Share

บทที่ 7

Author: มู่โร่ว
ทหารสิบนายเดินกลับมาจากบ้าน พวกเขาขอบตาแดงก่ำ ต่างผ่านการร้องไห้มา

เมื่อวานนี้สีหน้าของพวกเขาแต่ละคนเต็มไปด้วยความโศกเศร้าปนความสิ้นหวัง

ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต่อให้ขอบตาจะแดงก่ำ แต่ปากกลับฉีกยิ้ม

พวกเขากำลังรอให้เย่มู่มู่ส่งน้ำมาให้!

ในเวลานี้ ที่หน้าประตูจวนแม่ทัพเกิดเสียงดังวุ่นวาย มีผู้ลี้ภัยกำลังสร้างปัญหา

จ้านเฉิงอิ้นให้เถียนฉินออกไปดู

พวกเขาออกไปได้ไม่นาน คนที่มารวมตัวกันสร้างปัญหาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงดังเข้ามาในจวนด้านในได้ยินกันชัดเจน

จ้านเฉิงอิ้นลุกขึ้น เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงทุกคนร้องตะโกนว่า “ขอท่านแม่ทัพได้โปรดเปิดยุ้งฉางแจกจ่ายธัญพืชออกมาด้วยเถอะ”

“ท่านแม่ทัพ ทั้งที่จวนของท่านมีข้าวสาร เหตุใดต้องซ่อนไว้กินเพียงคนเดียว? หรือว่าท่านอยากจะมองดูชาวบ้านด่านเจิ้นกวนหิวตายทั้งเป็นไปต่อหน้าต่อตาหรือ?”

“ท่านแม่ทัพ ได้โปรดช่วยพวกชาวบ้านด้วยเถอะ พวกเราไม่อยากหิวตาย!”

หน้าประตูจวนแม่ทัพ ชาวบ้านที่สร้างปัญหาก็มีถึงสองร้อยคนแล้ว!

ผู้นำก็คือชายที่มีนามว่าหลิวซื่อ ภายใต้ใบหน้ายาวนั้นคือดวงตาสามขาวและโหนกแก้มโดดเด่น

เขารู้จักกับพ่อที่แลกเปลี่ยนลูกเมื่อวานนี้ เมื่อก่อนเคยเป็นอันธพาลในท้องที่เช่นเดียวกัน

ครั้นเขาเห็นจ้านเฉิงอิ้นเดินออกมาจากจวนแม่ทัพ ก็ร้องตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่ทัพออกมาแล้ว ทุกคนขอร้องให้เขาแจกธัญพืชเถอะ พวกเราจะมีชีวิตรอดต่อไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับท่านแม่ทัพแล้ว!”

นัยน์ตาทั้งสองของจ้านเฉิงอิ้นมองไปยังกลุ่มคนที่สร้างปัญหาด้วยแววตามืดมน

“จวนแม่ทัพไม่มีข้าว รีบออกไปเสีย!”

หลิวซื่อหัวเราะฮ่า ๆ ทั้งกล่าวว่า “ท่านแม่ทัพ ท่านบอกว่าไม่มีข้าวก็คือไม่มีข้าวหรือ?”

เขาลากหญิงชราที่ถูกตีจนหน้าบวมเขียวช้ำออกมาจากมุม เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อายุสามขวบถูกนางกอดปกป้องเอาไว้แน่นในอ้อมอก

ใบหน้าของหญิงชราเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาขุ่นมัวคู่นั้นคลอไปด้วยน้ำตา รู้สึกผิดต่อแม่ทัพ ไม่กล้ามองไปที่เขา

หลิวซื่อล้วงกระดาษสีทองที่ใช้ห่อข้าวปั้นออกมาจากกระเป๋ากางเกง บนนั้นยังมีเมล็ดข้าวสีขาวติดอยู่

ชาวบ้านที่หิวโหยจนแทบหมดสติเห็นเมล็ดข้าวนั้น ต่างก็พากันกลืนน้ำลาย

นั่นคือข้าวขาวนี่!

ต่อให้จะมีแค่ไม่กี่เม็ด ใครบ้างจะไม่อยากกิน?

ตอนที่ยังไม่เกิดภัยแล้ง พวกเขายังอาลัยอาวรณ์ซื้อข้าวขาว ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เกิดความอดอยากไปทั่วทุกที่

“ท่านแม่ทัพ ท่านให้ข้าวปั้นกับหญิงชราตายยากผู้นี้กินได้ เหตุใดถึงไม่ให้พวกเรา[hk’ ทั้งที่ท่านก็มีธัญพืช”

“ท่านอยากให้ชาวบ้านทั้งเมืองหิวตายหรืออย่างไร?”

เมื่อหลิวซื่อกล่าวจบ ชาวบ้านทั้งหมดก็ตะโกนขึ้น “ขอท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วยเถอะ!”

“ได้โปรดท่านแม่ทัพแจกจ่ายธัญพืชด้วย...”

“ท่านแม่ทัพ ให้ทางรอดกับพวกเราด้วยเถอะ!”

คนหลายร้อยคนพากันคุกเข่า ขอร้องให้จ้านเฉิงอิ้นแจกจ่ายธัญพืช

แต่เขาเองก็ไม่มีธัญพืชเช่นกัน

ถุงเส้นหลายร้อยถุงเมื่อเช้านี้ ต้องส่งให้ค่ายทหารก่อน มิเช่นนั้นม้าศึกสองร้อยตัวสุดท้ายอาจจะรักษาไว้ไม่ได้แล้ว!

เรื่องนี้ เขาจะปล่อยปละละเลยไม่ได้

หลิวซื่อเห็นว่าจ้านเฉิงอิ้นนิ่งเฉย จึงผลักย่างเอ๋อร์และแม่ของเขาที่ถูกตีจนแทบจำไม่ได้ไปตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น

เขากล่าวอย่างดุร้าย “พูดมา แม่ทัพให้ข้าวปั้นกับพวกเจ้าใช่หรือไม่? ในข้าวปั้นห่อเนื้อไว้ด้วย!”

เมื่อได้ยินว่าข้าวปั้นมีเนื้อ ผู้คนมากมายต่างก็พากันกลืนน้ำลายอึก ๆ

หญิงชราถูกตีจนหายใจรวยริน ให้ตายก็ไม่ยอมเปิดปาก

ย่างเอ๋อร์ปกป้องแม่ของเขา หลิวซื่อด่าว่า “ท่านสมรู้ร่วมคิดกับท่านพ่อ กินน้องชายและน้องสาวของข้าไปแล้ว แม้แต่แม่ของข้าก็ไม่ยอมปล่อยไป ข้าจะฆ่าท่านเสีย!”

เด็กอายุสิบขวบคิดจะสู้อย่างสุดกำลังกับหลิวซื่อ แต่กลับถูกหลิวซื่อเตะกลิ้งออกไป

ขณะที่เขาคิดจะเหยียบไปที่หน้าอกของเด็กนั้น

ดาบแหลมคมของจ้านเฉิงอิ้นก็พุ่งเข้าไป ตัดไปที่คอของเขาในดาบเดียว

เลือดสีแดงฉานพุ่งออกมา ชาวบ้านหลายคนที่เดินหน้าเข้ามาสร้างปัญหาก่อนหน้านี้ ตื่นกลัวจนรีบหดหัวของตัวเอง แล้วถอยกลับไปอย่างต่อเนื่อง

คนที่ฆ่าบ่าวรับใช้ของจวนแม่ทัพคราวก่อน ก็ถูกลากไปที่สนามรบ และถูกฆ่าตายทั้งหมด!

แต่จวนแม่ทัพมีธัญพืช!

ออกไปก็หิวตาย ถูกลากไปที่สนามรบก็ตาย...

ไม่ว่าจะทางไหนก็ตาย

พวกเขาแค่อยากจะเป็นผีที่อิ่มท้อง!

จ้านเฉิงอิ้นสังหารคนจนสั่นสะเทือนสยบทุกผู้คนเอาไว้ได้

แต่กลับไม่มีใครออกไป

พวกเขายังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าจวนแม่ทัพ เชื่อมั่นว่าท่านแม่ทัพมีธัญพืช ถ้าได้กินสักคำ

ต่อให้ตาย พวกเขาก็ยอม!

มือข้างหนึ่งของจ้านเฉิงอิ้นกำด้ามกระบี่เอาไว้แน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย!

มองไปที่ชาวบ้านที่กำลังคุกเข่าอยู่หน้าจวนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ!

ในขณะที่บรรยากาศกำลังร้อนระอุ ทั้งสองฝ่ายเริ่มทนไม่ไหว เฉินขุยเฉินอู่สองพี่น้องก็วิ่งออกมาดูข้างนอกด้วยความดีใจ

“ท่านแม่ทัพ น้ำมาแล้วขอรับ!”

ชาวบ้านที่ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นทันที

คราวก่อนที่จวนแม่ทัพแจกจ่ายน้ำให้ ก็แจกจ่ายเพียงครึ่งวัน ทั้งครอบครัวดื่มไปไม่กี่จิบก็หมดแล้ว!

ตอนนี้ยังมีน้ำอีกหรือ?

ถ้ามีน้ำ ก็จะมีคนรอดชีวิตเพิ่มมากขึ้น น้ำสามารถต้มรากหญ้าเปลือกไม้กินได้

เฉินขุยนำกระดาษที่เย่มู่มู่ส่งมามอบให้กับจ้านเฉิงอิ้น

แล้วยังพูดกระซิบเสียงเบา ๆ ข้าง ๆ หูของจ้านเฉิงอิ้นด้วย “ท่านเทพส่งข้าวสารมาอีกสามถุงใหญ่ แป้งสาลีหนึ่งถุง ข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง”

จ้านเฉิงอิ้นสั่งว่า “ส่งไปที่ค่ายทหารแล้วตั้งหม้อต้มโจ๊ก ให้พวกทหารได้กินก่อน”

เฉินขุยพยักหน้า “อีกหนึ่งชั่วยาม ก็ให้ชาวบ้านมาต่อแถวเอาน้ำ”

“ขอรับท่านแม่ทัพ!”

เฉิยขุยจึงตะโกนบอกพวกชาวบ้าน “เชิญทุกคนไปที่ประตูด้านหลังจวนแม่ทัพ อีกหนึ่งชั่วยามจะแจกจ่ายน้ำ ไม่จำกัดจำนวนคน ทุกคนไปต่อแถวตักน้ำ ใครมาก่อนได้ก่อน”

ชาวบ้านที่เดิมทีคุกเข่าอยู่ได้ยินว่ามีน้ำ ก็วิ่งไปที่ประตูด้านหลังราวกับฝูงผึ้ง

ชายผิวดำและผอมหลายคนคอยมองการเคลื่อนไหวของจวนแม่ทัพอยู่ที่มุมเลี้ยวหนึ่ง

เมื่อวานนี้ จ้าวโหย่วไฉ่เห็นแม่ทัพออกมาจากจวนก็ตามไป

เขาเห็นกับตาว่าแม่ทัพยัดของให้หญิงชรา!

หลังจากแม่ทัพไป เขาก็เข้าไปแย่งข้าวปั้น

เขาเป็นคนตีนางเอง หลิวซื่อเขาเป็นแค่นกที่จู่ ๆ ก็ยื่นหัวออกมาเอง

เขาเอาเรื่องที่จวนแม่ทัพมีธัญพืชไปบอกเหวยกวงอดีตอันธพาลดุร้ายบนถนน

เหวยกวงมีลูกน้องชื่อซุนหย่าปาที่สามารถอ่านปากได้ เขาบอกว่า “จวนแม่ทัพยังมีข้าวสารสามร้อยชั่ง แป้งสาลีห้าสิบชั่ง ต้องการจะนำไปที่ค่ายทหาร!”

เมื่อคนเหล่านั้นได้ยิน ก็ตะลึงงัน

จวนแม่ทัพมีข้าวสารจริง ๆ หรือ?

และยังมีถึงสามร้อยชั่งอีกด้วย!

ข้าวสารสามร้อยชั่งนี้เพียงพอให้พวกเขาพี่น้องประหยัดกินได้ถึงสามเดือน

คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร

ในปีที่อดอยากนี้ ใครจะรู้ว่าจะตายวันไหน

พวกเขาอยากจะลองไปแย่งมันดู!

ต่อให้จะถูกจับและถูกฆ่าตายก็ยอม!

จ้าวโหย่วไฉ่เสนอความคิดเห็น “พี่เหวย พวกเราไปเรียกพี่น้องมาเพิ่มอีกสักหน่อย แล้วปล้นข้าวสารกลางทางกันเถอะ!”

เหวยกวงจ้องไปที่จวนแม่ทัพ สายตามืดมน “รออีกหน่อย!”

“จะต้องรออะไรอีกล่ะ ถ้ายังไม่ได้กินอีก เสี่ยวลิ่วจะอดตายแล้วนะ เมื่อวานนี้ทีแรกอยากจะแลกเด็ก พวกเราจะได้กินอิ่มสักมื้อ แต่สุดท้ายก็ถูกเขาทำเสียเรื่อง”

“พวกเราไปปล้นข้าวของเขาตอนนี้ ก็ถือว่าเสมอกันแล้ว”

เหวยกวงเหลือบมองจ้าวโหย่วไฉ่อย่างดุร้าย “เจ้าไม่เห็นหรือว่าหลิวซื่อตายอย่างไร? ยังอยากจะเข้าไปลองดูไหมล่ะ?”

“จ้านเฉิงอิ้นโดดเด่นเรื่องสงคราม เป็นแม่ทัพที่ฆ่าคนราวกับผักกับปลา การปล้นเสบียงใต้จมูกเขา เป็นการรนหาที่ตายชัด ๆ”

“แล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ? หรือจะมองดูเสี่ยวลิ่วรอความตายเช่นนี้หรือ?” จ้าวโหย่วไฉ่เอ่ยด้วยเสียงไม่พอใจ

เหวยกวงกัดฟัน “ข้าจะไปที่ค่ายทหาร แบ่งโจ๊กมาหน่อย”

“พวกเจ้าก็ไปตักน้ำ แล้วจับตาดูจวนแม่ทัพต่อไป”

ทุกคนต่างพยักหน้า

เมื่อคนแยกย้ายไปแล้ว เสี่ยวหย่าปาก็ตามเหวยกวงไปพร้อมกับทำมือบางอย่าง

เหวยกวงตะลึง แล้วถามอย่างเหลือเชื่อ “จริงหรือ? ในโลกนี้มีท่านเทพจริง ๆ หรือ?”

เสี่ยวหย่าปาพยักหน้า

“ไม่นาน ทุกคนก็จะได้มีธัญพืชกินแล้ว”

เหวยกวงหยิบน้ำเต้าใส่น้ำออกมาจากอก “เอาไปตักน้ำ อย่าบอกใครทั้งนั้น จับตาดูจวนแม่ทัพเอาไว้!”

เสี่ยวหย่าปาก็กอดน้ำเต้าเอาไว้แล้วไปตักน้ำ

*

เย่มู่มู่นำชุดจอกสุราใส่เข้าไปในกระเป๋า

จากนั้นก็ขับรถกระบะออกไปจากโรงรถในบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการลากสินค้า

เธอขับรถไปที่ถนนที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง ขณะที่ลงจากรถ ก็เห็นลูกพี่ลูกน้องพาคนวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบกว่าปีเดินเข้ามา

พวกเขาขวางทางเธอเอาไว้

“มู่มู่ ทำไมเธอไม่รับสายพี่เลยล่ะ? ดูสิว่าพี่พาใครมาหาเธอ?”

เย่มู่มู่ขมวดคิ้วมองไปที่พี่เย่ซินลูกพี่ลูกน้องของเธอ

เย่ซินเป็นลูกชายคนเดียวของลุงใหญ่ และเป็นที่รักของทุกคนในครอบครัวตั้งแต่เด็กจนโต

ถุงใต้ตาของเขาหนาและคล้ำ มีอาการซึม ๆ สภาพเหมือนถูกเหล้าและความต้องการทางเพศทำร้าย

นี่ทำให้เย่มู่มู่ขยะแขยงมาก

หลังจากที่พ่อของเธอร่ำรวย ก็ไม่ลืมจะประคับประคองพี่น้องทั้งหลาย ช่วยให้พวกเขาได้แต่งงาน หลังจากมีลูก ก็ยังซื้อบ้านที่อยู่ในเขตโรงเรียนให้ และจัดหาโรงเรียนที่ดีที่สุดให้

เขาช่วยเหลือทุกอย่าง แต่พี่น้องพวกนี้กลับไม่นึกถึงความดีของเขาเลย

คิดว่าเขามีลูกสาวคนเดียว เลยอยากให้ลูกชายของตัวเองไปเป็นลูกชายบุญธรรม

หลังจากแม่ปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด บรรดาพี่น้องของพ่อก็เบนความสนใจไปที่บริษัท อยากเข้าไปทำงานในบริษัท

พ่อจัดแจงพวกพี่น้องให้เข้าไปในบริษัทจริง ๆ

พวกเขาไม่กินเงินเดือนสูงกินค่าคอมมิชชั่นเยอะ ก็ทำเหมือนบริษัทเป็นทรัพย์สินของตัวเอง

แม้แต่เย่ซินก็ยังเคยพูดอย่างกล้าหาญว่า “รอให้อารองตายก่อนเถอะ บริษัทนี้ก็จะเป็นของฉัน พวกแกมีสิทธิ์อะไรไม่เชื่อฟังฉัน?”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 8

    เมื่อพ่อได้ยินคำพูดนั้นก็โกรธเป็นอย่างมาก ไล่ญาติ ๆ ทุกคนออกจากบริษัทแล้วก็จัดทำพินัยกรรมล่วงหน้าทรัพย์สินของเขา พี่น้องกับหลาน ๆ ไม่มีใครได้ไปสักสตางค์เดียวพอพวกนั้นรู้ว่าไม่ได้อะไรจากพินัยกรรม พยายามโทรหาเย่มู่มู่ก็ไม่ติด ก็เลยเริ่มวนเวียนอยู่ที่หน้าหมู่บ้าน หวังจะเจอเธอเย่ซินไม่รู้ว่ารออยู่หน้าหมู่บ้านนานแค่ไหน จนสุดท้ายก็ดันเจอเธอที่กำลังจะออกไปข้างนอกเขารีบพาผู้ชายวัยกลางคนมาพบเธอทันทีเย่มู่มู่ขมวดคิ้วถามเสียงเย็นชา “มีเรื่องอะไร?”เย่ซินยิ้มอย่างกระตือรือร้น“มู่มู่ เรามานั่งคุยกันหน่อย พี่จะแนะนำคนให้เธอรู้จัก คุณหวัง เขาเพิ่งหย่าเมื่อเดือนที่แล้ว ตอนนี้เป็นหนุ่มโสดสุดฮอตเลยนะ!”“ดูสิ คุณหวังทั้งสุขุมและมั่นคง ภายนอกก็ดูภูมิฐาน เขาเป็นเจ้าของใหญ่ของหัวหวังกรุ๊ป...”“เหมาะกับเธอที่สุดแล้ว!”คุณหวังที่พูดถึงนั้นหัวล้านกลางศีรษะ พุงก็ใหญ่จนดูอ้วนกว่าปกติ ดูแล้วอายุมากกว่าพ่อของเธอเสียอีกอายุอย่างน้อยก็คงห้าสิบห้าปีขึ้นไปเขาสวมแหวนทองวงใหญ่ มืออ้วน ๆ ของเขาลูบคางแล้วมองเย่มู่มู่ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหื่นกามเมื่อเห็นว่าเธอมีผิวขาวเนียน รูปร่างผอมเพรียว โดยเ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 9

    “ยัยหนู เธอคิดจะขายหรือไม่? จอกสุราปกติต้องมีเป็นคู่ ถ้าเธอมีครบคู่ ฉันจะเสนอราคาให้ถึงสองหมื่นห้าพันล้าน!”เย่มู่มู่รู้สึกเจ็บปวดในใจ เธอไม่อยากให้จ้านเฉิงอิ้นต้องมาตายตั้งแต่อายุยังน้อยเช่นนี้สองหมื่นห้าพันล้านเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคนหนึ่งแสนคนได้แต่สำหรับให้ทหารสองหมื่นนายของเขาเอาชนะกองทัพคนเถื่อนสามแสนนาย คงไม่เพียงพอแน่!เย่มู่มู่กัดฟัน ก่อนจะหยิบจอกสุราอีกใบออกมา“ฉันมีสองใบ สองหมื่นห้าพันล้านน้อยเกินไป!”เมื่อผู้อาวุโสมู่มองเห็นว่าเย่มู่มู่มีจอกสุราครบทั้งสองใบจริง ๆ เขาก็ดีใจมากจนทำแว่นตาหลุดมือที่สั่นเทาของเขารีบหยิบจอกขึ้นมา ตรวจสอบด้วยแว่นขยายเขาตื่นเต้นจนริมฝีปากสั่นระริก “ใช่แล้ว ใช่เลย! นี่คือจอกสุราคู่ที่สภาพสมบูรณ์ และยังคงงดงามเป็นอย่างยิ่ง!”“เธอต้องการเท่าไหร่?”เย่มู่มู่ตอบว่า “ฉันต้องการเงินสด และราคาต้องถึงขีดสูงสุด”ผู้อาวุโสมู่เบิกตากว้าง “เธอต้องการสามหมื่นล้านเหรอ?”เย่มู่มู่พยักหน้าเขาเริ่มลังเลแล้ว!เมื่อเย่มู่มู่เห็นเช่นนั้น ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง “ถ้าคุณไม่มีปัญญาจ่าย ฉันไปถามร้านข้าง ๆ ก็ได้!”เธอลุกขึ้นเตรียมเก็บจอกสุราคืนแต่ผู้อาวุโสมู่

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 10

    เย่มู่มู่ขับรถไปถึงตลาดสด และมองหารถบรรทุกขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกได้ถึงสามสิบตันเธอบอกว่าจะซื้อของบริจาคเพื่อส่งไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย!ไม่ว่าจะเป็น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง ผักกาดเล็ก หัวไชเท้า แครอท มันเทศ มันฝรั่ง และข้าวโพด…เธอเหมาผักหมดทั้งตลาดแล้วพ่อค้าแม่ค้าผักเห็นเธอซื้อของมากขนาดนี้ ต่างรีบกรูเข้ามาล้อมเธอ พร้อมเสนอลดราคาขายให้เธอในราคาถูกกว่าปกติ!เย่มู่มู่ซื้อของทั้งหมดในตลาดสดจนเกลี้ยง พร้อมจ้างรถบรรทุกสองคันจากนั้นเธอก็จัดหาคนมาช่วยขนของขึ้นรถ พร้อมให้ที่อยู่ของโกดังกับคนขับรถบรรทุก ให้พวกเขาขนของไปที่โกดังคุณลุงที่ดูแลโกดังอยู่ทั้งวันก็ยังคงเฝ้าประตูตามปกติหลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จ เย่มู่มู่จึงเดินทางไปร้านขายยาไม่ว่าจะเป็นผ้าก๊อซ แอลกอฮอล์ล้างแผล แหนบ คีม มีดผ่าตัด กรรไกร และไหมเย็บแผลเธอซื้อมาอย่างครบครันรวมถึงเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา ยาปฏิชีวนะ ยาห้ามเลือด และยาแผนตะวันตกอื่น ๆ ก็ซื้อไปหมดนอกจากนี้ยังมียาแผนจีนแบบสำเร็จรูป เช่น อวิ๋นหนานไป๋เย่า[1] ยารักษาอาการฟกช้ำ ยาห้ามเลือดต่าง ๆ ยาลดการอักเสบ และยาช่วยฟื้นฟูเนื้อเยื่อ…เธอแวะร้านขายสมุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 11

    จ้านเฉิงอิ้นยืนเฝ้าข้างแจกันไม่ห่างฉับพลันนั้นน้ำก็หยุดไหล เขาลุกขึ้นเดินไปหยุดยืนข้างแจกัน เห็นกระดาษสีขาวโปรยลงมาอักษรคมกริบ จดจำได้ง่ายเพียงแต่อักษรเหล่านี้ขาดแขนและขา จ้านเฉิงอิ้นอ่านปะติดปะต่อกันก็เข้าใจท่านเทพยาดากล่าวว่า ส่งยามาหนึ่งชุด!ยาหรือ!!!หากมียา ทหารน้อยซ่อมเกือกม้าเป็นก็จะรอดชีวิตแล้วประชาชนในเมืองอาจไม่ต้องหิวตาย เพราะขาดน้ำและอาหารร่างกายจึงย่ำแย่ แค่อาการหวัดเล็กน้อยก็สามารถคร่าชีวิตคนได้หากมียา ทหารห้าพันนายที่ตายไปในสมรภูมิครั้งก่อน อย่างน้อยก็คงช่วยชีวิตได้ครึ่งหนึ่ง!จ้านเฉิงอิ้นกำกระดาษไว้แน่น น้ำใส ๆ รื้นขอบตา เพียงส่งอาหารและน้ำมาก็เป็นความปรารถนาสูงสุดของเขาแล้วนึกไม่ถึงว่าท่านเทพยดาถึงขั้นส่งยามาให้ด้วยสิ่งที่กองทัพตระกูลจ้านขาดแคลนก็คือยา!จ้านเฉิงอิ้นน้ำเสียงแหบพร่า เอ่ยเสียงสะอื้นว่า “เถียนไท่ เรียกหมอทหารทุกคนมาที่นี่”เถียนไท่กับทหารนายอื่นได้ยิน ก็พลันลุกขึ้น รายล้อมเขาด้วยอารมณ์พลุ่งพล่าน“ท่านแม่ทัพ ท่านเทพยดาส่งยามาแล้วหรือขอรับ?”“จริงหรือขอรับ? หากมียา ทหารที่ได้รับบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในค่ายก็ไม่ต้องรอความตายอีกแล้ว!”“บา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 12

    เขาหยิบผ้าพันแผลที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ยังมีสำลีฆ่าเชื้อ เข็มฉีดยา น้ำยาฆ่าเชื้อเตี่ยนฝู[1]…และมีอุปกรณ์ผ่าตัดนานาชนิด ทั้งมีดผ่าตัด คีมผ่าตัด…เขาตื่นเต้นจนพูดไม่เป็นประโยค “ท่านแม่ทัพ นะ นี่มันยาฆ่าเชื้อ ใช่…?”จ้านเฉิงอิ้นพยักหน้าให้เขาซ่งอวิ๋นฮุยกำคีมผ่าตัดในมืออย่างตื้นตันจนไม่อาจบรรยาย!ท่านเทพยดามอบให้แก่พวกเขาท่านเทพยดาไม่เพียงส่งยามาให้ ยังส่งวิทยาการด้านการแพทย์ที่ล้ำยุคมาให้ด้วยคีมผ่าตัด กรรไกรผ่าตัด…เครื่องมือเหล่านี้ประณีตกว่าของในสำนักหมอหลวงหลายเท่า!จ้านเฉิงอิ้นมอบหนังสือ ‘คู่มือหมอเท้าเปล่า’ ให้ซ่งอวิ๋นฮุยหนึ่งเล่มเขาเปิดอ่านอย่างไม่รีรอ เห็นในตำรามีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รับมือกับโรคระบาด ก็พลันดีใจอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง“ท่านแม่ทัพ มีเทียบยาที่เอาไว้ใช้รักษาโรคระบาดต่าง ๆ อยู่ด้วย! มีตำราเล่มนี้อยู่ หมอในแคว้นต้าฉี่ก็ไม่ต้องปวดหัวกับโรคระบาดอีกแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มตอบ “หมอทหารซ่ง ท่านนำกลับไปศึกษาเสีย ยังมียาเหล่านี้อีก มีวิธีใช้เขียนติดอยู่บนถุง”ด้วยกลัวว่าเขาจะไม่รู้อักษร จึงได้มอบตารางโครงสร้างส่วนประกอบอักษรแบบใหม่ให้เขาด้วยส่วนหมอทหารที่เหลือ ก็ได้ร

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 13

    เฉินขุยเห็นจ้านเฉิงอิ้นสีหน้าไม่ค่อยดีนัก จึงถามอย่างเป็นห่วงว่า “ท่านแม่ทัพ ทางเมืองหลวงส่งข่าวอันใดมาหรือขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้นยื่นจดหมายให้เขาเขาคลี่จดหมายออก ขณะที่นายทหารที่เหลือเองก็รุมล้อมเข้ามาดูด้วยเห็นเพียงข้อความหนึ่งเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องสุดชีวิต’!เฉินขุยสบถออกมาด้วยความเดือดดาล “เดิมทีพวกข้ามีทหารหนึ่งหมื่นนาย ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ร้อย ไม่ส่งอาหารส่งน้ำมา ไม่ส่งกำลังเสริมมาไม่พอ มิหนำซ้ำยังสั่งให้ปกป้องเมืองไว้สุดชีวิตอีกงั้นเรอะ!”“นี่เท่ากับสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาไปตายไม่ใช่หรือ?”อู๋ซานหลางขมวดคิ้วมุ่น “ท่านแม่ทัพ ไม่มีกำลังเสริมแล้วจริงหรือขอรับ?”ถึงแม้พวกเขามีเสบียงแล้ว แต่ทหารสองหมื่นนายจะทัดทานทหารสามแสนนายจากเผ่าหมานได้อย่างไร!หากเรื่องที่พวกเขามีเสบียงอาหารและน้ำแพร่งพรายออกไป เผ่าหมานจะต้องบุกรุกเข้ามายึดเมือง แย่งเสบียงอาหารทั้งหมดไปเป็นแน่บรรยากาศอึดอัดและตึงเครียดจนถึงขีดสุด!เฉินขุยเอ่ยต่อว่า “กองทัพหนึ่งแสนนายของแม่ทัพสวีหวยก็อยู่ห่างจากด่านเจิ้นกวานเพียงไม่กี่ร้อยลี้ เหตุใดฮ่องเต้น้อยจึงไม่มีราชโองการให้เขามาช่วยเหลือ หรือจะมองดูด่านเจิ้นกวนถูก

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 14

    พวกเขาเลียนแบบนายกองจ้าวจง พากันยกหัวไชเท้าแดงขึ้นมาลองกัดอย่างระมัดระวังหนึ่งคำจากนั้นก็เบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ มีรสชาติหวานจริง ๆ!พวกเขากลืนกินหัวไชเท้าแดงหมดภายในไม่กี่คำ ถึงขั้นไม่ทันได้เคี้ยวให้ละเอียดด้วยซ้ำหลินต้าจวินเห็นพวกเขากินหมดแล้ว จึงกำชับพวกเขาว่า “เบาเสียงหน่อย ย้ายเสบียงไปที่ค่ายทหารก่อน!”พวกเขานำข้าวสารหนึ่งถุงใส่ตะกร้าก่อน จากนั้นก็ทับด้วยน้ำมันหนึ่งถัง แป้งสาลีหนึ่งถุง ตามด้วยเกลือทำอาหารอีกจำนวนหนึ่ง ปิดท้ายด้วยการวางผักกาดขาว และกะหล่ำปลีครั้นเห็นช่องว่างในตะกร้าก็เสียบมะเขือยาว มะเขือเทศและหัวไชเท้าแดงแซมเข้าไป…ตะกร้าไผ่กว้างมาก ทว่าพวกเขาก็ยังคงใส่ของมากเกินจนทำให้ปากตะกร้าบิดเบี้ยวเล็กน้อยแต่พวกเขาไม่มีเวลาสนใจแล้ว ค่ายทหารอยู่ห่างจากค่ายทหารถึงสองลี้ ประตูด้านหลังมีเกวียนจอดอยู่ด้านนอกเกวียนหนึ่งเล่มสามารถใส่ตะกร้าได้สี่ตะกร้าพวกเขาใส่ของเต็มเกวียนสี่เล่ม อาศัยกำลังคนในการลากทั้งสิ้นในค่ายทหารมีม้า ทว่าม้าล้วนหิวจนผอมเหลือแต่กระดูก บางตัวก็ลุกไม่ไหว จึงทำได้เพียงอาศัยแรงคนเท่านั้นเพื่อปกป้องทรัพยกรชุดนี้ เฉินขุยกับหลินต้าจวินควบคุมการข

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 15

    หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม จ้านเฉิงอิ้นได้รับถังทรงกลมขนาดใหญ่ที่มีตราสแตนเลสเกรดอาหารสามศูนย์สี่ประทับอยู่ถึงหนึ่งร้อยใบความใหญ่ของถังนั่นเทียบได้กับอ่างอาบน้ำทีเดียวหนำซ้ำยังใช้แต่เหล็กเนื้อดี ไม่ ทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีต่างหากผิวเหล็กเรียบลื่นจนเห็นเงาสะท้อนของคน ไม่มีรอยบุบแม้แต่น้อยวิทยาการในการผลิตล้ำยุค ทั่วทั้งแคว้นต้าฉี่ หรือแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดินหัวเซี่ย ล้วนหาฝีมือแบบนี้ไม่ได้ยังมีถาดทรงสี่เหลี่ยมอีกสามร้อยใบ ล้วนมีวัสดุเหมือนกันเหล่านายกองเห็นก็อดอุทานด้วยความแปลกใจไม่ได้เฉินขุยยกถังใหญ่ใบหนึ่งในนั้นขึ้นมา “ท่านแม่ทัพ หนักมาก หากนำเหล็กกล้าชั้นดีเยี่ยงนี้มาตีเป็นอาวุธ จะต้องตัดเหล็กได้ดุจดินเหนียว และมีกำลังต่อสู้เพิ่มขึ้นหลายเท่าเป็นแน่!”“ท่านเทพยดาถึงขั้นใช้ถังเหล็กกล้าเช่นนี้มาทำอาหาร ช่างเสียของจริง ๆ!”เหล่าทหารต่างก็รู้สึกเสียดายอย่างมากหากนำมาผลิตเป็นอาวุธจะดีสักแค่ไหนกันตอนนี้หัวหอกส่วนใหญ่ของเหล่าทหารล้วนทำมาจากทองสำริด ทองสำริดแข็งและคมสู้เหล็กกล้าไม่ได้อยู่แล้วซ่งตั๋วดูแลคลังอาวุธ ขอเพียงท่านแม่ทัพมีคำสั่ง เขาก็สามารถหาคนมานำอุปกรณ์เหล่านี้หลอมแล

Latest chapter

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 712

    “คุณคู่ควรกับผู้หญิงที่ดีกว่านี้นะคะ ส่วนฉัน... ไม่ได้สนใจเรื่องแต่งงานเพื่อเชื่อมสัมพันธ์อะไรแบบนั้นเลยค่ะ!”เธอกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่เสียงของลู่ฉิงยวนก็เย็นเยียบลงหลายส่วน เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ทำไม?”เย่มู่มู่หันกลับไปมองเขา“ทำไมถึงปฏิเสธผม คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังจะพลาดอะไรไป?”“คุณไม่ชอบผม หรือคิดว่าเราไม่มีความรู้สึกต่อกันงั้นเหรอ!”เย่มู่มู่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ขอโทษนะคะคุณลู่ มันไม่เกี่ยวกับคุณเลยค่ะ การที่ต้องสร้างครอบครัวกับผู้ชายที่แทบไม่รู้จักกันดี แค่คิด...ฉันก็รับไม่ได้แล้วค่ะ!”“สุดท้ายแล้ว ก็ยังเป็นเพราะคุณไม่ชอบผมใช่ไหม? มู่มู่ อย่าดื้อนักเลย ความรู้สึกน่ะมันสร้างกันได้นะ...”เย่มู่มู่ขมวดคิ้ว มองไปยังลู่ฉิงยวนเขาทั้งหนุ่ม ทั้งรวย อาศัยความสามารถของตัวเองล้วน ๆ สร้างหลิ่วอวิ๋นกรุ๊ปจนยิ่งใหญ่ได้อย่างทุกวันนี้เขายอดเยี่ยมมากบางทีในอนาคตเธออาจจะต้องเสียใจ ที่ตัวเองพลาดมหาเศรษฐีโสดผู้เพียบพร้อมทั้งความสามารถและฐานะระดับเพชรยอดมงกุฎคนนี้ไปแต่ ตอนนี้ในหัวของเธอมีแต่เรื่องหาเงิน และเรื่องการช่วยจ้านเฉิงอิ้นรวบรวมใต้หล้าให้เป็นปึกแผ่นในคติประจำใจ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 711

    “แน่นอนว่าพวกเธอก็จะไม่บังคับลูก ๆ ถ้าไม่ชอบ ก็ปฏิเสธได้!”“ต่อมา คุณแม่เกิดอุบัติเหตุ ผมถูกบ้านตาไปรับเลี้ยง ไอ้สารเลวนั่นเริ่มฟ้องร้องยาวนานกว่าสิบปี เพียงเพื่อล้มล้างพินัยกรรมของแม่!”“ระหว่างนั้น เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในมือผม ป้าหลินจึงมอบหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ในมือของเธอให้ผมโดยไม่คิดค่าตอบแทน”“ผมเคยถามเธอ ว่าต้องการอะไรเป็นการตอบแทนไหม์”“เธอขอให้ผมดูแลคุณให้ดี หากวันใดวันหนึ่งพวกเขาสามีภรรยาเกิดเรื่องอะไรขึ้น คุณก็จะกลายเป็นเด็กกำพร้า ต้องถูกคนตระกูลเย่รังแกแน่ ๆ เธอหวังว่าผมจะรับปากว่าจะดูแลคุณให้ดีไปชั่วชีวิต!”น้ำตาของเย่มู่มู่ร่วงเผาะ ๆเธอไม่คิดเลยว่า คุณแม่ได้วางแผนเพื่อเธอไว้แต่เนิ่น ๆ แล้วเพื่อเดิมพันกับโอกาสอันน้อยนิดนั้น ใช้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์ของลู่ซื่อกรุ๊ป แลกกับคำมั่นสัญญาเพื่อเธอพ่อแม่ของเธอรักเธอมาก“ลู่ฉีหยางตามหาคุณ ข่มขู่คุณ! นอกจากจะหมายตาฟู่ลี่กรุ๊ปที่เป็นคู่ค้ารายใหญ่แล้ว ยังมีอีกอย่าง พวกเขารู้ว่าแม่ของคุณมีหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์!”“ผมเปิดเผยรายชื่อผู้ถือหุ้นสิบอันดับแรกของบริษัทต่อสาธารณะ พวกเขาก็ยังคงไม่เชื่อ!”“อยากจะยึดหุ้นห้าเปอร์เซ็นต์นั้นมาเป็นขอ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 710

    ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 709

    คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 708

    หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 707

    แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 706

    ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 705

    หลัวซู่กับจ้านเฉิงอิ้นซึ่งเป็นผู้นำหลักของทั้งสองฝ่าย กำลังโรมรันกันอยู่ในสนามรบตอนที่ทหารเผ่าหมานทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่กับจ้านเฉิงอิ้นและหลัวซู่อยู่นั้นทันใดนั้นเอง รถบรรทุกสองคัน ก็พุ่งชนเข้ามาอย่างอุตลุด และพุ่งตรงไปทางกองฟืนทหารเผ่าหมานเห็นสิ่งที่ใหญ่มหึมาก็หน้าเปลี่ยนสี ทุกคนต่างก็วิ่งหนีแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่คิดชีวิตเด็กสองคนที่ถูกขึงไว้บนท่อนไม้ ไม่มีคนคอยจับตาดูเอาไว้รถบรรทุกสองคันจอดอยู่รอบ ๆ กองฟืนกองทัพตระกูลจ้านที่อยู่บนท้ายรถ ยิงธนู ยิงปืน และยิงธนูทดกำลัง ขับไล่กองทัพเผ่าหมานที่อยู่บริเวณโดยรอบออกไปจนหมดทหารที่อยู่ท้ายรถบรรทุก กระโดดลงจากรถโดยทันที จากนั้นก็ตัดเชือกให้ขาดด้วยดาบเดียวในวินาทีที่เด็กร่วงลงมาก็รับไว้ได้อย่างมั่นคงอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในด้านหลังของห้องโดยสารนับจากที่เด็กน้อยร้องให้งอแง จากนั้นก็ถูกช่วยเหลือ และยัดใส่ห้องโดยสาร…สำเร็จภายในอึดใจเดียว!ถึงขนาดที่แม้กระทั่งรถออฟโรดขนาดเล็กก็ยังไม่ได้เอาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถด้วยซ้ำในตอนนี้ทหารของกองทัพเผ่าหมานถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาถูกหลอกเข้าให้แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บุ

  • ปีแห่งภัยอดอยาก ฉันขายวัตถุโบราณเลี้ยงดูท่านแม่ทัพ   บทที่ 704

    “พยายามช่วยเหลือเด็กกับราษฎรห้าหมื่นคนออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวดินระเบิดของพวกมัน คาดว่าตอนนี้คงเปียกโชกไปจนหมดแล้ว!”เฉินขุยหัวเราะเสียงดัง “เดิมทีท่านบอกว่ามีวิธี เป็นวิธีเช่นนี้นี่เองสินะขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่ การศึกในครั้งนี้พวกเราจะต้องมีชัยกลับมาอย่างแน่นอน!”พอวางจากวิทยุสื่อสารแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็นำแจกันเข้าไปเก็บในรถเขากล่าวกับมั่วฝานว่า “เดินหน้าเต็มที่ จู่โจมเต็มกำลัง...”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”มั่วฝานหยิบแท่งขยายเสียงออกมา ส่วนลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่วางไว้ที่ด้านหลังของรถกระบะเขากล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง จู่โจมเต็มกำลัง...”*เผ่าหมานคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนที่ตกหนักอยู่นั้นจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นสียงฟ้าร้อง จึงไม่ได้ให้ความสำคัญอันใด!เนื่องจากเสียงฟ้าร้องยังคงอยู่ และมีฟ้าผ่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักทว่าเมื่อฟังอย่างละเอียด กลับดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้อย่างมาก!จนกระทั่ง มีระเบิดตกลงมาข้างกายพวกเขา มีคนหลายร้อยคนถูกระเบิดจนตายพวกเขาจึงได้ค้นพบว่า...มารดามันเถิด ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนท

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status