เซี่ยเวยกับจ้าวเฉียนและแม่ทัพท่านอื่น ใช้เวลายามค่ำเข้าไปข้างในเมืองด่านเจิ้นกวนภายในเมือง บนท้องถนนใหญ่ส่องแสงสว่างไสวเหล่าชาวเมืองสวมเสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย กำลังพาเด็ก ๆ เดินเล่นตามถนนพวกเขามีชีวิตชีวา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ดูออกเลยว่ามีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์มากร้านค้าตามถนนทั้งเส้น เปิดร้านแล้วทั้งหมดและมีของวางอย่างครบครันมีร้านขายปิงถังหูลู่ ขนมน้ำตาลปั้นและตั้งแผงบะหมี่…ในแคว้นเยี่ยน ไม่มีใครเดินบนถนนในยามค่ำคืน แม้แต่คนไร้ที่อยู่อาศัยยังต้องหาที่พักตามซากวัดเพราะถ้าพบว่าอยู่คนเดียวบนถนน อาจถูกจับไปขายให้กับร้านขายเนื้อได้หัวเมืองที่ทรุดโทรมของพวกเขากับความปลอดภัยและเจริญรุ่งเรืองของด่านเจิ้งกวน กลายเป็นความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงเซี่ยเวยกับเหล่านายทหารนิ่งสงบตลอดทาง โดยมีซ่งตั๋วนำทางมาถึงโกดังค่ายทหารอันเป็นสถานที่สำคัญเขากล่าว “พวกเจ้ายืนรอครู่หนึ่ง…”เขาใช้กุญแจเปิดโกดังออก!ฟึบ~ปลายข้าวที่กองพะเนินหน้าประตูโกดัง ร่วงลงมากระทันหันอย่างไม่ทันตั้งตัวกระสอบสานทรงกลมแต่ละกระสอบร่วงลงจากหน้าประตูลงสู่พื้นดินทหารลาดตระเวนเห็นดังกล่าว จึงวิ่งมายกถุงกระสอบข้า
ชิ้ง~กระบี่ยาวออกจากฝัก แสงเย็นลำหนึ่งฟันไปยังแขนเซี่ยเวยแกร๊ง~เสียงแตกหักชัดเจนเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่จ้าวเฉียนพลันขาดเป็นสองท่อนลำแขนเซี่ยเวยสมบูรณ์ไม่เสียหาย เพียงทิ้งรอยข่วนไว้เล็กน้อยบนชุดเกราะ แต่ไม่มีความเสียหายแต่อย่างใดทุกคนมองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วยความตะลึงตาค้างกระบี่ยาวอันเป็นของรักของจ้าวเฉียน ทำจากเหล็กชั้นดี แหลมคมหาที่เปรียบไม่ได้ปรากฏว่า กลับไม่อาจทำลายชุดเกราะของแม่ทัพเซี่ยได้นี่มัน…ชุดเกราะปกติอันเป็นอุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้าน!ไม่นึกเลยว่าจะมีกำลังป้องกันถึงเพียงนี้?เซี่ยเวยให้จ้าวเฉียนถอดชุดเกราะลงมาวางบนท่อนไม้เขายกดาบม่อเตาขึ้นแล้วฟันชุดเกราะที่อยู่กับจ้าวเฉียนชุดเกราะรวมทั้งท่อนไม้ถูกฟันขาดเป็นสองท่อนดาบยาวในมือแม่ทัพเซี่ยเวย แหลมคมตัดเหล็กขาดง่ายประหนึ่งดินเหนียวอุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้าน สร้างความตื่นตะลึงให้กับพวกเขาเป็นอย่างมากแต่ละคนเบิกตาใหญ่โตและไม่เชื่อสายตาดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่แม่ทัพเซี่ยอยู่ต่อ!อุปกรณ์สวมใส่ของกองทัพตระกูลจ้าน ล้ำสมัยกว่าแคว้นเยี่ยน ไม่เพียงแค่นั้น…แต่ยังล้ำสมัยกว่าทุกแคว้นใน
วันที่สามในยามเย็น บนลานหินอันกว้างใหญ่ ปรากฏรถขุดดินสามสิบคันรถดันดินยี่สิบคันรถดันดินเป็นสิ่งที่ทุกคนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก มีบุ้งกี๋ขนาดใหญ่สีเหลืองรูปทรงแปลกตา ดูอลังการยิ่งนัก!ยังมีรถบรรทุกขนาดใหญ่สามสิบคันรถบรรทุกดินขนาดกลางยี่สิบห้าคัน!เมื่อเห็นรถยนต์จำนวนมหาศาลเช่นนี้ เหล่าทหารก็ดีใจกันยกใหญ่หลี่หยวนจง เปี้ยนจื่อผิง เฉินจวิ้นหลิน... แม่ทัพเหล่านี้ที่ปกติแล้วค่อนข้างสุขุม ยังวิ่งไปที่หน้ารถดันดินอย่างบ้าคลั่งพวกเขาล้อมรอบรถดันดิน เคาะตี ตรวจสอบ และถกเถียงกัน!ต่างพูดคุยกันว่าเจ้ายักษ์ใหญ่พวกนี้ใช้ทำอะไร?เฉินจวิ้นหลินถึงกับปีนขึ้นไปบนบุ้งกี๋ของรถดันดิน หัวเราะอย่างมีความสุขและแสดงออกอย่างภาคภูมิใจ“นี่ ดูนี่สิ ข้าดูน่าเกรงขามหรือไม่?”มั่วฝานแสดงสีหน้ารังเกียจ “รถดูน่าเกรงขาม แต่เจ้าไม่!”เขาหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “มา ถ่ายรูปให้ข้าหน่อย”มั่วฝานหันหน้าไปอย่างรังเกียจหลังจากที่จ้านเฉิงอิ้นตรวจนับจำนวนแล้ว ตรงกับจำนวนที่เขียนไว้ในจดหมายของท่านเทพเขาก็ดีใจมาก และเต็มไปด้วยความมั่นใจด้วยรถเหล่านี้ สระน้ำใต้ดินที่ขุดให้กับชาวเมืองด่านเจิ้นกวน จะสามารถขุดได้ล
“ท่านแม่ทัพ...”ทันทีที่เข้าไปในปากถ้ำ จ้านเฉิงอิ้นก็ได้ยินเสียงของมั่วฝานจ้านเฉิงอิ้นถอยออกมาจากถ้ำ เห็นทั้งสองเร่งรีบมาเขาจึงถามขึ้น “มีเรื่องอะไร?”มั่วฝานหยิบจดหมายลับออกจากแขนเสื้อ“เกิดเรื่องใหญ่ไม่ดีแล้ว นับตั้งแต่ท่านส่งเสบียงและน้ำให้กองทัพลู่เจ๋อ มีชาวบ้านที่ประสบภัยจำนวนมากเข้าร่วมกองทัพลู่เจ๋อ ทำให้จำนวนทหารของกองทัพลู่เจ๋อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น สองแสนแปดหมื่นนายแล้ว”“เนื่องจากจำนวนศัตรูเพิ่มขึ้น กองทัพธงเหลืองที่ถูกปิดล้อมอยู่ในเมือง จึงไม่สามารถตีฝ่าวงล้อมออกมาได้...”“หน่วยกล้าตายหวังเซิ่งที่ส่งไป ส่งจดหมายมาบอกว่า กองทัพธงเหลืองสมคบคิดกับศัตรูภายนอก ต้องการร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอกเพื่อสังหารกองทัพลู่เจ๋อ!”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้ว “ศัตรูภายนอกอะไร?”“เผ่าหมาน แคว้นฉู่ แคว้นฉี แคว้นเยี่ยน... พวกเขาทั้งหมดล้วนมีการติดต่อกับกองทัพธงเหลือง”มั่วฝานยื่นจดหมายลับให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดจดหมายลับออก เป็นจดหมายที่ส่งมาจากหวังเซิ่งที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้านายทหาร“ท่านแม่ทัพ หลายวันนี้มีเผ่าหมาน ชาวแคว้นฉู่ ชาวแคว้นฉี ชาวแคว้น
จ้านเฉิงอิ้นถามมั่วฝาน “ราชสำนักรู้เรื่องที่กองทัพธงเหลืองสมคบคิดกับศัตรูภายนอกหรือไม่?”“เกรงว่าจะรู้ มีกองทัพลู่เจ๋อคอยจับตาดูอยู่ ความเคลื่อนไหวใด ๆ ในเมือง กองทัพลู่เจ๋อล้วนรู้”“ยิ่งไปกว่านั้น ชาวแคว้นฉู่ ชาวแคว้นฉี ชนเผ่าหมาน... มิได้ลอบพบกับมู่ฉีซิว แต่พบกันอย่างเปิดเผยโดยไม่ปิดบัง!”จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากปากถ้ำใต้ดิน ไปยังม้า“พวกเขาเข้าไปในเมืองได้อย่างไร?”จวงเหลียงกล่าวว่า “กองทัพธงเหลืองยึดครองเมืองทั้งหมดห้าเมือง ซูโจว ยงโจว อวิ๋นโจว เหยี่ยนโจว...”การจะให้กองทัพลู่เจ๋อล้อมเมืองทั้งห้าให้แน่นหนาราวกับถังเหล็ก~เป็นเรื่องยาก!ยิ่งไปกว่านั้น คนกลุ่มนี้ไม่ใช่ทหารที่เชี่ยวชาญในการรบ พวกเขาก็เหมือนกับอู๋ลี่ เป็นผู้คนที่ไร้หนทาง ต้องระเห็จเร่ร่อน และเพื่อความอยู่รอดจึงจำใจเข้าร่วมกับกองทัพลู่เจ๋อพวกเขามีวินัยหย่อนยาน ไร้ซึ่งจิตวิญญาณของนักรบพวกเขารู้เพียงว่าในเมืองมีเสบียง และเมืองที่ฮ่องเต้ทรงประทานรางวัลให้พวกเขา ถูกกองทัพธงเหลืองยึดครองพวกเขาต้องแย่งชิงกลับคืนมาเรื่องอื่นพวกเขาไม่สนใจ!จ้านเฉิงอิ้นกระโดดขึ้นม้า กล่าวกับมั่วฝานและจวงเหลียง “ไป กลับไปที่ห้องโถง
“ใช่ค่ะ แล้วคุณคือ...”“สวัสดีครับ ผมเป็นรุ่นพี่ของคุณ ผมชื่อลู่ฉีหยาง อาจารย์ที่ปรึกษาของคุณมอบหมายให้ผมมารับคุณกลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย”จากนั้น เขาก็ถามด้วยความห่วงใย “น้องนักศึกษา อาการป่วยของน้องเป็นยังไงบ้าง?”ที่แท้ก็เป็นรุ่นพี่ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดหามา เย่มู่มู่จึงลดความระแวดระวังลงตอบกลับไปอย่างเรียบเฉย “ก็ดีค่ะ อารมณ์คงที่ขึ้นมาก หยุดยามานานแล้ว!”อีกฝ่ายยิ้มอย่างสดใส “ถ้าอย่างนั้นก็ขอแสดงความยินดีกับน้องนักศึกษาด้วยนะ อีกสามวันผมจะไปถึงเมืองที่น้องอาศัยอยู่และจะอยู่ที่นั่นสองสามวัน น้องพอจะมีเวลาว่างหรือเปล่า?”เย่มู่มู่ปฏิเสธโดยไม่ลังเล “แต่ว่าฉันยุ่งมากเลยค่ะ!”“ไม่เป็นไรครับ บ้านผมมีบริษัทสาขาอยู่ในเมืองของน้องนักศึกษา คุณพ่อให้ผมมาดู และพาน้องนักศึกษากลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย อาจารย์ที่ปรึกษาได้ยินว่าผมจะมา เลยขอให้มาด้วยกัน ขออภัยที่รบกวนน้องนักศึกษาด้วยนะ!”ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง เธอกังวลมากเกินไป“อีกสองวันหากฉันมีเวลาว่าง ฉันจะพาคุณไปเที่ยวชมรอบๆ”ลู่ฉีหยางดีใจมาก “จริงเหรอครับ? น้องเย่ตกลงจะพาผมไปเที่ยวชมรอบ ๆ แล้ว อย่ากลับคำนะครับ!”“ไม่หรอกค่ะ!”เวลาแ
“แน่นอน...” เย่มู่มู่ตอบอย่างเรียบเฉยคาดไม่ถึง รองผู้อำนวยการจางหัวเราะเสียงดังอย่างโอ้อวด“เอาเถอะ คุณหนูเย่ คุณอย่ามาล้อเล่นกับผมเลย จ้านเฉิงอิ้นเป็นคนโบราณเมื่อสองพันกว่าปีก่อน ตายในด่านเจิ้นกวน ถูกสังหารในการล้อมโจมตีของกองทัพฉี”“ร่างของเขาเน่าเปื่อยไปนานแล้ว คุณเคยเห็น? เกรงว่าคงจะอยู่ในความฝันมากกว่า!”เย่มู่มู่พูดเสียงเบา “คุณไม่เชื่อ? ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ช่วยเขาไว้แล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยังส่งรูปถ่ายมาให้เธอ“รองผู้อำนวยการจาง ภาพวาดนี้ไม่สามารถแขวนขึ้นไปได้ ฉันจะส่งภาพวาดของจริงไปให้คุณ จำไว้ อย่าแขวนมั่วๆ...”โดยไม่รอให้รองผู้อำนวยการพูดอะไร เธอก็วางสาย!เย่มู่มู่เขียนจดหมายถึงจ้านเฉิงอิ้นทันทีขอให้เขารีบส่งภาพวาดมาโดยเร็ว!เธอกลัวว่าจ้านเฉิงอิ้นจะไม่ใส่ใจ จึงพิมพ์ภาพวาดเลียนแบบโบราณที่รองผู้อำนวยการจางส่งมารอจนหมึกแห้ง แล้วส่งไปพร้อมกับกระดาษเปล่าให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นกำลังประชุมกับเหล่าแม่ทัพการประชุมครั้งนี้มีแม่ทัพทั้งหมดเข้าร่วมแม่ทัพเก้านายภายใต้กองทัพตระกูลจ้าน และอีกเก้านายลูกน้องสวีหวยอู๋ลี่และคนอื่น ๆ อีกหกคน และเซี่ยเวยอีกหกคนรวมทั้งหมดสามส
เซี่ยเวยและคนอื่น ๆ ต่างก็ดีใจจนน้ำตาไหลท่านแม่ทัพช่างมีเมตตา อย่าว่าแต่ให้พวกเขาไปกำจัดกองทัพธงเหลืองหากวันหนึ่ง ท่านแม่ทัพสั่งให้พวกเขาไปกำจัดหกแคว้นพวกเขาจะไม่พูดอะไรสักคำ พุ่งทะยานอยู่แถวหน้า ฝ่าฟันเข้าสู่สมรภูมิรบจ้านเฉิงอิ้นสั่งให้หลี่หยวนจง เปี้ยนจื่อผิง อู๋ซานหลาง หลินต้าจวิน... สี่แม่ทัพเก่าแก่ประจำอยู่ที่ด่านเจิ้นกวนเฉิงจื่อเซียวและอู๋ลี่ และคนอื่น ๆ หากมีเรื่องใด ให้ปรึกษากับทั้งสี่พวกเขามีประสบการณ์การรบมากมาย มีความสามารถในการเป็นผู้นำพวกเขารักษาการณ์ที่ด่านเจิ้นกวน แม้ว่าเผ่าหมาน แคว้นฉู่ แคว้นฉีจะลอบโจมตีอีกครั้ง ก็เป็นเรื่องยากแม่ทัพเก่าแก่ที่เหลือ จะตามจ้านเฉิงอิ้นกลับเมืองหลวงหลี่หยวนจงอายุสี่สิบกว่าปี เป็นแม่ทัพเก่าแก่ ติดตามบิดาประจำอยู่ที่ชายแดนมาหลายปี เป็นคนที่บิดาค่อย ๆ สนับสนุนและผลักดันขึ้นมาเองตลอดทางเขามีประสบการณ์ในการรบอย่างโชกโชน ร่วมกับหลินต้าจวินนำกองกำลังกบฏชาวนา ปกป้องทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ไว้ได้อู๋ซานหลางและเปี้ยนจื่อผิงกับเฉิงจื่อเซียว และคนอื่น ๆ รักษาการณ์ประตูเมืองทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือหลังจากแบ่งจำนวนคนเสร็จแล้ว
เค้าโครงหน้าคมคาย ยิ่งดูหล่อเหลาโดดเด่นขึ้นแต่สีหน้ากลับเย็นชามาตลอด กลายเป็นหนุ่มหล่อสุดเย็นชาประจำโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไปแล้วแน่นอนว่า เขาเดินทางด้วยจักรยานสาธารณะ หรือไม่ก็นั่งรถประจำทาง ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีของแบรนด์เนมเลยไม่เหมือนกับเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ที่พอเข้าเรียนปุ๊บก็รู้เลยว่า พ่อแม่ทำอาชีพอะไร มาจากตระกูลไหน ตระกูลมีกิจการอะไรบ้างเพื่อนร่วมชั้นคนอื่น ๆ ล้วนแต่ร่ำรวยหรือมีฐานะสูงส่งส่วนเขาพื้นเพธรรมดา การแต่งตัวก็สบาย ๆโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบนักเรียน เพื่อนคนอื่น ๆ ใส่แต่แบรนด์หรู หรือไม่ก็ชุดสั่งตัดส่วนเขาใส่เสื้อผ้าแผงลอยข้างทาง!อาศัยหน้าตาแบกล้วน ๆพอดูออกว่าที่บ้านไม่มีเงิน ก็ถูกนักเรียนเกเรหมายหัวเพื่อนร่วมชั้นที่มายั่วโมโห หัวเราะอย่างโอหัง “โธ่เอ๊ย กล้าทำหน้าบึ้งใส่ฉันเหรอ!”“มา ๆ ๆ วันนี้พวกเราสั่งสอนมันหน่อย ลากตัวมันขึ้นรถไปที่นอกเมือง”หลันซีเยว่ตัวสั่นด้วยความกลัวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังคงขวางอยู่ข้างหน้าเขา“พวกนายกล้าเหรอ ถ้าวันนี้พวกนายกล้าแตะต้องเขาแม้แต่นิดเดียว ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!”ทันใดนั้นนักเรียนหลายคนก็หัวเราะล
เมื่อรถของเย่มู่มู่และหลูหมิงเคลื่อนตัวออกไป ลู่ฉิงยวนยังคงยืนสง่าอยู่ริมถนน มองส่งจนรถลับสายตาไป ครั้งนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรเลย อย่างน้อยเขาก็ได้ช่องทางการติดต่อของเธอมาเย่มู่มู่ตอนห้าขวบไม่ยอมรับเขา~ไม่นึกเลยว่าพออายุยี่สิบปี เย่มู่มู่ก็ยังคงไม่ชอบเขาเหมือนเดิมผู้หญิงเพียงคนเดียว กลับเป็นคนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ถึงสองครั้งในชีวิตนี้หลังจากขึ้นรถแล้ว ลู่ฉิงยวนก็ถามหัวหน้าบอดี้การ์ดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “บอดี้การ์ดที่อยู่กับเย่มู่มู่คนนั้น เป็นคนของสายไหนกันแน่?”หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดยังนึกถึงชายคนนั้น ออกหมัดฉับไว รุนแรง นั่นไม่ใช่ฝีมือของคนธรรมดาแน่นอน“เป็นนักสู้มืออาชีพครับ ที่สำคัญคือเป็นประเภทที่ทุกกระบวนท่าล้วนมุ่งเอาชีวิต! นั่นไม่ใช่ฝีมือของพวกเรียนกังฟูหรือซานต้าวิธีที่เขาลงมือ ผมไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”ลู่ฉิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย แค่คนเดียวก็สามารถล้มบอดี้การ์ดของเขาทั้งหมดลงไปกองกับพื้นได้เดิมทีเขายังเป็นห่วงเย่มู่มู่ กลัวว่าเด็กกำพร้าตัวคนเดียวอย่างเธอจะถูกรายล้อมไปด้วยฝูงหมาป่าและเสือร้ายแต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะไม่จำเป็นเสียแล้วการที่สามารถอัด
“คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ
“แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ