ดวงตากลมโตมองซ้ายสลับขวา เมื่อครู่เด็กชายกลัวจับใจ คนทำสวนตัวโตๆ เข้ามาอยู่ในห้องนั่งเล่นด้วย แล้วเดินเข้าไปเอาขวดใสๆ ที่มีน้ำเสียงเหลืองออกมา จากนั้นก็เปิดฝาเทใส่แก้ว แล้วยกดื่มไปหลายอึก
ที่เด็กชายไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่เพราะคนๆ นั้นชอบเตะโต๊ะเก้าอี้ และบางทีโวยวายหยิบของต่างๆ ในห้องนี้ไป เป็นของประดับโต๊ะ หรือแจกันสวยๆ พอเอาไป ก็มักบอกเจ้าของบ้านว่า เฉินรุ่ยเผิงเป็นคนเอาไปซ่อน แต่เขาอายุเท่านี้ นิ้วมือก็สั้นป้อม จะหยิบของใหญ่โตพวกนั้นได้อย่างไร
แล้วตอนนี้มีการทะเลาะกัน เรื่องสูบบุหรี่ในห้อง แม่บ้านจึงร้องห้าม ก่อนมีการยื้อยุดไปมา พอผู้ชายตัวเหม็นเห็นว่าเฉิงรุ่ยเผิงอยู่ตรงนั้น จึงหันมาแยกเขี้ยวใส่ พร้อมถลึงตาตาดุเด็กชายด้วย
“แกเห็นอะไรไหม ไอ้หมาหัวเน่า”
เฉินรุ่ยเผิง มองไปยังอาเค่อ ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่บ้านลู่ หรือ ลู่เพ่ยเพ่ย
“พี่พูดกับเสี่ยวเผิงดีๆ สิ” แม่บ้านลู่ตำหนิ แต่ยิ้มและส่งตาหวานให้อาเค่ออย่างหยาดเยิ้ม
“เฮอะ พูดดีไปทำไม ก็รู้อยู่ว่ามันเป็นใบ้ สมองน้อยนิด วันๆ เดี๋ยวกิน เดี๋ยวร้องเข้าห้องน้ำ เธอไม่เบื่อหรือไง ทำงานบ้านด้วย ยังต้องดูแลเด็กอีก”
“ก็มันได้เงินดี คุณหนูรองจ่ายฉันเพิ่มทีละห้าหยวนเชียวนะ สำหรับดูแลเด็กทึ่ม ที่แม่มันวันๆ เอาแต่ร่านหาเรื่องหนีเที่ยว และจับกลุ่มกับพวกคนรวยที่มาจากเมืองหลวง”
ลู่เพ่ยเพ่ยว่า แล้วมองเด็กชาย พอเห็นว่าเฉินรุ่ยเผิงจ้องตนอย่างสนใจ นางก็ยกไม้กวาด ทำท่าจะตีเขา
“เสี่ยวเผิง ไปเล่นข้างนอกนู้นไป พี่เพ่ยจะคุยธุระกับอาเค่อ” เธอบอกเด็กชาย และพอเห็นเขาชักช้า ก็สั่งคนสนิทของตนทำท่าน่ากลัวให้เด็กชายเห็น
เฉินรุ่ยเผิงยืนนิ่งอยู่เกือบอึดใจ พร้อมกลั้นฉี่ พอสองขามีแรง เขาก็วิ่งออกจากห้องนั่งเล่นไป
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เขาเล่นอยู่คนเดียวและรู้สึกหิวจัด เพราะลู่เพ่ยเพ่ย ไม่ได้ให้อาหารเขา เด็กชายเลยหลบออกจากสวนหลังบ้าน เขาไม่อยากอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ ที่นี่ไม่มีนางฟ้า ไม่มีคนใจดีกับเขาเลย
และเด็กชายวัยสามขวบกว่าแล้ว แต่ตัวเล็กกว่าปกติด้วยคลอดก่อนกำหนด ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจหลายสิ่ง แต่มีปัญหาด้านการสื่อสาร เขาพูดติดอ่าง มักสลับคำหน้าไปหลัง และสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือการกิน เขากินเก่ง และจำได้ว่าที่บ้านแม่ไม่ชอบทำอาหาร ไม่ให้มีแม่ครัว หรือคนใช้เนื่องจากกลัวคนเหล่านั้นวุ่นวายกับพ่อ จึงทำให้ทั้งคู่ทะเลาะกันบ่อยๆ
ดังนั้นที่บ้านของเขา จึงมีผลไม้ ขนมปังจากต่างประเทศ ที่อยู่ในกล่องกระดาษ ในกล่องเหล็ก มันหอมเนย มีน้ำตาลโรยข้างหน้า บางอันเป็นถั่ว ในกระปุกแก้วมีเนยถั่วที่อร่อยเหาะ และพวกผงโกโก้ เมื่อคิดถึงแล้วท้องเขาก็ร้องจ๊อกๆ
แต่ไม่รู้เหตุใด เขาเดินวนไปมา ทั้งสงสัยอีกว่ามันไม่ถึงบ้านเสียที ทั้งที่เขาเคยปั่นจักรยานแบบมีล้อเล็กๆ ด้านหลังสองข้างติดเอาไว้เที่ยวเล่นบ่อย และกลับบ้านถูกเสมอ ทว่าพักหลัง แม่รำคาญเสียงกระดิ่ง และเสียงร้องสนุกสนานของเขา มันเลยถูกล่ามโซ่เก็บไว้ในห้อง จักรยานสีเหลืองคันนั้น คงนอนเหงาคิดถึงเฉินรุ่ยเผิงอยู่แน่ๆ
“หม่าม้า... เผิงน้อยหิวแล้ว”
เขาร้องขึ้นและจำได้ว่า วันที่แม่หายไป เขาหยิบหนังสือภาพสีสวยๆ ออกมา เห็นรูปเค้ก รูปอาหารเส้นยาวๆ มีหมูสับปั้นเป็นก้อนๆ วางแปะด้านบน เลยอยากกินมาก เขาฉีกมันออกจากหนังสือ แล้วส่งเข้าปากเคี้ยวเล่นจนเพลิน
“เผิงน้อยหิว”
นั่นคือเสียงที่เขาสื่อสารกับพ่อ และฝ่ายนั้นกอดเขา ก่อนอุ้มขึ้นแล้วพาไปหาหมอ
แต่เด็กชายไม่เข้าใจ เขาหิว ทำไม ต้องไปหาหมอด้วย
“หิว... อยากกินข้าว หม่าม้าไปไหน”
เขาเพ้อ และเอื้อมมือไปจับพ่อ
“กลับบ้านเดี๋ยวได้กินข้าวนะครับ และป่าป๊า จะให้อาม่าย ช่วยดูแลเผิงน้อยดีไหม”
เมื่อพ่อพูดถึงหลี่ชิงม่าย เด็กชายก็มองเขาตาปริบๆ ไม่รู้เหตุใด พ่อถึงชอบส่งเขาไปบ้านหลี่ ให้หลี่ชิงม่ายดูแล
“โอ้ มองป่าป๊าตาโต กำลังคิดถึงนางฟ้าแม่ทูนหัวสินะ” พ่อพูดแบบนั้น แต่เฉินรุ่ยเผิงอยากค้าน ทว่ากลับไม่มีแรงส่งเสียงเสียดื้อๆ
“อาม่ายใจดี ต้องทำอาหารอร่อยให้เผิงน้อยกินทุกวันแน่นอน”
เขาไม่เชื่อ อยู่กับหลี่ชิงม่าย น้องจากจะถูกดุ ลู่เพ่ยเพ่ยยังชอบพาอาเค่อมาแกล้งเขาด้วย
“หิว... เผิงน้อย จะอยู่กับ มะ หม่า มะ ม้า”
เฉินรุ่ยเผิงย้ำเรื่องเดิม และยังไม่หยุดพูดถึงแม่ คนเป็นพ่อจึงพ่นลมหายใจร้อนๆ ระบายความเครียด
“หม่าม้ายังไม่กลับนะเผิงน้อย ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อาม่ายจะอยู่กับลูกเข้าใจไหมครับ”
พ่อเสียงเข้มกว่าเดิม และนั่นทำให้เขารู้ว่าเป็นคำสั่ง จะขัด หรือแสดงความอ่อนแอไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเขาจะไม่ใช่ลูกของผู้บัญชาการ และถูกห้ามไม่ให้ใช้นามสกุลเฉิน
“หม่าม้า สะ สวย และ ปะ เป็นนางฟ้าไหม”
แม่ของเขาสวยกว่าใคร ถึงไม่ชอบอาบน้ำให้เขา หรือหาอาหารให้กิน แต่แม่ไม่ดุ ไม่ตี หรือทำเขาเจ็บตัว มีเรื่องเดียวที่เขาโกรธแม่ก็คือ เอาจักรยานไปเก็บในห้องและห้ามไม่ให้ขี่ นั่นเป็นเพราะเขาปั่นมันออกไปไกล จนแม่ต้องไปตาม
“เอาไว้หม่าม้ากลับบ้านเมื่อไหร่ เผิงน้อยลองถามดูนะครับ”
พ่อบอกเขาอย่างนั้น ฝ่ายเขาเลยมุ่งมั่นรอให้แม่กลับบ้านไวๆ
เฉินรุ่ยเผิงเดินวนเวียนไปมา กระทั่งถึงคอกไก่ของป้าอิง ซึ่งเป็นแม่บ้านคนที่เคยดูแลเขาช่วงเวลาหนึ่ง แต่แม่บอกว่าป้าอิงจู้จี้ ชอบบ่น เลยให้พักอยู่บ้านตัวเองเฉยๆ ห้ามเข้าไปวุ่นวายเรือนพักของผู้บัญชาการ
เด็กชายรู้ว่าอิงซินเลี้ยงไก่ และมีเป็ดที่ออกไข่ฟองโตๆ ด้วย เขาเคยเก็บไข่เป็ด และชอบกิน
เฉินรุ่ยเผิงชะเง้อคอมองห้าอิงซิน แลซ้ายขวา ก็ไม่เห็นใคร
“ป้าอิง... ปะ ป้า”
เขาร้องหา แต่ไม่มีเสียงตอบ ตอนนี้คิดว่า ถ้ามีไข่สักสองฟอง เขาจะเอากลับบ้าน แล้วไปนั่งรอแม่ บางทีแม่อาจใจดี ทอดไข่หอมๆ ให้เขากินก็ได้
เด็กชายเข้าเอาไปในเล้าเป็ด และตอนนี้ พวกมันออกไปหากินอยู่ข้างนอก บ้างก็เล่นน้ำในคลอง เขาจึงไม่โดนไล่จิก
ดวงตากลมโตมองไปทั่ว กระทั่งเห็นว่า บนกองฟางมีไข่ฟองโตๆ อยู่หลายฟอง
“มะ ม่าย มีขี้ ปะ เป็ด เอา ดะ ได้”
เขาว่าแล้วก็เหยียบบนก้อนอิฐ ค่อยๆ จับมันออกจากกองฟาง จากนั้นก็ใส่เข้าในกระเป๋ากางเกง ตอนแรกมันเกือบหล่นจากมือ หากสุดท้ายก็เข้าไปอยู่กางเกงข้างซ้ายและขวาได้สำเร็จ
เมื่อได้ของที่ต้องการ เขาก็ไม่รอช้า รีบออกไปจากคอกเป็ด
“กลับบ้าน...” เขาบอกตัวเอง แล้วก็เดินหน้ากลับบ้าน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า เหตุใดบ้านเขาถึงได้ไกลกว่าเดิม เขาเดินอยู่อีกเกือบยี่สิบนาที ก็เริ่มหิวจนตาลาย คอก็แห้ง ไข่ในกระเป๋ากางเกงก็หนักจนอยากโยนทิ้งไป
ยามนั้นขอบตาเขาผะผ่าวร้อน ขาก็ปวด และยังคิดถึงหม่าม้าเหลือเกิน
ร่างเล็กๆ ค่อยๆ ทรุดลงนั่งบนพื้น เขาพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ กลั้นน้ำตาแล้ว แต่เฉินรุ่ยเผิงก็ไม่อาจทำได้
เขากลัวจะถูกพ่อดุ กลัวไม่ได้เป็นทหาร กลัวไม่ได้ใช้นามสกุลเฉิน ทว่าตอนนี้เด็กชาย เดินไม่ไหวจริงๆ
“หม่าม้า... เผิงน้อย ระ รอ อยู่ตรงนี้ นะ มา อุ้มเผิงเผิงที”
พูดจบเขาก็นอนราบลงไปบนพื้นหญ้า และเขานอนทับไข่เป็ด มันจึงแตกเปื้อนกระเป๋ากางเกง.....
อันหว่านถิงมาถึงบ้านพักของผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง ซึ่งแต่เติมจากเดิมให้โอ่โถง แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจ นอกจากหน่วยรักษาความปลอดภัยด้านหน้าสองคน ด้านในไม่มีแม่บ้าน สาวใช้ หรือใครอีกเลย พอหล่อนทำสีหน้าประหลาด เขาก็เอ่ยว่า “ชอบความสงบ และไม่อยากให้ใครเป็นตากุ้งยิง เวลาเราจู๋จี๋กันไม่ใช่เหรอ รวมถึง คุณไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ผัวสุดหล่อด้วย” ประชด เฉินซือหยางเป็นคนประเภทนี้ หล่อนต้องคิดบัญชีกับเขาสักวัน หล่อนเดินตามก้นคนตัวสูง ภาพในหัวของบ้านหลังนี้ไม่แจ่มชัดนัก กระทั่งเห็นรูปวางบนหลังตู้ และรูปครอบครัวติดฝาผนัง อันหว่านถิงพอจะโล่งใจว่า หล่อนเป็นได้แค่นางร้ายง่อยๆ ไม่ใช่สตรีชั่วช้า จนแก้ไขนิสัยเสียไม่ได้ แล้วที่หล่อนมีนิสัยไม่ได้เรื่อง หรือทำตัวน่าเบื่อส่วนหนึ่งคือการดูแลอย่างเอาใจจนเกิดเหตุของปู่ ซึ่งเป็นอดีตนายพล นอกจากนั้นยังแต่งกับผู้ชายที่แสนจะกวนประสาท ทั้งบ้าอำนาจและคลั่งไคล้ของสวยงามอย่างเฉินซือหยาง หากเข้าใจไม่ผิด คนๆ นี้ คิดว่าหล่อนคือผู้หญิงที่มีไว้สำหรับประดับบารมี และให้ความสนุกบนเตียงเท่านั้น เมื่อเข้าไปถึงห้องพักผ่อนด้านใน
เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง “หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า” เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา “หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ “เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบ
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
ตัวเมืองฝูเจียงในสายตาของอันหว่านถิงยามนี้ แตกต่างจากตอนที่หล่อนปีนขึ้นจากท่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศคึกคัก แบ่งพื้นที่เป็นสองด้านชัดเจน คือพื้นที่เช่าของต่างชาติ และตรอกการค้าทั้งเก่ากับใหม่ เรียกว่าสะอาดสะอ้านทันสมัย ผู้คนล้วนมีเงินทอง เป็นเขตปลอดสงครามโดยแท้จริง ทั้งมีทหารประจำการเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนด้านหลังสุดมีสะพานข้ามเชื่อมต่อ แบ่งเขตด้วยประตูลวดหนาม คือเขตของชุมชนดั่งเดิม เป็นอาคารสูงตั้งแต่สองชั้นถึงห้าชั้นและสลัมที่ไม่น่าชมนัก ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดสักหน่อย มีอาชีพค้าขาย ใช้แรงงาน เรียกว่าหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผิดไปจากนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีโรงงานต่างๆ เป็นพื้นที่นิคมเมืองฝูเจียง สูงขึ้นไปด้านเหนือ เป็นภูเขาไป๋ซาน เฉินซือหยางให้จ่ากั๋ว หรือ กั๋วซีขับรถไปรับอันหว่านถิงที่บ้านพัก และอันหว่านถิงมาพร้อมกับลูกชาย และอิงซิน เพื่อให้ช่วยดูแลเขาด้วย พร้อมหวังเฮ่อก็ถูกเรียกตัวเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ “ป้าอิง พาเผิงน้อยไปรอผู้บัญชาการที่ห้องรับรองโรงแรมดีกว่า บริเวณนี้เสียงดัง และดูวุ่นวายเกินไป ส่วนฉันอยากเดินเล่นสักนิดหน่อย”
อันหว่านถิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง เมื่อก่อนหล่อนสนิทสนมกับหลี่เจ๋อฟู และไม่รู้จักรักษาเกียรติของตนถึงเพียงนั้นหรือ หญิงสาวมองไปทางอิงซินอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ เพียงแต่สมองต้องการเวลาประเมินผลเรื่องราวแต่หนหลังสักหน่อย ขณะเดียวกันลูกชายหล่อนก็ให้หวังเฮ่อช่วยจอดรถจักรยาน จากนั้นก้าวตรงมายืนขวางหลี่เจ๋อฟู ไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่ “ป่าป๊า หะ ให้ เผิงน้อยเฝ้าบ้าน หะ ห้าม คนบะ บ้านหลี่ มะ มา ยุ่ง ชิ้วๆ ๆ” ถึงคำพูดเด็กชายจะติดอ่างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตลูกเล็กๆ นั้นเอาเรื่องน่าดู อีกทั้งเขากำหมัดแน่น ซึ่งไม่ใช่ท่าทางแบบอันธพาล หากดูแล้วคล้ายบอดีการ์ดตัวจิ๋วมากกว่า “ตี๋น้อย... ลื้อเป็นเด็ก จะไปรู้อะไร อั๊วเอาของมาฝากแม่ลื้อ และถ้าอยากกินลูกอม เดี๋ยวแบ่งเศษของเหลือให้ไปแทะเล่น” หลี่เจ๋อฟูบอก พร้อมเตรียมผลักเฉินรุ่ยเผิงที่ขวางทางออกไป หากอันหว่านถิงไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนโพล่งเสียงดังทรงอำนาจ “คุณชายใหญ่หลี่ สามีฉันไม่อยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก อีกอย่างที่นี่บ้านพักผู้บัญชาการฯ ปกติเข้าออกต้องมีการตรวจอย่างเคร่งคร
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง “หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า” เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา “หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ “เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบ