RRrrrrrrr
“ฮัลโหลคร๊าบบบ วันนี้วันหยุดนะ ไม่ต้องโทรปลุกก็ได้”
ผมรับสายโทรศัพท์ทั้งทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตาอีกแล้ว เพราะไม่มีใครหรอกที่จะโทรหาผมเช้าตรู่ขนาดนี้
“กรี๊ดดดด พี่ณัฏฐ์มีแฟนแล้วหรือคะ มีโทรปลุกกันตอนเช้าด้วย”
“เฮ้ย...”
ทำไมเป็นเสียงผู้หญิงหล่ะ ผมงี้ตาสว่างขึ้นมาทันที เป็นยัยจุ๊บแจงนี่เอง
“อ้าว ยัยจุ๊บมีอะไรโทรมาแต่เช้าตรู่เนี่ย”
“ไม่ต้องเลยพี่ณัฏฐ์ บอกน้องมาซะดีดี ไปแอบมีแฟนตอนไหนคะ ถึงมีคนโทรปลุกตอนเช้าด้วยนี่ เท่าที่น้องรู้พี่ณัฏฐ์ยังไม่มีแฟนนี่นา”
“ไม่มีอารายยย สงสัยพี่แค่ละเมออ่ะ”
โอ้ย..แถจนสีข้างถลอกหมดแล้วผม
“ละเมอเหรอ...ไม่ต้องเลยพี่ณัฏฐ์ ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ค่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“บอกน้องมาเดี๋ยวนี้เลย... เค้าคือใคร แล้วพี่ไปมีตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“นี่เดี๋ยวนี้กล้าสั่งพี่หรือคะ จุ๊บแจง นี่พี่ณัฏฐ์ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายขายนะครับ โทรมาเนี่ยมีไร ถ้าไม่มีอะไร พี่จะนอนต่อแล้วนะ”
ผมรีบเปลี่ยนเรื่อง ทำเสียงเข้มขู่ไปอย่างนั้น พอเจอมุกนี้ของผมเข้าไป ยัยจุ๊บมีเงียบอึ้งไปนิดนึงแล้วตอบกลับมาเสียงอ่อยๆ ว่า
“เอ่อ..คือ.. หนู พี่หนึ่ง พี่เทพ คิดถึงพี่ณัฏฐ์ม๊ากกกกค่ะ”
“แล้วงัยต่อ”
“พวกเราก็เลยจะพากันไปนั่งเล่นที่คอนโดพี่ณัฏฐ์ค่ะ แล้วก็ให้พี่ณัฏฐ์ทำอะไรให้พวกเรากิน แฮร่... ได้มั้ยคะพี่ณัฏฐ์”
“แล้วทำไม ไม่นัดล่วงหน้า ไม่คิดว่าพี่จะมีนัดบ้างหรือคะ”
“ก็พี่ณัฏฐ์ไม่มีแฟนอ่ะ ตัวคนเดียวเหมือนหนู พอวันหยุดก็คงไม่ได้ไปไหนมั้ง แฮะแฮะ”
“.....”
“เอ่อ... น้องขอโทษ ความจริงเราพึ่งคุยกันเมื่อคืนนี้เองค่ะ พวกเราก็คิดถึงพี่ณัฏฐ์ น้องก็เลยอาสามาเป็นทูตสัมพันธไมตรีค่ะ”
“แล้วอยากกินอะไรกันหล่ะ .. จะมากันกี่โมง”
“ชาบูมั้ยคะ ไม่อ้วนด้วย เดี๋ยวน้องไปช่วยพี่ณัฏฐ์เตรียมของเองค่ะ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียว”
“ตามนั้น เดี๋ยวพี่จะได้ลุกไปอาบน้ำก่อน”
“เย้.. พี่ณัฏฐ์น่ารักที่สุด เดี๋ยวน้องบอกให้พี่หนึ่งกับพี่เทพเตรียมเครื่องดื่มมานะคะ”
ปกติแล้วเมื่อก่อนเจ้าเด็กเด็กลูกทีมผมก็แวะเวียนมานั่งเล่นห้องผมเป็นประจำ โดยเฉพาะช่วงใกล้ปิดยอดปลายเดือน หรือ ช่วงที่ต้องมีการนำเสนอโครงการณ์เรียกว่า เตรียมรายงาน เตรียมนำเสนอลูกค้ากันหามรุ่งหามค่ำกันเลยทีเดียว
พอวางสายจากเจ้าจุ๊บแจง ผมก็มองดูเวลาที่มือถือตัวเลขบอกเวลา 06.30 น. นี่ผมตั้งใจว่าวันหยุดนี้จะนอนนิ่งนิ่งเป็นผักเน่าเน่าอยู่บนเตียงจนเที่ยงเลย แต่พอเจ้าลิงน้อยตัวแสบของผมโทรมานัด ทำเอาผมตาสว่างซะแล้ว ผมจึงลุกไปอาบน้ำ พอแต่งตัวเสร็จ เปิดเครื่องชงกาแฟ เตรียมกาแฟแก้วโปรดของผม “อเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาว” ให้อุ่นท้อง เรียกความสดชื่นสักแก้ว ผมจิบไปก็แอบอมยิ้มไป นึกถึงใครบางคนที่ผมชงกาแฟไปเผื่อทุกวันตอนเช้า วันนี้ไม่มีกาแฟของผม เค้าจะคิดถึงผมมั้ยนะ ผมก็เอาแต่นั่งอมยิ้มกับแก้วกาแฟไปอย่างนั้น
เอ... ทำไมผมถึงต้องคิดถึงเค้าด้วยล่ะ
Rrrrrrrrrrrr
“มาถึงแล้วหรือจุ๊บ รอพี่อยู่ข้างล่างแหละ เดี๋ยวพี่ลงไปรับแล้วออกไปซื้อของด้วยกันเลย”
ผมลงมาเจอจุ๊บแจงยิ้มตาหยีหน้าแป้นแล้นอยู่ เราก็ไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกัน ผมจะเน้นไปที่ของพร้อมปรุงได้เลยไม่ต้องเสียเวลาเตรียม ของสดต่างๆ ถูกผมและจุ๊บแจงหยิบวางลงในรถเข็น มีทั้งสันหมูสไลด์, หมูสามชั้นสไลด์อันนี้ผมหยิบมาเยอะหน่อย เพราะเป็นของชอบของหนุ่มหนุ่มลูกทีมผม เจ้าอดิเทพกับเต็งหนึ่ง ส่วนของจุ๊บแจงจะเน้นไปทางอาหารทะเล ทั้งกุ้ง หมึก และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ แล้วมีเซ็ตผัก และของกินเล่นพวกเฟรนซ์ฟาย นักเก็ต ที่สามารถจับเทเข้าหมอทอดไร้น้ำมันเปิดสวิทซ์แล้วรอกินได้เลย ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อการตลาดของเจ้าหม้อทอดไร้น้ำมันที่เค้าฮิตกันมาสักพักแล้ว มีแต่คนมารีวิว ว่ามันดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ พร้อมกับเมนูทอดหลากหลายที่กินแล้วฟินไม่รู้สึกผิดกับตัวเอง เหมาะกับคนที่ต้องการคุมน้ำหนักดูแลสุขภาพ ผมจึงทำการกดสั่งออนไลน์ช่วงที่ 11.11 ปีที่แล้ว พอมาถึงห้องก็ได้ใช้ไม่กี่ครั้ง ส่วนมากจะใช้ก็ตอนมีเจ้าพวกเด็กเด็กมาปาร์ตี้ที่ห้องผมนี่แหละครับ
ผมกับจุ๊บแจงซื้อของเสร็จ ก็กลับมาเตรียมของรอที่คอนโด ไม่นานเจ้าสองหนุ่มก็มาถึง ผมจึงให้จุ๊บแจงลงไปรับ
“สวัสดีครับพี่ณัฏฐ์ หอมจัง ผมได้กลิ่น แล้วหิวมากเลยคร๊าบบบ”
อดิเทพเอ่ยทักทายผม ไม่ทันไร อีกคนก็วิ่งเข้ามากอดผม
“เป็นอะไร ตาหนึ่งมากอดพี่ทำไมเนี่ย .. ปล่อยได้แล้ว”
ผมเอ็ดไปหนึ่งที เจ้าเต็งหนึ่งจะชอบเข้ามานัวเนีย คลอเคลียกับผม อาจเป็นเพราะเจ้านี่เป็นลูกคนเล็กของบ้านเลยมีนิสัยขี้อ้อน แต่ด้วยนิสัยขี้อ้อนของเจ้าเต็งหนึ่งนี่แหละ ที่ช่วยให้อาชีพการเป็นเซลล์ไปได้ด้วยดี ประมาณว่าเจอลูกค้าสาวสาวปุ๊บเสร็จคารมเจ้าหนึ่งทุกราย
ส่วนอดิเทพ จะมีบุคลิกออกแนว ห้าวห้าว สไตล์เด็กช่าง ก็จะเข้ากับลูกค้าโซนโรงงานได้ดี เป็นไงลูกทีมผม ครบรสไหมครับ
“มามา.. ของเตรียมเสร็จแล้ว น้ำเดือดแล้วมานั่งกินกัน”
“พี่เทพ พี่หนึ่งไปล้างมือก่อนเลย แล้วค่อยมากิน”
“นี่มันน้องหรือแม่วะ ดุชิบ ขี้บ่นอีกต่างหาก มิน่าล่ะถึงไม่มีแฟน”
อดิเทพตัวดีแซวน้องมันไปอีก แน่นอนล่ะ ยัยจุ๊บแจงมีหรือจะยอม วิ่งเข้าไปฟาดแขนอดิเทพดัง เพี้ยะ..
“เจ็บนะเว้ย .. ยัยจุ๊บ โอมเพี้ยงขอให้ขึ้นคาน ไม่มีใครเอา”
“พี่เทพ หยุดเลยไม่ต้องกินแล้ว น้องไม่ให้กิน”
“เอ็งไม่ให้กิน พี่ก็จะกิน เพราะพี่ณัฏฐ์ให้พี่กิน”
“พอ .. พอ... หยุดตีกันได้แล้ว นี่พี่คิดว่าพอพี่ไม่อยู่น่าจะรักกันมากขึ้นนะ แต่ดูแล้วยังตีกันเหมือนเดิม”
“ก็พี่ณัฏฐ์ดูไอ้พี่เทพมันดิ มันว่าหนู”
“งั้นก็ตีกันไปนะ .. มาหนึ่งเรามากินกันสองคนก็ได้ ตัดคู่แข่งไปอีกสอง”
ผมพูดพร้อมให้พยักหน้ากับเจ้าหนึ่ง เท่านั้นแหละ อดิเทพกับจุ๊บแจงถึงพักยกสงบศึกกันได้ เรากินกันไป คุยกันไป ผมก็นั่งฟังเจ้าสามคน เล่าเรื่องราวต่างๆ ในออฟฟิศ และเรื่องลูกค้าให้ฟัง และแล้วเหมือนจุ๊บแจงจะนึกอะไรบางอย่างออก
“พี่หนึ่งไอ้พี่เทพ”
“เฮ้ย..ยัยจุ๊บทำแกลำเอียงวะ ทำไมชื่อพี่ถึงต้องมีคำนำหน้าด้วยล่ะ”
อดิเทพโอดครวญ
“น้องรักพี่ไง เลยต้องเติมยศให้พี่ ฮ่า ฮ่า”
จุ๊บแจงพูดยังไม่ทันจบ อดิเทพก็เอามือยื่นไปผลักหัวจุ๊บแจงเบาเบา
“ไอ้พี่เทพแกล้งน้องอีกแล้วนะ เดี๋ยวเถอะ... เดี๋ยวไม่เล่าให้ฟังเลย เอามืออุดหูเลยนะห้ามฟัง”
“....”
“หนูจะบอกว่า พี่ณัฏฐ์มีแฟนแล้วค่ะ”
“ห๊ะ.. อะไรนะ”
สองหนุ่มอดิเทพกับเต็งหนึ่งอุทานมาพร้อมกัน ส่วนผมนั้น ถึงกับสำลัก หมูสามสไลด์แทบติดคอ
“ยังงัยกันพี่ณัฏฐ์ ห่างจากพวกผมไม่เท่าไหร่ ปันใจมีคนอื่นแล้วหรือ”
เต็งหนึ่งพูดแล้วทำหน้ากรุ้มกริ่มล้อเลียนผม
“เหลามาซะดีดีเลย เขาเป็นใคร ไปเจอกันตอนไหน”
อดิเทพถามย้ำมาอีก
“ไปฟังอะไรยัยจุ๊บแจงล่ะ เพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว พี่จะมีเวลาไปหาแฟนที่ไหน ทำแต่งานเนี่ย”
“จุ๊บไม่ได้เพ้อเจ้อนะคะ เมื่อเช้าที่จุ๊บโทรมา พี่ณัฏฐ์ยังพูดออกมาเลยว่า วันนี้วันหยุดไม่ต้องโทรปลุกก็ได้ แสดงว่าต้องมีคนโทรมาปลุกพี่ณัฏฐ์ทุกวันแน่เลย”
จุ๊บแจงสาธยายซะยาว ผมนี่หนาวหนาวร้อนร้อน เมื่อเช้าผมไม่น่าพลาดเลย ดูซิโดนแซวโดนซักไม่เลิก
“ก็บอกแล้วว่าทำแต่งาน จะมีเวลาไปหาที่ไหนเล่า ต้องตื่นแต่เช้าไปเข้าโรงงาน กว่าจะกลับมาถึงห้องก็ค่ำแล้ว ไม่มีเวลาไปหาแฟนหรอก”
“ใช่แล้วจุ๊บแจงคิดว่า แฟนพี่ณัฏฐ์ต้องเป็นคนที่โรงงานแน่เลย เพราะในเมื่อพี่ณัฏฐ์อยู่แต่ที่โรงงานกับคอนโด ก็ต้องเป็นที่โรงงานแหล่ะ”
จุ๊บแจงตั้งสมมุติฐาน
“พี่ณัฏฐ์ ที่โรงงานมีสาวเยอะมั้ยครับ”
ผมดีใจที่อดิเทพมาเบี่ยงประเด็นหัวข้อการสนทนาออกไปจากเรื่องเดิม
“มีบ้าง พวกสาวออฟฟิศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายมากกว่า”
"ว้า..อดเลย ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น ตอนแรกผมว่าจะขอพี่ณัฏฐ์ไปเที่ยวโรงงานซะหน่อย”
อดิเทพพูดแล้วคีบหมูสามชั้นสไลด์จากหม้อชาบูใส่ปากต่อ
“ไปค่ะ .. น้องอยากไปโรงงาน”
“จุ๊บแจง เมื่อก่อนเคยบอกว่าไม่อยากไปโรงงานไม่ใช่หรือ มันร้อนมากเลยนะ”
ผมพยายามหักเหความสนใจ
“แต่ตอนนี้จุ๊บอยากไปแล้วค่ะ”
‘จะไปดูหน้าแฟนพี่ณัฎฐ์’ อันนี้จุ๊บแจงคิดในไว้ในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป แล้วทำหน้าทะเล้นยิ้มตาหยี
Rrrrrrrrrrrrr..
ระหว่างที่พวกเรากำลังกิน กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสชาติ เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น หน้าจอโชว์ชื่อที่เมมไว้ว่า “คุณนาวิน” ผมขมวดคิ้วนิดนึงก่อนรับสาย มีอะไรหรือเปล่านะ โทรมาวันหยุดนี่
“ครับ .. คุณนาวิน”
“ผมโทรมากวนเวลาพักผ่อนในวันหยุดของคุณณัฏฐ์หรือเปล่าครับ”
“อ๋อ.. ไม่กวน ไม่กวน มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“....”
ปลายสายเงียบไปครู่นึง
“ถ้าไม่มีอะไร ผมโทรมาไม่ได้ใช่มั้ย”
นาวินพูดเสียงอ่อย ก่อนจะได้ยินเสียงลอดจากโทรศัพท์ทางฝั่งของณัฏฐ์ออกมา ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้อยู่คนเดียว แค่คิดเท่านี้ ใจเข้าก็เต้นแรงขึ้นแล้ว
“พี่ณัฏฐ์ครับ ซอสมะเขือเทศมันอยู่ตรงไหนอ่ะ ผมจะเอามาจิ้มกับเฟรนซ์ฟาย”
เสียงเต็งหนึ่งตะโกนถามมาจากห้องครัว ซึ่งแน่นอนล่ะ ว่าเสียงดังขนาดนั้น ทางปลายสายที่กำลังคุยโทรศัพท์กับผมต้องได้ยินแน่นอน
“เปิดตู้เหนือเตาดู อยู่ชั้นสองอ่ะ”
ผมตะโกนบอกไป ปลายสายอีกฝั่งของผมยังคงเงียบอยู่
“คุณณัฏฐ์ไม่ได้อยู่คนเดียวหรือครับ ผมนึกว่าคุณณัฏฐ์อยู่คนเดียวซะอีก”
เสียงของนาวินแผ่วลงไปนิด เพราะเค้าคิดมาตลอดว่าณัฏฐ์อยู่คอนโดคนเดียว แต่ทำไมวันนี้มีเสียงผู้ชายอีกคนอยู่ด้วย ฟังจากน้ำเสียงดูท่าทางจะสนิทสนมกันมาก
“อ๋อ.. วันนี้น้องน้องที่ออฟฟิศทีมเซลส์ของผม มานั่งเล่นกันที่ห้องผมครับ ยกทีมกันมาเลย เราก็เลยจัดปาร์ตี้ชาบูเล็กเล็กกันหน่ะครับ”
ผมแอบได้ยินเสียงถอนหายใจเบาเบาจากปลายสายโทรศัพท์
“งั้นวันนี้ คุณณัฏฐ์ก็ไม่ว่างละสิ ผมตั้งใจจะชวนไปเยี่ยมภรรยาพี่โชคนะครับ ภรรยาแกพึ่งคลอดลูก”
“คลอดแล้วหรือครับ ผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ แล้วอยู่โรงพยาบาลไหนครับ”
ผมรีบถามกลับไปด้วยความตื่นเต้น ก็พอรู้มาบ้างว่าภรรยาแกท้องแก่ใกล้คลอดแล้ว
“ผู้ชายครับอยู่โรงพยาบาล xxx ผมตั้งใจจะไปเยี่ยมวันนี้ แต่ไม่มีเพื่อนไปด้วย ก็เลยอยากชวนคุณณัฏฐ์ไปเยี่ยมด้วยกัน แต่ถ้าคุณณัฏฐ์ไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรครับ”
“ไปได้ครับ ไปได้ เราไปเยี่ยมตอนเย็นก็ได้เนอะ โรงพยาบาลเอกชนมีเวลาให้เยี่ยมตั้งเยอะ”
“คุณณัฏฐ์ไปได้จริงอ่ะ แล้วคุณณัฏฐ์สะดวกกี่โมงครับ”
“สี่โมงเย็นมั้ยคุณ เดี๋ยวผมไปรับ”
“โอเคครับ แล้วเจอกันนะครับ เอ่อ..อย่าดื่มเยอะนะ เดี๋ยวตอนเย็นมาหาผมไม่ไหว”
“ฮ่า ฮ่า นิดหน่อยเอง สบายมาก”
พูดคุยกันจบ ก็วางโทรศัพท์ไป
“พี่ณัฏฐ์มีนัดหรือคะ”
จุ๊บแจงถามด้วยความสนใจ
“อืม...ภรรยาผู้จัดการแผนกออกแบบที่พี่ทำงานด้วยเขาคลอดลูกน่ะ พี่ก็เลยคิดว่าจะไปเยี่ยมเขาสักหน่อย เดี๋ยวพี่ค่อยออกไปตอนเย็น”
ณัฏฐ์ชี้แจงสั้นๆ ให้ลูกทีมฟัง
สำหรับนาวินหลังจากที่วางโทรศัพท์จากณัฏฐ์ไป เขาต้องยอมรับกับตัวเองเลยว่า ในตอนแรกเขาแค่คิดจะหาเรื่องมาเจอคนหน้าหวานของเขาเท่านั้น เพียงเพราะคิดถึงรอยยิ้ม คิดถึงความสดใส จึงอยากมาเจอแต่ก็ไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไร โชคดีที่ได้ข่าวว่าภรรยาพี่ศุภโชคคลอดลูกแล้ว นี่น่าจะพอเป็นเหตุผลให้เอาตัวไปเจอเจ้าของรอยยิ้มนั้นในวันหยุดได้ แต่แวบนึง ตอนที่ได้ยินเสียงใครอีกคนดังออกมาโทรศัพท์ของคนหน้าหวานของเขา มันทำให้เขานั้นตกใจและใจแป้วเป็นอย่างมาก ทำไมถึงมีเสียงผู้ชายอีกคนอยู่กับเขาคนนั้นในวันหยุดนี้ได้ล่ะ และที่สำคัญสถานที่ที่เขาอยู่ด้วยกันคือคอนโดของณัฏฐ์ ตอนนั้นนาวินแอบคิดดีไม่ได้เลยจริงจริง แต่พอได้ยินความจริงมันก็ทำให้เขายิ้มกว้างออกมาได้อีกครั้ง
เดี๋ยวเย็นนี้เจอกันนะ คนหน้าหวานของผม
“อืมมม ดีจัง”ผมเผลอส่งเสียงออกมาเบาด้วยความฟินเหมือนมีคนมานวดหัวให้เหมือนตอนเข้าสปาเลย สักพักมือนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากที่เล่นกับหัวทุยๆและเส้นผมของผม เปลี่ยนเป็นมาโอบกอดผมจากด้านหลัง แล้วเจ้าจมูกโด่งสันเป็นคมก็พ่นลมหายใจอุ่นพร้อมกับกดลงมาสัมผัสที่คอของผม เท่านั้นยังไม่พอริมฝีปากนุ่มของเขาก็เริ่มรุกรานกดสัมผัสตรงโน้นที ตรงนี้ที นัวเนียอยู่แถวซอกคอของผม ชวนให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนรุกตั้งชันไปหมด จากนั้นเขาเอียงหน้าเข้าหาผม แล้วกดจูบมาที่ริมฝีปากบางของผม จนผมเผลอร้องด้วยความตกใจ และก็ในวินาทีนั้นเอง ลิ้นเรียวอุ่นของเขาคนนี้ก็ฉวยโอกาสรุกล้ำเข้าไปภายในของผมสำเร็จ เขาค่อยๆ สัมผัสอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน เหมือนจะค่อยๆ สอนผมให้ผมรับรู้ความรู้สึกไปพร้อมพร้อมกัน มันเนิ่นนานจนผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆบรรจงถอนริมฝีปากออกและยังมีน้ำใสใสที่ยืดเชื่อมอยู่ระหว่างเรา เหมือนกับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเราที่กำลังเริ่มขึ้น“พี่ณัฏฐ์ ผมชอบพี่นะ”คำพูดของนาวินทำให้ผมใจเต้นโครมคราม“แต่ผมเป็นผู้ชายนะ และผมก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”ผมเลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ผมไม่ได้เป็นเกย์” ออกไป“ผมก็เป็นผู
นาวินถือของพะรุงพะรังเดินตามคนพี่ออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดที่หน้าห้อง พอประตูถูกเปิดผมก็สัมผัสได้กับกลิ่นหอมอ่อนอ่อนภายในห้อง ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าจมูกผมทำงานไม่ผิดเพี้ยน น่าจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสีขาว เว้นแต่ผ้าม่านที่เป็นสีเทา ‘ดูท่าทางเจ้าของห้องจะชอบสีขาว ส่วนตัวผมก็ผิวขาว แล้วเจ้าของห้องจะชอบมั้ยนะ’ผมวางของทั้งหมดไว้ในห้องครัว พอหันกลับมาก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้“ทานน้ำก่อนครับ”“ขอบคุณครับ”ผมรับแก้วน้ำจากมือบางบาง แล้วถือโอกาสกุมมือไว้ไม่ปล่อย“นี่จะจับอีกนานมั้ย ปล่อยได้แล้ว”ดูก็รู้ว่าเขิน คนอะไรเขินเก่ง เขินแล้วก็กลบเกลื่อนเก่งด้วย ผมปล่อยมือออกแล้วจิบน้ำอย่างชื่นใจ“ห้องพี่นี่น่าอยู่มากเลยนะครับ บรรยากาศสบายสบาย รู้สึกผ่อนคลายจัง”“ผมตั้งใจเองแหล่ะ อยากได้ฟีลแบบ อยู่ในธรรมชาติหรือยกสปามาไว้ที่ห้อง เลิกงานกลับห้องมาจะได้เหมือนว่าไปเข้าสปาทุกวัน”“ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์มั้ย”“เก่งนี่ ดมกลิ่นเก่งนะเรา จมูกดี๊ดี”คนตรงหน้าพูดแล้วยู่จมูกใส่ผม จนผมอยากจะเอามือไปจับแล้วบีบเล่น“
เสร็จกิจจากการประชุมกับลูกค้า ผมก็มีภาระกิจไปส่งคนตัวโตข้างข้างผมอีก หลังจากแยกย้ายกับพี่วิวัฒน์ เราก็เดินมาขึ้นรถ คนตัวโตเปิดรถไปนั่งประจำที่เป็นตุ๊กตาตัวโตหน้ารถ ส่วนผมก็ประจำที่เป็นพลขับ นี่ผมกลายเป็นคนขับรถให้คุณเขาไปแล้วสินะ“เย็นนี้คุณนาวินอยากกินอะไรดีครับ” ผมแกล้งพูดทำเสียงเรียบเรียบใส่เขา“ผมอยากกินพี่”ผมหันมามองเขาอย่างตกใจ “นายพูดอะไรของนายนี่”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมจะบอกว่าผมอยากกินอะไรก็ได้ที่กินกับพี่ ผมยังพูดไม่ทันจบเลย พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย”“ก็ผมได้ยินอย่างนี้จริงจริงนี่ คนอย่างนายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เลย ตกลงจะกินอะไร”“กินอะไรแถวคอนโดพี่ก็ได้ หรือจะซื้อไปกินที่ห้องพี่ได้นะ”“อ้าวแล้วทำไมต้องเป็นคอนโดผมด้วย ย้อนไปย้อนมา ถ้าขึ้นห้องแล้ว ผมไม่ออกไปส่งแล้วนะ”“ไม่ออกก็ไม่ต้องออกดิ”“งั้นนายก็นั่งรถไฟฟ้า ไปต่อรถตู้กลับเองเลย”“ไม่เป็นไร คืนนี้ผมค้างกับพี่ได้”“เฮ้ย.. ไม่ได้ จู่จู่จะมาค้างห้องผมได้อย่างไร”“ทีพี่ยังไปค้างห้องผมได้เลย”“ก็นั่นนายชวนเองนี่ และนี่ผมก็ไม่ได้ชวนนายด้วย เจ้าของห้องไม่ยินยอม นายมาค้างเองไม่ได้นะ”“เอ.. ที่พี่ไม่ให้ผมไปค้างด้วย หรือว่าพี่มีความลับอะไรซ่อ
โอ้ย.. ผมปวดหัว ผมเครียดและผมก็มึนไปหมดแล้ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งความวุ่นวายและอาจเป็นสัปดาห์ที่จะชี้ชะตาผมก็ได้ ก็วันศุกร์นี้ผมต้องไปนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้า BBB ซึ่งเดิมเป็นโครงการณ์ที่คุณธนพัฒน์เซลส์คนเก่าดูแลอยู่ และถูกจีบให้ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง แล้วจะไม่ให้เครียดได้งัย ในเมื่อบริษัทคู่แข่งรู้ไส้รู้พุงเราหมดแล้ว ผมกับทีมงานคงต้องปรับกลยุทธใหม่กันยกแผง“พี่ศุภโชคครับ ผมอยากนัดพี่เพื่อนำเสนอโครงการณ์ให้พี่ดูก่อนครับ พี่พอสะดวกช่วงเวลาไหนครับ ผมมีนัดนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้าวันศุกร์นี้ครับ”“งั้นบ่ายนี้เลยก็ได้ครับคุณณัฏฐ์”“ถ้าอย่างนั้นผมขอเชิญทีมงานเข้ามาร่วมฟังด้วยนะครับ จะได้ถือโอกาสซ้อมไปทีเดียวเลย”“ระดับคุณณัฏฐ์แล้วยังต้องซ้อมอีกเหรอ”“ซ้อมสิพี่ ผมยังไม่ค่อยแม่นในเนื้อหาเท่าไหร่”“ผมบอกแล้วไงว่า เรื่องเนื้อหา ให้นาวินเค้าจัดการ เค้าคอยซัพพอร์ตอยู่แล้วคุณณัฏฐ์ไม่ต้องกังวล”ผมพยักหน้ารับกับคำแนะนะของพี่ศุภโชค แล้วให้ไปสบตากับเจ้าของชื่อที่ถูกพลาดพิง ซึ่งเค้าก็กำลังมองมาที่ผมพอดี สายตาที่เค้าส่งมาให้ผมนั้น มันเป็นสายตาที่แน่วแน่และอบอุ่น ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้เยอะเลยเมื
บ่ายวันนี้ ในออฟฟิศมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เพราะทีมออกแบบ เขายกทีมปิดห้องประชุมคุยกันเคร่งเครียดมากเลย จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรก็โปรเจคที่กำลังดำเนินการอยู่ถูกคุณลูกค้าตัวดีมาขอเปลี่ยนคอนเซปใหม่หมด แบบว่ารื้อทำใหม่ทั้งเครื่องเลย แต่ต้องส่งงานตามเดิมนะ นี่แหละคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ยังดีที่ให้เพิ่มราคาในส่วนที่เปลี่ยนแปลงและให้ชาร์จค่าเสียเวลาค่าเร่งด่วนได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละ มันแทบจะไม่คุ้มเหนื่อยค่าปวดหัวเลยให้ตายสิ ในตอนแรกผมก็เข้าไปร่วมประชุมกับพวกเขาด้วยเพราะจะได้เก็บข้อมูลไปช่วยเคลียร์กับลูกค้าให้ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาทางเอ็นจิเนียริ่ง ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยในเวลานี้ เพราะคงช่วยอะไรใครไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า คอยให้เป็นกำลังใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากผมนี่นา ผมมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแล้ว ยังไม่มีใครออกจากห้องประชุม ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปสั่งน้ำและขนมเอามาเติมพลังให้หนุ่มหนุ่ม พอน้ำขนมมาส่งผมค่อยๆ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไป แล้วทุกสายตาก็หันมาจ้องมองที่ผมแบบนิ่งนิ่ง สงสัยว่าผมคงจะเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่านะ ผมรีบส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุด
ผมอาบน้ำไปใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งคิดไปถึงสัมผัสอุ่นอุ่นที่ได้รับมาเมื่อครู่นี้ ผมยอมรับจริงจริงมามันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ นาวินเขาจะรู้สึกพิเศษกับผมงั้นหรือ ไม่น่าใช่มั้ง โอ้ย.. คงไม่มีอะไรหรอก เขาคงแค่แกล้งผมเล่นก็เท่านั้นแหละ แต่แกล้งแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีต่อใจผมเลยนะ ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และยังคงเห็นนาวินนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่โชฟา ผมยังลังเลอยู่ว่าผมควรจะไปอยู่ตรงไหนดี ไปนั่งที่โชฟา หรือเดินเข้าไปในห้องนอน หรือ ... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ พ่อตัวดีก็คว้าตัวผมดึงลงมานั่งที่โชฟา“นั่งตรงนี้”นาวินจับผมมานั่งที่โซฟา“จะทำอะไร” ผมหันไปถาม“นั่งนิ่งนิ่งนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้ ผมเปียกแล้วนอนเดี๋ยวจะไม่สบาย”“เฮ้ย .. ไม่ต้อง ผมทำเองได้ คุณไปอาบน้ำเถอะ”“บอกให้อยู่นิ่งนิ่งไง อย่าดื้อสิครับ ผมทำให้พี่สะดวกกว่า”นาวินก้มมาพูดซะใกล้หูผม ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นอุ่น และดูเหมือนว่าเค้าจะจงใจที่จะเป่ามาที่หูผมเบาเบา ทำให้ผมถึงกับสตั๊นนั่งนิ่งตัวแข็งไปเลย“พี่พกแชมพูกับครีมอาบน้ำมาเองเหรอ.”“เปล่านี่ ก็ใช้ของของนายนั่นแหล