ตอนที่ 3
โดนกำราบ
“ทำไมมาเดินคนเดียวในสถานที่แบบนี้ มันอันตรายมากรู้ไหม” แววตาของเขาเป็นห่วงเธอมาก เจียลี่ยังไม่ลดละสายตาจากเขาเธอรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“ต้องมานั่งรอรถแบบนี้ทุกวันเลยหรอ” ยังไม่มีคำตอบใดๆ เธอเอาแต่มองหาหน้าเขาตาไม่กะพริบจนปราบเริ่มสงสัยว่าหน้าตัวเองมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า
“เจียลี่ ฟังอยู่ใช่ไหม” เธอหลุดออกมาจากภวังค์
“ฟะ ฟังสิ ว่าไงนะ” ปราบอมยิ้มเขารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจฟังเลย
“รถมาแล้ว” เขานั่งรอรถเมล์เป็นเพื่อนในระหว่างการสนทนารถมาพอดี เจียลี่ยังไม่อยากไปเธออยากอยู่กับเขาให้หายคิดถึง หญิงสาวคว้ามือชายหนุ่มให้ขึ้นไปด้วยกัน
“โทษทีนะ ฉันยังไม่หายตกใจเรื่องเมื่อกี้ ไม่อยากกลับบ้านคนเดียว หวาดระแวงอ่ะ” ทั้งคู่นั่งเบาะข้างกันเจียลี่นั่งติดริมหน้าต่าง
“ฉันเข้าใจ” เขายอมรับว่าเป็นห่วงเธอไม่อยากให้เธอกลับบ้านมืดค่ำคนเดียวแบบนี้ อีกอย่างเธอดันไปมีเรื่องกับลูกสาวเจ้าพ่ออนาคตคงอยู่ไม่สุขแน่
“ปราบ ถามหน่อยสิ ทำไมถึงกลับมา” คนที่หายไปสิบกว่าปี กลับมาครั้งนี้ต้องมีเหตุผล เธอยังจำวันที่เขาจากไปครั้งนั้นได้ไม่ลืม เขาบอกจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ต่างแดน เพราะไม่อยากรับใช้พวกคนชั่วอีกแล้ว
เธอเสียใจมากตอนนั้น อยากตามไปอยู่ด้วยแต่ติดที่ต้องเรียนต่อให้จบ หลังจากเขาไปนับจากนั้นเธอไม่ได้รับการติดต่อจากเขาอีกเลย คิดว่าตายไปแล้วด้วยซ้ำ
“ก่อนไป ไม่คิดจะลากันสักคำเลยหรอ แล้วตอนไปอยู่ต่างประเทศทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง ตอนนั้นคิดอะไรอยู่ หรือมีปัญหาอะไร ทำไมไม่บอกกันดีๆ ล่ะ ยังเห็นฉันเป็นเพื่อนสนิทอยู่ไหม” เธอยิงคำถามใส่รัวๆ จนเขาตอบไม่ทัน แม้เวลาจะผ่านไปนานมากแล้วแต่เธอยังจำเรื่องราวความเจ็บปวดได้แม่นยำ
“ขอโทษนะ ฉันมีเหตุผล” ชายหนุ่มกลับตอบคำถามเพียงประโยคสั้นๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย เจียลี่ยิ่งไม่เข้าใจเธออยากรู้เหตุผลทั้งการจากไปและการกลับมา
“เจียลี่ ต่อไปนี้ต้องระวังตัวให้มากๆ ฉันคิดว่าลูกสาวเจ้าพ่อกัดเธอไม่ปล่อยแน่” เจียลี่ที่ได้ฟังแบบนั้น เธอรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย มือของเธอสัมผัสมือเขาเบาๆ
“ปกป้องฉันได้ไหม” ปราบจ้องตาผู้หญิงที่นั่งเคียงข้าง เขาไม่ตอบคำถามใดๆ ในขณะที่เธอยังคงส่งสายตาอ้อนวอนอยู่แบบนั้นเพื่อรอฟังคำตอบ
“ไม่เป็นไร” เจียลี่รอฟังคำตอบอยู่นาน ไร้การตอบกลับ ทำให้เธอเข้าใจทุกอย่าง หญิงสาวคลายมือตัวเองออกแต่เขาไม่ยอม
“ที่ไม่รับปากเพราะกลัวจะทำตามสัญญาไม่ได้ เจียลี่ อย่าห่วงเลย ถ้าตราบใดที่ฉันยังอยู่เธอจะปลอดภัย” พอได้ยินแบบนั้น เธอยิ้มแก้มปริ อย่างน้อยก็ยังเป็นคนสำคัญในชีวิตเขา
“ขอบคุณนะปราบ ที่มาส่ง” ปราบมาส่งถึงหน้าอพาร์ทเม้นท์ เขายืนอยู่ตรงบันไดทางขึ้น เจียลี่รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกแต่ใดๆ คือหัวใจของเธอกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
“ดูแลตัวเองด้วยนะ”
“เราจะได้เจอกันอีก ใช่ไหม” แววตาเธอเต็มไปด้วยความกังวล
“แน่นอน” เธอฉีกยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา
#คฤหาสน์หรูฝั่งตะวันตก
เสียงเพลงจังหวะมันๆ ดังกึกก้องกลางห้องโถงขนาดใหญ่ ปาร์ตี้ถูกจัดขึ้นอย่างอลังการแสงสีเสียงสร้างความบันเทิงครบรูปแบบมีเพียงคนสนิทเท่านั้นที่ได้รับเชิญ นอกเหนือจากนั้นคือเด็กเอนสาวสวยเซ็กซี่ อาหารตาของพวกผู้ชายที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
“เต็มที่เลยนะเว้ยยยยย....” ในขณะที่เพื่อนๆ กำลังโยกย้าย เจ้าของงานแหกปากเสียงดัง ก่อนจะเอาถังใส่เหล้าราคาแพงราดหัวเองอย่างบ้าคลั่ง
“มันส์ว่ะ สมกับเป็นงานวันเกิดลูกชายเจ้าพ่อจริงๆ ฮ่าๆๆๆ” เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในงานมีให้ไม่อั้น แก้วเหล้าถูกชนจนนับครั้งไม่ถ้วน ปาร์ตี้สังสรรค์วันเกิดในคฤหาสน์สุดหรูถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติ
เด็กเอนเซ็กซี่ใส่เพียงบราและจีสตริงขึ้นไปเต้นยั่วสวาทบนเคาน์เตอร์ ชุน พึงพอใจอย่างมากเขาหยิบแบงค์เทาออกมาเป็นปึกๆ ก่อนจะหว่านมันไปทั่วบ้าน ทุกคนก้มกำลังแย่งกันเอาเป็นเอาตาย
“หยุดดดด!!!” ท่ามกลางความสนุกสนานทุกอย่างต้องเงียบสงบเพราะคำสั่งนั้นศักดิ์สิทธิ์เหนือใคร
“ป๊า...!!!” เฮียหลงเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลฝั่งตะวันตกใบหน้าเคร่งขรึมเพราะไม่พอใจกับการกระทำของลูกชาย ที่วันๆ ไม่ทำอะไรงานอดิเรกคือปาร์ตี้มั่วสุมใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย
“โถ่วป๊าอ่าาา วันเกิดทั้งทีจะไม่ให้มีปาร์ตี้หน่อยหรอ” ชุนเดินตามหลังผู้เป็นพ่อพยายามอธิบายให้เข้าใจ เจ้าพ่อหยุดเดินก่อนจะหันกลับไปเอาเรื่องไอ้ลูกชายตัวดี
“จะเกิดไม่เกิด ลื้อก็ทำตัวเหลวไหลอยู่แล้วเพราะฉะนั้นทำตามที่อั๊วสั่ง” ชุนถูกส่งไปเรียนพิเศษเพราะล่าสุดผลการเรียนติดลบ เขาต้องยัดเงินมหาศาลเพื่อให้ลูกสอบผ่าน
“เอาแบบนี้ไหมป๊า ให้ครูพิเศษมาสอนที่บ้านเรา ชุนยอมเรียนให้ก็ได้แต่ขอครูสวยๆ หุ่นเซ็กซี่ๆ นะ” เจ้าพ่ออยากทุบหัวลูกชายทิ้ง ถ้ารู้ว่าจะเลวทรามขนาดนี้ เอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายไปนานแล้ว
“ฟังนะถ้าลื้อไม่ตั้งใจเรียนยังทำตัวเหลวไหลแบบนี้ อั๊วจะให้ลาออกไปเลี้ยงควาย ตัดออกจากมรดกให้มันรู้แล้วรู้รอด สมองควายปัญญาหมาแบบลื้อ เลี้ยงไปก็เสียข้าวสุก”
“เออ หมาควายตัวนี้แหละที่จะดูแลทุกอย่างต่อจากป๊า คอยดูนะ ชุนจะเป็นเจ้าของธุรกิจที่เก่งกว่าป๊าให้ได้” คนฟังถึงกับหลุดขำในความเป็นไปไม่ได้ แต่อวดดี
“ให้คนของแกกลับไปซะ หมดเวลาสนุกแล้ว พรุ่งนี้อย่าลืมนัดด้วย” ชุนนึกอยู่สักพัก เขามีนัดอะไรเพราะในหัวไม่เคยจำเรื่องมีสาระได้เลยแต่ต้องขอบคุณเนื้อปลาชั้นดีที่กินเข้าไปช่วงค่ำมันทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า พรุ่งนี้มีนัดดูตัวคู่หมั้น
“ครับ”
ปราบยืนเกาะประตูรั้วโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งเขาเพ่งมองเด็กผู้หญิงชั้น ม.5 ที่กำลังทำกิจกรรมข้างใน ดูเหมือนมีการแข่งขันกีฬาสี เด็กสาวอยู่บนสแตนเชียร์ เขาเพ่งมองอยู่นานสอดส่องผ่านช่องว่างของประตูรั้ว
จากเด็กวัย 4 ขวบเติบโตกำลังเป็นสาวสะพรั่ง แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนานแต่เขาจดจำเธอได้เสมอเพราะใบหน้าของเธอไม่เปลี่ยนเลย ด้วยความที่ประตูรั้วอยู่ไม่ไกลจากสแตนเชียร์ทำให้เด็กสาวหันมาเจอเข้าพอดี เธอเอะใจทำไมชายคนนั้นมองด้วยสายตาแปลกๆ
ปราบตกใจเขาทำตัวไม่ถูก เด็กสาวรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาชายคนนี้มากแต่เธอนึกไม่ออกว่าเป็นใคร ปราบรีบหันหลังและเดินจากไปทันทีปล่อยให้เธอคิ้วขมวดอยู่คนเดียว
#คฤหาสน์หรูฝั่งตะวันออก
“กรีดดดดด..!! ใครเป็นคนทำ” ชุดเดรสตัวโปรดของเธอโยนลงบนพื้น สีหน้าเจ้าชุดบูดบึ้งเพราะมันมีคราบเป็นจุดๆ น่าจะเกิดจากผ้าตกสี หงส์ต้องใส่เย็นนี้เพราะมีนัดปาร์ตี้กับเพื่อน
“คะ คือ...” สาวใช้ที่พึ่งเข้ามาทำงานวันแรกรู้ตัวทันทีว่าความผิดพลาดครั้งนี้คงไม่ได้รับการให้อภัย
“แกใช่ไหม” หงส์เดินตรงเข้ามาหาเรื่อง
“หนูผิดไปแล้วค่ะ หนูขอโทษหนูไม่ได้ตั้งใจ” สาวใช้นั่งคุกเข่าลงไปบนพื้นยกมือขึ้นมาไหว้ขอความเมตตา งานทุกวันนี้ใช่ว่าจะหาง่าย
“กล้าดียังไงมาทำชุดฉันพัง อีโง่!@ แกทำงานทั้งชาติยังไม่มีปัญญาซื้อชุดตัวนี้ได้เลย” หงส์โกรธมากเธออยากสั่งสอนคนใช้ที่ทำงานสะเพร่า
“ยะ ยะ อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ หนูกลัวแล้ว” หงส์จิกหัวสาวใช้ที่นั่งอยู่บนพื้นให้ลุกขึ้น ความเจ็บปวดทำให้สาวใช้ ปัดมือเธอออกอย่างแรงตามสัญชาตญาณสิ่งนั้นเพิ่มความโกรธทวีคูณ ทาสรับใช้คนอื่นๆ ได้แต่ยืนดูไม่มีใครกล้าเข้ามาห้าม
“เพี๊ยะ!!” ฝ่ามือตบลงไปบนใบหน้าเต็มแรง คนตบมือแดงส่วนคนโดนตบหน้าแดงห้อเลือด
“เพี๊ยะ!!” ยังไม่สาแก่ใจมืออีกข้างตบหน้าอีกฝั่ง
“เอะอะโวยวายอะไรกัน” เจ้าพ่อเหลาเดินผ่านมาทางนี้พอดีได้ยินเสียงโวยวาย ทำให้ต้องแวะ สาวใช้วิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังคนแก่ด้วยความหวาดกลัว
“ป๊า อีนี่มันทำชุดหงส์พังดูสิ หงส์ต้องใส่ไปงานปาร์ตี้เย็นนี้ มันต้องรับผิดชอบ” คนเป็นเจ้าพ่อ มองว่าไร้สาระเรื่องแค่นี้แต่ลูกสาวกลับทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต
“ลื้อมีชุดในสต๊อก อีกตั้งเป็นร้อยเป็นพัน อั๊วเห็นซื้อมาทุกวัน ลื้อหาชุดอื่นใส่ไปแทนไม่ได้หรอ มันจะเป็นจะตายอะไรกับอีแค่ชุดนี้ชุดเดียว” พอได้ยินอย่างนั้น ลูกสาวถึงขั้นไม่พอใจราวกับว่าพ่อกำลังเข้าข้างคนใช้
“ไม่ได้! ต้องเป็นชุดนี้เท่านั้น หงส์ไม่ยอมป๊าเข้าข้างมันหรอ” หงส์ไม่เข้าใจก่อนหน้านี้ป๊าตามใจมาตลอด
“ไม่เอาหน่า เลิกทำนิสัยงี่เง่าสักทีลื้อควรโตเป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว” คนเป็นพ่อเสียงอ่อนลง รู้สึกไม่สบายใจ ยิ่งตัวเองมีเวลาชีวิตเหลือน้อยพอเห็นพฤติกรรมแบบนี้ ยิ่งวางใจไม่ได้
“อีกอย่าง เย็นนี้ลื้อห้ามออกไปไหนอั๊วไม่อนุญาต ลืมแล้วหรอ พรุ่งนี้เรามีนัดดูตัวคู่หมั้น” หงส์ไม่ลืมนัดแต่เธอไม่เข้าใจว่า การนัดหมายคือพรุ่งนี้ ไม่ใช่เย็นนี้สักหน่อย ทำไมป๊าต้องห้ามไม่ให้ไปเที่ยวด้วย
“หงส์นัดกับเพื่อนไว้แล้ว ยังไงก็จะไป” คนอยากไปเอาโซ่มาล่ามไว้ก็ไม่อยู่
“ลองๆผดูสิ เดือนนี้ทั้งเดือน อั๊วจะไม่ให้เงินใช้สักบาท” ได้ยินแบบนั้นเข่าแทบทรุด
“ป๊า อะไรจะเว่อร์ขนาดนั้น ถึงกับต้องตัดค่าขนมเลยหรอ อีกอย่างนัดดูตัวพรุ่งนี้ หงส์ไปปาร์ตี้ตอนเย็นมันเกี่ยวอะไรกัน”
“เกี่ยวสิ พรุ่งนี้เรามีนัดกันแต่เช้าถ้าลื้อเมาหัวราน้ำ นอนตื่นสายคนเสียคืออั๊ว แล้วอย่าคิดจะหนีไปไหนนะเพราะตอนเย็นอั๊วจะส่งคนไปรับที่มหาลัย” จบข่าว หงส์เดินกระทืบเท้ากลับเข้าห้องแม้จะโกรธมากแค่ไหนแต่ไม่อาจปฏิเสธคนเป็นพ่อได้