หลายวันผ่านไป เข้มยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อรับฟังปัญหาและความต้องการของชาวบ้าน เขาเริ่มคุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมด้วยน้ำใจของคนที่นี่ และเริ่มรู้สึกผูกพันกับหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
พราวยังคงเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเขา เธอไม่เพียงแต่พาเขาไปในทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้าน แต่ยังช่วยประสานงานกับชาวบ้านและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ความใกล้ชิดทำให้ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันอย่างเปิดใจมากขึ้น แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและมุมมองในเรื่องต่างๆ “ท่านปลัดทำงานหนักแบบนี้ พักผ่อนบ้างนะคะ เดี๋ยวจะไม่สบาย” พราวเอ่ยด้วยความเป็นห่วงขณะที่เห็นเข้มนั่งทำงานเอกสารจนดึกดื่นที่ศาลาประชาคม “ขอบคุณครับคุณพราว ผมอยากจะเร่งสรุปข้อมูลให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะได้เริ่มวางแผนช่วยเหลือชาวบ้านได้” เข้มตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า “ถ้ามีอะไรให้พราวช่วย บอกได้เลยนะคะ พอยกเอกสาร หรือช่วยประสานงานเล็กๆ น้อยๆ ได้ค่ะ” พราวเสนอตัวด้วยความเต็มใจ “ขอบคุณมากครับคุณพราว น้ำใจของคุณทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นมากเลย” เข้มกล่าวด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง สายตาของทั้งสองสบกันอีกครั้ง คราวนี้มีความรู้สึกอบอุ่นและเข้าใจกันมากขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ของเข้มและพราวกำลังพัฒนาไปในทิศทางที่ดี โรสกลับรู้สึกร้อนรุ่มในใจมากขึ้นเรื่อยๆ เธอสังเกตเห็นสายตาที่เข้มมองพราว และท่าทีที่ทั้งสองปฏิบัติต่อกัน มันไม่ใช่แค่ความร่วมมือในการทำงาน แต่มันมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างแฝงอยู่ โรสเริ่มวางแผนที่จะดึงความสนใจของเข้มกลับมา เธอพยายามเข้ามาใกล้ชิดเขามากขึ้นกว่าเดิม หาโอกาสพูดคุย ชวนไปเที่ยว หรือแม้กระทั่งเสนองานอดิเรกที่เธอคิดว่าเข้มจะสนใจ “ท่านปลัดคะ เสาร์อาทิตย์นี้ว่างไหมคะ? ที่บ้านโรสจัดงานเลี้ยงเล็กๆ มีเพื่อนๆ มาสังสรรค์กัน สนุกสนานดีค่ะ เผื่อท่านปลัดจะสนใจไปร่วมด้วย” โรสเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “ขอบคุณครับคุณโรส แต่เสาร์อาทิตย์นี้ผมมีนัดกับผู้ใหญ่บ้านเรื่องโครงการขุดลอกคลอง อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่” เข้มตอบอย่างสุภาพแต่ก็ปฏิเสธอย่างชัดเจน โรสรู้สึกผิดหวังอย่างมากที่แผนของเธอไม่สำเร็จ เธอเริ่มมองพราวด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรมากขึ้น ความอิจฉาริษยาเริ่มกัดกินหัวใจของเธอ วันหนึ่ง ขณะที่เข้มและพราวกำลังเดินสำรวจพื้นที่ที่จะสร้างฝายกั้นน้ำ พวกเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากกระท่อมหลังเล็กๆ กลางทุ่งนา ทั้งสองรีบเดินเข้าไปดูก็พบว่ามีหญิงชราคนหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างเตียงที่มีชายชรานอนป่วยอยู่ “เกิดอะไรขึ้นครับคุณยาย?” เข้มถามด้วยความเป็นห่วง “คุณตาไม่สบายมาหลายวันแล้วค่ะ ไม่มีเงินพาไปหาหมอ” หญิงชราร้องไห้สะอึกสะอื้น เข้มและพราวรู้สึกสงสารคุณตาคุณยายเป็นอย่างมาก เข้มรีบให้พราวไปตามผู้ใหญ่บ้านมาช่วยเหลือเบื้องต้น และอาสาที่จะพาคุณตาไปโรงพยาบาลในตัวอำเภอด้วยรถกระบะของเขา พราวช่วยดูแลคุณยายอย่างใกล้ชิด ปลอบโยนและให้กำลังใจ จนกระทั่งเข้มกลับมาจากโรงพยาบาลพร้อมกับข่าวดีว่าคุณตาอาการดีขึ้นแล้ว “ขอบคุณท่านปลัดและคุณพราวมากนะคะ ถ้าไม่ได้พวกคุณ ป่านนี้คุณตาจะเป็นยังไงก็ไม่รู้” คุณยายกล่าวด้วยน้ำตาคลอเบ้า “พวกเรายินดีช่วยเหลือครับคุณยาย ขอให้คุณตาหายป่วยไวๆ นะครับ” เข้มกล่าวด้วยความจริงใจ เหตุการณ์นี้ยิ่งทำให้พราวรู้สึกชื่นชมในน้ำใจและความเมตตาของเข้มมากขึ้น เธอเห็นว่าเข้มไม่ได้เป็นเพียงข้าราชการที่มาทำงานตามหน้าที่ แต่เขามีจิตใจที่งดงามและพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง โรสที่รู้ข่าวเรื่องนี้จากชาวบ้าน ก็รู้สึกไม่พอใจที่เข้มได้รับความชื่นชมจากชาวบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ เธอพยายามหาทางที่จะทำให้เข้มมองเห็นด้านไม่ดีของพราวบ้าง “ท่านปลัดคะ ระวังยัยพราวไว้หน่อยนะคะ เห็นซื่อๆ แบบนั้นอาจจะมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้ ใครๆ ก็รู้ว่าบ้านกำนันน่ะ…” โรสพยายามใส่ร้ายพราว แต่ยังไม่ทันพูดจบ เข้มก็ขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณโรสครับ ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นและสัมผัสได้ คุณพราวเป็นคนดีและมีความจริงใจ ผมไม่อยากให้คุณพูดถึงเธอในแง่ไม่ดีแบบนี้อีก” คำพูดของเข้มทำให้โรสถึงกับพูดไม่ออก เธอไม่เคยเห็นเข้มแสดงท่าทีแข็งกร้าวแบบนี้มาก่อน และเป้าหมายของเขาก็ชัดเจนว่าเขากำลังปกป้องพราว ความอิจฉาริษยาในใจของโรสทวีความรุนแรงขึ้น เธอเริ่มคิดหาวิธีการที่ร้ายกาจกว่าเดิม เพื่อที่จะกำจัดพราวให้พ้นทาง และคว้าหัวใจของปลัดหนุ่มมาครองให้ได้... ความรักและความเมตตาที่เข้มและพราวมีให้กัน กำลังผลิบานท่ามกลางความงดงามของชนบท แต่ในเงามืดก็มีความอิจฉาและความริษยาที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างน่าหวาดหวั่น...หลายเดือนผ่านไป ชีวิตคู่ของแม็กซ์และมินตราดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีความสุข พวกเขาปรับตัวเข้าหากันและเติมเต็มซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน บ้านของแม็กซ์อบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและความรักของทั้งสองคนมินตรายังคงเป็นแม่ค้าส้มตำรสเด็ดขวัญใจชาวตลาด แต่ก็มีแม็กซ์คอยเป็นกำลังใจและช่วยเหลืออยู่เสมอ ในขณะที่แม็กซ์ก็ยังคงทุ่มเทให้กับการเป็นตำรวจที่ดี ดูแลความสงบสุขของอำเภอเล็กๆ แห่งนี้ โดยมีมินตราเป็นคู่คิดและที่ปรึกษาคนสำคัญความผูกพันของทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะให้อภัยและเข้าใจในข้อบกพร่องของกันและกัน ความรักของพวกเขาไม่ใช่แค่ความรู้สึกหวานชื่นในตอนแรก แต่เป็นความรักที่เติบโตและหยั่งรากลึกตามกาลเวลาวันหนึ่ง แม็กซ์และมินตราพากันไปเยี่ยมเข้มและพราวที่บ้าน ทั้งสี่คนนั่งคุยกันอย่างอบอุ่นถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต“เมื่อไหร่จะมีหลานให้พวกเราอุ้มเสียทีล่ะน้องแม็กซ์ น้องมิน” พราวเอ่ยแซวด้วยรอยยิ้มแม็กซ์และมินตรามองหน้ากันด้วยรอยยิ้มเขินอาย “พวกเราก็กำลังคิดๆ อยู่เหมือนกันครับพี่พราว” แม็กซ์ตอบ“ถ้ามีหลานเมื่อไหร่ บอกพวกเราคนแรกเลยนะ พวกเราจะช่วยเลี้ยงอย่างดี” เข้มกล่าวเสริมบรรยาก
หลังจากพิธีหมั้นที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรัก แม็กซ์และมินตราก็เริ่มวางแผนสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่ พวกเขาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ในบ้านของแม็กซ์ ซึ่งเข้มและพราวก็ยินดีต้อนรับมินตราเข้าสู่ครอบครัวด้วยความอบอุ่นมินตรายังคงเปิดร้านส้มตำรสเด็ดของเธอที่ตลาด ซึ่งก็ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างเหนียวแน่น แม็กซ์มักจะแวะเวียนมาช่วยเธอที่ร้านในช่วงพักเที่ยง หรือหลังเลิกงาน ทำให้บรรยากาศที่ร้านเต็มไปด้วยความสุขและความหวานชื่นชาวบ้านในตลาดต่างก็เอ็นดูและชื่นชมคู่รักตำรวจหนุ่มและแม่ค้าส้มตำสาว พวกเขามองเห็นความรักและความจริงใจที่ทั้งสองมีให้กัน และต่างก็อวยพรให้ชีวิตคู่ของทั้งสองมีความสุขตลอดไปแม็กซ์ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะดูแลความสงบสุขและความปลอดภัยให้กับชุมชน เขามักจะได้รับคำแนะนำและความคิดเห็นดีๆ จากมินตรา ซึ่งเป็นคนท้องถิ่นและเข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นอย่างดีความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นทุกวัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันในทุกๆ ด้าน แม้ว่าจะมีเรื่องให้ขัดแย้งกันบ้างในบางครั้ง แต่ทั้งสองก็สามารถปรับความเข
หลังจากเหตุการณ์เลวร้ายที่กระท่อมร้าง แม็กซ์ดูแลและเอาใจใส่มินตราอย่างใกล้ชิด ความรักและความห่วงใยของเขาเป็นเหมือนยาที่ช่วยเยียวยาจิตใจที่บอบช้ำของเธอ มินตราค่อยๆ กลับมาสดใสและเข้มแข็งขึ้นได้อีกครั้งแม็กซ์ตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้ความหวาดกลัวมาครอบงำชีวิตของพวกเขาอีกต่อไป เขาพามินตราไปพักผ่อนในสถานที่ที่สวยงามและเงียบสงบ เพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายและลืมเรื่องราวที่น่ากลัวเหล่านั้นทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เดินเล่นริมทะเล ชมพระอาทิตย์ตกดิน และพูดคุยถึงอนาคตที่สดใสที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน“แม็กซ์… ขอบคุณนะคะสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคง…” มินตราเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ยังคงมีความเศร้าซ่อนอยู่แม็กซ์กุมมือมินตราไว้แน่น “ไม่ต้องคิดถึงเรื่องนั้นอีกแล้วนะครับ ผมจะดูแลคุณตลอดไป”“ฉันรักคุณนะคะ” มินตรากล่าวด้วยความรู้สึกที่เต็มเปี่ยม“ผมก็รักคุณครับ มินตรา” แม็กซ์ตอบพร้อมกับจูบเธออย่างอ่อนโยนเมื่อกลับมาที่อำเภอเล็กๆ แห่งเดิม แม็กซ์ตัดสินใจที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับมินตราอย่างเป็นทางการ เขาอยากจะสร้างความมั่นคงและความสุขให้กับเธอวันหนึ่ง แม็กซ์พาพราวและเข้มมาที่ร้านส้มตำของมิน
ภาพที่มุขกำลังจี้มีดมินตราไว้ ทำให้แม็กซ์หัวใจแทบหยุดเต้น ความโกรธและความเป็นห่วงถาโถมเข้ามาในใจ เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยมินตราให้ปลอดภัย“มุข ปล่อยมินเถอะ เรื่องทั้งหมดมันจบไปแล้ว” แม็กซ์พยายามเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นแต่ยังคงมีความอดทน“ไม่จบ! ตราบใดที่ยัยนี่อยู่ข้างแก ความแค้นของฉันก็ไม่มีวันจบ!” มุขตวาดเสียงดัง มือที่ถือมีดสั่นเทิ้มจ่ออยู่ที่คอของมินตรามินตราพยายามควบคุมความกลัว จ้องมองแม็กซ์ด้วยแววตาที่สื่อถึงความเชื่อมั่นในตัวเขา“แม็กซ์…” มินตราเอ่ยเสียงแผ่วเบา“ไม่ต้องกลัวนะมิน ผมจะช่วยคุณเอง” แม็กซ์ตอบกลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความมั่นใจแม็กซ์ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มุขอย่างช้าๆ พยายามหาจังหวะที่จะเข้าชาร์จโดยไม่ให้มินตราได้รับอันตราย ตำรวจที่มาด้วยกันก็เตรียมพร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือเมื่อได้รับสัญญาณ“มุข ผมขอร้อง ปล่อยมินเถอะ แล้วผมจะช่วยคุณเอง” แม็กซ์ยังคงพยายามพูดเกลี้ยกล่อม“แกมันโกหก! แกมันรักแต่ยัยนี่!” มุขตะโกนด้วยความคลุ้มคลั่งมากขึ้น เธอออกแรงกดมีดลงบนคอของมินตราเล็กน้อย ทำให้มินตรานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีนั้นเอง แม็กซ์ตัดสินใจเข้าชา
หลังจากเหตุการณ์ที่สมุนของมุขเข้ามาข่มขู่มินตรา แม็กซ์ก็ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังในการดูแลเธอมากขึ้น เขาไม่ยอมให้มินตราคลาดสายตา และพยายามที่จะสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของมุขในเรือนจำแม็กซ์ได้รับข่าวกรองจากเพื่อนตำรวจว่ามุขกำลังวางแผนที่จะหลบหนี โดยมีสมุนภายนอกให้ความช่วยเหลือ แผนการนั้นซับซ้อนและอันตราย ทำให้แม็กซ์รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก“มิน… ผมว่าช่วงนี้คุณอย่าเพิ่งกลับบ้านคนเดียวเลยนะครับ มาพักที่บ้านผมก่อนดีกว่า” แม็กซ์เสนอด้วยความเป็นห่วงมินตราลังเลเล็กน้อย “แต่ว่า…”“ผมไม่อยากให้คุณต้องตกอยู่ในอันตรายอีกแล้วนะครับ ผมจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ” แม็กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมินตรายอมพยักหน้า เธอรู้ว่าแม็กซ์หวังดีและต้องการปกป้องเธอ “ขอบคุณนะคะแม็กซ์”ทั้งสองคนไปพักที่บ้านของแม็กซ์ชั่วคราว เข้มและพราวเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมดก็รู้สึกเป็นห่วงน้องชายและมินตรามาก พวกเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือและให้กำลังใจอย่างเต็มที่ในขณะที่แม็กซ์กำลังวางแผนรับมือกับการหลบหนีของมุข มุขและสมุนก็ดำเนินการตามแผนอย่างลับๆ พวกเขาสามารถหาช่องทางหลบหนีออกจากเรือนจำได้สำเร็จในช่
ความสุขและความรักที่แม็กซ์และมินตรามีให้กันนั้นเบ่งบานขึ้นทุกวัน พวกเขาเริ่มวางแผนถึงอนาคตที่สดใสร่วมกัน แม็กซ์ตั้งใจที่จะขอหมั้นมินตราในเร็ววัน และเริ่มต้นชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้แต่ความสุขนั้นก็ดูเหมือนจะอยู่บนความไม่แน่นอน แม็กซ์ยังคงรู้สึกถึงลางร้ายบางอย่างที่คืบคลานเข้ามา เขามักจะฝันร้ายถึงเหตุการณ์ที่มุขทำร้ายมินตรา และความกังวลในใจก็ไม่เคยจางหายไปแม็กซ์เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยของมินตรามากขึ้น เขาขอให้เพื่อนตำรวจช่วยกันสอดส่องดูแลบริเวณร้านส้มตำและบ้านของมินตราอย่างใกล้ชิด และเขามักจะไปรับไปส่งมินตราด้วยตัวเองเสมอ“มิน… ช่วงนี้คุณต้องระวังตัวให้มากขึ้นนะครับ ผมยังไม่ไว้ใจมุข” แม็กซ์กำชับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขณะที่เขาส่งมินตราที่หน้าบ้านมินตราเข้าใจความหวังดีของแม็กซ์ เธอกอดเขาแน่น “ฉันจะระวังตัวค่ะแม็กซ์ ฉันเชื่อมั่นว่าคุณจะปกป้องฉันได้”ในขณะเดียวกัน มุขที่อยู่ในเรือนจำก็ยังคงติดต่อกับสมุนภายนอกอย่างลับๆ เธอวางแผนที่จะหลบหนีและกลับมาแก้แค้นแม็กซ์และมินตราให้สาสม เธอเชื่อว่าความรักของทั้งสองคนเป็นสิ่งที่เปราะบางและสามารถทำลายได้สมุนของมุขเริ่มเ
หลังจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่มุขก่อขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราก็ยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ความรักและความเข้าใจที่มีให้กันนั้นเติบโตขึ้นทุกวัน แม็กซ์ยังคงดูแลและปกป้องมินตราอย่างใกล้ชิด ทำให้มินตรารู้สึกปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้นทั้งคู่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเคียงข้างกันที่ร้านส้มตำ การออกไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุด หรือแม้แต่การใช้เวลาเงียบๆ อยู่ด้วยกันที่บ้าน ความรักของพวกเขาเรียบง่ายแต่ก็เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความผูกพันแม็กซ์เริ่มคิดถึงอนาคตที่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับมินตราอย่างจริงจัง เขาอยากจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขกับเธอที่อำเภอเล็กๆ แห่งนี้วันหนึ่ง ขณะที่แม็กซ์และมินตรานั่งทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านริมน้ำ แม็กซ์ก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง“มิน… ผมรักคุณมากนะ”มินตรายิ้มให้แม็กซ์ด้วยความรัก “ฉันก็รักคุณค่ะแม็กซ์”“ผมอยากจะดูแลคุณไปตลอดชีวิต อยากจะสร้างบ้านและมีครอบครัวกับคุณที่นี่” แม็กซ์กล่าวต่อด้วยความตั้งใจมินตรามองหน้าแม็กซ์ด้วยความรู้สึกตื้นตัน เธอไม่เคยคิดว่าความรักของเธอกับแม็กซ์จะพัฒนามาถึงจุดนี้ “ฉันก็อยากใช้ชีวิตอยู่กับคุณตลอดไปค่ะ
เหตุการณ์ที่มุขพยายามทำร้ายมินตรา สร้างความตกใจและความหวาดกลัวให้กับมินตราเป็นอย่างมาก แม้ว่าเธอจะปลอดภัยดี แต่ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในความคิด ทำให้เธอหวาดระแวงและไม่กล้าที่จะกลับบ้านคนเดียวแม็กซ์รู้สึกผิดและเป็นห่วงมินตรามาก เขาโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้ดีพอ เขาตัดสินใจที่จะดูแลและอยู่เคียงข้างมินตราอย่างใกล้ชิดในช่วงนี้“มิน… ต่อไปนี้ผมจะไปส่งคุณที่บ้านทุกวันนะครับ ผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” แม็กซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยมินตราพยักหน้าเบาๆ เธอรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นเมื่อมีแม็กซ์อยู่เคียงข้าง “ขอบคุณนะคะแม็กซ์”ขามเองก็รู้สึกเสียใจและเป็นห่วงมินตราไม่น้อย เขารู้สึกผิดที่ตามไปดูแลเธอได้ไม่ทันท่วงที“มิน… ฉันขอโทษนะที่ดูแลแกไม่ดีพอ” ขามเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกไอ้ขาม แกช่วยฉันไว้มากแล้ว ขอบคุณแกมากจริงๆ นะ” มินตรากล่าวพร้อมกับจับมือขามอย่างจริงใจมุขถูกจับกุมและนำตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย การกระทำของเธอสร้างความตกใจและความเสียใจให้กับเพื่อนร่วมงานและคนรู้จัก ไม่มีใครคาดคิดว่าพยาบาลสาวที่ดูอ่อนหวานจะมีความแค้นรุนแรง
ความสัมพันธ์ระหว่างแม็กซ์และมินตราดำเนินไปอย่างราบรื่น ความเข้าใจและความเชื่อใจที่มีให้กันนั้นแน่นแฟ้นขึ้นทุกวัน พวกเขาเริ่มวาดฝันถึงอนาคตที่จะได้ใช้ชีวิตร่วมกันในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้แต่ในมุมมืด มุขที่เต็มไปด้วยความแค้นและความอิจฉาริษยา ก็ยังคงไม่ละทิ้งแผนการร้ายของเธอ หลังจากที่ปล่อยข่าวลือเรื่องหนี้สินของมินตราแล้วไม่ได้ผล มุขก็คิดหาวิธีการที่ร้ายแรงกว่าเดิมมุขสังเกตเห็นว่ามินตรามักจะกลับบ้านคนเดียวในช่วงเย็นหลังเลิกขายของ และเส้นทางกลับบ้านของเธอนั้นค่อนข้างเปลี่ยว มุขเริ่มวางแผนที่จะใช้จุดนี้ในการทำร้ายมินตรา เพื่อหวังจะทำให้แม็กซ์มองว่ามินตราไม่ปลอดภัยและหันกลับมาสนใจเธอวันหนึ่ง มุขแอบสะกดรอยตามมินตรากลับบ้านในตอนเย็น เมื่อถึงช่วงที่เปลี่ยว มุขก็ลงจากรถและทำทีเป็นประสบอุบัติเหตุรถเสียอยู่ข้างทาง“ช่วยด้วยค่ะ! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!” มุขแกล้งร้องขอความช่วยเหลือด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารมินตราที่เดินผ่านมาได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือก็รู้สึกตกใจ เธอรีบเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง“เป็นอะไรไปคะ?” มินตราเอ่ยถามด้วยความกังวลมุขเงยหน้าขึ้นมองมินตราด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “รถฉันเ