งชั้นสองก่อนจะเริ่มคุยกัน
“เรานึกว่าแอลจะไม่ออกมาเที่ยวกับพวกเราอีกแล้ว”
“ตอนนี้เราต้องฝึกงานน่ะ ก็เลยเที่ยวได้แค่คืนวันศุกร์”
“เราขอโทษนะที่คืนนั้นเรารีบกลับก่อน เราโดนพ่อดุจนหูชาคิดอะไรไม่ออกเลย” การ์ตูนรีบแก้ตัว
“เราก็เหมือนกัน แม่ดุจนมึนไปหมด แต่พอแม่เลิกบ่นเราก็รีบโทรหาแอลเลยนะ โทรจนสายตัดแต่ก็ไม่มีคนรับ”
“อ๋อ เราลืมกระเป๋าไว้ในรถนายดินน่ะ”
“ใครคือนายดิน” เพลงถามต่อ
“ลูกน้องของพ่อ พอดีเราให้เขามาประกันตัวแล้วเผลอลืมกระเป๋าไว้ที่เขา”
“แล้ววันนี้จะมาไหม”
“มาส่งแล้วก็กลับไปแล้ว เพลงมีอะไรกับจะมาหรือเปล่า”
“เปล่าหรอกจ้ะ”
“เราลืมของไว้ในกระเป๋าแอล แอลเห็นบ้างไหม” การ์ตูนรีบทวงถาม เพราะของที่ว่านั้นเธอต้องเอาไปส่งให้กับใครอีกคน ซึ่งตอนนี้เขากำลังจะตามมาเอาคืนที่นี่
“แต่เราดูแล้วนะไม่เห็นมีอะไรเลย”
“นายดินเป็นคนเอาไปหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเขาไว้ใจได้แค่ไหน” การ์ตูนเริ่มใจคอไม่ดีเพราะถ้าคนอื่นเอาไปก็กลัวจะตามกลับคืนมายาก
“เขาจะทำอย่างนั้นทำไม ว่าแต่การ์ตูนลืมอะไรไว้ในกระเป๋าเราแล้วเอาไปใส่ไว้ตอนไหน” เอลินอร์เริ่มสงสัย
“แอลไม่ต้องสนใจหรอกว่าเราเอาไปใส่ตอนไหน ตอนนี้เราแค่อยากได้ของเราคืน”
“แต่เราไม่เห็นจริงๆ นะ ถ้าไม่เชื่อจะเปิดดูก็ได้” เธอไม่คิดว่าปฐพีจะเป็นคนเอาของที่ว่านั้นไป
“ลองโทรถามนายดินสิ บางที่เขาจะเห็นแล้วหยิบไปก็ได้”
เอลินอร์โทรถามปฐพีแต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมรับสาย เธอรอจนสายตัดเข้าระบบฝากข้อความถึงสองรอบก็เริ่มจะโมโห
“เขาไม่รับ ว่าแต่ของอะไร เดี๋ยวเราซื้อให้ใหม่ก็ได้”
“มันไม่ได้ซื้อกันง่ายๆ นะแอลกว่าเราจะได้มามันก็ยาก”
“ก็บอกมาสิว่ามันคืออะไร เผื่อเราจะช่วยหาซื้อให้” เอลินอร์ชักจะเริ่มมีอารมณ์เพราะเพื่อนสองคนไม่ยอมบอกสักทีว่าของนั้นคืออะไร
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีผู้ชายหลายเดินเข้ามา คนหนึ่งนั่งยังโซฟาอีกตัวที่ว่างอยู่ ส่วนอีกสองคนยืนอยู่ไม่ห่าง
“จะเสียเวลาทำไม่ ค้นกระเป๋ามันเลยสิ” ชายคนที่ยืนอยู่ออกคำสั่งจากนั้นเขาก็คว้ากระเป๋าของเอลินอร์แล้วเทของทุกอย่างออกจนกระจายไปทั่ว
“นี่ พวกแกทำอะไร เอากระเป๋าฉันไปเทแบบนั้นได้ยังไงเสียมารยาทมาก”
“อย่ามาทำปากเก่งบอกมาว่าเอาของไปไว้ที่ไหน”
“ของอะไรฉันไม่รู้เรื่อง เพลง การ์ตูน นี่พวกเธอจะไปพูดอะไรหน่อยเหรอ”
“ใจเย็นๆ แอล ดื่มน้ำแล้วค่อยคุยกันต่อ”
การ์ตูนส่งแก้วน้ำส้มให้กับเพื่อน เอลินอร์ยกจิบเพียงนิดเพราะเธอไม่มีอารมณ์จะมาดื่มน้ำส้มในเวลาแบบนี้
“เราพูดในสิ่งที่ควรพูดไปแล้ว เราช่วยได้แต่นี้” เพลงมองหน้าหญิงสาวแล้วพูดด้วยเสียที่ฟังดูเย็นชา
“หมายความว่ายังไง”
“มันเกี่ยวกับของในกระเป๋า”
“เราก็บอกแล้วว่าไม่เห็น มันสำคัญขนาดไหนเชียว บอกมาสิว่าราคาเท่าไหร่ เราจ่ายให้ก็ได้”
“ฉันเปลี่ยนใจล่ะ ถ้าอยากให้เรื่องนี้จบเธอต้องไปนอนกับฉันหนึ่งคืน”
“จะบ้าเหรอ ใครจะไปนอนกับนายกัน”
“เอาน่าแค่คืนเดียว” ชายที่นั่งอยู่บนโซฟาย้ายมานั่งข้างๆ เอลินอร์ก่อนจะตวัดแขนข้างหนึ่งลงบนไหล่และดึงเธอเข้าจนชิด
“นี่ นายปล่อยนะ”
“หวงตัวซะด้วย พยศแบบนี้ล่ะที่ฉันชอบ”
“ชอบบ้าชอบบออะไรฉันบอกให้ปล่อย ถ้างั้นฉันจะตะโกนให้คนช่วยนะ”
“คิดว่าในที่แบบนี้จะมีใครมาช่วยเหรอ เราไปสนุกกันดีกว่าน่า ถ้าเธอยอมฉันจะลืมเรื่องของทั้งหมดนั่น”
“ถ้าเดาไม่ผิดฉันว่าของที่พวกนายพูดถึงคงจะเป็นของไม่ดีล่ะสิ แต่ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่เห็น” เอลินอร์ปฏิเสธเสียงแข็ง
“เอาน่าฉันสัญญาว่าจะไม่พูดถึงมันอีก เพราะเรื่องที่ฉันสนใจตอนนี้ก็คือเธอต่างหากล่ะ”
“แต่ฉันไม่สนใจคุณ เพราะฉะนั้นปล่อยมืออกจากฉันได้แล้วฉันจะกลับ” เอลินอร์สะบัดมือของเขาออกจากบ่าจากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับ
“เธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เขาพูดจบลูกน้องทั้งสองคนก็เข้ามาดึงรวบแขนเธอไขว้ไว้ข้างหลัง
“ปล่อยนะ ฉันบอกให้ปล่อย เพลง การ์ตูนเธอไม่คิดจะช่วยฉันเลยเหรอ”
เพื่อทั้งสองคนของเอลินอร์ได้แน่นั่งนิ่งไม่ทุกข์ร้อนอะไรสักนิด เอลินอร์ทั้งดิ้นทั้งตะโกนแต่เสียงเพลงก็ดังจนคนอื่นไม่ได้ยิน
หญิงสาวถูกลากตัวออกมาจากโซฟาและตรงไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่ไกล แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าห้องก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากทางด้านล่างแล้วความวุ่นวายก็ตามมา ทุกคนต่างพากันวิ่งหนีกันวิ่ง เสียงตะโกนว่าตำรวจมาดังไปทั่วผับ
เอลินอร์ถูกชายพวกนั้นลากมาทางด้านล่างอย่างทุลักทุเลเพราะหญิงสาวพยายามจะเดินไปทางที่ตำรวจยืนอยู่ เธอพยายามตะโกนแข่งกับเสียงผู้คนและเสียงตำรวจที่กำลังบอกให้ทุกคนอยู่ในความสงบ ชายคนที่จับแขนเธอยู่เห็นท่าไม่ค่อยดีจึงรีบปล่อยเธอไปเพราะกลัวว่าตำรวจจะเห็น หญิงสาวรีบวิ่งตรงไปยังตำรวจที่ยืนอยู่ แต่ก็ถูกมือหนึ่งคว้าแขนไว้ก่อน
“ปล่อยฉันนะ ฉันจะไปหาตำรวจ” เอลินอร์พยายามสะบัดมือแต่แรงของเธอก็สู้กับฝ่ามือใหญ่ที่รั้งไว้ไม่ได้
“คุณหนู ผมเองตามผมออกมาก่อน” ปฐพีตะโกนแข่งกับเสียงอื้ออึง
“ฉันจะตามนายออกไปทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ผมบอกให้ตามก็ตามมา หรือจะให้อุ้ม” เมื่อเขาทำเสียงเข้มทำให้เอลินอร์ต้องวิ่งตามเขาออกมาทางด้านหลังของร้านแต่โดยดี
ปฐพีพาหญิงสาววิ่งออกมายังรถของตนที่จอดอยู่จากนั้นก็ขับออกมาจากหน้าผับก่อนจะไปจอดบริเวณทางเท้าซึ่งห่างจากผับอยู่พอสมควร
“มันเรื่องกันนายดิน ทำไม่นายต้องพาฉันหนีด้วยล่ะ”
“แล้วคุณจะเดินเข้าไปหาตำรวจให้เขาจับหรือยังไง”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดจะต้องกลัวทำไม ดีเสียอีกตำรวจจะได้จับให้พวกที่มันกำลังจากลากฉันออกไป”
“คุณหมายถึงพวกเพื่อนคุณนะเหรอ”
“ใช่สิ พวกเขามาตามหาของ ฉันพยายามจะโทรหานายแล้วแต่นายไม่รับสาย ว่าแต่นายเห็นของที่อยู่ในกระเป๋าฉันไหม”
“เห็นสิ”
“แสดงว่าคนที่เอาไปก็คือนาย งั้นดีเลยนายเอาของพวกนั้นมาไหม ฉันจะได้เอาไปคืน”
“ผมเอาไปให้ตำรวจแล้ว”
“เอาไปให้ตำรวจ อย่าบอกนะว่าของที่พวกมันตามหาคือของผิดกฎหมาย ใช่พวกยาเสพติดหรือเปล่า” ใบหน้าคนถามซีดเพราะความตกใจ
“ใช่ ของที่เพื่อนคุณยัดใส่กระเป๋าคุณเมื่อหลายคืนก่อนคืนยาไอซ์”
“ยาไอซ์”
เมื่อได้รับคำตอบจากภรรยาแล้วปฐพีก็เริ่มปฏิบัติการปั๊มทายาททันที ปฐพีอุ้มเจ้าสาวไปยังห้องนอน เขาวางเธอลงที่ปลายเตียงแล้วรั้งให้เธอเข้ามาแนบชิด จุมพิตไปบนริมฝีปากนุ่มสวย บดขยี้อย่างโหยหาเพียงแค่สัมผัสร่างกายก็ตื่นตัว ชายหนุ่มจับมือเล็กของภรรยาสาวไปสัมผัสกับส่วนแข็งขืนเพื่อให้เธอรับรู้ ว่าตอนนี้เขาต้องการเธอมากแค่ไหน “พี่ดินทำไมมันโตเร็วละคะ” “ก็พี่คิดถึงและต้องการหนูแอลไงครับ ไม่เจอกันหนึ่งเดือน แล้วพอเจอกันก็ได้แค่เดินจับมือ มันทรมานมากนะครับ รู้ไหมพี่ต้องการแอลมาก”เสียงของเขาบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าตัวเองนั้นต้องการเธอมากแค่ไหน ชายหนุ่มประคองใบหน้าคนรักแล้วประกบปากจูบอีกครั้งอย่างเร่าร้อนและเรียกร้องเอลินอร์เผยอปากรับลิ้นอุ่นเข้าให้เข้ามาตวัดไล้น้ำหวาน พร้อมส่งเสียงครางอย่างรัญจวน เมื่อฝ่ามือใหญ่ละจากใบหน้าลงมาทรวงอกอิ่มบีบคลึงเต้างามอย่างหนักมือ ปฐพีผละจูบออกเมื่อเธอเริมครางประท้วงเพราะกำลังจะขาดอากาศ สองตาสบประสานส่งผ่านความรู้สึกและความต้องการที่ต่างฝ่ายต่างต่างมีให้แก่กันอย่างท่วมท้นชุดนอนไม่ได้นอนและบราตัวจิ๋วที่พี่สะใภ้มอบให้ค่อยๆ
งานแต่งงานระหว่างปฐพีและเอลินอร์ถูกจัดขึ้นที่โบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน ความสวยงามของโบสถ์กับการออกแบบงานแต่งงานเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความสุข ซึ่งปฐพีเป็นคนออกแบบเองทั้งหมด ปฐพีสวมสูทสั่งตัดสีขาวที่ตัดเย็บอย่างประณีต แขกที่มาร่วมกันต่างมีใบหน้ายิ้มแย้มและรอคอยการปรากฏตัวของเจ้าสาว เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นชายหนุ่มก็หันไปมองที่ประตูทางเข้า เขารู้สึกใจเต้นแรง ในขณะที่แขกต่างลุกขึ้นยืนเพื่อให้เกียรติเจ้าสาวที่เดินควงแขนคุณเอกภพผู้เป็นบิดาเข้ามาใบหน้าสวยปกปิดด้วยผ้าสีขาว นั้นยิ่งกระตุ้นให้ทุกคนอยากเห็นว่าหญิงสาวผู้โชคดีคนนี้จะมีใบหน้าสวยงามแค่ไหน แม้ว่าปฐพีจะไม่มีคนรู้จักที่นี่มากนักแต่เพราะเขาเป็นทายาทอย่างถูกต้องตามกฎหมายคนเดียวของวิลเลียม เบอร์เรลนักธุรกิจชื่อดังของเมืองนี้งานแต่งครั้งนี้จึงมีคนจับตามองอยู่มากพอสมควรเมื่อคุณเอกภพเดินมาถึงยังแท่นพิธีเขาก็ส่งตัวลูกสาวให้กับปฐพี ที่ยื่นมือมารับเจ้าสาวของเขาด้วยความตื่นเต้น มือใหญ่สั่นเล็กน้อยและนั่นก็ทำให้เอลินอร์รู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกเมื่อเอลินอร์มายืนอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มก็ยกผ้าคลุมใบหน้า
ความสุขมันแสนสั้นเมื่อถึงเวลาที่ปฐพีจะต้องกลับไปทำงานอีกครั้ง เอลินอร์มาส่งคนรักที่สนามบิน แต่ครั้งนี้เธอไมได้เศร้าเหมือนครั้งก่อนเพราะปลายเดือนหน้าเธอครอบครัวก็จะบินไปเที่ยวอังกฤษตามคำเชิญของคุณลินดาและคุณวิลเลียม“อีกไม่ถึงเดือนเราก็จะเจอกันอีกแล้ว ครั้งนี้หนูแอลคงไม่งอแงให้พี่ต้องรีบกลับมาใช่ไหมครับ”“แอลไม่เคยงอแงนะคะ”“แล้วใครกันล่ะครับ ที่ไม่ยอมให้พี่โทรหาจนพี่ทนคิดถึงไม่ไหวรีบบินกลับมาแบบนี้”“มาโทษแอลได้ยังไงล่ะคะ พี่ดินอยากทนไม่ไหวเอง”“ถ้าไม่รักก็คงไม่รีบบินกลับมาหรอกครับ”“พี่ดินขา อย่าปากหวานแบบนี้กับใครนะคะ”“พี่ทั้งรักทั้งหลงขนาดนี้ หนูแอลยังไม่ไว้ใจพี่อีกเหรอครับ”“ก็พี่ดินของแอลหล่อขนาดนี้เป็นใครก็ต้องหวง”“พี่ไม่เคยมองใครมานานหลายปีแล้ว มองแค่หนูแอลคนเดียว” ปฐพีกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาไม่อยากจะห่างเธอเลยแต่เพราะมีความจำเป็นเรื่องงานเลยต้องทำใจ“พี่ดิน เขาประกาศเรียกแล้ว”“พี่ไปก่อนะครับ รักหนูแอลนะ” ชายหนุ่มก้มจูบหน้าผากมนอย่างรักใคร่“แอลก็รักพี่ดินค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะพี่ดิน ถึงแล้วอย่าลืมโทรหาแอลนะคะ”“จะลืมได้ยังไงล่ะครับ พี่ไปก่อนนะครับ หนูแอลจะได้รีบกลับไปท
สามวันมาแล้วที่เอลินอร์ทำโทษปฐพี เธอทั้งคิดถึงและอยากเห็นหน้าอยากได้ยินเสียงแต่ก็ต้องอดทนเพราะไม่อยากจะกลายเป็นคนผิดคำพูด แม้ว่าเขาจะไลน์มาหาทุกวัน วันละหลายรอบแต่เธอก็เพียงแค่อ่านแต่ไม่คิดจะตอบกลับ“เหลือแค่สาวันเองจิ๊บๆ” หญิงสาวให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเก็บของใช่ลงกระเป๋าเพราะเลยเวลาเลิกงานมานานนับชั่วโมง แต่เพราะวันนี้ไม่ต้องกลับไปนอนที่บ้านเนื่องจากบิดามารดาไปพักผ่อนที่ต่างจังหวัดเธอจังไม่เร่งรีบอะไร หญิงสาวแวะทานอาหารที่ร้านเดิมที่เคยมาทานกับปฐพีอยู่บ่อยๆ จากนั้นก็เข้าร้านสะดวกซื้อและเลือกอาหารแช่แข็งอีกหลายกล่องเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเธอจึงอยากจะพักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้ว่าแพรวาจะโทรศัพท์มาชวนไปเที่ยวแต่เอลินอร์ก็ปฏิเสธเพราะรู้สึกไม่สนุกกับการไปในสถานที่แบบนั้นอีกแล้ว กลับมาถึงห้องก็เก็บของที่ซื้อมาเขาตู้เย็นก่อนจะรับอาบน้ำเตรียมเข้านอนซึ่งก็ไม่รู้ว่าคืนนี้จะนอนหลับไหม เพราะที่ผ่านมาสองคืนเธอก็นอนไม่ค่อยหลับเนื่องจากไม่ได้คุยกับปฐพีอย่างเคย เอลินอร์ออกมาจากห้องน้ำก็ต้องแปลกใจเพราะตอนนี้บนเตียงของเธอนั้นโรยด้วยกลีบกุหลาบสีแดงสดเป็นตัวหนังสือคำว
เอลินอร์ออกจากงานออกจากงานเลี้ยงของคุณติณณ์ก็ตรงไปคอนโดเพราะคืนนี้เธอบอกกับบิดามารดาว่าจะค้างที่นี่ เนื่องจากจะกลับดึกก็ไม่อยากจะขับรถไปที่บ้านเพราะว่าระยะทางจากคอนโดไปที่งานเลี้ยงของคุณติณณ์นั้นใกล้กว่าบ้านของเธอมาก หญิงสาวพยายามจะข่มอารมณ์โมโหของตนมาตั้งแต่อยู่ในงาน พอประตูห้องปิดลงเธอก็กรีดร้องอย่างสุดเสียงเพื่อระบายความโกรธที่ทนจะอัดอั้นมาเกือบชั่วโมง อันที่จริงเธอก็อยากจะกรี๊ดตั้งแต่อยู่ในงานเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่พลอยลดานำมาบอก แต่เพราะเมื่อคืนตนเองไปในนามบริษัทจึงทำแบบนั้นไม่ได้ “พี่ดินนะพี่ดินทำแบบนี้กับแอลได้ยังไง”เอลินอร์ตัวสั่นเทาขณะกดวิดีโอคอลไปหาคนรัก พอเขากดรับเธอก็พูดกับเขาด้วยอารมณ์โมโหสุดขีด “พี่ดิน พี่ทำแบบนี้กับแอลได้ยังไง ไหนพี่ว่าไม่เคยมีอะไร ไม่เคยนอนด้วย แล้วนี่ถึงกับนัดกันไปถึงอังกฤษ ไหนพี่ดินบอกว่ารักแอล ให้แอลรอ ให้แอลอดทน แล้วยังไงคะ ในขณะที่แอลอดทนอยู่ทางนี้พี่ดินก็มีความสุขอยู่ทางนู้น พี่ว่ามันยุติธรรมกับแอลไหมล่ะ พี่ดินใจร้าย พี่ดินทำลายความไว้ใจของแอล” เอลินอร์พูดยาวเหยียดก่อนจะร้องไห้อย่างหนักเมื่อพูดจ
เกือบเดือนแล้วที่เอลินอร์กับปฐพีไม่ได้เจอกับเพราะต่างฝ่ายต่างก็มีหน้าที่ของตนเองที่ต้องรับผิดชอบ แต่พวกเขาก็ยังคงคุยกันอยู่ทุกวันเหมือน เธอกับครอบครัววางแผนว่าจะไปเยี่ยมครอบครัวของเขาที่อังกฤษปลายเดือนหน้า แต่ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ได้วิดีโอคอลคุยกันบ้างแล้ว เอลินอร์ทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดีทั้งในฐานะรองประธานบริษัทและในฐานะนักออกแบบเครื่องประดับ พนักงานทุกคนยอมรับในความสามารถของหญิงสาว และต่างพากันชื่นชมเจ้านายของตนเองที่ทั้งสวยและเก่งจนหาตัวจับยาก หญิงสาวรับผู้ช่วยส่วนตัวมาหนึ่งคนชื่อกมลมาศเพื่อจะได้ออกไปทำงานข้างนอกกับเธอในขณะที่คุณแขไขก็ยังทำหน้าที่เป็นเลขาได้เป็นอย่างดี "คุณแอลคะ งานเย็นนี้มาศเตรียมชุดให้แล้วนะคะ” “แอลไม่อยากไปเลยค่ะ พี่มาศไปแทนแอลได้ไหมคะ” “ได้ยังไงล่ะคะคุณแอล เขาเป็นคู่ค้าคนสำคัญเลยนะคะ ถ้าคุณแอลไม่ไปมาศว่าท่านประธานคงจะไม่ค่อยพอใจแน่ๆ” “แอลไม่ชอบงานแบบนี้เลยค่ะ” “แล้วแต่ก่อนใครไปล่ะคะ หรือว่าท่านประธานไปเอง” “ก็คงจะเป็นผู้ช่วยคุณพ่อนั่นแหละ พอเขาออกไปงานทุกอย