เป็นเวลาเกือบเดือนแล้วสินะ ที่ผมเดินเข้าออกที่โรงงาน ซึ่งตอนนี้ผมก็ดูจะเข้ากับทุกคนได้ดี และทุกวันตอนเช้า ผมก็จะเดินมาพร้อมกับแก้วเก็บอุณหภูมิหนึ่งใบ แล้วนำไปวางที่โต๊ะของ ผู้ชายหน้านิ่งคนนั้น แต่เดี๋ยวนี้นะ เขาเริ่มไม่นิ่งกับผมแล้วสิ
“วันนี้ช้าไป 10 นาทีนะครับ”
นาวินพูดพร้อมรับแก้วจากมือของผมทั้งที่ผมยังไม่ทันได้วางถึงพื้นโต๊ะเลย และยิ้มเล็กเล็กที่มุมปาก
“เอ่อ.. แฮะแฮะ วันนี้ตื่นสายไปนิดครับ ลืมตั้งโทรศัพท์ปลุก”
ผมยิ้มเก้อเขินเล็กน้อย เอามือเกาหัวเบาเบาที่ตัวเองตื่นสาย เพราะเมื่อคืนประชุมสรุปงานกับลูกทีมเซลส์ที่ออฟฟิศ แล้วก็เม้าส์มอยกันต่อยันดึก
“ปกติต้องตื่นกี่โมงครับ”
เขาถามผมมา
“ก็ตั้งปลุกไว้ตีห้าน่ะ แต่เมื่อเช้าผมพลาดไม่ได้ตั้งปลุก ตื่นมาเกือบหกโมงเลยครับ”
“โอเค.. งั้นผมจะโทรปลุกตีห้าทุกวัน”
“เฮ้ย... ไม่ต้องขนาดนั้นครับ ปกติผมก็มาตรงเวลานะ มีพลาดวันนี้วันเดียวเอง อย่าลำบากเลยครับ”
ผมรีบปฏิเสธ นี่เขาคิดอะไรของเขากันนี่
“ไม่ลำบากเลย ผมเต็มใจ โอเคตามนี้นะ รับสายผมด้วยจะได้รู้ว่าตื่นแล้ว”
ตาย ตาย เขารู้ตัวมั้ยว่าเขาพูดออกมา แค่เพื่อนร่วมงานกัน ใครเขาจะมาโทรปลุกกันละเนี่ย บ้าไปแล้ว ทำยังกับว่าเป็นแฟนกัน เฮ้ยนี่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย ทำไมร้อนวูบวาบที่หน้าไปหมด ยังไม่ทันได้จินตนาการต่อก็มีเสียงแซวจากอีกโต๊ะนึง
“เฮ้ย... แม็กซ์ ..ฝนตกไม่ทั่วฟ้านี่หว่า นายว่าปะ นั่งกัน 3 คน มีพี่วินได้กาแฟคนเดียว”
กอล์ฟตะโกนแทรกมายั่วยั่ว
“เป็นกอล์ฟก็ลำบากหน่อยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า เสน่ห์แรงสู้พี่วินไม่ได้”
แม็กซ์แซวกลับ
“พี่วิน นี่พี่จะเป็นคู่แข่งหัวใจผมจริงจริงหรือครับ ผมบอกแล้วไงว่าคนนี้ผมขอ แค่นี้พี่ให้น้องไม่ได้เหรอครับ”
กอล์ฟหันไปวอแวกับนาวิน ผมนี่เสียวสันหลังวาบ ไอ้เด็กบ้านี่ ทำไมกล้าดีอย่างนี้นะ แล้วถ้าพ่อหนุ่มหน้านิ่งของผมเกิดไม่พอใจขึ้นมาจะทำไง และแล้วผมก็ได้รับคำตอบจากพ่อหนุ่มหน้านิ่งโดยไม่ต้องคิดไปเอง
“เรื่องแบบนี้ปรบมือข้างเดียวมันไม่ดังนะ ว่ามั้ย”
นาวินตอบแล้วเหล่สายตามาทางผม เอาแล้วสิ ตอบอะไรมาแบบนี้เนี่ย ทำไมไม่ช่วยแก้ต่าง โยนอะไรมาให้ผมเนี่ย
“ผมไปห้องน้ำก่อนนะ ขับรถมาตั้งไกล ปวดท้องจะแย่แล้ว”
“ท่าทางพี่ณัฏฐ์จะปวดท้องมากนะนั่น ปวดจนหน้าแดงไปหมดเลย กอล์ฟนายดูสิ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ผมหันไปชี้หน้าคาดโทษเจ้าแม็กซ์ไปหนึ่งที
“พี่ณัฏฐ์หยุดทำตัวน่ารักแบบนี้ได้มั้ย พี่ทำให้หนุ่มหนุ่มแผนกออกแบบคลั่งรักพี่จะตายอยู่แล้ว เกิดผมหลงเสน่ห์พี่ไปอีกคน เดี๋ยวทีมเราจะวุ่นวายไปกว่านี้นะครับ เหลือผมไว้สักคนนะครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ผมได้ยินแม็กซ์แซวกลับมาแบบนี้ ทำเอาผมหันหน้าหนีกลับแทบไม่ทัน แหมเดี๋ยวนี้พร้อมใจกันแทคทีมกันเลยนะ
Rrrrrrrr
หงุดหงิดเป็นบ้าเลย ใครกันนะโทรมาแต่เช้า คนกำลังหลับกำลังนอนฝันดีอยู่เนี่ย ผมคว้าโทรศัพท์มารับทั้งที่ตายังหลับอยู่ เลยไม่ได้ดูเบอร์โทรหรือชื่อคนที่เมมไว้ที่โชว์อยู่ที่หน้าจอ เดี๋ยวคอยดูนะถ้าเป็นพวกโรคจิต พี่จะด่าให้จำไปสามวันเจ็ดวันเลย
“ใครโทรมาตอนนี้เนี่ย ฮาโหลลลลครับ”
“ตื่นได้แล้ว คนขี้เซา”
เฮ้ยยย.. เสียงคุ้นคุ้น ผมสะดุ้งตาตั้งทันทีรีบดูเบอร์ที่โทรเข้ามา ปรากฏว่าหน้าจอโทรศัพท์ผมแสดงชื่อ “คุณนาวิน”
“โทรมาทำไมเนี่ย ลำบากคุณแท้ๆ”
“ก็มีคนขี้เซายังไม่ตื่นไง ผมเลยต้องโทรมาปลุก มอร์นิ่งนะครับ”
“เอ่อออ... ครับ”
“หรือจะเปลี่ยนเป็นมอร์นิ่งคิส ดีครับ”
“นี่คุณนาวิน ผมว่าคุณต้องนอนไม่พอแน่เลย ถึงได้พูดจาแปลกแปลกแบบนี้”
“จุ๊บบบ.... ตื่นยังครับ ไปอาบน้ำได้แล้ว หรือจะอาบพร้อมกัน จะได้เปิดกล้อง”
“เอ่อ.. พอ พอ พอ แล้วครับ ผมไม่เคยคิดเลยนะครับว่าคุณนาวินจะเป็นคนหื่นแบบนี้”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ และผมก็สามารถเป็นได้มากกว่านี้อีก เชื่อไหม ลองดูมั้ยล่ะ”
“ผมว่า ผมรีบไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวจะไปสายอีก แค่นี้นะ”
ผมรีบตัดวางสาย
....
หลังจากวางโทรศัพท์ นาวินก็นั่งอมยิ้ม ถือโทรศัพท์เคาะมือเบาเบา เขาเองก็ยังงงกับตัวเองว่า พูดอะไรแบบนั้นไปได้อย่างไร ตั้งแต่มีคนหน้าหวานคนนี้เข้ามาร่วมงานด้วย ผมก็รู้สึกมีอะไรสนุกสนุกให้เล่นอีกเยอะ ผมชอบเวลาที่ผมพูดอะไรไปแล้วคนหน้าหวานทำหน้าเหวอ หรือเขินทำตัวไม่ถูก มันดูน่ารักชะมัด นี่ผมก็เดาว่าตอนนี้คงเขินหน้าแดง เอาหน้าซุกที่ผ้าห่มยังไม่ยอมลุกจากเตียงแน่เลย
ส่วนทางณัฏฐ์ก็เสียอาการอย่างหนัก ‘พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยผมด้วย ผมไม่ไหวแล้ว อยู่ดีดีก็มาเจอ คนหน้านิ่งเริ่มรุก เริ่มเต๊าะไม่หยุด จนผมจะเริ่มไม่ไหวแล้วนะ’ ผมนึกในใจแล้วเอาหน้าซุกไปกับผ้าห่ม แล้วนอนดิ้นกรี๊ดกรี๊ดอยู่บนเตียง
หัวใจก็เป็นเพียงเนื้อนิ่มนิ่ม โดนเต๊าะเรื่อยๆ มันก็หวั่นไหวได้เหมือนกันนะ คนบ้านับวันดีกรีการเต๊าะยิ่งรุนแรงขึ้น ไม่น่าเชื่อคนนิ่งนิ่ง ดูเป็นงานเป็นการ จะมีมุมหื่นแบบนี้ด้วย ผมมุดหน้าลงในผ้าห่มแล้วกรี๊ดอีกรอบ เพื่อระบายความรู้สึกบางอย่างออกไป เฮ้อ... ไปอาบน้ำดีกว่า วันนี้ผมต้องไปให้เร็วกว่าเดิม คนคนนั้นจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างโทรมาปลุกผมอีก
07.20 น.
วันนี้ผมมาถึงโรงงานเร็วมาก ในออฟฟิศยังมีคนมาไม่กี่คน โดยเฉพาะทีมผม ยังไม่มีใครมา ดีเลยผมรีบเอาแก้วกาแฟไปวางไว้บนโต๊ะคนหน้านิ่งก่อนดีกว่า เพราะผมคงทำหน้าไม่ถูกถ้าต้องให้เขาต่อหน้า พอวางเสร็จก็หันกลับมาแล้วชนเข้ากับใครคนหนึ่งดังปัง
“โอ้ย.. ขอโทษครับ”
ผมเซไปนิดนึงแล้วรีบเอ่ยคำขอโทษออกไป ในจังหวะที่ผมชนเขาคนนั้นก็เอามือมาเกี่ยวเอวผมไว้ ผมรีบเงยหน้าดู เอาแล้วไงคนที่ผมชนและโดนคว้าเอวไว้ก็ คือ คนที่ผมยังไม่พร้อมจะเจอตอนนี้ “คุณนาวิน”
“ปล่อยผมได้แล้วครับ ขอบคุณนะครับ”
ทำไมผมเขินยังงี้นะ
“มาเร็วดีนี่ แปลว่าผมปลุกแล้วได้ผล งั้นยึดเวลานี้เนอะ เดี๋ยวผมโทรปลุกทุกวันเลย”
“ไม่ต้องครับ ปกติผมก็ตื่นเวลานี้อยู่แล้ว ผมพลาดแค่วันเดียวเอง คุณนาวินไม่ต้องลำบากเลย”
พอผมพูดจบเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม จนผมต้องถอยหลังไปโดยอัตโนมัติจนตัวไปติดกับโต๊ะ เขาเอามือวางลงบนโต๊ะ ทำให้หน้าของเขาเข้าใกล้ผมไปอีก ไม่นะ มันใกล้เกินไปแล้ว ใกล้จนผมสัมผัสลมหายใจอุ่นอุ่นเค้าได้ที่ต้นคอผม แล้วเขาก็พูดเบาเบาที่ข้างหูผม
“ผมบอกแล้วงัย ว่าผมไม่ลำบาก ผมเต็มใจ”
คำพูดและลมหายใจเขามันทำให้ผมรู้สึกแปลกแปลก ขนลุก หน้าร้อนมาเลย ผมรีบหันไปมองเขา ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมพลาดอย่างแรง เพราะผมคิดว่าเขาถอนใบหน้าเขาออกไปแล้ว แต่ความจริงเขากลับยังอยู่ที่เดิม เป็นผมเสียอีกที่เอาแก้มไปชนจมูกเขา
“อุ้ย....” ผมตกใจร้องเสียงหลงทำตาโต นี่มันเหมือนโดนหอมแก้มเลย
“น่ารักอีกแล้ว”
นาวินพูด พร้อมหยิบกาแฟมาจิบ โดยที่ตาเขายังมองมาที่ผมอยู่ ผมไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ผมแพ้แล้วจริงจริง ผมแพ้ทางเขา
“อืมมม หอม สดชื่นมากครับ ผมชอบมาก”
“ขอบคุณครับ ผมดีใจที่คุณนาวินชอบ ถ้าเบื่อเมื่อไหร่บอกผมนะครับ”
“ไม่... ผมไม่มีวันเบื่อคุณณัฏฐ์แน่นอน ตรงกันข้ามผมว่าผมติดใจคุณณัฏฐ์ไปแล้วด้วยซ้ำ”
“หือออ... คุณนาวินหมายถึงยังไม่เบื่ออเมริกาโน่น้ำผึ้งมะนาวของผมใช่มั้ยครับ”
ผมถามอะไรโง่โง่ไปอีกหรือเปล่านะ
“ผมหมายถึงทั้งกาแฟและคนชงครับ ชอบ ชอบมาก ชอบจนอยากพาไปชงที่ห้องผมทุกวันเลย”
“คุณนาวินชอบพูดล้อเล่นกับผมอยู่เรื่อยเลย เดี๋ยวผมไปเตรียมงานก่อนดีกว่า”
พูดจบผมก็รีบเบี่ยงตัวหลบเขา เพื่อไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง โดยที่ผมก็ยังเห็นว่าเขาคนนั้นยังคงมองมาที่ผมแล้วยังคงอมยิ้มอยู่ด้วย
เป็นงัยคะ .. นี่แหละที่เขาว่ากันว่า อย่าไว้ใจหนุ่มใส่แว่นที่ดูเนิร์ดๆ เวลาเขารุกแล้ว ใจมันสั่น
“อืมมม ดีจัง”ผมเผลอส่งเสียงออกมาเบาด้วยความฟินเหมือนมีคนมานวดหัวให้เหมือนตอนเข้าสปาเลย สักพักมือนั้นก็ค่อยๆ ย้ายจากที่เล่นกับหัวทุยๆและเส้นผมของผม เปลี่ยนเป็นมาโอบกอดผมจากด้านหลัง แล้วเจ้าจมูกโด่งสันเป็นคมก็พ่นลมหายใจอุ่นพร้อมกับกดลงมาสัมผัสที่คอของผม เท่านั้นยังไม่พอริมฝีปากนุ่มของเขาก็เริ่มรุกรานกดสัมผัสตรงโน้นที ตรงนี้ที นัวเนียอยู่แถวซอกคอของผม ชวนให้ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ขนรุกตั้งชันไปหมด จากนั้นเขาเอียงหน้าเข้าหาผม แล้วกดจูบมาที่ริมฝีปากบางของผม จนผมเผลอร้องด้วยความตกใจ และก็ในวินาทีนั้นเอง ลิ้นเรียวอุ่นของเขาคนนี้ก็ฉวยโอกาสรุกล้ำเข้าไปภายในของผมสำเร็จ เขาค่อยๆ สัมผัสอย่างเชื่องช้า ไม่รีบร้อน เหมือนจะค่อยๆ สอนผมให้ผมรับรู้ความรู้สึกไปพร้อมพร้อมกัน มันเนิ่นนานจนผมเริ่มรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจ เขาจึงค่อยๆบรรจงถอนริมฝีปากออกและยังมีน้ำใสใสที่ยืดเชื่อมอยู่ระหว่างเรา เหมือนกับเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างเราที่กำลังเริ่มขึ้น“พี่ณัฏฐ์ ผมชอบพี่นะ”คำพูดของนาวินทำให้ผมใจเต้นโครมคราม“แต่ผมเป็นผู้ชายนะ และผมก็เคยชอบผู้หญิงมาก่อน”ผมเลี่ยงที่จะพูดคำว่า “ผมไม่ได้เป็นเกย์” ออกไป“ผมก็เป็นผู
นาวินถือของพะรุงพะรังเดินตามคนพี่ออกจากลิฟท์แล้วมาหยุดที่หน้าห้อง พอประตูถูกเปิดผมก็สัมผัสได้กับกลิ่นหอมอ่อนอ่อนภายในห้อง ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ถ้าจมูกผมทำงานไม่ผิดเพี้ยน น่าจะเป็นกลิ่นลาเวนเดอร์ ภายในห้องถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เจอแต่สีขาว เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสีขาว เว้นแต่ผ้าม่านที่เป็นสีเทา ‘ดูท่าทางเจ้าของห้องจะชอบสีขาว ส่วนตัวผมก็ผิวขาว แล้วเจ้าของห้องจะชอบมั้ยนะ’ผมวางของทั้งหมดไว้ในห้องครัว พอหันกลับมาก็มีแก้วน้ำยื่นมาให้“ทานน้ำก่อนครับ”“ขอบคุณครับ”ผมรับแก้วน้ำจากมือบางบาง แล้วถือโอกาสกุมมือไว้ไม่ปล่อย“นี่จะจับอีกนานมั้ย ปล่อยได้แล้ว”ดูก็รู้ว่าเขิน คนอะไรเขินเก่ง เขินแล้วก็กลบเกลื่อนเก่งด้วย ผมปล่อยมือออกแล้วจิบน้ำอย่างชื่นใจ“ห้องพี่นี่น่าอยู่มากเลยนะครับ บรรยากาศสบายสบาย รู้สึกผ่อนคลายจัง”“ผมตั้งใจเองแหล่ะ อยากได้ฟีลแบบ อยู่ในธรรมชาติหรือยกสปามาไว้ที่ห้อง เลิกงานกลับห้องมาจะได้เหมือนว่าไปเข้าสปาทุกวัน”“ใช่กลิ่นลาเวนเดอร์มั้ย”“เก่งนี่ ดมกลิ่นเก่งนะเรา จมูกดี๊ดี”คนตรงหน้าพูดแล้วยู่จมูกใส่ผม จนผมอยากจะเอามือไปจับแล้วบีบเล่น“
เสร็จกิจจากการประชุมกับลูกค้า ผมก็มีภาระกิจไปส่งคนตัวโตข้างข้างผมอีก หลังจากแยกย้ายกับพี่วิวัฒน์ เราก็เดินมาขึ้นรถ คนตัวโตเปิดรถไปนั่งประจำที่เป็นตุ๊กตาตัวโตหน้ารถ ส่วนผมก็ประจำที่เป็นพลขับ นี่ผมกลายเป็นคนขับรถให้คุณเขาไปแล้วสินะ“เย็นนี้คุณนาวินอยากกินอะไรดีครับ” ผมแกล้งพูดทำเสียงเรียบเรียบใส่เขา“ผมอยากกินพี่”ผมหันมามองเขาอย่างตกใจ “นายพูดอะไรของนายนี่”“ฮ่าฮ่าฮ่า ผมจะบอกว่าผมอยากกินอะไรก็ได้ที่กินกับพี่ ผมยังพูดไม่ทันจบเลย พี่คิดอะไรอยู่เนี่ย”“ก็ผมได้ยินอย่างนี้จริงจริงนี่ คนอย่างนายเดี๋ยวนี้ไว้ใจไม่ได้เลย ตกลงจะกินอะไร”“กินอะไรแถวคอนโดพี่ก็ได้ หรือจะซื้อไปกินที่ห้องพี่ได้นะ”“อ้าวแล้วทำไมต้องเป็นคอนโดผมด้วย ย้อนไปย้อนมา ถ้าขึ้นห้องแล้ว ผมไม่ออกไปส่งแล้วนะ”“ไม่ออกก็ไม่ต้องออกดิ”“งั้นนายก็นั่งรถไฟฟ้า ไปต่อรถตู้กลับเองเลย”“ไม่เป็นไร คืนนี้ผมค้างกับพี่ได้”“เฮ้ย.. ไม่ได้ จู่จู่จะมาค้างห้องผมได้อย่างไร”“ทีพี่ยังไปค้างห้องผมได้เลย”“ก็นั่นนายชวนเองนี่ และนี่ผมก็ไม่ได้ชวนนายด้วย เจ้าของห้องไม่ยินยอม นายมาค้างเองไม่ได้นะ”“เอ.. ที่พี่ไม่ให้ผมไปค้างด้วย หรือว่าพี่มีความลับอะไรซ่อ
โอ้ย.. ผมปวดหัว ผมเครียดและผมก็มึนไปหมดแล้ว สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์แห่งความวุ่นวายและอาจเป็นสัปดาห์ที่จะชี้ชะตาผมก็ได้ ก็วันศุกร์นี้ผมต้องไปนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้า BBB ซึ่งเดิมเป็นโครงการณ์ที่คุณธนพัฒน์เซลส์คนเก่าดูแลอยู่ และถูกจีบให้ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่ง แล้วจะไม่ให้เครียดได้งัย ในเมื่อบริษัทคู่แข่งรู้ไส้รู้พุงเราหมดแล้ว ผมกับทีมงานคงต้องปรับกลยุทธใหม่กันยกแผง“พี่ศุภโชคครับ ผมอยากนัดพี่เพื่อนำเสนอโครงการณ์ให้พี่ดูก่อนครับ พี่พอสะดวกช่วงเวลาไหนครับ ผมมีนัดนำเสนอโครงการณ์กับลูกค้าวันศุกร์นี้ครับ”“งั้นบ่ายนี้เลยก็ได้ครับคุณณัฏฐ์”“ถ้าอย่างนั้นผมขอเชิญทีมงานเข้ามาร่วมฟังด้วยนะครับ จะได้ถือโอกาสซ้อมไปทีเดียวเลย”“ระดับคุณณัฏฐ์แล้วยังต้องซ้อมอีกเหรอ”“ซ้อมสิพี่ ผมยังไม่ค่อยแม่นในเนื้อหาเท่าไหร่”“ผมบอกแล้วไงว่า เรื่องเนื้อหา ให้นาวินเค้าจัดการ เค้าคอยซัพพอร์ตอยู่แล้วคุณณัฏฐ์ไม่ต้องกังวล”ผมพยักหน้ารับกับคำแนะนะของพี่ศุภโชค แล้วให้ไปสบตากับเจ้าของชื่อที่ถูกพลาดพิง ซึ่งเค้าก็กำลังมองมาที่ผมพอดี สายตาที่เค้าส่งมาให้ผมนั้น มันเป็นสายตาที่แน่วแน่และอบอุ่น ทำให้ผมคลายความกังวลไปได้เยอะเลยเมื
บ่ายวันนี้ ในออฟฟิศมีคนนั่งอยู่ไม่กี่คน เพราะทีมออกแบบ เขายกทีมปิดห้องประชุมคุยกันเคร่งเครียดมากเลย จะไม่ให้เครียดได้อย่างไรก็โปรเจคที่กำลังดำเนินการอยู่ถูกคุณลูกค้าตัวดีมาขอเปลี่ยนคอนเซปใหม่หมด แบบว่ารื้อทำใหม่ทั้งเครื่องเลย แต่ต้องส่งงานตามเดิมนะ นี่แหละคุณพระเจ้าอย่างแท้จริง ยังดีที่ให้เพิ่มราคาในส่วนที่เปลี่ยนแปลงและให้ชาร์จค่าเสียเวลาค่าเร่งด่วนได้ แต่ก็นั่นอีกนั่นแหละ มันแทบจะไม่คุ้มเหนื่อยค่าปวดหัวเลยให้ตายสิ ในตอนแรกผมก็เข้าไปร่วมประชุมกับพวกเขาด้วยเพราะจะได้เก็บข้อมูลไปช่วยเคลียร์กับลูกค้าให้ แต่พอเริ่มเข้าเนื้อหาทางเอ็นจิเนียริ่ง ผมก็รู้ตัวแล้วว่า ผมคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยในเวลานี้ เพราะคงช่วยอะไรใครไม่ได้ เว้นเสียแต่ว่า คอยให้เป็นกำลังใจใครบางคน แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยปากขอจากผมนี่นา ผมมองนาฬิกาซึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะบ่ายสามแล้ว ยังไม่มีใครออกจากห้องประชุม ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปสั่งน้ำและขนมเอามาเติมพลังให้หนุ่มหนุ่ม พอน้ำขนมมาส่งผมค่อยๆ เปิดประตูห้องประชุมเข้าไป แล้วทุกสายตาก็หันมาจ้องมองที่ผมแบบนิ่งนิ่ง สงสัยว่าผมคงจะเข้ามาผิดเวลาหรือเปล่านะ ผมรีบส่งรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุด
ผมอาบน้ำไปใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ยิ่งคิดไปถึงสัมผัสอุ่นอุ่นที่ได้รับมาเมื่อครู่นี้ ผมยอมรับจริงจริงมามันทำให้ผมรู้สึกดีมากเลยทีเดียว ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันนะ นาวินเขาจะรู้สึกพิเศษกับผมงั้นหรือ ไม่น่าใช่มั้ง โอ้ย.. คงไม่มีอะไรหรอก เขาคงแค่แกล้งผมเล่นก็เท่านั้นแหละ แต่แกล้งแบบนี้มันก็ไม่ค่อยดีต่อใจผมเลยนะ ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้องน้ำ และยังคงเห็นนาวินนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือที่โชฟา ผมยังลังเลอยู่ว่าผมควรจะไปอยู่ตรงไหนดี ไปนั่งที่โชฟา หรือเดินเข้าไปในห้องนอน หรือ ... แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้คิดอะไรต่อ พ่อตัวดีก็คว้าตัวผมดึงลงมานั่งที่โชฟา“นั่งตรงนี้”นาวินจับผมมานั่งที่โซฟา“จะทำอะไร” ผมหันไปถาม“นั่งนิ่งนิ่งนะครับ เดี๋ยวผมเช็ดผมให้ ผมเปียกแล้วนอนเดี๋ยวจะไม่สบาย”“เฮ้ย .. ไม่ต้อง ผมทำเองได้ คุณไปอาบน้ำเถอะ”“บอกให้อยู่นิ่งนิ่งไง อย่าดื้อสิครับ ผมทำให้พี่สะดวกกว่า”นาวินก้มมาพูดซะใกล้หูผม ทำให้ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นอุ่น และดูเหมือนว่าเค้าจะจงใจที่จะเป่ามาที่หูผมเบาเบา ทำให้ผมถึงกับสตั๊นนั่งนิ่งตัวแข็งไปเลย“พี่พกแชมพูกับครีมอาบน้ำมาเองเหรอ.”“เปล่านี่ ก็ใช้ของของนายนั่นแหล