ปัจจุบัน…
“กรี๊ด!! มิเรย์ระวัง!!” ปี้ดดดด.. เอี๊ยด!!~ เสียงแตรดังลากยาวและเสียงเบรกของลัมโบร์กีนีสีสวยดังขึ้นบนถนนในสนามแข่งรถแห่งหนึ่ง “แม่งเดินไม่มองทางเหรอวะ คนยิ่งรีบอยู่” เจ้าของรถลัมโบร์กีนีบ่นพรึมพำอย่างหัวเสียภายในรถ ทางด้านสาวสวยอย่างมิเรย์ที่กำลังนอนฟุบอยู่กับพื้นก็ร้องครวญครางออกมาด้วยความเจ็บจากการโดนเฉี่ยว “โอ้ย! อีมิเรย์เอ้ย นี่มันวันอะไรของมึงเนี่ย เกือบไปแล้วไหมล่ะ”มิเรย์บ่นกระปอดกระแปดพร้อมกับใช้มือเรียวจับไปที่ก้นตัวเองหลังจากล้มก้นจ้ำเบ้าลงพื้น ไล่สายตามองดูเข่าก็เป็นแผลถลอก “มิเรย์เจ็บตรงไหนไหม?”เทียน่าถามคนที่ล้มกองอยู่กับพื้นเสียงสั่น โชคดีหน่อยที่รถแค่เฉี่ยว เทียน่าดึงแขนไว้ทัน ไม่งั้นศพไม่สวยแน่ แต่ทว่า.. “นี่เธอ! เดินเอาตาหรือตาตุ่มมองทาง ทำไมไม่มองรถ ตายห่ามาจะทำยังไงวะ”ทันทีที่ช่วงขายาวก้าวลงจากรถ และคำแรกที่ ‘แม็กซ์เวล’ เจ้าของลัมโบร์กีนีเอ่ยถามมิเรย์ที่นั่งเจ็บอยู่นั้น ทำเอาสาวสวยมองหน้าอย่างเอาเรื่อง “อ้าว! แล้วนายเอาตาหรือตาตุ่มดูทางล่ะ ถึงได้ขับรถชนฉัน!”มิเรย์แผดเสียงหัวคิ้วเรียงสวยขยับเข้าหากันอย่างไม่พอใจก่อนจะรีบยันตัวลุกขึ้นยืน แม้ร่างกายเจ็บแต่ก็ยังพยายามข่มใจเพราะคำพูดคนที่ขับรถเฉี่ยวชนเธอไม่ได้เห็นใจเธอแม้แต่น้อย “ฉันขับรถช้าจะตาย” “ช้าเหรอ? แถวบ้านนายเรียกว่าช้าซินะ!” “แล้วเธอไม่เห็นหรือไงว่ารถมาอยู่ อ่อ…หรือว่าเป็นพวกที่ชอบหากินสายนี้ทำทีว่าวิ่งใส่รถให้รถชน เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเหรอ” “เดี๋ยวนะนั่นปากเหรอ นายขับรถเกือบชนฉันแล้วยังจะมาว่าฉันเป็นพวกสิบแปดมงกุฎตั้งใจวิ่งใส่รถอีก”มิเรย์ไม่ได้หวังจะให้แม็กซ์เวลรับผิดชอบอะไรหรอก เพราะเธอเองก็มีส่วนผิดที่ไม่มองก่อนจะข้ามถนน แต่พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายก็ยอมไม่ได้จริง ๆ “หึ พูดเองนะว่าสิบแปดมงกุฎ” “วันนี้ฉันรีบ ฉันไม่มีเวลามาเถียงกับสก๊อยสิบแปดมงกุฎอย่างเธอ”แม็กซ์เวลพูดเสียงทุ่มก่อนจะใช้มือหนาล้วงกระเป๋าเงินราคาแพงออกมาจากถุงกางเกง ทว่า.. ด้านมิเรย์เมื่อได้ยินแม็กซ์เวลเรียกเธอว่าสก๊อยจึงพูดสวนควัน “สก๊อย ฮัลโหล พูดออกมาได้”มิเรย์จิ๊ปาก ดูหน้าตาคนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็หล่อเหลาจัดได้ว่าเป็นพระเอกซีรี่ย์ได้เลย แต่พูดออกมาแต่ละคำฟังแทบไม่ได้ กลับกันถ้ามองจากการแต่งตัวของมิเรย์แล้วก็ไม่แปลกที่แม็กซ์เวลจะเรียกเธอเช่นนั้น เพราะวันนี้เธอแต่งตัวเสื้อยืดสีขาวบาง ๆ กับกางเกงยีนส์ขาสั้นธรรมดาเพราะความรีบมาหาเพื่อนหยิบตัวไหนได้ก็เลยใส่มาก่อน “มิเรย์อย่ามีเรื่องเลย”เทียน่าที่เงียบอยู่นานรีบดึงแขนเรียวมิเรย์ห้ามปราม แต่ทว่า ก็ไม่ได้ทำให้มิเรย์ใจเย็นลงแม้แต่น้อย คงจะบวกกับอารมณ์โมโหหิวร่วมด้วย “เทียน่าแกไม่ต้องห้ามฉัน!.” “เงินกับนามบัตรฉัน มีอะไรก็ติดต่อกลับมาก็แล้วกัน”แม็กซ์เวลหยิบเงินในกระเป๋าออกมานับหมื่นพร้อมกับนามบัตรยัดใส่มือเรียวมิเรย์เพื่อให้เรื่องจบ ก่อนจะใช้สายตาคมไล่มองเนื้อตัวสาวสวย “มองดูแล้ว ไม่น่าเป็นอะไรมาก แค่แผลถลอก ก็น่าจะคุ้มกับที่วิ่งใส่รถ”แม็กซ์เวลไล่สายตามองคนที่เขาว่าเป็นสก๊อย แต่สก๊อยที่ว่ากลับหุ่นสวย ผิวก็ขาวนวลเนียนไร้ที่ติ “สาบานว่านี่คือคำพูดคนที่ขับรถชนคนอื่น มันน่าเอาขี้ยัดปากให้แดกแทนข้าวจริง ๆ”มิเรย์คิดคนเดียวในใจไม่ได้พูดออกไป แต่ระหว่างที่เธอกำลังคิดในใจอยู่นั้นแม็กซ์เวลก็ขึ้นรถแล้วขับซิ่งไปซะก่อน “เห้ย!! เดี๋ยวดิ ไอ้บ้าไปง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ”มิเรย์ตะโกนตามหลังรถสุดเสียง ด้านแม็กซ์เวลหลังจากที่เอาเงินฟาดหน้ามิเรย์แล้วก็รีบซิ่งรถเข้าจอดที่จอดรถโซนวีไอพีของสนามแข่งรถ วันนี้เป็นวันที่เพื่อนในแก๊งลงแข่ง จะพลาดไม่มาก็ไม่ได้ ทั้งอีกอย่างสนามแข่งรถนี้ ก็เป็นของตัวเอง “มาช้าจังวะ กูจะลงแข่งอีกสิบนาทีแล้วเนี่ย” ‘ไทเลอร์’ เอ่ยถามแม็กซ์เวลหนุ่มหล่อที่สุดในกลุ่มแก๊งที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องวีไอพี มือก็พลางจับเช็คความเรียบร้อยชุดที่สวมใส่ แม็กซ์เวลเมื่อได้ยินเพื่อนถามจึงตอบออกไปน้ำเสียงปกติ “มีเรื่องนิดหน่อย” “เรื่องอะไร ? ใครกล้ามีเรื่องกับลูกเจ้าพ่อฮ่องกง” ‘คิวท์’ หนุ่มผมเทาพูดขึ้นพร้อมกับยื่นมือรับเครื่องดื่มราคาแพงจากมือสาวสวยที่จ้างมาเอ็นเตอร์เทนเป็นประจำ “ขับรถเฉี่ยวคนนิดหน่อย โชคดีที่รถไม่เป็นรอย”แม็กซ์เวลตอบเพื่อนสีหน้านิ่งเรียบ แล้วหย่อนก้นลงนั่งโซฟาขาไขว่ห้าง คำพูดคำจาไม่ได้ห่วงคนที่โดนเฉี่ยวสักนิด “แล้วอีริกกับเจค็อปไปไหน กูเห็นรถจอดแล้วคนไปไหนวะ”แม็กซ์เวลถามต่อ เมื่อไล่สายตาคมมองทั่วห้องแล้วเพื่อนไม่ครบแก๊ง ทั้ง ๆ ที่รถจอดเรียงรายกันครบทั้งห้าคัน “อยู่ในห้องน้ำกับสาว ๆ นู้น แม่งคนละห้องเลย กูปวดฉี่ยังไม่กล้าเข้าไป” “เพื่อนกูแต่ละคน ดี ๆ ทั้งนั้น” “ได้ยินว่าคู่ที่แล้วชกกันเลือดกรบปากจริงเหรอ แก๊งขี้แพ้ชวนตีเหมือนเดิมสินะ”แม็กซ์เวลถามเพื่อนในกลุ่มทั้งสาม พร้อมกับรับแก้วเครื่องดื่มจากสาวสวยแล้วจิบดื่มเข้าปากคลายความร้อน แม้จะไม่ได้อยู่ในสนามแต่ก็รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด “เออ รุ่นน้องกูเองแหละที่ลงแข่ง ห้องวีไอพีข้างเรา ชนะแต่ปากแตกคุ้มไหมวะเนี่ย”ไทเลอร์พูดขึ้นในระหว่างหยิบถุงมือขึ้นมาสวมใส่ อีกไม่กี่นาทีก็ลงสนามแล้ว พูดจบก็หยิบหมวกกันน็อกแล้วเดินลงสนาม “สู้ โว้ยมึง”คิวท์ตะโกนตามหลังเพื่อน ส่วนแม็กซ์เวลไม่พูดอะไรมาก เพราะมองตาก็รู้ใจกันอยู่แล้ว ยังไงเพื่อนก็ชนะขาด ฝีมือดีขนาดนั้น ด้านฝั่งเจโรมและเจเดนเมื่อเห็นไทเลอร์รุ่นพี่นักแข่งเดินลงสนามก็ตะโกนเชียร์สุดเสียง จนลืมไปเลยว่าตัวเองปากแตกเลือดซิบ “ทำไม มิเรย์กับเทียน่ามันไปซื้อของกินนานจังวะ”ดรีมคิ้วขมวดบ่นพรำพึงขึ้น มือก็หยิบน้ำแข็งใส่แก้วเครื่องดื่ม ปกติไปซื้อเบอร์เกอร์เฉย ๆ ไม่น่าไปนานขนาดนี้ นี่ก็ถึงเวลาแข่งคู่สุดท้ายแล้ว แต่พูดไม่ทันจะขาดคำมิเรย์และเทียน่าก็เปิดประตูเข้ามา “ทำไมไปนานจัง” “เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย โดนหมาบ้าขับรถเฉี่ยว”พูดจบมิเรย์ก็นั่งลงโซฟาหน้าไม่สมอารมณ์ มือเรียวหยิบเบอร์เกอร์ออกมากินด้วยความหิว ตาคู่สวยก็จ้องมองไปกลางสนามแข่ง “หมาขับรถ?” “มิเรย์โดนรถเฉี่ยว ดีหน่อยไม่เป็นไรมาก”เทียน่าเดินไปนั่งลงข้าง ๆ ดรีม แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ดรีมฟัง ส่วนเจเดน เจโรม ก็ใจจดใจจ่ออยู่กับการแข่งขันไม่ต่างกับมิเรย์ “ก็ว่าทำไมถึงไปกันนาน”ดรีมพูดพลางไล่สายตามองตามเนื้อตัวมิเรย์ ใจก็แอบห่วงเพื่อน แต่เมื่อได้ยินเทียน่าบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก เลยไม่ได้ถามอะไรมิเรย์ต่อ เพราะมองมิเรย์ตอนนี้ใจจดจ่อกับการแข่งขัน “เป็นไง ฝีมือรุ่นพี่กู แจ๋วไหม นี่แค่ท่าออกตัวนะ”เจโรมหันไปหามิเรย์พลางยักคิ้ว ริมฝีปากหนาก็ซักถามเพื่อนสาวคนสวยไปด้วย “อือ แจ๋วอย่างที่มึงบอก”มิเรย์ตอบหน้านิ่ง มือเรียวหยิบขนมเข้าปาก โดยที่ตาก็ไม่ละสายตาจากกลางสนามแข่ง “มองแค่นี้ก็รู้ผลแล้วครับ ออกหน้าแซงตั้งหลายวิ” “ระดับพี่ไทเลอร์ชนะขาดอยู่แล้ว” “อย่าเพิ่งพูดไปนี่แค่เริ่มต้น” ทุกสายตาจับจ้องไปกลางสนามแข่งอย่างจดจ่อ จนเวลาผ่านไปสักพักและแล้วผลชนะก็ตามที่คาดไว้ไม่ผิด ไทเลอร์เรซซิ่งเข้าเส้นชัยเป็นคันแรก สมกับที่เจโรมและเจเดนพูดขายของไว้กับมิเรย์จริง ๆ แต่หลังจากจบการแข่งขันกลุ่มมิเรย์ก็พากันเก็บของใส่กระเป๋า และเคลียร์ขยะไปทิ้งลงถังให้เรียบร้อย เตรียมตัวเพื่อจะไปฉลองกันต่อตอนเย็น แต่ทว่า…ระหว่างเดินกลับดวงตาเฉี่ยวคู่สวยของมิเรย์กลับสะดุดตากับรถลัมโบร์กีนีสีสวยที่เฉี่ยวเธอช่วงบ่ายสามจอดอยู่โซนวีไอพี “หึ! รู้จักอีมิเรย์น้อยไปซะแล้ว” ******************** เอาละค้าบแม็กซ์เวลกับมิเรย์ได้เจอกันแล้ว… ฝากพี่ ๆ นักอ่านกดติดตาม กดหัวใจ และคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน๊า 💖 ขอแอบสปอยว่าตอนต่อไปยัยมิเรย์แก้เผ็ชแม็กซ์เวลได้เข้าเส้นเลยงับบ7 ผ่านไป“แม่คะ โตขึ้นมิลินขอเป็นนักแข่งรถเหมือนลุงเก็นได้ไหมคะ”เสียงเด็กหญิงมิลินเอ่ยถามคนแม่อย่างไร้เดียงสา หลังจากที่กลับมาจากโรงเรียนอินเตอร์กับคนเป็นพ่อ ด้านมิเรย์เมื่อได้ยินลูกสาวเอ่ยพูดก็ตกใจไม่น้อย จากนั้นจึงเอ่ยถามมิลินต่อ“พ่อพาไปสนามแข่งรถมาเหรอคะ”มิลินเมื่อได้ยินมิเรย์เอ่ยถามเช่นนั้นจึงตอบไปตรง ๆ “ใช่ค่ะ คุณพ่อพามิลินกับแพนเตอร์แวะไปสนามแข่งรถมา รถซิ่งมากค่ะคุณแม่ แพนเตอร์ก็ชอบ”สิ้นเสียงไร้เดียงสาของสาวน้อยมิลินมิเรย์จึงไม่พูดอะไรต่อ จากนั้นศรีอัมพรจึงเดินมารับมิลินไปเล่นด้วยที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเดินเข้ามาภายในบ้านเห็นมิเรย์ตาแข็งใส่ ก็พอจะเดาได้ว่าลูกสาวตัวแสบน่าเล่าเรื่องที่เขาพาตนกับน้องชายไปสนามแข่งรถมาบ้างแล้ว“คิดถึงแม่จัง กอดหน่อย”“นี่แหน่ แม่บอกพ่อแล้วใช่ไหม ว่าอย่างเพิ่งพาลูกเราไปสนามแข่งรถ ลูกเราอายุยังน้อย”มิเรย์พูดตำหนิแม็กซ์เวล ขณะใบหน้าพริ้มเพราก็หันไปมองลูกสาวที่กำลังนั่งเล่นกับศรีอัมพรในห้องนั่งเล่น“พอดีพ่อรีบเอาของไปให้ไอ้เลอร์และไอ้เก็นมัน ขอโทษน๊า ครั้งหน้าจะไม่ทำอีกแล้วครับ”ไม่เพียงแค่พูดร่างสูงยังกอดอ้อนมิเรย์พร้อมกับหอมแก้มฟอดให
วันเวลาผ่านไปเกือบปีตอนนี้มิเรย์กับแม็กซ์เวลก็ยังใช้ชีวิตคู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยมีแก้วตาดวงใจตัวน้อย ๆ อย่างมิลินอยู่ด้วยไม่ห่างกาย“พ่อ อาบน้ำให้ลูกยัง”เสียงของมิเรย์เอ่ยถามแม็กซ์เวลในขณะที่กายหนาเดินอุ้มมิลินขึ้นมาบนห้องชั้นสอง“อาบแล้วครับแม่ แต่กว่าจะอาบเสร็จก็นานเลย”เนื่องจากมิลินชอบเล่นน้ำ การอาบน้ำเด็กวัยสิบเอ็ดขวบจึงเป็นเรื่องยาก หากไม่ถูกตามใจก็จะงอแง แต่มิเรย์และแม็กซ์เวลก็จะเลี้ยงแบบมีเหตุไม่ตามใจลูกอะไรมาก เว้นแต่หากมิลินอยู่กับย่าและยายก็จะโดนตามใจมากเป็นพิเศษ“แล้วแม่กลับมานานยัง ทานข้าวยังครับ”“ยังเลย ฝากพ่อดูลูกก่อนนะ เดี๋ยวเค้าอาบน้ำแป๊บนึงแล้วจะมาเปลี่ยน อยู่กับพ่อก่อนนะคะเดี๋ยวแม่มาอุ้มนะมิลินคนสวยของแม่”ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นว่ามิเรย์เข้าไปอาบน้ำ จึงพามิลินนั่งเล่นของเล่นต่อในห้อง เหลือบสายตาคมมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะสองทุ่ม จากนั้นแกรก…“แม็กซ์ แม็กซ์ เอามิลินมาให้แม่”“มีอะไรแม่”“เอามา เอามิลินมา มาเลี้ยงเอง”ศรีอัมพรเอ่ยพูดกับลูกชาย ขณะขาก็ก้าวเข้ามาในห้องแล้วหลอกล่อมิลินไปกับเธอ ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นแม่ทำเช่นนั้นก็รู้สึกงงไม่น้อย กระทั่ง..“วันนี้มิลิน
เมื่อมิเรย์เข้าไปในห้องคลอดแม็กซ์เวลก็นั่งเก้าอี้แทบไม่ติด นั่งได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีร่างสูงโปร่งก็ต้องยันตัวลุกเดินไปมาด้วยความตื่นเต้น ขณะใจก็ยังคงห่วงลูกกับมิเรย์ไม่หลุดด้านมิเรย์เมื่อเข้ามาถึงห้องคลอดก็ยิ่งปวดถี่เพิ่มมากขึ้นจนต้องร้องไห้ระบายความเจ็บออกมาโดยไม่อายพี่ ๆ พยาบาลและหมอตาล เมื่อหมอตาลเห็นว่ามิเรย์ปวดมาก จึงประสานงานไปยังวิสัญญีแพทย์มาทำการบล็อกหลังให้มิเรย์คลายความเจ็บปวดเมื่อบล็อคหลังเสร็จเรียบร้อยพยาบาลจึงให้มิเรย์เอาขาขึ้นขาหยั่ง จากนั้นก็ทำการคลุมผ้าปราศจากเชื้อตรงหว่างขามิเรย์อีกคราก่อนจะก้มลงตัดแผลฝีเย็บ จากนั้นหมอตาลก็สั่งให้มิเรย์เบ่ง..“คุณแม่เบ่งค่ะ อื๊ดด~”มิเรย์ออกแรงเร่งสุดกำลังแรง ขณะลมหายใจก็ร้อนพราวหายใจออกมาถี่รัว“เบ่ง อึบ..”“อื๊ด..โอ๊ย หมอตาล”“อีกนิดนึง ๆ”สิ้นเสียงที่หน้าตื่นเต้นของหมอตาล พยาบาลจึงตะโกนขึ้น“คลอดแล้วค่ะ 16:15 น. ทารกเพศหญิง”พูดจบพยาบาลที่พูดขึ้นก็ก้มลงจดอะไรบางอย่างลงไปในเอกสาร ด้านหมอตาลเมื่อมิลินออกมาลืมตาดูโลกแล้วจึงรีบอุ้มมิลินเข้าไปให้มิเรย์ดู แต่ในระหว่างที่มิเรย์ได้เห็นคนแปลกหน้าที่เธออยากเจอน้ำใส ๆ ก็ไหลออกจากตาสองข้างด้วยควา
หลายวันผ่านไปเกือบเหลืออีกเพียงสามสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ ศรีอัมพรเองก็เห่อหลานใช่เล่นกดสั่งของเตรียมคลอดมาไว้เต็มบ้าน ไม่เว้นแม้กระทั่งไซมัสเขมมิกาและเก็นชิ ยอมทิ้งงานเพื่อบินกลับมารอรับขวัญหลานสาวที่ใกล้จะลืมตาดูโลกในอีกเร็ววันด้วยความตื่นเต้นกันถ้วนหน้า“รีบ ๆ เข้ามาจัดเลย ไว ๆ”เสียงของศรีอัมพรออกคำสั่งกับพนักงานราวห้าหกคนเสียงดังให้รีบขนของลงจากรถคันใหญ่เข้าในบ้านหลังโต จนทำให้ร่างบางที่นอนหลับกลางวันสะดุ้งตื่นกับเสียงที่รบกวนมิเรย์เมื่อได้ยินจึงใช้มือขยี้ดวงตาพลางยันตัวค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งงัวเงีย จากนั้นก็ลุกเดินไปแหวกม่านดูว่าเสียงคนกำลังทำอะไร“เฮ่อ ปวดหลังจัง”ร่างบางเอ่ยพูดพร้อมกับใช้มือพยุงท้องโต ๆ ขณะมือที่ว่างอีกข้างก็จับกระดูสันหลังเอนตัวคลายความปวด สักพักก็เดินหมุนตัวกลับมาที่เตียงนอนนุ่มด้านแม็กซ์เวลเมื่อรู้ว่าใกล้กำหนดคลอดของมิเรย์เข้ามาเรื่อย ๆ ก็ไปทำงานแค่เพียงครึ่งวันแล้วกลับบ้าน เนื่องจากกลัวว่ามิเรย์จะคลอดก่อนกำหนด มิเรย์เดินกลับมานั่งที่เตียงไม่นานแม็กซ์เวลก็เปิดประตูห้องเข้ามา“วันนี้แม่อยากให้เธอย้ายลงไปอยู่ชั้นล่าง ท้องโตมากกลัวเดินขึ้นลงลำบาก ไหนจะเท้าบว
“ทำเป็นปากหวานตลอด”ไม่พูดเปล่า มือเรียวบางยังจับคางแม็กซ์เวลส่ายไปมาอย่างหมั่นเขี้ยว ด้านแม็กซ์เวลเมื่อเห็นมิเรย์ทำเช่นนั้นจึงยิ้มหวานพลางเอ่ยถามน้ำเสียงปกติออกไป“จะอาบน้ำตอนไหน อาบน้ำได้แล้วมั้ง”เนื่องจากเข้าสู่เดือนที่แปดท้องมิเรย์โตมากจนไม่สามารถทำความสะอาดตัวได้ทั่วถึง แม็กซ์เวลจึงมีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้เพิ่ม เขินก็เขินแต่จะทำไงได้..“อาบเลยก็ได้จะได้เตรียมตัวลงไปทานข้าวเย็นกัน”เมื่อเห็นพระอาทิตย์ใกล้ตกมิเรย์จึงเอ่ยตอบไปอย่างไม่ขัด พูดจบร่างบางก็ยันตัวลุกขึ้นพร้อมกับพยุงท้องโต ๆ ของเธอเดินเข้าห้องแต่งตัวเพื่อถอดชุดเดรสออก“มานี่เดี๋ยวลองทำนี่ให้ดู ไปอ่านเจอมาเขาบอกจะสบาย”ร่างสูงโปร่งเดินดิ่งมาหาร่างบางที่กำลังจะถอดชุดเดรสลงตะกร้า จากนั้นก็โอบเอวมิเรย์จากด้านหลังแล้วพยุงท้องของเธอขึ้น ทว่าร่างบางกลับตกใจ“จะทำอะไร ทำได้เหรอ”“ทำได้ อยู่เฉย ๆ เขาบอกว่าจะชวนให้หายปวดหลังได้ด้วยนะ”ไม่เพียงแค่พูดแม็กซ์เวลยังวางมือหนาลงเบา ๆ พยุงท้องโต ๆ ของมิเรย์ขึ้นต่อ มิเรย์เมื่อเห็นแบบนั้นก็ไม่ว่าอะไร ขณะดวงตาคู่สวยก็มองว่าแม็กซ์เวลจะทำอะไรต่อแล้วสิ่งที่ทำมันดีจริงไหม ทว่าสิ่งที่แม็กซ์เวลทำมันทำให
ช่วงค่ำของวันของวันหลังจากทั้งคู่เดินลงไปทานข้าวเสร็จ ก็พากันกลับมาห้องนอนมิเรย์เองก็ไม่ลืมที่จะกินยาบำรุงแล้วเดินไปแปรงฟันในห้องน้ำ จากนั้นก็เดินมานั่งลงเตียงนอนนุ่มเตรียมตัวเข้านอน ทว่าก่อนนอนก็ยังคงต้องเปิดเพลงในตัวจิ๋วฟังพร้อมทั้งเปิดไฟฉายส่องกระตุ้นพัฒนาการ“ฉันขอทำนะ เธอทาออยโลชันไปยัง”“ทาแล้ว”พูดจบแม็กซ์เวลก็หยิบไฟฉายมาส่องที่หน้าท้องกลม ๆ ของมิเรย์เพื่อกระตุ้นการมองเห็นของเจ้าจิ๋วในครรภ์ ขณะที่เจ้าจิ๋วที่อยู่ในครรภ์เมื่อโดนไฟฉายส่องก็ดิ้นถีบท้องมิเรย์ใหญ่“แรงดีจริง ๆ เธอจะตั้งชื่อลูกว่าอะไร”“ฉันอยากตั้งชื่อว่ามิลิน นายคิดว่าไง”“มิลิน ที่แปลว่าฉลาด ใช่ไหม”แม็กซ์เวลพูดพร้อมกับแสดงท่าทางใช้ความคิด ขณะมือหนาก็ยังส่องไฟฉายกระตุ้นพัฒนาการต่อ ทางด้านมิเรย์เมื่อได้ยินแม็กซ์เวลพูดเช่นนั้นจึงพูดต่อ“อือหึ นายรู้ความหมายได้ยังไง”“ก็ฉันฉลาดไง”สิ้นเสียงทะเล้นของแม็กซ์เวล มิเรย์จึงเบ๊ปากมองบนขึ้นด้วยความหมั่นไส้กับความมั่นในครั้งนี้ ก็จริงอย่างที่แม็กซ์เวลพูดนั่นแหละ จากนั้นทั้งคู่ก็เล่านิทานให้ลูกน้อยฟัง“สรุปนายโอเคไหม? ที่ฉันจะตั้งชื่อลูกชื่อมิลิน”“โอเคสิ เธอว่าไงฉันก็ว่างั้น”ริมฝี