อันหว่านถิงเอื้อมมือไปหยิบแก้วเครื่องดื่มจากบริกร แล้วเดินตรงไปโดยมีจุดหมายคือเฉินซือหยาง ยามนั้นสายตาหลายคู่เริ่มจดจ้องมาที่หล่อน สตรีในชุดกี่เพ้าสีแดงสด ปักดิ้นทองลวดลายงดงาม ทั้งมีไข่มุกเม็ดใหญ่ประดับล้อกับแสงไฟ เรือนผมสีดำเส้นเล็กขยับไหวในทุกย่างก้าวที่หล่อนสืบเท้าไป รอยยิ้มประดับบนดวงหน้างดงามหยาดเยิ้ม และดวงตากลมโตมองสามีโดยไม่หันเหไปทางอื่น กระทั่งประชิดตัวเขา อันหว่านถิงก็เบียดตัวกับกายแกร่ง เนื้อนุ่มนิ่มกับกลิ่นกายหอมหวานยั่วยวน เร้าใจเหลือเกิน “คิดถึงเมียรักมากไหมคะเหล่ากง...” หล่อนว่าแล้ว ก็ยิ้มให้เฉินซือหยาง และวินาทีต่อมา เสียงอื้ออึงก็ดังขึ้น เฉินซือหยางกับไม่ได้แสดงออกว่าตกใจ หรือสำนึกผิดต่อการควงผู้หญิงอื่น แทนภรรยาเอกที่อยู่บ้านเลี้ยงลูก นั่นเป็นเพราะเขาวางตัวปกติ ผิดแต่ผู้อื่นกำลังคิดไปเอง ส่วนอันหว่านถิงพยายามใจกว้างให้มาก หล่อนมองความจริงตรงหน้าโดยให้เกียรติเฉินซือหยาง กระนั้นความหึงหวง ความเสียใจ และผิดหวังย่อมมีแน่นอน ผู้หญิงอย่างไรก็คงไม่คิดแบ่งปันสามีกับใคร และสายตาที่มองเฉินซือหยางแจ้งชัดว่า หล่อนเป็นเจ้
ตัวเมืองฝูเจียงในสายตาของอันหว่านถิงยามนี้ แตกต่างจากตอนที่หล่อนปีนขึ้นจากท่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศคึกคัก แบ่งพื้นที่เป็นสองด้านชัดเจน คือพื้นที่เช่าของต่างชาติ และตรอกการค้าทั้งเก่ากับใหม่ เรียกว่าสะอาดสะอ้านทันสมัย ผู้คนล้วนมีเงินทอง เป็นเขตปลอดสงครามโดยแท้จริง ทั้งมีทหารประจำการเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนด้านหลังสุดมีสะพานข้ามเชื่อมต่อ แบ่งเขตด้วยประตูลวดหนาม คือเขตของชุมชนดั่งเดิม เป็นอาคารสูงตั้งแต่สองชั้นถึงห้าชั้นและสลัมที่ไม่น่าชมนัก ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดสักหน่อย มีอาชีพค้าขาย ใช้แรงงาน เรียกว่าหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผิดไปจากนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีโรงงานต่างๆ เป็นพื้นที่นิคมเมืองฝูเจียง สูงขึ้นไปด้านเหนือ เป็นภูเขาไป๋ซาน เฉินซือหยางให้จ่ากั๋ว หรือ กั๋วซีขับรถไปรับอันหว่านถิงที่บ้านพัก และอันหว่านถิงมาพร้อมกับลูกชาย และอิงซิน เพื่อให้ช่วยดูแลเขาด้วย พร้อมหวังเฮ่อก็ถูกเรียกตัวเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ “ป้าอิง พาเผิงน้อยไปรอผู้บัญชาการที่ห้องรับรองโรงแรมดีกว่า บริเวณนี้เสียงดัง และดูวุ่นวายเกินไป ส่วนฉันอยากเดินเล่นสักนิดหน่อย”
อันหว่านถิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง เมื่อก่อนหล่อนสนิทสนมกับหลี่เจ๋อฟู และไม่รู้จักรักษาเกียรติของตนถึงเพียงนั้นหรือ หญิงสาวมองไปทางอิงซินอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ เพียงแต่สมองต้องการเวลาประเมินผลเรื่องราวแต่หนหลังสักหน่อย ขณะเดียวกันลูกชายหล่อนก็ให้หวังเฮ่อช่วยจอดรถจักรยาน จากนั้นก้าวตรงมายืนขวางหลี่เจ๋อฟู ไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่ “ป่าป๊า หะ ให้ เผิงน้อยเฝ้าบ้าน หะ ห้าม คนบะ บ้านหลี่ มะ มา ยุ่ง ชิ้วๆ ๆ” ถึงคำพูดเด็กชายจะติดอ่างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตลูกเล็กๆ นั้นเอาเรื่องน่าดู อีกทั้งเขากำหมัดแน่น ซึ่งไม่ใช่ท่าทางแบบอันธพาล หากดูแล้วคล้ายบอดีการ์ดตัวจิ๋วมากกว่า “ตี๋น้อย... ลื้อเป็นเด็ก จะไปรู้อะไร อั๊วเอาของมาฝากแม่ลื้อ และถ้าอยากกินลูกอม เดี๋ยวแบ่งเศษของเหลือให้ไปแทะเล่น” หลี่เจ๋อฟูบอก พร้อมเตรียมผลักเฉินรุ่ยเผิงที่ขวางทางออกไป หากอันหว่านถิงไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนโพล่งเสียงดังทรงอำนาจ “คุณชายใหญ่หลี่ สามีฉันไม่อยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก อีกอย่างที่นี่บ้านพักผู้บัญชาการฯ ปกติเข้าออกต้องมีการตรวจอย่างเคร่งคร
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่