เข้าสู่ระบบคีรินทร์ อัครเดชกรกุล ประธานหนุ่มวัย 35 ปี เจ้าของบริษัทอัคราดีไซน์ บริษัทออกแบบและผลิตชิ้นงานโฆษณาครบวงจร ซึ่งเธอกำลังฝึกงานอยู่ในขณะนี้ ชายหนุ่มขึ้นชื่อเรื่องความเย็นชา เจ้าระเบียบ และเข้มงวด ชนิดที่ว่าพนักงานทุกคนก็ต่างเกรงกลัว
สถานะนักศึกษาฝึกงานของมาริสา ทำให้เธอไม่เคยพบคีรินทร์โดยตรงมาก่อน แต่เธอจดจำชายหนุ่มได้อย่างแม่นยำจากนิตยสารในคอลัมน์ธุรกิจ มาริสาชื่นชมในความเก่งกาจและเฉลียวฉลาดของเขา และชายหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้านี้คือเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอเลือกมาฝึกงานที่อัคราดีไซน์
มาริสายืนตัวแข็งทื่อ รู้สึกหมดหนทาง พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เธอซุ่มซ่ามวิ่งชนท่านประธานหนุ่ม หนำซ้ำยังรีบวิ่งหนีออกมา หากชายหนุ่มไล่เธอออกไปจากห้องนี้ ชีวิตของเธอคงได้จบสิ้น
คีรินทร์พินิจพิจารณาสาวน้อยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนหยุดนิ่งอยู่ที่ป้ายห้อยคอพนักงานบริษัทอัคราดีไซน์ดวงตาคู่คมมีแววครุ่นคิด
สาวน้อยคนนี้ คนที่โดนใจคีรินทร์เข้าเต็มเปาตั้งแต่แรกพบ เขาสู้อุตส่าห์บอกตัวเองให้ตัดใจ ทว่าตอนนี้เธอกลับเข้ามาอยู่ในห้องนี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เขาก็ยังหาทางออกไม่ได้ ราวกับสวรรค์ต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง พอคิดได้แบบนั้น นัยน์ตาดำขลับก็ฉายแววเจ้าเล่ห์
“มาริสา ฉันจะให้เธอหลบในนี้”
เมื่อได้ยินคำกล่าวของประธานหนุ่ม ใบหน้าสวยที่เคยเศร้าสร้อยก็พลันสดใสขึ้นทันตา
“แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“ได้ค่ะ หนูยินดี ท่านประธานจะให้หนูทำอะไรบอกมาได้เลยค่ะ” นาทีนี้มาริสายอมทำทุกอย่างเพื่อให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของเสี่ยธวัชชัยและแม่เลี้ยง
“เดี๋ยวจะมีแขกอีกคนเข้ามาที่นี่ เธอต้องแกล้งเป็นแฟนฉันระหว่างที่อยู่ในห้องนี้”
“คะ?” คำกล่าวของชายหนุ่มทำเอาดวงตากลมโตเบิกโพลงยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าทำไม่ได้ก็ออกไป”
“เอ่อ หนูขอถามได้ไหมคะ ว่าทำไม”
“ไม่ได้”
“ถ้าท่านประธานไม่บอกอะไรเลย หนูจะแกล้งเป็นแฟนท่านประธานได้ยังไงคะ ยังไงก็ต้องถูกจับได้แน่ ๆ”
“เธอรู้แค่ว่าคนที่จะเข้ามาคือคุณย่าของฉัน ฉันนัดท่านมาพบกับแฟน เวลาฉันพูดอะไรเธอก็แค่เออออตามไป คุณย่าท่านชอบคนสุภาพเรียบร้อยมีมารยาท แค่นั้น ที่เธอจะต้องรู้”
“…” มาริสายืนนิ่งคิดทบทวนสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวมา แม้เธอไม่อยากจะหลอกลวงใคร แต่สถานการณ์แบบนี้ทำให้เธอไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“ถ้าไม่ทำก็ออกไป” ชายหนุ่มกล่าวย้ำเพื่อไล่บี้เธอหนักขึ้น
“ทำค่ะ ทำค่ะ” เมื่ออยู่ในสถานการณ์หลังชนฝาเช่นนี้ เธอจึงตกปากรับคำยอมทำตามข้อเสนอของประธานหนุ่ม มาริสาพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก อย่างน้อยเธอก็รอดพ้นจากแผนการชั่วร้ายของอนงค์นาถและเสี่ยธวัชชัยไปได้
“ถ้าทำพลาดฉันจะหักคะแนนประเมินฝึกงานนะ” กล่าวจบคีรินทร์ก็ยกถ้วยชาขึ้นละเลียดอย่างสบายอารมณ์ ปล่อยให้มาริสายืนอึ้งกับความ
ร้ายกาจของท่านประธานนี่เธอหนีเสือปะจระเข้หรืออย่างไร
ตลอดช่วงเวลาแห่งการรรอคอย มาริสานั่งกุมมือชื้นเหงื่อวางไว้บนตัก เขย่าขายุกยิก พลางลอบมองคีรินทร์ที่นั่งอยู่เคียงข้าง เฝ้ารอเวลาให้คุณหญิงผกายมาศเดินทางมาถึง แม้เธอจะเติมแป้งและลิปสติกไปแล้ว แต่ก็อดประหม่าไม่ได้เพราะชุดนักศึกษาที่เธอสวมใส่ อีกทั้งป้ายห้อยคอแสดงตำแหน่งเด็กฝึกงานที่คีรินทร์บอกว่าไม่ต้องเอาออก ทำให้เธอเผลอจ้องชายหนุ่มด้วยความสงสัย
“มีปัญหาอะไร”
“เอ่อ ชุดนี้กับป้ายพนักงานมันจะดีเหรอคะ คุณหญิงท่านจะ…”
“เธอไม่ต้องกังวลหรอก แผนของฉันก็คือเราจะโกหกให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้คุณย่าจับได้ แต่ฉันว่าความจะแตกก็เพราะเธอตื่นเต้นจนแทบจะนั่งไม่ติดมากกว่ามั้ง” คีรินทร์ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ทว่าก็ไม่ได้ทำให้มาริสาสบายใจขึ้นเลย
จนกระทั่งการรอคอยได้สิ้นสุดลง เมื่อประตูห้องวีไอพีเลื่อนเปิดออกโดยพนักงานต้อนรับ พร้อมหญิงสูงวัยท่านหนึ่งที่ดูน่าเกรงขามก้าวเข้ามาภายในห้อง มาริสาแทบหยุดหายใจ แม้เธอจะเคยเห็นท่านตามหน้าสื่อโซเชียลมีเดีย และหน้าข่าวสังคมต่าง ๆ ทว่าตัวจริงนั้นท่านยังสาวและสวย ดูอ่อนกว่าวัยไปหลายปี อีกทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่ทันสมัย ทำให้มาริสาเผลอมองท่านอยู่แบบนั้น จนลืมทักทายคุณหญิงผกายมาศ อัครเดชกรกุล
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมของคีรินทร์ทำให้หญิงสาวได้สติ มาริสารีบลุกขึ้นยกมือไหว้คุณหญิงผกายมาศอย่างนอบน้อม
“คุณย่าครับ นี่มาริสาแฟนผม”
มาริสาพยายามฉีกยิ้มอย่างสุดกำลัง แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้าก็ไม่ค่อยจะให้ความร่วมมือ จนดูเหมือนเธอแสยะยิ้มเสียมากกว่า
คุณหญิงผกายมาศนั่งลงตรงข้ามคีรินทร์ วางมือประสานกันบนโต๊ะ พลางหรี่ตามองหลานชายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหันมาจับจ้องที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ของแฟนสาวกำมะลอ นัยน์ตาหล่อนเบิกกว้างเมื่อเห็นป้ายพนักงานบริษัทอัคราดีไซน์ และหันขวับไปทางคีรินทร์อีกครั้งหนึ่ง
“หนู มาตรงนี้สิ” คุณหญิงผกายมาศหันมากล่าวกับมาริสาพร้อมผายมือไปทางเก้าอี้ว่างด้านข้างของท่าน มาริสาหันไปมองคีรินทร์เพื่อขอความเห็น ชายหนุ่มพยักหน้าให้เธอเล็กน้อย
หญิงสาวจึงลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเก้าอี้ข้างคุณหญิงผกายมาศ“หันหน้ามาทางนี้สิ” มาริสาหันหน้าไปหาคุณหญิงผกายมาศอย่างว่าง่าย เมื่อได้สบตากับท่าน ทำให้เธอเห็นแววตาอ่อนโยนคู่นั้นที่มองมา หญิงสาวจึงเบาใจขึ้นและคลี่ยิ้มออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
“หนูชื่ออะไรจ๊ะ”
“มาริสาไงครับคุณย่า” ทันทีที่หลานชายพูดแทรกขึ้น คุณหญิงผกายมาศก็หันไปขึงตาดุใส่
“ฉันถามหนูคนนี้ แกเป็นหนูหรือไงถึงมาตอบแทน” คีรินทร์โคลงศีรษะเบา ๆ ก่อนถอนหายใจออกมา ชายหนุ่มได้แต่หวังว่าสาวน้อยคนนี้จะไม่เกิดโป๊ะแตกขึ้นมาเสียก่อน
“หนูชื่อมาริสาค่ะ ชื่อเล่นชื่อเมย์”
“ชื่อก็เพราะ หน้าตาสะสวย ผิวพรรณก็ดี น่าเอ็นดูจริง ๆ” คุณหญิงผกายมาศว่าพลางวางมือที่ปรากฏริ้วรอยแห่งวัยลงบนไหล่บอบบางของเด็กสาว
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณหญิง” มาริสาเอ่ยพร้อมไหว้ขอบคุณ
“ตายแล้วคุณหญิงอะไรกัน เรียกคุณย่าสิลูก”
“ค่ะ...คุณย่า”
“แล้วนี่ไปทำอีท่าไหนถึงมาคบหลานย่าได้ ย่าพาตาคิงไปดูตัวมาไม่รู้ต่อกี่ครั้ง พ่อนี่ก็ทำสาว ๆ หนีเตลิดกันไปหมด พอมาคราวนี้เกิดมาบอกว่ามีแฟนแล้ว ย่าก็นึกว่าโกหก เอ๊ะ หรือว่า”
มาริสาหันขวับไปมองคีรินทร์ด้วยความร้อนตัว แต่ชายหนุ่มก็หาได้รู้สึกรู้สาอะไร เขายังคงทำหน้านิ่ง และโต้ตอบได้อย่างปกติ
“คืองี้ครับคุณย่า เราคบกันแต่ไม่อยากให้ใครรู้ เพราะตอนนี้เมย์เป็นเด็กฝึกงาน จริง ๆ ผมตั้งใจจะบอกคุณย่าหลังเมย์ฝึกงานจบ แต่คุณย่าก็ดันจะหาคนมาให้ผมดูตัวอีกแล้ว ผมก็กลัวเมย์จะเสียใจ”
มาริสาทึ่งในความโกหกได้อย่างน้ำไหลไฟดับของคีรินทร์ มันดูลื่นไหลเสียจนเธอเองยังคล้อยตาม จึงไม่แปลกที่คุณหญิงผกายมาศจะพยักหน้ารับด้วยความเข้าใจเหตุผลของหลานชาย
“เอ่อ แล้ว”
“คุณย่าครับ เรามาทานข้าวกันนะครับ คุณย่าถามเหมือนต้องการจับผิดผมกับเมย์ เดี๋ยวเมย์ก็เสียใจแย่”
“เอ๊ะ ตาคิงย่าก็แค่”
“นั่นสิคะคุณย่า หนูว่าเราทานข้าวกันดีกว่าค่ะ นี่ก็เลยเวลามามากแล้ว”
มาริสารวบรวมความกล้าขึ้นมาเอ่ยห้ามทัพ พร้อมทั้งเบี่ยงเบนความสนใจของคุณหญิง
ผกายมาศด้วยการเชิญชวนทานอาหาร เพื่อให้การสนทนาในหัวข้อนี้จบลง และนั่นก็ได้ผล คุณหญิงผกายกาศหันมายิ้มให้เธอด้วยความเมตตา ก่อนเริ่มลงมือรับประทานอาหารที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะระหว่างรับประทานอาหาร ท่านชวนมาริสาพูดคุยสัพเพเหระ เพื่อต้องการทำความรู้จักเด็กสาวให้มากขึ้น มาริสาสามารถสนทนากับคุณหญิงได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวชีวิตประจำวัน ดินฟ้าอากาศ ข่าวสารบ้านเมือง เธอโต้ตอบได้อย่างฉลาดหลักแหลม ทำเอาคุณหญิงผกายมาศถึงกับเอ่ยปากชม แม้กระทั่งเสือยิ้มยากอย่างคีรินทร์เองยังนั่งมองเธอด้วยความชื่นชมและเผลอยิ้มออกมา
ชายหนุ่มกินมื้อนี้แทบจะนับคำได้ เพราะความน่ารักน่าเอ็นดูที่แสนเป็นธรรมชาติของคนตรงหน้าดึงดูดเขาไว้จนไม่อาจละสายตาได้เลย
ช่วงเวลาดินเนอร์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว คุณหญิงผกายมาศอดเสียดายไม่ได้ที่ต้องรีบกลับเนื่องจากมีนัดหมายสำคัญ หลังจากท่านเดินออกไปจากห้องวีไอพี มาริสาก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด
คีรินทร์ยื่นกระดาษแผ่นบางมาวางตรงหน้าหญิงสาว เธอเลิกคิ้วพลางมองด้วยความสงสัย
มาริสายื่นหน้าเข้าไปใกล้ พบว่ากระดาษแผ่นนั้นคือเช็คเงินสดมูลค่าหนึ่งหมื่นบาท“อะไรคะท่านประธาน”
“ค่าจ้าง”
มาริสาได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าพร้อมยกมือขึ้นโบกไปมาปฏิเสธเป็นการใหญ่
“หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ท่านประธานอุตส่าห์ช่วยหนูไว้ ไม่งั้นหนูคงแย่แน่ ๆ หนูช่วยท่านประธานเป็นการตอบแทน ถือว่าเราหายกันนะคะ”
มาริสาส่งยิ้มสดใสไปถึงนัยน์ตาให้กับคีรินทร์ ทว่าชายหนุ่มกลับขมวดคิ้วย่น เพราะนี่คือเช็คที่เขาเขียนไว้ให้กับนางแบบที่ณัฐดนัยติดต่อเอาไว้ ทว่าหล่อนเกิดท้องเสียกะทันหันจึงมาไม่ได้ ทำเอาแผนเขาเกือบล้มไม่เป็นท่า สุดท้ายก็ได้สาวน้อยตรงหน้ามาช่วยกู้สถานการณ์ แต่เธอกลับไม่รับค่าจ้างเสียอย่างนั้น หากเป็นคนอื่นคงรีบตะครุบเงินหมื่นบนโต๊ะไปแล้ว ทว่าไม่ใช่กับเธอคนนี้
“งั้นหนูขอตัวกลับก่อนนะคะท่านประธาน”
มาริสาลุกขึ้น ก่อนยกมือไหว้ลาประธานหนุ่ม คีรินทร์พยักหน้าเล็กน้อย และมองหญิงสาวเดินออกจากห้องไป
เวลาผ่านไปหลายนาที ชายหนุ่มยังคงนั่งครุ่นคิดท่ามกลางความเงียบ พลางมองเช็คเงินสดที่วางอยู่ตำแหน่งเดิม เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากดโทรออก
“ณัฐ สืบข้อมูลพนักงานคนหนึ่งให้หน่อย ขอด่วนที่สุด”
“เด็กฝึกงาน ชื่อ มาริสา ประกายพฤกษ์”
มาริสา บัณฑิตสาวป้ายแดงที่เพิ่งผ่านพ้นงานรับปริญญาไปหมาด ๆ ก็ต้องมาหัวหมุนกับการเตรียมงานแต่งที่กำลังจะมีขึ้นในเดือนหน้าเดิมทีคุณหญิงผกายมาศหาฤกษ์ยามไว้ให้ได้ปลายปีหน้า ทว่าหลานชายตัวดีเกิดเสกเด็กเข้าท้องว่าที่หลานสะใภ้เสียก่อน จึงต้องรีบเร่งจัดงานวิวาห์กันอย่างเร่งด่วน ทำเอาคุณหญิงผกายมาศโกรธจัดจนไล่หลานชายสุดที่รักไปอยู่เพนท์เฮ้าส์เสียหลายวันเป็นการลงโทษ สุดท้ายท่านก็ทนสงสารหลานสะใภ้ไม่ไหว ยอมให้คีรินทร์กลับมาอยู่บ้าน เพราะมาริสาแพ้ท้องหนักมาก ข้าวปลาแทบทานไม่ได้ อารมณ์อ่อนไหว พร่ำบ่นคิดถึงพ่อของลูกในท้องเกือบทุกวันเมื่อได้ไฟเขียวจากผู้เป็นย่า คีรินทร์ก็ทิ้งงานที่บริษัทรีบตรงมาคฤหาสน์อัครเดชกรกุลทันทีที่ชายหนุ่มเข้าไปถึงห้องนอนของคนรัก เห็นร่างบอบบางนอนหลับสนิท ใบหน้าซีดเซียวแทบไร้สีเลือด ทั้งยังซูบผอมลงอย่างชัดเจน ทำให้เขาสงสารเธอจับใจ ข้อนิ้วเรียวลูบไล้แก้มนวลแผ่วเบา ก่อนที่เธอจะลืมตาขึ้น“อืม อ้าวพี่คิง มาได้ไงคะ”“คุณย่าโทรตามพี่ก็รีบมาเลย เมย์เป็นยังไงบ้าง กินอะไรไม่ได้เลยเหรอ”“มันเหม็นไปหมดค่ะ กินไม่ลงเลย เอ๊ะ กลิ่นอะไรคะ”ร่างเล็กพยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีคีรินทร์ช่วยประคอง จ
หลังอาหารมื้อค่ำในคืนนั้น คุณหญิงผกายมาศเรียกมาริสาเข้าไปพบในห้องนอน พร้อมขอยึดโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้ ก่อนให้เครื่องใหม่แก่เธอสำหรับใช้ชั่วคราว เพื่อไม่ให้คีรินทร์สามารถติดต่อมาริสาได้ หญิงสาวก็ยอมทำตามแต่โดยดีเมื่อดูแลปรนนิบัติคุณหญิงผกายมาศเรียบร้อยแล้ว มาริสาก็กลับมายังห้องนอนของตนเอง ทันทีที่หัวถึงหมอน เธอก็เข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็วด้วยความเหนื่อยล้าเมื่อถึงเช้าวันใหม่ มาริสารีบตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เพื่อจะได้ไปปรนนิบัติคุณหญิงผกายมาศ หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อย เธอก็เข้าไปหาท่านที่ห้องนอน ทว่ากลับพบเพียงความว่างเปล่า จึงเดินลงมาชั้นล่างเพื่อถามเด็กรับใช้คนสนิทของท่าน ยังไม่ทันที่เธอจะเหยียบย่างลงไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย ก็ได้ยินเสียงหัวร่อต่อกระซิกดังครื้นเครงมาจากห้องนั่งเล่นเมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปถึง ก็เห็นคุณหญิงหญิงผกายมาศกำลังนำคุกกี้ที่เพิ่งอบเสร็จใหม่ ๆ จัดใส่โหลแก้วทรงสูง โดยมีเด็กรับใช้คนสนิทคอยเป็นลูกมือช่วยหยิบจับอยู่ไม่ห่าง“อ้าว หนูเมย์ มอร์นิ่งค่ะลูก ไปทานข้าวเช้ากันลูก” คุณหญิงผกายมาศลุกขึ้นเดินมาหามาริสาด้วยความกระฉับกระเฉง ไม่เหมือนคนที่เป็นลมจนล้มห
หลังจากคีรินทร์แสดงความรักให้เธอด้วยการปรนเปรอกามารมณ์ถึงสองวันติดกัน ทำให้มาริสานอนหลับสลบไสลไม่ได้สติยาวไปจนถึงเที่ยงของอีกวัน ทว่าโชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุด เธอจึงไม่ต้องฝืนสังขารตื่นไปเรียนแต่เช้าตรู่ร่างบางนอนคุดคู้อยู่ภายใต้ผ้านวมหนานุ่ม รู้สึกตัวขึ้นจากเสียงประตูห้องนอนที่เปิดออก พร้อมกลิ่นอาหารหอมกรุ่น คนขี้เซาถึงกับลืมตาแป๋วพร้อมบิดขี้เกียจลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง“หอมจังเลยค่ะ”ท่านประธานหนุ่มเข้ามาในชุดเสื้อยืดสีขาวกางเกงผ้าขายาว ทรงผมยุ่งเหยิงที่ดูเปียกหมาด ๆ ทำให้เขาดูเด็กลงไปหลายปี ในมือของคีรินทร์มีถาดอาหารส่งกลิ่นหอมไปทั่วทั้งห้อง มาริสามองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจฟูฟ่อง เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาคือคนรักของเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นราวกับความฝัน“มองแบบนี้อยากกินอาหาร หรือกินพี่ครับ” คีรินทร์เอ่ยแซวขณะที่วางถาดอาหารลงบนที่นอน ก่อนเข้าไปนั่งเบียดคนตัวเล็ก“ก็ต้องกินอาหารสิคะ กินพี่คิงนอกจากไม่อิ่มแล้วยังเหนื่อยสายตัวแทบขาด รู้ไหมคะตั้งแต่เกิดมาเมย์ไม่เคยตื่นสายขนาดนี้เลย”“สำหรับพี่ไม่ต้องกินข้าวก็ได้ ขอกินเมย์ดีกว่า กินเท่าไหร่ก็ไม่พอ” เขาก้มลงซุกซอกคอเรียว อ้าปากง
“เมย์ ฟังพี่นะครับ” ชายหนุ่มคลายอ้อมแขนออก และจับไหล่บางสองข้าง นัยน์ตาคู่คมฉายแววจริงจังจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่หวานอันแดงก่ำ “เมย์กำลังเข้าใจผิด ฟังพี่ก่อนได้ไหมครับคนดี หืม” มาริสาร้องไห้จนหมดแรง เธอไม่เหลือแม้เรี่ยวแรงจะกล่าวตอบ จึงทำได้เพียงพยักหน้ารับ “สิ่งที่เมย์เห็น มันไม่ใช่แบบที่เมย์กำลังคิดนะ พี่ไปร้านเพชรของรุ่นน้องที่สนิทกัน เพื่อรับของที่พี่สั่งทำ” คีรินทร์ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินขนาดกะทัดรัดขึ้นมา มันเปียกชุ่มไปด้วยน้ำจนเขาต้องสลัดไปมาก่อนเปิดออก “...” มาริสานิ่งไป เธอมองกล่องสี่เหลี่ยมในมือของชายหนุ่มที่เปิดอ้าออก เผยให้เห็นแหวนเพชรเม็ดงาม หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมคร้ามอย่างตั้งคำถาม เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มกล่าวมันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด “พี่ตั้งใจจะใช้แหวนวงนี้ขอคนที่พี่รักเป็นแฟน” มาริสาเบือนหน้าไปอีกทาง เพราะไม่อาจทนมองแหวนวงสวยที่คีรินทร์หมายมั่นจะมอบให้แก่คนที่เขารัก “เมย์ครับ พี่ตั้งใจจะให้แหวนวงนี้กับเมย์” ดวงหน้าสวยหันกลับมาทันทีพร้อมนัยน์ตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เธอแทบจะไม่
พอใกล้เที่ยง มาริสาก็ออกจากเพนท์เฮ้าส์หรูมุ่งหน้าสู่มหาวิทยาลัยโดยใช้บริการรถไฟฟ้า ระหว่างทางเธอได้รับข้อความจากกิ่งกาญจน์ว่าอาจารย์ประสบอุบัติเหตุ ทำให้ต้องยกเลิกคลาสกะทันหัน สองสาวจึงนัดไปเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่กี่นาที ซึ่งอยู่ใกล้กับบริษัทของคีรินทร์มาริสานั่งรอกิ่งกาญจน์ที่ศูนย์อาหาร สั่งเครื่องดื่มมานั่งดื่มรอฆ่าเวลา พลางเช็กข้อความในโทรศัพท์มือถือ หวังว่าจะมีข้อความจากคนที่คิดถึงทุกลมหายใจส่งเข้ามา ทว่าก็ว่างเปล่า เธอส่งข้อความไปหาคีรินทร์ตั้งแต่ก่อนออกจากเพนท์เฮ้าส์ กระทั่งตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังไม่เปิดอ่าน มาริสานึกงอนว่าป่านนี้เขาคงก้มหน้าก้มตาทำงานจนลืมเวลา ไม่ยอมกินข้าวกินปลาให้ตรงเวลาอีกเช่นเคย“โอ๊ยแกข้างนอกร้อนมาก นึกว่าอยู่ในกระทะทองแดง” กิ่งกาญจน์ทรุดลงนั่งตรงข้ามมาริสา พร้อมคว้าแก้วกาแฟของเธอขึ้นไปดูดอย่างกระหาย “ยิ้มหน้าบานอะไร”“เปล๊า!!!”“ไม่เนียน เล่ามาเลย”“คือ เมย์คิดว่า...วันที่ครบสัญญากับคุณคิง...” เสียงหวานเงียบไป ทำให้เพื่อนสาวต้องยื่นหน้าเข้ามาใกล้ รอฟังอย่างตั้งใจ “เมย์จะ...สารภาพรัก”“มันต้องอย่างนี้ ฉันเห็นด้วยนะ ท่าทางคุณคิงเขาก็ดูมีใจ”
“ขึ้นห้องกัน จะได้ต่อ”เมื่อความข้องใจของมาริสาถูกไขให้กระจ่าง ร่างบางก็ลอยหวือขึ้นมาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง โดยชุดคลุมสีขาวตัวยาวของเธอถูกทิ้งไว้บนโซฟาหนังกลางห้องนั่งเล่นคีรินทร์อุ้มมาริสาขึ้นมาบนห้องนอนชั้นสอง เขาวางเธอลงบนเตียงนอนขนาดคิงไซต์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ก่อนเดินไปยังโต๊ะข้างหัวเตียง เปิดลิ้นชักหยิบบางสิ่งออกมาโยนไว้บนที่นอน มาริสาหันไปมองตาม เธอก็เห็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกะทัดรัดที่เธอคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นสินค้าขายดีอันดับต้น ๆ ในร้านสะดวกซื้อใกล้มหาวิทยาลัยที่เธอไปทำงานพาร์ตไทม์มาริสาหันกลับมามองคีรินทร์ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ชายหนุ่มเดินกลับมายังปลายเตียง สลัดชุดคลุมตัวยาวทิ้งลงบนพื้น ก่อนคืบคลานขึ้นมาบนเตียงด้วยกายเปลือยเปล่า“อย่ามองพี่แบบนั้น พี่บอกแล้วว่าไม่เคยพาใครมาที่นี่จริง ๆ คอนดอมนั่นไอ้เลขาตัวดีมันรู้มากเตรียมไว้ให้ และพี่ก็ไม่เคยใช้มันเลย”“เมย์ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ เมย์ก็แค่มอง...”คำพูดของเธอถูกกลืนหายไป เมื่อเขาบดเบียดริมฝีปากร้อนลงมา ฝ่ามือหนาลูบไล้เรียวแขนเนียนนุ่ม เขาจับมือเล็กขึ้นมาสัมผัสความเป็นชายที่ผงาดตื่นตัวเต็มที่ คีริ







