“หะ...ห้องน้ำ คุณพาฉันมาทำไมที่ห้องน้ำ”
“ก็มาทำความรู้จักยังไงล่ะ”
“หมายความว่ายังไง อือ...” เธอเอ่ยถามเสียงหอบเหนื่อยอย่างสงสัย เพราะไม่เข้าใจความหมายที่แฝงในประโยคของบุรุษ
“เดี๋ยวก็รู้เองว่ายังไง” แล้วกองทัพก็เปลี่ยนเป็นอุ้มเธอขึ้นพาดไหล่แล้วเดินผ่านผู้คนเข้าไปในห้องน้ำ ไม่สนใจว่าห้องน้ำจะมีคนอื่นมองมาทางตนและหญิงสาว
“คุณพาฉันมาในห้องน้ำชายทำไม”
“ก็มาทำความรู้จักไงบีบี”
แล้วเขาก็พาเธอไปยังห้องน้ำที่ว่างอยู่ เมื่อเข้าไปในห้องน้ำก็ปิดล็อกประตูแล้วปล่อยคนตัวเล็กยืนเอง แต่กักร่างเธอไว้กับผนังห้องน้ำป้องกันเธอหนีออกไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาอุ้มผู้หญิงเข้าห้องน้ำชาย แต่ต่างกันที่ทุกคนยอมและเต็มใจที่จะตื่นเต้นไปกับตนเอง แต่กับสาวน้อยตรงหน้านี้ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตกใจหวาดกลัว และนั่นมันทำให้เขารู้สึกอยากขย้ำแรงๆ ให้จมเขี้ยวฟัน อยากขบเม้มซอกคอระหง อยากขบเม้มริมฝีปากอ่อนนุ่มบางให้เกิดรอยราคี อยากกัดทุกซอกหลืบในร่างกายสาว
“คุณมันบ้ากามอย่างที่ใครเขาพูดกันจริงๆ”
“อยากรู้จักต้องสัมผัสเอง จะเชื่อคำพูดคนอื่นไม่ได้คนสวย เมื่อกี้จูบแรกสินะ ขอบคุณนะที่ให้มันเป็นของพี่เหิม”
“ฉันไม่ได้ยกให้คุณ คุณบังคับปล้ำจูบฉันเอง”
“พี่เหิมก็จะปล้ำ ‘เอา’ บีบีทำเมียในห้องน้ำนี้ด้วย” เขาไม่ได้แค่พูดเปล่า แต่มือสากกร้านยังยกขึ้นมาลูบไล้ใบหน้านวลเนียน แต่ถูกมือน้อยปัดตบหนีออกจากแก้มจนมีเสียง
เผียะ!
“รุนแรงไปไหนคนสวย ก็แค่ ‘เซ็กซ์’ เอง”
“สำหรับคุณมันใช่ แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ค่ะ กรุณาหลบด้วย ฉันจะกลับ”
“ชูว์...บอกแล้วไงว่าจะ ‘เอา’ ในห้องน้ำ ถ้าบีบีกลับแล้วพี่เหิมจะ ‘เอา’ กับใครล่ะ พี่อยากได้เรานะเด็กน้อย” กองทัพบดเบียดร่างน้อยแนบไปกับผนังห้องน้ำที่คับแคบ ขนาดจะเคลื่อนขยับตัวก็ยังลำบาก แต่สำหรับกองทัพแล้วเขาชำนาญและคุ้นชินกับห้องน้ำของผับแห่งนี้ดีแล้วก็ตวัดแขนโอบกอดเอวเล็กคอดอุ้มเธอเหวี่ยงหมุนมาพิงประตูห้องน้ำด้านหลัง
“คุณจะบ้ารึไง คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง”
“ทำไมจะไม่ได้ ถ้าพี่เหิมต้องการ ไม่มีอะไรที่คนอย่างพี่ต้องการแล้วไม่ได้คนสวย และพี่ก็ต้องได้บีบีด้วยคืนนี้ เนื้อจะเข้าปากเสือแล้วอย่าพูดมากเลยน่าคนสวย มันเสียเวลา” แล้วกองทัพก็รีบจัดการกับเสื้อผ้าคนตัวเล็กเพื่อสนองความปรารถนาของตัวเองในตอนนี้ เขาไม่สนใจว่าบูรณิการ์จะต่อต้านไม่สมยอมตัวเอง เพราะตนเชื่อว่าสุดท้ายแล้วสาวน้อยไร้เดียงสาต้องอ่อนคล้อยไปกับตนแน่นอน
“หยุดนะคนเลว! หยุด!” เธอทุบตีมือใหญ่ให้หยุดถอดเสื้อผ้าตัวเอง แต่เหมือนว่ามันไม่ได้ผล สองมือถูกจับรวบด้วยมือหนามือเดียวแน่น พอจะยกขาขึ้นเตะก็เหมือนเขาจะรู้ทันความคิด เขาใช้ขาของเขากดขาเธอไว้กับผนังไม่ให้ขยับตัว
“อย่าคิดว่าพี่เหิมรู้ไม่ทัน และอย่าคิดว่าจะหนีรอดไปได้ บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรที่พี่เหิมต้องการแล้วไม่ได้”
“แต่คุณกำลังจะปล้ำข่มขืนฉัน”
“อย่าเรียกว่าข่มขืนสิ เรียกว่าเรียนรู้กันและกันดีกว่า ร่างกายของเรามันอาจจะชอบกันก็ได้ว่าไหม” แล้วมือใหญ่ก็ถลกถอดกระโปรงชีฟองตัวยาวของเธอออกไปกองที่ข้อเท้าและตามด้วยกางเกงซับในกับกางเกงชั้นในของหญิงสาว
“กะ...อื้อ...” เธอจะร้องกรี๊ดก็ถูกปากหนาก้มลงมาปิดกลืนเสียงร้อง ไม่พอเรียวลิ้นอุ่นร้อนของคนถ่อยก็ยังดุนดันเข้ามาในโพรงปากของเธอ
“อะ...อื้อ” บูรณิการ์ไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะหนีออกจากห้องน้ำนี้ไม่ได้ พยายามจะเบี่ยงหน้าหลบหนี สองมือก็ถูกกำรวบแน่นด้วยมือใหญ่ พยายามแล้วพยายามเล่าก็ไร้หนทางจะหลุดพ้น สองขาก็พยายามจะยกขึ้นถีบเตะก็นั่นแหละแข้งขาใหญ่แข็งแรงบุรุษกดทับจนไม่อาจจะขยับเขยื้อนตัวได้ตอนนี้
“อ่า...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากปากทั้งสองที่บดจูบกัน แม้ปากน้อยจะไม่เต็มใจ แต่มีหรือคนอย่างนายกองทัพจะสนใจ ตอนนี้ความต้องการในตัวเขาที่มีต่อเธอมันลุกโชนมากเหลือเกิน ลุกแทบจะเผาไหม้ร่างกายให้มอดไหม้ในตอนนี้ก็ว่าได้ ความองอาจเหยียดตัวผงาดเบียดแน่นในกางเกงจนแทบจะกระอักเลือดก็ว่าได้ในตอนนี้
“อ่า...อยากเห็นตรงนี้ชัดๆ แต่ไม่ไหว ขอหลังจากนี้แล้วกันคนสวย อ่า...” เขาผละออกมาเอ่ยกับปากน้อยบวมเจ่อแล้วก็ยกอุ้มเธอขึ้นเหนือพื้นจนเท้าทั้งสองลอยและกระโปรงก็หลุดออกจากเท้าไปกองกับพื้น ส่วนกางเกงชั้นในและกางเกงซับในยังคงติดอยู่ที่ข้อเท้าเล็กทั้งสองของบูรณิการ์
“คนต่ำทราม! อะ...อื้อ” แล้วปากน้อยก็ถูกปากหนาปิดอีกครั้ง เรียวลิ้นน้อยถูกเรียวลิ้นสากกร้านบุรุษไล่ต้อนจนจนมุม แล้วมือใหญ่ก็โอบอุ้มก้นกลมกลึงของหญิงสาวด้วยมือเดียวและเคล้นคลึงก้นน้อยไปด้วย ส่วนมือที่จับมือน้อยทั้งสองก็ยังคงจับกำแน่นรั้งไว้เหนือหัว
เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ตอนนี้ลูกชายอายุได้สองขวบแล้ว เด็กชายทัพฟ้า สุปรีย์ หรือน้องบูม และกำลังจะเป็นพี่ชาย เพราะอีกสองเดือนเธอก็จะคลอดลูกคนที่สอง ใครจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานกับกองทัพของเธอจะมีความสุขขนาดนี้ และเธอไม่อยากเชื่อว่าเสือผู้หญิงอย่างเขาจะจมปลักรักเธอแค่คนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็พิสูจน์แล้วว่าเขา ‘รัก’ เธอและมีเธอแค่คนเดียวได้จริงๆ “ยิ้มอะไรอยู่ฮึทูนหัว” กองทัพที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเข้ามาหาภรรยาที่กำลังทำมื้อเย็นในครัว ส่วนลูกชายอยู่กับคุณตา คุณยายและคุณลุงที่สนามเด็กเล่น “มีความสุขค่ะ อีกอย่างบีบีก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเราสองคนจะรักกัน” “เชื่อเถอะ ท้องสองแล้วนะ แล้ววันหยุดนี้เพื่อนของบีบีจะมากินข้าวที่บ้านด้วยกันไหม” กองทัพถามภรรยาพร้อมปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วพับขึ้นถึงข้อศอก อีกข้างก็ทำเช่นเดียวกัน&nb
พอตากลับมามองเห็นเป็นปกติ กองทัพก็ได้เห็นว่าตอนนี้บูรณิการ์ท้องแก่มากแล้ว และเขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน ตั้งนานแล้วแทบจะลงแดงตาย พอกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่รอช้าจะอุ้มร่างอวบอิ่มของแม่ของลูกไปยังเตียงนอนนุ่มของตัวเองที่เคยพาบูรณิการ์มานอน “อือ...พี่เหิมอะไรกันคะเนี่ย” “ไม่อะไรแล้วทูนหัว บีบีก็รู้ว่าพี่เหิมเป็นคน ‘เซ็กซ์’ จัดแค่ไหนและก็รู้ว่าพี่เหิมต้องการเรามากแค่ไหนตอนตายังไม่เปิด” “แต่มันกลางวันอยู่นะคะ คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายของพี่เหิมทั้งสองก็อยู่ด้วย” “พวกเขาเข้าใจ ให้พี่เถอะนะ” แล้วเขาก็วางร่างอวบอิ่มที่อุ้มมานอนราบไปกับเตียง “แต่บีบีอายนะคะ” “มีอะไรต้องอายกันบีบี เราเป็นผัวเมียกันนะ พรุ่งนี้เราก็จะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”&nbs
นานหลายชั่วโมงกว่ากองทัพจะถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดตาเสร็จ หมอบอกว่าเขาจะกลับมามองเห็นได้ปกติ แต่ตอนนี้ให้ทุกคนช่วยดูแลคนป่วยก่อน บูรณิการ์มองคนที่นอนหลับบนเตียงพักฟื้นมีผ้าสีขาวพันที่แขนและที่ตา ยิ่งมองเขานอนนิ่งก็ยิ่งเจ็บปวดและกลัว กลัวว่าเขาจะจากไป โชคดีที่เขายังมีลมหายใจ มือน้อยยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มทิ้ง อึก! “ฉันไม่อยากให้คุณตาย ห้ามตายนะ ฮือ...” เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ที่พูดกับกองทัพที่บ้าน และคิดว่าเพราะตัวเอง กองทัพถึงเกิดอุบัติเหตุ “พี่เขาปลอดภัยแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะหนูบีบี” นารีโอบกอดว่าที่สะใภ้คนเล็กของตัวเองที่กำลังยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างเตียง “เพราะหนู เพราะหนูพูดแบบนั้นกับเขา เขาถึงเป็นแบบนี้ อึก! ฮือ...” “ไม่เก
นารีกับเกษมพาลูกชายมาบ้านของผู้ว่าบันลือและครูจิตตราตั้งแต่เช้า มาถึงก็แนะนำตัวพร้อมบอกเจ้าบ้านว่าตนทั้งสามมาที่บ้านของทั้งสองในเช้าวันอาทิตย์นี้ทำไม เจ้าบ้านทั้งสองพอได้ยินเรื่องราวจากปากของกองทัพแล้วก็พากันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่ชายหนุ่มทำลายศักดิ์ศรีลูกสาวตนเองและยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้บูรณิการ์กำลังตั้งครรภ์ก็ยิ่งโกรธ ทำให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีอย่างบรรณวิช์เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของกองทัพขึ้นแล้วอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธ โดยที่พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตุ้บ! โอ๊ย! กองทัพโดนหมัดของพี่ชายบูรณิการ์จนหน้าหัน โหนกแก้มแตก แม้จะไม่พอใจอยากจะสวนกลับ แต่ก็ได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เพราะยังไงตัวเองก็เป็นคนผิดและสมควรโดนแบบนี้แล้ว “มึงทำน้อ
ตอนนี้เขาตามหาบูรณิการ์เจอแล้ว จากที่ใช้เวลามาอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พี่ชายทั้งสองก็ประสบปัญหาหัวใจพร้อมกับตนเองและทั้งสองก็ ‘เมีย’ อุ้มท้องหนีไปเหมือนกันกับตน แต่ทุกคนสมหวังกันแล้ว มีความสุขกับพี่สะใภ้แล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงตามง้อบูรณิการ์อยู่ เขาอิจฉาพี่ชายทั้งสองเหลือเกินที่พี่สะใภ้ยอมให้อภัยแล้ว เหลือแต่ตัวเองนี่แหละที่ต้องมานั่งดื่มย้อมใจทุกวันในห้องของโรงแรมที่เคยเป็นสวรรค์ของตนและบูรณิการ์ ห้องนี้แหละที่ทำให้เขาและเธอได้มีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! “ครับแม่” เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมา เขาจึงรีบรับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน “อยู่ไหนน้องเหิม ตอนนี้แม่กับพ่ออยู่บ้านนะลูก” นารีเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก นางได้อยู่ยาวตั้งแต่กองพลโดนยิงอาการสาหัสและมีเรื่องวุ่นวายต่อให้จัดการจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกที่ต่างประเทศ โชคดีที่พวกเขาเข้าใจนางว่าลูกชายทั้งสาม
บัวบูชากับอำนาจมองหลานสาวที่ตนเองรักเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะทั้งสองแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานยี่สิบปีก็ไม่มีโซ่ท้องคล้องใจ แต่ก็มีหลานสาวและหลานชายลูกพี่ชายมาให้ได้ชื่นใจ และตอนนี้บูรณิการ์ก็มาอยู่ด้วยที่นครปฐม มาช่วยงานที่ร้านทองกิจการของตนและสามีและช่วยจัดการบริหารระบบของตลาดสดให้ใหม่ “คุณว่าหนูบีบีดูซึมๆ ไหมคะ” บัวบูชาถามสามีพร้อมกับมองไปทางหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้านในตอนเช้า “ผมสังเกตตั้งแต่วันแรกที่หลานมาถึงที่นี่แล้วแหละบัว แล้วบัวได้โทรถามพี่บันลือและพี่จิตตรารึยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูบีบีถึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ชอบแล้วมาอยู่ช่วยงานเราที่นี่” อำนาจเอ่ยกับภรรยา “บัวโทรไปถามพี่บันลือแล้วค่ะ แต่พี่บันลือก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของหนูบีบีเอง อีกอย่างพี่บันลือก็บอกว่าให้หนูบีบีพูดเอง เราอย่าไปเซ้าซี้เดี๋ยวจะทำให้บีบีเกิดความเครียดได้ค่ะ” บัวบูชาบอกสามี&n