เสียงเพลงจากด้านนอกดังเข้ามาถึงในห้องน้ำ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ดังเท่าเสียงหอบหายใจของเธอ บูรณิการ์แข้งขาอ่อนแรงหมดเรี่ยวแรงจะต่อต้านและสู้กับคนดิบเถื่อน ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่าคนเราจะดูแค่หน้าตาไม่ได้ เพราะนิสัยและสันดานของคนเรามันต้องดูกันนานๆ อย่างผู้ชายคนนี้ เขาแทบไม่เหมือนคนไม่ดี แต่ตอนนี้เชื่อแล้วว่าไม่ดีและเลวมาก
‘ข่มขืน’ เขากำลังข่มขืนเธอในห้องน้ำของผับ แถมเป็นห้องน้ำชายด้วย
“อะ...อื้อ” สมองของสาวน้อยแทบจะหยุดทำงานเมื่อถูกบดจูบเอาแต่ใจ เรียวลิ้นก็ถูกเรียวลิ้นของคนถ่อยรัดคลึงดูดกลืน ตอนนี้ทุกอย่างมันดูว่างเปล่าไปหมดสำหรับบูรณิการ์ เสียงผู้คนด้านนอกห้องที่ดังลอดเข้ามาในห้องน้ำมันไม่ได้ทำให้เธอตื่นกลัวแม้แต่น้อย
“อ่า...ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้พี่เหิมอยากได้บีบีสุดๆ อ่า...”
เขาดันร่างเล็กจนแผ่นหลังแนบเบียดจนจะกลืนกินเป็นเนื้อเดียวกับประตูด้านหลัง แล้วมือที่บีบขยุ้มขยำยกอุ้มก้นกลมกลึงของหญิงสาวก็ปล่อยเธอยืนกับพื้นเอง แต่ยังคงกอดอุ้มเอวเล็กคอดไว้ด้วยกลัวว่าร่างเล็กจะทรุดฮวบไปกองกับพื้น
“ปะ...ปล่อยฉัน อือ...” เธอบอกเขาเสียงหอบพร้อมกับพยายามบิดข้อมือทั้งสองออกจากอุ้งมือหนา แต่มันก็ไม่ได้ผล ตอนนี้เธอถูกมือของเขากำข้อมือทั้งสองแน่นรวมกันจนเจ็บ
“ชูว์...ก็เห็นอยู่ว่าไม่มีแรงจะยืนแล้วยังจะให้ปล่อยอีกเหรอบีบี” แล้วมือที่จับมือน้อยทั้งสองรวบรั้งไว้เหนือหัวก็ปล่อยผละออกมาปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเองแล้วล้วงมือเข้าไปในความโอหังตัวเองที่กำลังเหยียดตัวขยายคับแน่นในกางเกงออกมาข้างนอก
บูรณิการ์ก้มมองเห็นความใหญ่โตเด้งออกมาด้านนอกกางเกงก็ตกใจกลัวกับความใหญ่โตโอหังของบุรุษ ครั้งแรกกับการได้เห็นความเป็นชายชัดๆ แบบนี้ เธอไม่เคยเห็นตอนมันขยายตัวและไม่คิดว่ามันจะใหญ่อวบและยาวขนาดนี้ ตอนนี้สติของเธอเริ่มกลับมาอีกครั้ง สองมือน้อยที่ได้อิสระก็ผลักคนตัวโตออกห่าง แต่ก็ถูกเขากอดรั้งเอวเล็กจนตัวเองลอยตามร่างที่กระเด็นห่าง
“ปล่อยฉัน! คุณจะทำแบบนี้กับคนที่ไม่เต็มใจไม่ได้” สองมือน้อยดันหน้าอกแกร่งไว้ด้วยไม่อยากให้ร่างตัวเองแนบเบียดสีไปกับอกคนตัวโต แต่ช่วงล่างของเธอนั้นเปลือยเปล่าและมือของคนเถื่อนก็กอบกุมก้นกลมกลึงของเธอพร้อมบีบขยุ้มขยำเล่น
“เดี๋ยวก็รู้ว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจบีบี” แล้วเขาก็ยกเท้าไปด้านหลังเขี่ยปิดฝาชักโครกแล้วก็นั่งทับลงไปพร้อมกับกอดรั้งเธอขยับมายืนแทรกกลางหว่างขาตน
“คุณทำแบบนี้ก็ไม่ต่างจากพวกในข่าวที่ฉุดผู้หญิงไปข่มขืน”
“ไม่ได้ฉุด แต่อุ้มมาให้คนเห็นเนี่ยแหละ อีกอย่างลองก่อนได้ไหมค่อยพูดว่าข่มขืนน่ะ เผลอๆ บีบีอาจจะติดใจพี่เหิมก็ได้” แล้วเขาก็จับบังคับมือหญิงสาวมาจับสัมผัสความอหังการตัวเองที่กำลังตั้งตารอคอยการสัมผัสจากคนตัวเล็ก
“มะ...ไม่นะ อย่าทำแบบนี้”
บูรณิการ์พยายามขืนมือตัวเองและดึงมือตัวเองต้านแรงดึงของบุรุษ แต่ก็พ่ายแพ้แรงบุรุษตัวโตอย่างกองทัพ มือเธอกำลังแตะสัมผัสกับความน่ากลัวตรงหน้า มันอุ่นร้อนและรู้สึกว่ามันจะขยับได้ มันตอบสนองมือของเธอที่แตะอยู่บนปลายเนื้อที่กำลังเบ่งบานของคนเถื่อน
“ตรงนี้ของบีบีกับตรงนี้ของพี่เหิมมันจะเข้ากันได้ดีไหมนะ”
เขาเอ่ยพึมพำเสียงพร่าเสียวขณะสายตามองจ้องความเป็นสาวอวบอูมตรงหน้าตน ส่วนมือใหญ่ก็บังคับมือน้อยให้เคลื่อนไหวกับท่อนเอ็นร้อนตัวเอง
“ยะ...อย่ามอง” สองขายกพาดไขว้กันทันทีเมื่อรู้ว่าถูกคนถ่อยจ้องมอง
หึหึ
เธอห้ามเขางั้นเหรอ กองทัพมองจ้องสามเหลี่ยมทองคำของบูรณิการ์แล้วก็ยิ้มเอ็นดูความอวบอูมสวยงามและมีเส้นขนขึ้นปกคลุมบางๆ
“ก็บอกว่าอย่ามองไงล่ะ” เธอตะโกนบอกกองทัพเสียงดังพร้อมใช้มือข้างที่ว่างอยู่ปิดตาของชายหนุ่ม
“ไม่ให้มองแล้วจะให้มองไปทางไหน ก็มันน่ารักนี่บีบี” เขาจับมือเธอที่ปิดตามาจูบเบาๆ แล้วก็ปล่อยมันเป็นอิสระ มืออีกข้างก็ยังคงบังคับมือน้อยเคลื่อนไหวกับเอ็นร้อนตัวเอง
“อ่า...รู้ไหมตอนนี้พี่เหิมต้องการบีบีมาก อ่า...เสียว อยากให้บีบีใช้ภายในของบีบีตอดรัดให้พี่เจ็บปวดมากกว่านี้ อื้ม...เสียว”
กองทัพครางเสียวให้คนตัวเล็กได้ยินว่าตนเองนั้นร้อนรุ่มเพราะมือและร่างกายของเธอมากแค่ไหน มือใหญ่ผละจากมือน้อยที่กำลังบังคับให้ขยับขับเคลื่อนถูไถกับเอ็นเนื้อตัวเองไปวางทาบทับตรงสามเหลี่ยมทองคำสตรี แล้วเริ่มลูบคลึงไปมา ก่อนจะรั้งเธอเข้ามาใกล้แล้วใช้เท้าใหญ่เหยียบกางเกงชั้นในและกางเกงซับในของเธอไว้กับพื้น ก่อนจะกอดอุ้มเธอยกขึ้นมานั่งคร่อมทับบนตักตัวเองและองศาที่กดร่างเล็กลงนั้น เขาก็แอ่นเด้งกระแทกกายอหังการตัวเองเด้งกระแทกเบียดแทรกกลางร่างน้อยครั้งเดียวเต็มลำใหญ่โตจนสุดโคนเนื้อ
“กรี๊ด! เจ็บ!” มันเจ็บปวดทรมานราวกับถูกกระชากทึ้งร่างแยกออกเป็นสองส่วน บูรณิการ์ดิ้นลุกหนีออกจากตักหนา แต่ก็ถูกแขนแข็งแรงของคนป่าเถื่อนกอดรัดรั้งไว้แน่น และเสียงร้องของเธอก็ดังถึงข้างนอกทำให้คนที่มาเข้าห้องน้ำได้ยินและกลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับเธอจึงเคาะทุบประตูรัวๆ เรียก
“คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงของผู้ชายหน้าห้องดังตะโกนเข้ามาและทำให้ทั้งสองคนข้างในเงียบ บูรณิการ์เม้มปากแน่นด้วยกลัวว่าคนข้างนอกจะพังประตูเข้ามาและเขินอายผู้คนข้างนอก
“คุณครับๆๆ” คนด้านนอกยังคงร้องตะโกนพร้อมทุบตีประตูห้องน้ำรัวๆ
ปัง! ปัง! ปัง!
“ไม่มีอะไรครับ แฟนผมเขาเล็กมากเลยทำให้เจ็บน่ะครับ” กองทัพตะโกนบอกคนหน้าประตู หากตอบช้ากว่านี้ทุกคนคงได้พังประตูเข้ามาแน่นอน และเขาไม่ปรารถนาให้ใครมาเห็นความสวยงามของคนเหนือตักหนาตนเอง
พอกองทัพตะโกนตอบ คนข้างนอกก็เข้าใจในความหมาย เพราะไม่ใช่แค่ครั้งแรกที่มีคนพาผู้หญิงมาร่วมกิจกรรมกันในห้องน้ำ แล้วเสียงหน้าประตูก็เงียบไป
“ฉันเจ็บ!” พอเสียงหน้าห้องเงียบ บูรณิการ์ก็บอกกองทัพอีกครั้งว่าตนนั้นเจ็บกลางกายความเป็นสาวที่เขากระแทกกายเข้าหาอย่างดุดัน
“อ่า...พี่เหิมไม่คิดว่าบีบีเป็นสาวพรหมจรรย์ ชูว์...ขอโทษครับทูนหัว” หัวใจที่แข็งกระด้างของเขาอ่อนไหวยวบ เต้นแรงผิดจังหวะเมื่อรู้ว่าตนได้เป็นคนแรกของหญิงสาว ความรู้สึกการได้เป็นคนแรกของใครสักคนมันเป็นแบบนี้นี่เอง เพราะปกติที่ผ่านมาไม่เคยรู้เลย เขาไม่เคยได้เป็นผู้ชายคนแรกของใคร เคยเป็นแต่คนที่สี่ ห้าหรือมากกว่านั้นของสาวๆ
“อือ...เจ็บ! ได้โปรด...ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ อือ...” บูรณิการ์ขอร้องเสียงสั่นเครือ สองมือน้อยเกาะบ่าหนาพร้อมกับน้ำตาไหลหยดลงใบหน้าหล่อเข้มของคนถ่อย
น้ำใสๆ หยดลงแก้มสากทำให้กองทัพรู้สึกเห็นใจสงสารคนตัวเล็กที่โดนตัวเองกระทำอย่างป่าเถื่อน เพราะเขาไม่คิดว่าคนตัวเล็กจะยังบริสุทธิ์อยู่ ก็ยุคสมัยนี้แล้วมันยากที่จะยังมีผู้หญิงที่ยังรักษาพรหมจรรย์ แต่วันนี้ก็ได้เจอแล้วและเขาเองก็เป็นคนพรากมันไปจากบูรณิการ์
“อ่า...ขอโทษทูนหัว อ่า...พี่เหิมขอโทษ แต่ให้ปล่อยไปตอนนี้บีบีจะทรมานเชื่อพี่เหิมนะ ลืมความเจ็บปวดแล้วไปด้วยกัน ผ่อนคลาย อ่า...” เขายังไม่จับร่างน้อยยกขย่มท่อนเอ็นตัวเอง เขากอดเธอแน่นด้วยแขนข้างเดียว เพราะมืออีกข้างยกขึ้นซับเช็ดน้ำตาให้สาวน้อย
“ฉันเจ็บ! คุณข่มขืนฉัน ได้ยินไหมคุณข่มขืนฉัน ฉันเกลียดคุณ! อึก!” บูรณิการ์ก้มมองสบตาคนตัวโตด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและเสียใจและยังเต็มไปด้วยความเกลียดแค้นกองทัพ
หัวใจที่ด้านชารู้สึกเจ็บแปลบอย่างประหลาดเมื่อได้เห็นสายตาของคนตัวเล็กส่งมาให้ เขารับรู้ได้ทุกอย่างถึงความรู้สึกของบูรณิการ์ และเขาก็คงทำได้แค่เพียงพูดว่า
“ขอโทษบีบี”
“สารเลว!” เธอตอบกลับเขาแล้วก็ดิ้นจะหนีจากตักหนา ไม่สนใจความเจ็บปวด แต่ยิ่งดิ้นเธอก็ยิ่งเจ็บตรงกลางความเป็นสาวที่ยังคงหลอมรวมเป็นหนึ่งกับคนโอหัง
เหมือนเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง ตอนนี้ลูกชายอายุได้สองขวบแล้ว เด็กชายทัพฟ้า สุปรีย์ หรือน้องบูม และกำลังจะเป็นพี่ชาย เพราะอีกสองเดือนเธอก็จะคลอดลูกคนที่สอง ใครจะคิดว่าชีวิตหลังแต่งงานกับกองทัพของเธอจะมีความสุขขนาดนี้ และเธอไม่อยากเชื่อว่าเสือผู้หญิงอย่างเขาจะจมปลักรักเธอแค่คนเดียว แต่ทุกอย่างมันก็พิสูจน์แล้วว่าเขา ‘รัก’ เธอและมีเธอแค่คนเดียวได้จริงๆ “ยิ้มอะไรอยู่ฮึทูนหัว” กองทัพที่เพิ่งกลับมาจากทำงานเดินเข้ามาหาภรรยาที่กำลังทำมื้อเย็นในครัว ส่วนลูกชายอยู่กับคุณตา คุณยายและคุณลุงที่สนามเด็กเล่น “มีความสุขค่ะ อีกอย่างบีบีก็ยังไม่อยากเชื่อว่าเราสองคนจะรักกัน” “เชื่อเถอะ ท้องสองแล้วนะ แล้ววันหยุดนี้เพื่อนของบีบีจะมากินข้าวที่บ้านด้วยกันไหม” กองทัพถามภรรยาพร้อมปลดกระดุมแขนเสื้อเชิ้ตแล้วพับขึ้นถึงข้อศอก อีกข้างก็ทำเช่นเดียวกัน&nb
พอตากลับมามองเห็นเป็นปกติ กองทัพก็ได้เห็นว่าตอนนี้บูรณิการ์ท้องแก่มากแล้ว และเขาเองก็มีความต้องการเหมือนกัน ตั้งนานแล้วแทบจะลงแดงตาย พอกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไม่รอช้าจะอุ้มร่างอวบอิ่มของแม่ของลูกไปยังเตียงนอนนุ่มของตัวเองที่เคยพาบูรณิการ์มานอน “อือ...พี่เหิมอะไรกันคะเนี่ย” “ไม่อะไรแล้วทูนหัว บีบีก็รู้ว่าพี่เหิมเป็นคน ‘เซ็กซ์’ จัดแค่ไหนและก็รู้ว่าพี่เหิมต้องการเรามากแค่ไหนตอนตายังไม่เปิด” “แต่มันกลางวันอยู่นะคะ คุณพ่อ คุณแม่และพี่ชายของพี่เหิมทั้งสองก็อยู่ด้วย” “พวกเขาเข้าใจ ให้พี่เถอะนะ” แล้วเขาก็วางร่างอวบอิ่มที่อุ้มมานอนราบไปกับเตียง “แต่บีบีอายนะคะ” “มีอะไรต้องอายกันบีบี เราเป็นผัวเมียกันนะ พรุ่งนี้เราก็จะไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว”&nbs
นานหลายชั่วโมงกว่ากองทัพจะถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดตาเสร็จ หมอบอกว่าเขาจะกลับมามองเห็นได้ปกติ แต่ตอนนี้ให้ทุกคนช่วยดูแลคนป่วยก่อน บูรณิการ์มองคนที่นอนหลับบนเตียงพักฟื้นมีผ้าสีขาวพันที่แขนและที่ตา ยิ่งมองเขานอนนิ่งก็ยิ่งเจ็บปวดและกลัว กลัวว่าเขาจะจากไป โชคดีที่เขายังมีลมหายใจ มือน้อยยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอาบแก้มทิ้ง อึก! “ฉันไม่อยากให้คุณตาย ห้ามตายนะ ฮือ...” เธอรู้สึกผิดและเสียใจกับคำพูดตัวเองก่อนหน้านี้ที่พูดกับกองทัพที่บ้าน และคิดว่าเพราะตัวเอง กองทัพถึงเกิดอุบัติเหตุ “พี่เขาปลอดภัยแล้วลูก ไม่ต้องร้องนะหนูบีบี” นารีโอบกอดว่าที่สะใภ้คนเล็กของตัวเองที่กำลังยืนร้องไห้สะอื้นอยู่ข้างเตียง “เพราะหนู เพราะหนูพูดแบบนั้นกับเขา เขาถึงเป็นแบบนี้ อึก! ฮือ...” “ไม่เก
นารีกับเกษมพาลูกชายมาบ้านของผู้ว่าบันลือและครูจิตตราตั้งแต่เช้า มาถึงก็แนะนำตัวพร้อมบอกเจ้าบ้านว่าตนทั้งสามมาที่บ้านของทั้งสองในเช้าวันอาทิตย์นี้ทำไม เจ้าบ้านทั้งสองพอได้ยินเรื่องราวจากปากของกองทัพแล้วก็พากันเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงด้วยความโกรธและไม่พอใจที่ชายหนุ่มทำลายศักดิ์ศรีลูกสาวตนเองและยิ่งได้รู้ว่าตอนนี้บูรณิการ์กำลังตั้งครรภ์ก็ยิ่งโกรธ ทำให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินพอดีอย่างบรรณวิช์เดินเข้ามากระชากคอเสื้อของกองทัพขึ้นแล้วอัดหมัดหนักๆ เข้าหน้าอีกฝ่ายเต็มแรงด้วยความโกรธ โดยที่พ่อกับแม่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตุ้บ! โอ๊ย! กองทัพโดนหมัดของพี่ชายบูรณิการ์จนหน้าหัน โหนกแก้มแตก แม้จะไม่พอใจอยากจะสวนกลับ แต่ก็ได้แต่เม้มปากกำมือแน่น เพราะยังไงตัวเองก็เป็นคนผิดและสมควรโดนแบบนี้แล้ว “มึงทำน้อ
ตอนนี้เขาตามหาบูรณิการ์เจอแล้ว จากที่ใช้เวลามาอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้พี่ชายทั้งสองก็ประสบปัญหาหัวใจพร้อมกับตนเองและทั้งสองก็ ‘เมีย’ อุ้มท้องหนีไปเหมือนกันกับตน แต่ทุกคนสมหวังกันแล้ว มีความสุขกับพี่สะใภ้แล้ว เหลือแต่เขาที่ยังคงตามง้อบูรณิการ์อยู่ เขาอิจฉาพี่ชายทั้งสองเหลือเกินที่พี่สะใภ้ยอมให้อภัยแล้ว เหลือแต่ตัวเองนี่แหละที่ต้องมานั่งดื่มย้อมใจทุกวันในห้องของโรงแรมที่เคยเป็นสวรรค์ของตนและบูรณิการ์ ห้องนี้แหละที่ทำให้เขาและเธอได้มีเจ้าตัวเล็กด้วยกัน ตื๊ด! ตื๊ด! ตื๊ด! “ครับแม่” เมื่อเห็นว่าเป็นแม่โทรมา เขาจึงรีบรับ ไม่อยากให้ท่านรอนาน “อยู่ไหนน้องเหิม ตอนนี้แม่กับพ่ออยู่บ้านนะลูก” นารีเอ่ยถามลูกชายคนเล็ก นางได้อยู่ยาวตั้งแต่กองพลโดนยิงอาการสาหัสและมีเรื่องวุ่นวายต่อให้จัดการจนตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับไปหาสามีและลูกที่ต่างประเทศ โชคดีที่พวกเขาเข้าใจนางว่าลูกชายทั้งสาม
บัวบูชากับอำนาจมองหลานสาวที่ตนเองรักเหมือนลูกสาวแท้ๆ เพราะทั้งสองแต่งงานอยู่กินด้วยกันมานานยี่สิบปีก็ไม่มีโซ่ท้องคล้องใจ แต่ก็มีหลานสาวและหลานชายลูกพี่ชายมาให้ได้ชื่นใจ และตอนนี้บูรณิการ์ก็มาอยู่ด้วยที่นครปฐม มาช่วยงานที่ร้านทองกิจการของตนและสามีและช่วยจัดการบริหารระบบของตลาดสดให้ใหม่ “คุณว่าหนูบีบีดูซึมๆ ไหมคะ” บัวบูชาถามสามีพร้อมกับมองไปทางหลานสาวที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ในสวนหลังบ้านในตอนเช้า “ผมสังเกตตั้งแต่วันแรกที่หลานมาถึงที่นี่แล้วแหละบัว แล้วบัวได้โทรถามพี่บันลือและพี่จิตตรารึยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหนูบีบีถึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ชอบแล้วมาอยู่ช่วยงานเราที่นี่” อำนาจเอ่ยกับภรรยา “บัวโทรไปถามพี่บันลือแล้วค่ะ แต่พี่บันลือก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของหนูบีบีเอง อีกอย่างพี่บันลือก็บอกว่าให้หนูบีบีพูดเอง เราอย่าไปเซ้าซี้เดี๋ยวจะทำให้บีบีเกิดความเครียดได้ค่ะ” บัวบูชาบอกสามี&n