โรเซ่ก้าวเข้าไปในห้องสมุดแห่งความฝันด้วยหัวใจที่เบิกบาน วันนี้เธอรู้สึกอยากรู้จักสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้น เธออยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของห้องสมุดที่เธอรัก และอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าห้องสมุดอื่น ๆ
ขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจชั้นหนังสือ ซูโฮก็เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส
"อ้าว วันนี้มาถึงเร็วเชียว มีหนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ" ซูโฮถาม
โรเซ่ยิ้ม "ยังเลยค่ะ จริง ๆ แล้ววันนี้ฉันอยากรู้จักห้องสมุดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ฉันเข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ได้แค่ปีเดียวเอง แต่รู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก คุณพอจะเล่าประวัติของห้องสมุดแห่งความฝันให้ฟังได้ไหมคะ"
ซูโฮหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถามของโรเซ่ ก่อนจะผายมือเชิญเธอเดินไปยังมุมสงบของห้องสมุดที่มีแสงไฟส่องลงมาอย่างอ่อนโยน เขาเดินนำเธอไปนั่งที่มุมนั้นก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ห้องสมุดแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าที่คุณคิดไว้ครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของผม ห้องสมุดแห่งความฝันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ค้นพบความสุขจากการอ่าน และเป็นที่ที่รวมเรื่องราว ความฝัน และจินตนาการของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น" ซูโฮเริ่มเล่า
โรเซ่ดวงตาเป็นประกาย "ว้าว ฟังดูน่าทึ่งมากเลยค่ะ แล้วทำไมถึงใช้ชื่อว่า 'ห้องสมุดแห่งความฝัน' ล่ะคะ"
"ชื่อนี้มีที่มานะครับ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่ห้องสมุดธรรมดา ทุกคนที่เข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ มักจะบอกว่าพวกเขารู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกอีกใบ เหมือนได้หลุดเข้าไปในความฝันอันแสนพิเศษของตัวเอง เลยมีคนเรียกที่นี่ว่า 'ห้องสมุดแห่งความฝัน' จนชื่อนี้ก็ติดหูมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา" ซูโฮอธิบาย
โรเซ่ยิ้ม "เป็นชื่อที่เข้ากับบรรยากาศมากเลยค่ะ เวลาที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกนิยายจริง ๆ เหมือนทุกตัวอักษรพาฉันไปสู่สถานที่ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นเสมอ"
ซูโฮพยักหน้าเห็นด้วย เขามองไปรอบ ๆ ห้องสมุดด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะเล่าต่อ
"ปู่ของผมบอกไว้ว่า ห้องสมุดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่เก็บหนังสือเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่รวมเอาความฝันของผู้คนที่เคยเข้ามา ความฝันเหล่านั้นจะฝังอยู่ในตัวหนังสือทุกเล่ม เพื่อให้คนที่มาอ่านรู้สึกถึงความอบอุ่นและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป" ซูโฮกล่าว
"นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกมีพลังทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือที่นี่สินะคะ แปลกจังเลยค่ะ" โรเซ่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
"ไม่แปลกหรอกครับ นั่นคือเสน่ห์ของที่นี่ ห้องสมุดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายและลืมความเหนื่อยล้าจากโลกภายนอก มาเติมความฝันและแรงบันดาลใจให้กับชีวิตใหม่ คุณอาจจะสังเกตเห็นว่า แม้แต่บรรยากาศของที่นี่ก็เงียบสงบและอบอุ่นเสมอ เพราะเราตั้งใจทำให้ที่นี่เป็นที่พิเศษสำหรับทุกคน" ซูโฮอธิบาย
โรเซ่ฟังด้วยความตั้งใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
"แล้วคุณล่ะคะ คุณรู้สึกยังไงกับที่นี่" โรเซ่ถาม
ซูโฮยิ้ม "สำหรับผม ที่นี่เหมือนบ้านหลังที่สองเลยครับ ผมเติบโตมากับห้องสมุดแห่งนี้ ตอนเด็ก ๆ ผมจะมานั่งอ่านหนังสือที่นี่ทุกวัน และเมื่อโตขึ้นก็ได้รับหน้าที่ดูแลที่นี่ต่อจากครอบครัว ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดที่อบอุ่นแบบนี้"
"ฟังดูเหมือนคุณมีความผูกพันกับที่นี่มาก ๆ เลยนะคะ" โรเซ่กล่าว
"ใช่ครับ นี่เป็นที่ที่ผมสามารถฝันและจินตนาการได้อย่างไม่จำกัด และผมก็ดีใจที่ได้เห็นผู้คนมากมายมาร่วมแบ่งปันความฝันในที่เดียวกัน" ซูโฮกล่าว
โรเซ่มองไปรอบ ๆ ห้องสมุดด้วยความรู้สึกใหม่ เธอรู้สึกว่าเธอเข้าใจความหมายของที่นี่มากขึ้น และรู้สึกว่าห้องสมุดแห่งความฝันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหมายอย่างแท้จริง
"คุณซูโฮ ขอบคุณมากนะคะที่เล่าประวัติของห้องสมุดให้ฉันฟัง ฉันรู้สึกว่าฉันเข้าใจที่นี่มากขึ้น และก็ดีใจมากที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่" โรเซ่กล่าวด้วยความซาบซึ้ง
"ผมเองก็ดีใจที่ได้เล่าให้คุณฟัง และยินดีต้อนรับคุณทุกครั้งที่คุณเข้ามาเลยครับ คุณโรเซ่" ซูโฮตอบ
ทั้งสองคนหัวเราะด้วยความสนุกสนาน ก่อนที่โรเซ่จะหยิบหนังสือเล่มใหม่ขึ้นมาและนั่งอ่านต่อ โดยมีซูโฮนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยแนะนำหนังสือเล่มอื่น ๆ ให้เธอได้ลองอ่านบ้าง
**การเดินทาง...สู่โลกใบใหม่:**
โรเซ่กำลังจมดิ่งอยู่ในโลกของหนังสือเล่มหนา จู่ ๆ ซูโฮก็เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสอย่างน่าดึงดูด มันมีภาพมังกรตัวโตที่คาบเพชรพลอยไว้ในปาก และมีฉากหลังเป็นภูเขาหินลึกลับที่เต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ
โรเซ่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนาที่กำลังอ่านอยู่ เธอสบตากับซูโฮที่ยืนถือหนังสือเล่มใหม่ไว้ในมือ
"เล่มนี้น่าสนใจมากนะคะ" โรเซ่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ซูโฮยิ้มก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เธอ "ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบ มันเป็นเรื่องราวของการเดินทางข้ามมิติไปยังโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมีชีวิตในตำนาน เหมือนกับเราได้หลีกหนีจากโลกแห่งความจริงไปอีกที่หนึ่ง คุณคิดว่ามันน่าลองไหมครับ"
โรเซ่พยักหน้าเบา ๆ "ฉันชอบที่จะหลงไปในโลกของนิยายอยู่แล้วค่ะ โลกที่ไม่มีข้อจำกัดของความเป็นไปได้ ทำให้เราได้ฝันและผจญภัยโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น"
ซูโฮหัวเราะเบา ๆ "จริงครับ ผมเองก็ชอบคิดแบบนั้น บางครั้งเราก็ต้องการที่ที่ให้หัวใจได้หลงทางบ้าง และหนังสือก็เป็นทางที่พาเราไปที่ที่เราอยากไปได้ง่ายที่สุด"
"งั้นเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิคะว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร" โรเซ่วางหนังสือเล่มที่อ่านอยู่ลง แล้วหันไปมองซูโฮด้วยความสนใจ
"เรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ค้นพบว่าตัวเองสามารถข้ามไปยังโลกอีกใบได้ครับ โลกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เราคิดว่ามีแค่ในนิยาย เช่น มังกร ยักษ์ เอลฟ์ และพ่อมด แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชม เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยกอบกู้โลกนั้นจากการถูกครอบครองโดยจอมมารที่ทรงอำนาจ" ซูโฮเล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะที่เขาพูดถึงเนื้อเรื่องที่เขารัก
"ฟังดูน่าสนุกมากค่ะ" โรเซ่ยิ้มกว้าง "ฉันว่าเราอาจจะต้องเริ่มอ่านเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันแล้วล่ะค่ะ"
ซูโฮยื่นหนังสือให้เธอ "ผมคิดว่ามันจะเป็นการผจญภัยที่ดีสำหรับพวกเรา ผมจะคอยแนะนำให้คุณไปยังเส้นทางที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องนี้ครับ"
โรเซ่หัวเราะเบา ๆ "งั้นฉันจะฝากให้คุณเป็นไกด์ของฉันนะคะ"
ซูโฮยิ้มตอบ "ถือว่าเป็นเกียรติมากครับ ผมจะพยายามพาคุณไปยังโลกที่งดงามที่สุดในนิยายเล่มนี้"
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้ง เพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ...ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบา ๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้น**การพบเจอ...และการเริ่มต้นใหม่:**จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยุคยองเป็นครั้งที่สองในงานเลี้
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟสว่างไสวในห้องทำงานของ Aura Seoul รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้า เธอสัมผัสได้ถึงความสำเร็จที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เสียงปรบมือและคำชื่นชมจากงานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ยังคงดังก้องอยู่ในหู"เธอรู้ไหม โรเซ่ ฉันคิดว่าเธอสามารถทำได้ดีมาก" แคลร์ เพื่อนสนิทและผู้ช่วยคนเก่งของเธอ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี"จริงเหรอคะ" โรเซ่ยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นแตะหน้าอกข้างซ้าย "ฉันเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาถึงจุดนี้ได้""ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของเธอคือสิ่งที่วงการนี้ต้องการ ไม่มีใครเหมือนเธอหรอก" จูฮี เพื่อนอีกคนเสริมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจโรเซ่หัวเราะเบา ๆ"ขอบคุณนะ แต่ทุกครั้งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับการเปิดตัวใหม่ ๆ มันก็เหมือนกับการโดนตีในท้อง แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันคงไม่รู้จักตัวเองว่าความสามารถที่แท้จริงของฉันคืออะไร" โรเซ่กล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น"ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ" จูฮีกล่าว "แต่เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ สู้ ๆ นะ โรเซ่"โรเซ่รู้สึกอบอุ่นใจจากคำพูดของเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้**ข่าวลือ...และการเผชิญหน้
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อน ๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบา ๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า"คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง" ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใยโรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน"ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้า ๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้า ๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าของกรุงโซลทอประกายผ่านม่านสีขาว ส่องกระทบใบหน้าของโรเซ่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนริมฝีปาก เมื่อนึกถึงความฝันอันแสนหวานที่เพิ่งผ่านพ้นไป เธอลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง กวาดสายตามองทิวทัศน์ของเมืองที่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นจากนิทรา"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" โรเซ่พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สดใสเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ โรเซ่ก็เดินลงมายังห้องครัว กลิ่นหอมของอาหารเช้าลอยมาเตะจมูก เธอพบว่าคุณพ่อกำลังตักข้าวใส่ชาม ส่วนคุณแม่กำลังจัดวางเครื่องเคียงต่าง ๆ บนโต๊ะอาหาร มินจี น้องสาวของเธอนั่งรออยู่ด้วยท่าทางสดใส"เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก" คุณแม่ทักทายด้วยรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง "แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย"มินจีที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว"จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่" มินจีกล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่นโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง"ทุกคนหั