หุ่นฟางปลุกเสกเป็นเทคนิคที่ใช้ในคุณไสยการควบคุมศพของเซียงซี!แม้จะนับว่าเป็นหนึ่งในวิชาแห่งสำนักเต๋า แต่ถือว่าพบเจอได้ยาก!ฉู่เฉินสามารถรับรองได้ว่า มีผู้บำเพ็ญเต๋ากำลังเพ่งเล็งเขาจากที่ไกลๆ อีกทางหนึ่งอาจพูดได้ว่าพวกเขาตั้งใจที่จะใช้วิธีนี้“อย่ากลัวไปครับ นี่เป็นหุ่นฟางครับ”ฉู่เฉินสวมเสื้อผ้าไปด้วย พร้อมทั้งชักกระบี่อ่อนจากเอวออกมา ส่งไปให้ในมือของเจียงอิ่ง “รับมันไว้นะครับ ผมจะออกไปดูก่อน หากมีหุ่นฟางโจมตีคุณ คุณใช้กระบี่นี่ฟันมันให้ขาดเลยนะครับ”“ฉัน... ฉันไม่กล้าค่ะ”เจียงอิ่งตกใจกลัวจนหน้าซีด ตัวของเธอหดเลยนิดเดียวยิ่งเจียงอิ่งรู้ว่าข้างนอกคือหุ่นฟาง เธอก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีกหุ่นฟางจะขยับได้ยังไง?เธอเจอผีหลอกแล้วมั้งเนี่ย!ฉู่เฉินขมวดคิ้วแน่น ราวกับว่าเข้าว่าเจียงอิ่งคิดอะไรอยู่ “สบายใจได้ครับ นี่ไม่ใช่ผี แต่นี่มีคนเล่นตลกอยู่ข้างหลังหุ่นฟางนี่ต่างหากครับ”“กระบี่เล่มนี้ของผมมีปราณมังกรเพลิง ไม่ว่าเป็นผีจริงหรือไม่จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นผีจริงกระบี่เล่มนี้ก็สามารถฆ่ามันได้”ฉู่เฉินไม่ได้พูดโอ้อวดกระบี่เล่มนี้ของเขา หลังจากที่ผ่านการฝึกฝนมาเมื่อคืนนี้ แม้ว่าในวันนี้จะย
“วิชาตามหาวิญญาณ!”พูดจบ ลำแสงสีแดงสองลำก็ปรากฏออกมาจากม่านตาของฉู่เฉินทันทีทันใดนั้นเอง ลำแสงสีแดงทั้งสองลำก็ทะลุผ่านความมืดโดยรอบ เผยให้เห็นเส้นใยสีดำที่มองเห็นได้เลือนรางซึ่งเชื่อมระหว่างหุ่นฟางแต่ละตัวเข้าด้วยกันเห็นได้ชัดว่านักไสยศาสตร์ผู้นั้นไม่ได้อยู่แถวนี้ แต่กลับใช้วิธีควบคุมระยะไกล ควบคุมหุ่นฟางให้โจมตีฉู่เฉินถึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาเพียงแต่ว่าคนปลุกไม่อยู่แถวนี้ก็จัดการได้ง่ายขึ้น ไม่มีเจียงอิ่งเป็นตัวถ่วง ฉู่เฉินมั่นใจว่าแค่ท่าไม้ตายไม้เดียวเขาสามารถเอาชีวิตของคนนั้นได้เลยพลังของฝ่ายตรงข้ามแม้ว่าไม่ต่ำกว่าฝึกปราณระดับแปด บางทีอาจจะเป็นผู้บำเพ็ญเต๋าฝึกปราณระดับเก้าก็เป็นได้ แต่ผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในระยะฝึกปราณตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉู่เฉินความต่างระหว่างระยะสร้างรากฐานและระยะฝึกปราณไม่สามารถใช้คำพูดมาอธิบายได้ เพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นคนละอย่างกันเลยนี่ก็เหมือนกับการขึ้นเขา ระยะฝึกปราณแม้แต่ประตูสุสานก็ยังไม่ได้เข้าประตูภูเขา แต่ถ้าเป็นระยะสร้างรากฐานกลับยืนอยู่ในประตูของภูเขาแล้วทั้งสองสิ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง“คุณโอเคไหมครับ?”ฉู่เฉินเปิดประตูรถ เข้าไปนั
ในขณะที่อินซู่ซู่รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นจากคมมีดที่สัมผัสกับผิวตรงหน้าอกของเธอทันใดนั้น!ลูกเล็กขาวราวกับหยกดึงไหล่ของอินซู่ซู่ไว้ เธอเขวี้ยงร่างของอินซู่ซู่ออกไปไกลกว่าสองเมตรกว่าๆตู้ม!อินซู่ซู่ล้มลงที่ลานบ้าน จนกระทั่งความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง อินซู่ซู่ถึงรู้สึกเหมือนตื่นจากฝัน ได้สติกลับมาเหตุการณ์เมื่อกี้ทำเธอตกใจเป็นอย่างมากใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษ รวมทั้งดวงตาคู่นั้นที่แดงก่ำ อีกทั้งยังมีหัวที่เหมือนกับหุ่นไล่กาที่มีหัวเหมือนไม้กวาด ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เหมือนสัตว์ประหลาด“ซู่ซู่ เธอโอเคไหม?”ต้วนหลิงเวยในมือถือกระบี่สั้นไว้ มองไปรอบๆ ด้วยความหวาดระแวง เอ่ยถามออกมา“มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยค่ะ”อินซู่ซู่พูดขึ้นมาอย่างหอบพร้อมด้วยภายในใจที่ยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวในเวลาเดียวกันนั้นเอง ในมือของต้วนหลิงเสวี่ยก็ถือปืนสไนเปอร์ไว้อยู่ เธอบินขึ้นไปบนหลังคาบ้าน แล้วดึงไกปืนไปที่หุ่นฟางตัวนั้นโดยตรง!ปัง!เปลวไฟพ่นออกมา กระสุนที่ทำขึ้นมาพิเศษก็ทะลุกลางหัวของหุ่นฟางฟิ้ว!ก้อนฟางกระจัดกระจายไปทั่ว แต่หุ่นฟางนั้นโซเซเล็กน้อย แต่กลับไ
ยังดีที่มีอวี้ลู่อยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเธอสามคนคงจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย“ขะ... ขอบคุณมากๆ ค่ะ... ท่านผู้อาวุโส”สองสาวต้วนหลิงเวยและต้วนหลิงเสวี่ย เหนื่อยจนหายใจหอบ เหงื่อไหลพลั่กราวกับสายฝน ทำเอาชายเอของพวกเธอเปียกชุ่มไปหมดอวี้ลู่ขมวดคิ้ว เหลือบมองไปที่สามคนพี่น้อง “พวกเจ้าก็เป็นผู้บำเพ็ญเต๋านี่ ทำไมกับอีแค่คุณวิชาควบคุมศพระดับต่ำแบบนี้พวกเจ้าถึงทำลายไม่ได้?”แม้ว่าความสามารถของพวกเธอจะขาดตกบกพร่องไปบ้าง แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นที่ถูกหุ่นฟางพวกนี้ทำร้ายจนสภาพดูไม่ได้แบบนี้นี่หากเปลี่ยนเป็นแดนเซียน ลูกศิษย์ฝ่ายนอกสำนักทั่วไปไม่ต้องออกแรงมาก ก็สามารถจัดการเจ้าพวกหุ่นฟางได้อย่างหมดจดหากเทียบกันแล้ว ผู้บำเพ็ญเต๋าในโลกมนุษย์ยังอ่อนแอเกินไป“วิ... วิชาควบคุมศพงั้นเหรอคะ?”ต้วนหลิงเสวี่ยฝืนยิ้มพูดขึ้นมาว่า “ท่านผู้อาวุโส พวกเรา... พวกเราไม่เคยเรียนวิชาเขียนยันต์มาก่อนเลยค่ะ ส่วนวิชาควบคุมศพพวกเรายิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี้ลู่ก็มองไปที่ต้วนหลิงเวยด้วยความกลัดกลุ้มใจสายตานั้นราวกับกำลังถามว่า แม้แต่เธอก็ไม่เป็นงั้นเหรอ?ต้วนหลิงเวยพยักหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายพูดตา
“ช้าก่อน!”ชายแก่กลัวจนสติกระเจิง รีบโบกมือให้อวี้ลู่ “แม่หนู ฉัน... ฉันเป็นคนของสำนักอวี้ซือ ธะ... เธอน่าจะเคยได้ยินเรื่องการควบคุมศพมาก่อนใช่ไหม?”“บรร... บรรพจารย์ของฉันคือเจียงเฉิน”เพี๊ยะๆๆ !เจียงเฉินบ้านเจ้าสิ!ต่อหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แบบเธอ ไม่ว่าใครก็ต้องชิดซ้าย!เจ้าเอาเจียงเฉินมาขู่ข้างั้นเหรอ?อวี้ลู่ไม่พูดอะไรออกมา เธอใช้มือซ้ายและมือขวาของเธอตบเข้าไปที่หน้าของชายแก่หลายครั้ง ทำให้เขาตาพร่าและสับสนอย่าง โดยมีแสงสีทองหมุนอยู่เบื้องหน้าของเขา“ถ้าไม่พูด ข้าจะทำลายสำนักอวี้ซือของเจ้าซะ!”รังสีรอบตัวของอวี้ลู่ระเบิดออกมาเต็มที่ และพร้อมกับรอยแตก อิฐสี่เหลี่ยมบนพื้นก็ถูกบดให้เป็นผงละเอียดโดยรังสีของเธอซี้ดๆ !ชายแก่คิดแค่ว่าออกแรงตบก็สามารถทำให้อิฐสี่เหลี่ยมที่อยู่รอบๆ กลายเป็นผุยผงได้ ทันใดนั้นกลัวจนฉี่ราดกางเกงแม่งเอ๊ยนี่มันไม่ใช่ความสามารถของระยะรากฐานแล้ว!ฉิบหาย!ระดับทารกวิญญาณ หรืออาจจะระดับเทวะเลยก็เป็นได้!หวาดกลัวสองคำนี้ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ของเขาได้แล้วเจียงเฉินที่เขาพูดออกมาเมื่อกี้ก็อยู่แค่ระดับทารกวิญญาณความสามารถถูกเธอบดขยี้อย่างแน่
......อีกด้านหนึ่ง ฉู่เฉินที่กำลังสู้รบจนจะถึงจุดสูงสุด ทันใดนั้นเขาก็ถูกเสียงโทรศัพท์ขัดจังหวะเขาก้มหน้ามองโทรศัพท์ เห็นว่าเป็นหลิ่วหรูเยียนโทรมา เขาก็กดวางสายทันทีโทรมาตอนไหนไม่โทร ดันโทรมาตอนที่คนเขากำลังมีความสุขหลิ่วหรูเยียนที่อยู่อีกด้าน ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสั้นลายเสือดาวสุดเซ็กซี่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งเธอยังจงใจแต่งหน้าแบบฟุ้งๆ มาอีกด้วย ขาของเธอสวมใส่ถุงน่องตาข่ายที่พึ่งซื้อมา ใส่กับรองเท้าส้นสูงสีดำ รอการมาหาของฉู่เฉินเกือบทั้งคืนฉู่เฉินก็ตัวดี ไม่บอกอะไรเธอสักคำ โทรหาก็ตัดสายอีก?!ทำเอาหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม ใบหน้าเล็กๆ ของเธอก็ซีดเซียวไปหมด ไม่มีร่องรอยของรอยเลือดเลย!“ฉู่เฉิน แกมันไอ้สารเลว!”หลิ่วหรูเยียนโกรธจนปาโทรศัพท์ลงบนโซฟา พร้อมทั้งกระทืบเท้าเล็กทำอย่างกับว่าฉันสมยอมให้บริการแกงั้นแหละ?ถ้าไม่ใช่ทำเพื่อให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปผ่านความลำบากนี้ไปได้ ฉันไม่มีทางมองคนอย่างแกหรอก ถ้ามองถือว่าฉันแพ้!“หรูเยียนเป็นอะไรไปลูก?”หลิ่วชิงเหอเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนโกรธจนหน้าตาซีดเซียว ใบหน้าของเธอไม่มีรอยฝาดของเลือด หลิ่วชิงเหอจนถามขึ้นมาด้
“มะ... แม่... แม่ตบหน้าหนูเพื่อฉู่เฉิน... งั้นเหรอครับ?”ดวงตาสวยของหลิ่วหรูเยียนน้ำตารื้น มองไปที่หลิ่วชิงเหอด้วยความไม่เชื่อสายตาตั้งแต่เล็กจนโต หลิ่วหรูเยียนก็เหมือนกับไข่มุกในมือที่ถูกทะนุถนอมของหลิ่วชิงเหออย่าพูดถึงเรื่องทุบตีเธอเลย แม้แต่ตะคอกใส่เธอสักครั้งยังไม่เคยแต่ตอนนี้หลิ่วชิงเหอกลับตบหน้าเธอเพื่อไอ้สวะฉู่เฉินงั้นเหรอ?“หรูเยียน...”เมื่อหลิ่วชิงเหอตบหน้าเสร็จแล้ว หลิ่วชิงเหอถึงตระหนักได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เธอรีบเข้าไปรั้งหลิ่วหรูเยียนไว้ พูดอธิบายขึ้นมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “แม่ไม่ได้ตั้งใจนะลูก แม่... แม่แค่อยากให้ลูกได้สติ”“ผู้ชายแบบราชันมังกรไม่ใช่คนที่พวกเราสองคนแม่ลูกจะพึ่งพาได้”“หรือว่าตอนนี้ลูกยังไม่เห็นอีกเหรอว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปขึ้นๆ ลงๆ แบบนี้ ไม่มีใครเคารพพวกเราสองคนแม่ลูกทั้งนั้น”“หากเรายังไม่รีบผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปโดยเร็ว สิ่งที่รอเราอยู่อาจจะไม่ใช่แค่ล้มละลาย พวกเราเผชิญวิกฤตที่ใหญ่ขนาดนี้ ใครที่ช่วยเราผ่านพ้นไปได้ ลูกมองไม่ออกจริงๆ งั้นเหรอ?”“แม่ก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน อีกทั้งยังเคยเป็นคนที่มีประสบการณ์มาก่อนลูก แม่รู้ดีมากกว
“หน้าอกใครจะไปกองอยู่ตรงนั้นกันเล่า”เจียงอิ่งกระตุกยิ้ม พร้อมทั้งตีฉู่เฉิน รีบดึงขึ้นมา จัดตำแหน่งให้ถูกต้อง หลังจากนั้นก็ติดตะขอยื้อยุดไปสักพักหนึ่ง เจียงอิ่งถึงจะสามารถหยิบชุดเครื่องแบบสีขาวที่เปียกปอนมาสวมใส่ได้บนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยกลิ่นเหงื่อของฉู่เฉิน แต่เธอไม่มีเวลามาสนใจอะไรมากมายหรอก ในเมื่อบนรถก็ไม่มีเสื้อผ้าตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้ว“บนเสื้อมีแต่กลิ่นของผม หลูไคซานคงจะไม่ได้กลิ่นใช่ไหมครับ?”ฉู่เฉินขับรถไปด้วย หันหน้าไปพูดกับเจียงอิ่งที่นั่งข้างๆ คนขับ“ฮึ! เขาได้กลิ่นแล้วจะทำยังไงได้ล่ะคะ? ในรถไม่มีเสื้อตัวอื่นให้เปลี่ยนแล้วค่ะ อ้ออีกอย่าง”เจียงอิ่งเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก เธอก็พูดกับฉู่เฉินอย่างกะทันหันว่า “ข้างหลังรถของคุณยังมีที่ว่างอยู่ พรุ่งนี้ฉันเอาเสื้อผ้ามาไว้ที่รถคุณสักสองตัว ต่อไปจะได้ไม่ต้องใส่ชุดเปียกๆ ไม่สบายตัวสุดๆ ไปเลยค่ะ”ฉู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ขยิบตา ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พูดขึ้นมาว่า “อย่างนั้นไม่ได้หรอกครับ สมมุติโดนผู้หญิงคนอื่นจับได้เข้าจะเกินเรื่องใหญ่เอาน่ะครับ”“คุณหมายถึงฉีฉีเหรอคะ?”ในหัวของเจียงอิ่งฉายภาพของเซี่ยฉีฉีขึ้นมาฉู่เฉินตอบขึ้นมาอย่
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณฉู่”หลินเยว่หรูขอบคุณเป็นล้นพ้นแล้ววางสายไปแต่หลินเจิ้งไท่ที่อยู่ทางด้านข้างกลับมองไปยังฉู่เฉินด้วยความสงสัยเขาอยู่ระดับสร้างรากฐานชั้นเจ็ด แต่หลินเยว่หรูกลับให้ฉู่เฉินช่วยต่อกรกับยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานชั้นเก้าเหรอ?ลูกสาวของเขาคงไม่ได้โดนฉู่เฉินเอาจนโง่งมไปแล้วใช่ไหม?แต่พอขบคิดให้ละเอียด ด้วยสถานะของฉู่เฉินในตอนนี้ ระดับสร้างรากฐานชั้นเก้ายังไม่อยู่ในสายตาเขาจริง ๆ ต่อให้ฉู่เฉินเป็นแค่คนธรรมดา แต่ใครจะกล้าแตะต้องเขาแม้กระทั่งปลายนิ้ว? “หัวหน้าจ้าว เมื่อกี้คุณบอกว่าจะพาผมไปส่งที่เจียงจงเหรอครับ?” ฉู่เฉินวางโทรศัพท์ลง จิบชาแล้วเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “แน่นอนสิครับ ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่คุณฉู่มาที่เมืองชิงหลง ผมกับผู้เฒ่าหลินจะต้องออกมาต้อนรับสิบลี้ ไปส่งสิบลี้อย่างแน่นอน” จ้าวเต๋อฉวนพรูลมหายใจยาวออกมา ในที่สุดก็จะได้ส่งไอ้ตัวซวยคนนี้ออกไปสักทีเมื่อเห็นฉู่เฉินกับหลิงเสวี่ยลุกขึ้น หลินเจิ้งไท่ก็รีบตามไป คนทั้งกลุ่มมุ่งหน้าตรงไปทางทางออกฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเจียงจงทันที ......อีกทางด้านหนึ่ง หลินเยว่หรูเพิ่งจะวางโทรศัพท์ลง ลั่วเทียนเต๋อก็ตบโต๊ะด้วย
“คุณฉู่ ตอนนี้ลูกชายของฉันฟื้นแล้ว หมอบอกว่าพักอีกหน่อยก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ที่ฉันโทรหาคุณครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินเยว่หรูลังเลอยู่นาน ก่อนจะกล่าวต่อ “ไม่ทราบว่าช่วงนี้คุณฉู่พอจะมีเวลาว่างไหมคะ?”“ช่วงนี้... คงไม่มีเวลาไปไปเยี่ยมเยียนเส้นทางที่ร่มรื่นของคุณหรอกครับ”ขณะที่ฉู่เฉินกล่าว ก็หันศีรษะไปมองหลิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆเมื่อเทียบกับหลิงเสวี่ยแล้ว สุดท้ายหลินเยว่หรูก็ยังด้อยกว่าอยู่ระดับหนึ่งไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ในแง่ของความอดทน แม้ว่าหลิงเสวี่ยจะเป็นมือใหม่ แต่ความอดทนของเธอก็ดีกว่าหลินเยว่หรูไม่น้อยหลังจากศึกหนักเมื่อคืนนี้ หลิงเสวี่ยไม่เพียงแต่ไม่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง แต่กลับได้รับการพัฒนาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังมีร่างกายพิเศษซึ่งมีคุณสมบัติในการบำรุงฉู่เฉินไม่น้อยเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลินเยว่หรูยังคงมีร่างกายเป็นกระถางรับซึ่งเป็นเพียงการเล่นสนุกเท่านั้นและฉู่เฉินก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆหลินเยว่หรูที่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “คุณฉู่คะ ฉัน... ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณค่ะ
แม้แต่ฉู่เฉินเองก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมืองเล็กๆ ในโลกแห่งการหยั่งรู้ใหญ่โตขนาดนี้เลยเหรอ?งั้นจะยังเดินเที่ยวทำไม มันเดินให้ทั่วไม่ได้อยู่แล้ว“หัวหน้าจ้าว ศูนย์กระจายวัตถุดิบยาของเมืองชิงหลงอยู่ที่ไหนครับ พาผมไปดูหน่อย”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบแม้จะค้นหาในคลังวัตถุดิบยาของสำนักชิงอวิ๋นและคลังยาของวังเทียนเจี้ยนแล้ว ฉู่เฉินก็ยังคงไม่พบหญ้าเทียนเซียง สถานการณ์ของอวี้ลู่เริ่มไม่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แล้ว จำเป็นต้องหาวิธีโดยเร็วที่สุดและเอาหญ้าเทียนเซียงอีกสองต้นมาให้ได้“ไม่ทราบว่าคุณฉู่ต้องการซื้อวัตถุดิบยาอะไรครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะมอบมันให้กับคุณฉู่ครับ”จ้าวเต๋อฉวนกล่าวด้วยสีหน้าประจบสอพลอตราบใดที่ฉู่เฉินพอใจ บางทีอาจจะไล่เขาออกไปได้เร็วขึ้น“หญ้าเทียนเซียง”ฉู่เฉินกล่าวเสียงเรียบออกมาสามคำ ทั้งจ้าวเต๋อฉวนและหลินเจิ้งไท่ต่างก็ชะงักไป แต่ในวินาทีต่อมา สีหน้าของทั้งสองก็กลับมาเป็นปกติในทันที“คุณฉู่ครับ วัตถุดิบยาแบบนี้ ในเมืองชิงหลงเราก็ไม่มีเช่นกัน ถ้าไม่เชื่อ คุณสามารถตามผมไปที่ตรวจสอบที่ถนนขายวัตถุดิบยาด้วยตนเองได้เลยครับ!”เมื่อฉู่เฉินได้ยินก็หรี่ตาลง สายตาพิจารณาของ
“กลับเหรอ? ไม่ต้องรีบ ผมกำลังอยากไปเดินเล่นในเมืองพอดี”ฉู่เฉินเอามือข้างหนึ่งไพล่หลังและชี้ไปที่เมืองชิงหลงซึ่งอยู่ไม่ไกลอะไรนะ?หยาดเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นที่ขมับของจ้าวเต๋อฉวนทันที มองไปทางฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ครับ เมืองชิงหลงทรุดโทรมมาก เกรงว่ามันจะไม่เข้าตาของคุณฉู่หรอกครับ”ฉู่เฉินแค่นเสียงเย็น มองสำรวจจ้าวเต๋อฉวนและกล่าวว่า “นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่สำนักชิงอวิ๋นของคุณเป็นฝ่ายยั่วยุผม คุณคิดว่าผมฉู่เฉินเป็นคนยังไง? ที่พวกคุณเรียกมาก็มา ไล่ไปก็ไปงั้นเหรอ?”หลังจากที่กล่าวคำนี้ออกมา แม้แต่จ้าวเต๋อฉวนก็ยังยืนตะลึงอยู่กับที่“ฉู่เฉิน แกอย่ารังแกคนอื่นมากเกินไปนัก”หลินฮ่าวกัดฟันจ้องฉู่เฉินด้วยความโกรธฉู่เฉินคนนี้ไม่ใช่แค่คำว่าเกินไปสองคำจะมาอธิบายได้แล้ว แทบจะไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเลยในเมืองชิงหลง ไม่ต้องพูดถึงการตบคนตระกูลหลินของพวกเขา และยังข่มขู่ครั้งแล้วครั้งเล่า นี่มันอวดดีเกินไปแล้วในขณะนี้ จู่ๆ จ้าวเต๋อฉวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวหลายสายกำลังสอดส่องมาทางนี้ ในใจพลันหนักอึ้ง ก่อนจะยกเท้าเตะหลินฮ่าวลงไปกองกับพื้น“นี่แกมีสิทธิ์อะไรมาพูด?”ตอนนี้ใน
สิ้นเสียงของฉู่เฉิน ก็ตบใบหน้าอีกด้านของหลินฮ่าว ตบซ้ำไปสองครั้งเสียงดังสนั่น“ไอ้คนแซ่ฉู่!”หลินฮ่าวโกรธจัดจนแทบคลั่ง!เห็นชัดว่าเขาพาคนมาดักฆ่าฉู่เฉิน แต่ผลลัพธ์ล่ะ?ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย แต่เขากลับโดนตบหน้าไปหกเจ็ดครั้งติดต่อกันจนแก้มบวมเป่งแล้วเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?“ฉู่เฉิน ฉันแนะนำให้แกทำแต่พอดี ไม่งั้น...”เมื่อหลินเจิ้งไท่กล่าวไปได้เพียงครึ่งประโยค ฉู่เฉินก็หันขวับมามองหลินเจิ้งไท่และกล่าวแทรกด้วยรอยยิ้มเยาะ “ถ้าคุณไม่พูด ผมคงเกือบลืมคุณไปแล้ว”“เมื่อกี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? ฆ่าผม?”เพียะ เพียะ!ตบที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดลงบนใบหน้าชราของหลินเจิ้งไท่อย่างจังเสียงตบดังสนั่นสองครั้งติดต่อกัน หลินเจิ้งไท่ตกตะลึง และทุกคนในตระกูลหลินต่างก็ตกตะลึงเช่นกันหลินเจิ้งไท่ลูบใบหน้าชราที่ถูกตบจนแดงก่ำด้วยความไม่เชื่อ ราวกับตกอยู่ในภวังค์ไปชั่วขณะเขาเป็นใคร?เขาอยู่ไหน?นี่คือในเมืองชิงหลง และตระกูลหลินก็เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองชิงหลง ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นผู้นำตระกูลหลินไม่ต้องพูดถึงการโดนตบเลย ปกติแล้วใครจะกล้าแม้แต่มาขึ้นเสียงกับเขา?แล้ววันนี้
เมื่อเห็นว่าคนในตระกูลหลินกำลังจะลงมือกับฉู่เฉินจริงๆ จ้าวเต๋อฉวนก็แทบจะกระอักเลือดออกมาสมองของกลุ่มคนนี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ ฆ่าฉู่เฉิน นี่พวกเขาต้องการจะทำลายสำนักชิงอวิ๋นงั้นเหรอ?“พวกคุณตระกูลหลินอยากให้สำนักชิงอวิ๋นของผมจะถูกล้างบางมากนักใช่ไหม?”ครั้งนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจัด คนอื่นมองสถานการณ์ไม่ออก เขายังพอเข้าใจได้ แต่หลินเจิ้งไท่อายุมากแล้ว ยังจะไร้เดียงสาเหมือนเด็กอีกงั้นเหรอ?เมื่อหลินเจิ้งไท่ได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนแล้วกล่าวว่า “หัวหน้าจ้าว คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงครับ?”ในสายตาของเขา การฆ่าฉู่เฉินจะเป็นยังไง?อย่างไรก็ตาม ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ต้องการหยกโลหิตกิเลน และไม่เคยบอกว่าจะปกป้อง ฉู่เฉินถ้าพวกเขาไม่แตะหยกโลหิตกิเลนเรื่องก็จบไม่ใช่เหรอ?“พูดแบบนี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? ตราบใดที่เกิดเรื่องไม่คาดฝันกับคุณฉู่ในเมืองชิงหลง ในไม่ช้าทางสำนักว่านเซียนก็จะได้รับข่าว เมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะมาก็ไม่ใช่แค่สำนักว่านเซียนแล้ว”“สำนักเสวียนปิง รวมถึงบรรดาสำนักใหญ่ที่โด่งดังพอๆ กับสำนักว่านเซียนต่างจะส่งคนมาที่นี่ ผมขอถามคุณว่าเมื่อถึงเวลานั้นใครจะส
สิ้นเสียง คนในตระกูลหลินต่างก้าวเท้าไปข้างหน้าและล้อมจ้าวเต๋อฉวนไว้ดูเหมือนว่าถ้าพูดไม่ถูกใจก็จะลงมือทันทีจ้าวเต๋อฉวนโกรธจนหัวเราะกับคนตระกูลหลิน มองสำรวจหลินเจิ้งไท่และกล่าวอย่างเย็นชา “ให้คำอธิบายกับคุณน่ะเหรอ? ผมจะอธิบายอะไรให้คุณล่ะ”หลินเจิ้งไท่สีหน้ามืดมน กัดฟันกล่าวว่า “พวกเราดักฆ่าฉู่เฉินที่นี่แล้วผิดอะไร? เจ้าสำนักก็เคยกล่าวไว้ ถ้าได้หยกโลหิตกิเลนมาก็เป็นประโยชน์ต่อสำนักชิงอวิ๋นของเราอย่างยิ่ง หัวหน้าจ้าวไม่รู้เหรอครับ?”“หึ ดักฆ่าฉู่เฉิน?”จ้าวเต๋อฉวนกัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก มองหลินเจิ้งไท่อย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกคุณคิดว่ามีแค่พวกคุณที่ได้รับข่าวว่าฉู่เฉินนำหยกโลหิตกิเลนเข้าสู่โลกแห่งการหยั่งรู้งั้นเหรอ?”“จนถึงตอนนี้ ฉู่เฉินยังคงปลอดภัยดี พวกคุณไม่คิดบ้างเหรอว่าทำไม?”หมายความว่ายังไง?เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเจิ้งไท่ก็มองไปที่จ้าวเต๋อฉวนด้วยความไม่เข้าใจ“ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าสำนักดูถูกพวกคุณตระกูลหลิน พวกคุณสร้างปัญหาให้เจ้าสำนักเก่งจริงๆ”ตอนนี้จ้าวเต๋อฉวนโกรธจนอยากจะด่าคน ไม่เคยเจอใครโง่งมขนาดนี้มาก่อน“หัวหน้าจ้าว หวังว่าคุณจะอธิบายให้ชัดเจนครับ”หลินเจิ้งไท่
ในขณะนี้ หลิงเสวี่ยก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยเช่นกันเพราะไม่ใช่แค่หลินเจิ้งไท่เท่านั้น รวมถึงยอดฝีมือของตระกูลหลินทั้งสามที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็ก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวแม้ว่าตอนนี้หลิงเสวี่ยจะอยู่ระดับสร้างรากฐานขั้นแปด แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลินเจิ้งไท่อย่างแน่นอนยิ่งกว่านั้น เหล่าคนที่อยู่เบื้องหลังหลินเจิ้งไท่ก็ล้วนมีพลังระดับสร้างรากฐานขั้นสูงสุด ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เธอและฉู่เฉินก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย“ฉู่เฉิน ฉันบอกคุณนานแล้วว่าอย่าอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้นานเกินไป คุณก็ไม่ฟัง”หลิงเสวี่ยกระซิบตำหนิฉู่เฉินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายไปพลางเมื่อเห็นว่าหลิงเสวี่ยเริ่มลนลานแล้ว หลินฮ่าวที่กำลังเอามือกุมหน้าก็ปาดเลือดที่มุมปากออก ก้าวไปข้างหน้าและมองสำรวจฉู่เฉินด้วยความดูถูกพลางกล่าวว่า “ไอ้คนแซ่ฉู่ ตอนนี้รู้แล้วหรือยังล่ะ?”ขณะกล่าว ก็กวาดตามองไปยังเหล่ายอดฝีมือของตระกูลหลินและกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนี้ จงส่งหยกโลหิตกิเลนมาซะ และทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้น ตาย!”ทันทีที่คำว่าตายหลุดออกมา คนในตระกูลหลินแทบจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกันแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว
ในขณะที่คนในตระกูลหลินกำลังหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนแซ่ฉู่คนนี้ช่างมีดวงผู้หญิงของผู้หญิงจริงๆ“ผมเอง มีอะไรเหรอครับ?”ฉู่เฉินเหลือบมองหลินฮ่าวและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้าเล็กน้อย“เหอะๆ มีอะไรงั้นเหรอ?”หลินฮ่าวหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “ฉู่เฉิน แกคงไม่รู้ตัวว่าใกล้ถึงวาระสุดท้ายของแกแล้วสินะ?”ฉู่เฉินขมวดคิ้ว มองสำรวจหลินฮ่าวและคนอื่นๆ พร้อมกับสงสัยว่า “ใกล้ถึงวาระสุดท้าย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันนะครับ?”ขณะกล่าว ฉู่เฉินและหลิงเสวี่ยต่างก็มองไปที่สมาชิกตระกูลหลินด้วยความระแวดระวังแม้ว่าคนเหล่านี้จะอยู่ในระดับสร้างรากฐานขั้นหกเท่านั้น แต่ฉู่เฉินกลับรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ายอดฝีมือจำนวนมากกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้เมื่อหลินฮ่าวได้ยินเช่นนี้ ก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “คนแซ่ฉู่ แกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปทำไม เจ้าสำนักให้เวลาแกสามวันเพื่อไปรับโทษตายที่สำนักชิงอวิ๋น แกคิดว่าแกซ่อนตัวอยู่ในโลกแห่งการหยั่งรู้แล้วจะไม่มีใครหาแกเจองั้นเหรอ?”“ฉันแนะนำให้แกส่งหยกโลหิตกิเลนมาจะดีที่สุด แล้วทิ้งผู้หญิงข้างๆ แกไว้ ไม่งั้นฉันจะฆ่าแกให้ตายอย่างไม่เหลือซาก