เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย
เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง
“หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า”
เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา
เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน
ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา
“หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ
“เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบอกอีกฝ่าย และยิ่งน่าแปลกใจกว่าเดิม เขาพูดชัด ไม่มีการติดอ่างหนักเหมือนที่ผ่านมา
เด็กชายว่าจบ หญิงสาวก็นั่งคุกเข่าลง และช่วยเขาเช็ดน้ำตา
“หนูรู้จักฉันด้วยเหรอ”
ฝ่ายอันหว่านถิงถาม
เอ๊ะ สิ่งที่เฉินรุ่ยเผิงได้ยินฟังแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ แม่เป็นแม่ของเขานี่นา
“หม่าม้า... กลับบ้านมาหาเผิงน้อยแล้วใช่ไหม”
อันรุ่ยเผิงถาม คราวนี้เขาไม่ร้องไห้ หากยิ้มและตบมือเปาะแปะแสดงออกให้รู้ว่าดีใจมากแค่ไหน ที่แม่อยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่มีใครเลย ป่าป๊า...ให้ไปอยู่บ้านหลี่ เผิงเผิงไม่ชอบ ถูกแกล้งด้วย”
เฉินรุ่ยเผิงบอก และทำหน้ามุ่ย ซึ่งเป็นตอนนั้นที่หล่อนเห็นว่า เสื้อผ้าเด็กชายมอมแมม
“แล้วใครมาส่งเผิงน้อย”
เขาได้ยินคำถาม ก็ยกนิ้วมือขึ้นจุ๊ปาก ก่อนพยักหน้าสองสามที แล้วเอ่ยเสียงเบาเหมือนการกระซิบเผื่อให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
“วิ่งมาคนเดียว เผิงเผิงหนีคนใจร้าย คนใจร้ายชอบพ่นควันบุหรี่ และกินเหล้า”
พอเฉินรุ่ยเผิงบอก
“เผิงน้อย ตอนนี้แม่กลับมาแล้ว แม่... จะปกป้องลูกชายคนดีของแม่เองจ๊ะ”
หล่อนพูดแล้วก็อุ้มเด็กชายขึ้น ก่อนหอมแก้มมอมแมมเขาไปหนึ่งฟอดใหญ่
เฉินรุ่ยเผิงเขิน แต่เขาอยากให้แม่รักเขาแบบนี้เสมอมา ในตอนนั้น เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มือเล็กๆ ขยุกขยิก ก่อนจะร้องเสียงดัง
“ไข่แตก... หม่าม้า ไข่แตกหมดเลย ไม่มีของกินแล้ว”
เด็กชายพึมพำอยู่อย่างนั้น ก่อนจะรู้สึกว่า ภาพของแม่ค่อยๆ หายไป
อิงซินออกมาด้านนอกบ้าน ตั้งใจเก็บมะเขือเทศ และดูไข่เป็ดสักหน่อย พอเห็นว่ามีร่างกลมๆ นอนอยู่ตรงแปลงผัก หญิงวัยกลางคนจึงตกใจ กึ่งก้าวกึ่งวิ่งจนล้มคว่ำ พอยืนขึ้นได้รีบตรงเข้าไปหา
“โอ้ คุณชายเผิง ทำไมมานอนตรงนี้”
อิงซินว่า แล้วอุ้มอีกฝ่าย แต่ถึงจะเห็นว่าตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไป หากเฉินรุ่ยเผิงหนักอยู่พอสมควร
เธออุ้มเด็กชายตอนแรกตั้งใจจะพาเข้าไปที่บ้านของตน ทว่ากลัวเขาจะไม่สบายหนัก เลยต้องรีบไปแจ้งทหารยามที่ประตูหน้า ให้รีบส่งข่าวถึงเฉินซือหยาง
ในขณะที่เธอวุ่นวายอุ้มเด็กชาย ก็ปรากฏว่ามีทหารเดินเวรยามพอดี
“สหายยาม!”
ชายหนุ่มรีบหันขวับมาทางอิงซิน
“สหายแม่บ้าน มีสิ่งใด อ้าวนั้น คุณชายเผิง”
“ใช่ รีบส่งข่าวแจ้งนายท่านเฉินเดี๋ยวนี้เลย”
หวังเฮ่อ ผู้เป็นทหารยามพยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นก็เป่าลูกหวีดให้สัญญาทหารคนอื่น ขณะเดียวกันก็เตรียมรับเฉินรุ่ยเผิงจากอิงซินเข้าไปในรั้วอีกฝั่ง แต่เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่อันหว่านถิง ได้ยินเสียงดัง หล่อนก้าวออกมานอกชายคาเรือนพัก แล้วเห็นจุดนั้นมีคนสนทนาอยู่ ตอนแรกแต่ชะเง้อคอมอง ด้วยหลายสิ่งในโลกคู่ขนาน หล่อนยังไม่ทราบว่าใครดี ใครร้ายกับตนบ้าง ทว่าพอเห็นร่างที่อิงซินอุ้ม หล่อนก็ไม่รอช้าพุ่งตัวมาด้วยความเร็ว
“อุ๊ย นายหญิงเฉิน ระวังคะ คุณชายน้อยตัวหนัก”
อันหว่านถิงเองก็ตกใจ หล่อนเพิ่งทำแผลให้ตัวเองเสร็จ และได้ยาแก้ปวดที่อยู่ในกล่องกินตามลงไปเมื่อครู่ อาการไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่ ทว่าความห่วงใยสายเลือดของตนนั้นไม่อาจรอช้า
“เผิงน้อย”
หล่อนเรียกเด็กชายเสียงดัง การแสดงออกที่เปี่ยมด้วยความห่วงใน ทำให้ทุกคนตาค้าง
“ลูกเผิง ไม่สบายตรงไหน”
น้ำเสียงหญิงสาวเครียดจัด พอหล่อนอุ้มเด็กชายแนบอก เตรียมพาเขาเข้าบ้าน อิงซินและหวังเฮ่อ ต่างอ้าปากหวอ พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้
แต่ไหนแต่ไร อันหว่านถิงไม่เคยตี ต่อว่าเด็กชาย และนั่นรวมถึงการอุ้มเขาสักเท่าไหร่ หน้าที่หลักๆ ในการเลี้ยงเฉินรุ่ยเผิงตกเป็นของพี่เลี้ยง แล้วก็อิงซิน หากพักหลัง อันหว่านถึงมีอารมณ์ไม่คงที่ หล่อนดื่มหนักในบางครั้ง จึงพาลใส่พี่เลี้ยงเด็กหาว่า คิดอยากเป็นเมียน้อยของเฉินซือหยาง รวมถึงอิงซินนั้นก็คือแม่เล้าที่คอยคัดสาวใช้กับพี่เลี้ยงเด็กมาบริการสามีของหล่อน
เรื่องเหลวไหลเหล่านี้ เพราะเครียด ทั้งยังถูกคุมพื้นที่ไม่ให้ไปร่วมวงสังสรรค์ที่เมืองหลวง ด้วยยามนี้ การเมืองค่อนข้างร้อนแรง และมีข่าวว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อ และอันหว่านถิงเป็นถึงภรรยาของผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง หล่อนย่อมเป็นเป้าหมายที่อาจถูกเล่นงานได้ง่ายๆ
“นายไปเปิดประตูให้ฉัน และพี่สาว รีบบอกคนแจ้งข่าวคุณเฉินด่วน”
อันหว่านถิงบอกแล้วสาวเท้าก้าวๆ อุ้มเด็กชายไปยังประตู โดยได้หวังเฮ่อเปิดประตูให้
เมื่อเข้าไปถึงด้านใน อันหว่านถิงวางเด็กชายที่โซฟากว้าง และเขานอนหลับตา ร่างกายเพียงแค่อุ่นไม่ได้ร้อน เสื้อผ้ามอมแมม แต่มีกลิ่นบุหรี่ เรื่องนี้ที่ทำให้อันหว่านถิงรู้สึกโมโห และโกรธทั้งตัวเอง ทั้งคนดูแลเด็กชาย
เมื่อวางหลังมือสัมผัสหน้าผากเขา ประเมินคร่าวๆ ได้ว่า ไม่ได้เป็นไข้ อาจเพลียเท่านั้น หล่อนจึงโล่งใจไม่ต้องพาเขาไปหาหมอ ให้กินยาลดไข้ หรือเพื่อความสบายใจ ก็ให้หมอตีนเปล่าที่ประจำอยู่ในเขตนี้มาดูอาการได้
“ทหาร เธอช่วยงานที่นี่ใช่ไหม รีบไปเอาน้ำอุ่นมาให้ฉัน จะเช็ดตัวให้เผิงน้อย”
หวังเฮ่อเป็นพลทหารรับใช้ ตรวจยาม ดูแลทั้งงานส่วน และความสะอาดบ้าน โดยมีเขากับทหารอีกสองคนคอยสับเปลี่ยน ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา บ้านพักหลังนี้จึงสะอาด เป็นระเบียบ แต่เดิมมีสาวใช้สามคน แต่อันหว่านถิงไล่ออกหมด
“นายหญิง จะเช็ดตัวให้คุณชายเผิงหรือขอรับ”
พอถูกยามย้ำ หญิงสาวก็หันมามองนายทหารหน้าอ่อน ไม่ได้โมโห หรือหงุดหงิด หล่อนขำด้วยซ้ำ เพราะหวังเฮ่อแสดงท่าทางพิลึก เหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินสิ่งนี้
“ฉันไม่ทำให้ลูกแล้วใครจะทำ นายรีบไปเอาน้ำอุ่น และหยิบผ้าขนหนูมาสักสองผืน อ่อ... เสื้อผ้าของเผิงน้อยด้วยล่ะ เอาตัวที่ใส่สบายๆ”
หวังเฮ่อพยักหน้าตาม และอมยิ้ม เขาสุขใจเหลือเกิน
“นายยิ้มอะไร”
“ผมมีความสุข คุณชายเผิงต้องมีความสุขเหมือนผมนี่แหละ เขาบอกว่า อยากให้นายหญิงอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าให้ และป้อนกับข้าวอร่อยๆ ผมกับเขาเคยอธิษฐานด้วยกันบ่อยๆ เพื่อให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
น้ำเสียงซื่อๆ ของพลทหาร ทำให้อันหว่านถิง รับรู้ได้ถึงความมีน้ำใจของหวังเฮ่อ พลางสัมผัสแก้มของลูกชาย โอ้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดสิ่งใดหนอ เจ้าของร่างจึงเลือกทิ้งโอกาสในการดูแลเด็กที่บริสุทธิ์และแสนน่ารักเช่นนี้......
“อย่าลืมที่อั๊วบอก ที่นี่ใช้แรงงานแลกอาหาร และที่อยู่อาศัย” “ฉันทำได้ดีแน่นอน แล้วก็อย่ามาตามก้นต้อยๆ ได้ไหม ฉันไม่ใช่แม่เป็ด และไม่เคยมีลูกมาก่อน” จางเซินถูกต่อว่าอย่างนั้น แต่เขายังอยู่ไม่ห่างจากหลี่ชิงม่าย กระทั่งเธอเข้าไปในครัว และเห็นว่า สตรีวัยกลางคนกำลังทำบะหมี่เป็ดย่าง และยังมีผัดผักเป็ดย่างที่หอมจัดจนทำให้หลี่ชิงม่ายหันไปดึงแขนเสื้อของจางเซิน “ฉัน...หิวจนเป็นบ้าไปหรือเปล่า ทำไมมันหอม แถมจัดจานได้น่ากินขนาดนั้น” เธอถามชายหนุ่ม และดึงแขนเสื้อเขาไม่หยุด “คุณไม่ได้บ้าหรอก อั๊วก็หิวและรับรองบะหมี่ทั้งสิบก้อนนั้นต้องเป็นของคนแซ่จาง” “อย่าให้มันมากเกินไป คุณตัวโตแล้ว กินเยอะเดี๋ยวก็อ้วน ฉันต้องกินมากกว่าคุณเพราะอดอาหารมาหลายวัน” การทะเลาะกันอย่างน่ารักตกอยู่ในสายตามารดาถังปิน และหล่อนก็ยิ้มให้ทั้งคู่ “รองหัวหน้าจางเชิญๆ คุณก็ด้วยนะคะ” “เรียกฉัน เสี่ยวม่ายก็ได้ค่ะ ส่วนตาหมียักษ์หน้าดุเนี่ย คุณน้าไม่ต้องเอาใจหรอก ท่าทางเห็นแก่กินจนน่ากลัว” มารดาถังปินหัวเราะจนได้ และนี่คงเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เห็นว่า จางเ
หลี่ชิงม่ายได้ยินชัดเจน และเธอไม่อาจยืนเป็นเป้านิ่งตกให้ใครมาจับตัวได้ หญิงสาวหมุนตัว ตั้งใจหลบไปอีกฝั่งของตู้ขบวนรถไฟ หากเป็นจังหวะเดียวกันที่โจรผ้าแดงอีกคน หวังพาเธอไปด้วย “ไปเป็นเมียอั๊วดีกว่านะคนสวย รับรองจะไม่เอาไปขายซ่องแน่นอน”เขาบอกแล้วยกปืนขึ้นขู่ เมื่อเห็นว่าเธอแสดงอาการขัดขืน “อย่าทำเรื่องโง่ๆเลย ไม่เป็นเมียอั๊ว ลื้อคนสวยก็ต้องตกเป็นของแก๊งเสือดำ แล้วพวกนั้นมันจะให้ขายทั้งยา และเป็นอีตัวที่อยู่ในเล้าหมูด้วยนะ มีชีวิตบัดซบอย่างนั้น ลื้อทนได้หรือ” ชายคนดังกล่าวว่า แล้วเบียดร่างกายของตนกับร่างกายนุ่มนิ่ม พอเธอถุยน้ำลายใส่ เขาก็ใช้ปลายกระบอกปืนตบเข้าที่ศีรษะเธออย่างแรง หลี่ชิงม่ายมึนงง แต่หูยังได้ยินเสียงปืน เสียงการต่อสู้รอบๆ ตัวอย่างอึงอล กระทั่งมีแรงปะทะวูบผ่านหน้าเธอไปสองสามหน ก่อนจะมีเรือนกายแข็งแกร่งอุ่นจัดมารับร่างบอบบางไปอยู่แนบอก “คนนี้เหรอ แกมั่นใจว่าไม่ผิดตัว” “ไม่ผิดแน่นอน แต่เซินเกอ จะพาเธอกลับไปด้วยจริงๆ หรือ สถานการณ์ยุ่งยากอยู่นะครับ อีกอย่างดอกไม้สวยๆ แบบนี้ มีหนามแหลม แล้วก็ดูมีพิษด้วย” “เฮ้อ พูดเป
ตอนพิเศษดอกไม้ในมือมาเฟีย หลี่ชิงม่ายได้รับการติดต่อจากหางหมี่ให้เดินทางไปเมืองฉีซาน พร้อมแจ้งว่าจัดหาที่พักและงานรองรับไว้ให้แล้ว ตอนแรกหญิงสาวอยากอยู่เมืองฝูเจียงอีกสักระยะ อย่างน้อยก็คือได้เยี่ยมพี่ชายที่อยู่ในคุก แต่หลี่เจ๋อฟูปฏิเสธการพบเธอ เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวผิดหวังจนป่วยกระเสาะกระแส นอกจากนั้นภาพคู่รักที่มีความสุขร่วมกันของเฉินซือหยางกับอันหว่านถิงบาดตาบาดใจเหลือเกิน สตรีนางนั้นก็เปลี่ยนตัวเองใหม่ กลายเป็นคนรักครอบครัว ทั้งยังสร้างธุรกิจให้หลายชีวิตลืมตาอ้าปากขึ้นมาได้ แม้ไม่คิดอยากอิจฉาใคร หากสุดท้ายหลี่ชิงม่ายก็ไม่อยากรับรู้เรื่องราวต่างๆ ของพวกเขาและเธอไม่ใช่คนเข้มแข็งอะไรขนาดนั้น “ฉันแพ้เธอ...” หลี่ชิงม่ายเอ่ยคำนั้นกับอันหว่านถิง แล้วหันไปมองอดีตชายคนรักที่เธอหมายปอง เขาวางสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงออกว่าเป็นห่วงเธออย่างที่ผ่านมา นั่นยิ่งทำให้หลี่ชิงม่ายอับอาย และเกลียดตัวเองที่ลึกๆ ยังหวังให้เฉินซือหยางกลับมารักเธอเหมือนเดิม แต่เธอรู้ภายหลังว่า ชายหนุ่มไม่เคยคิดว่าหลี่ชิงม่ายเป็นคนรัก เขามอบตำแหน่งน้องสาวให้เธอเท่านั้น “เดินทางปลอด
“เอ่อ คุณชายใหญ่ เด็กนะครับอย่างไรผมคงยิงไม่ได้ มันเป็นบาป” “เฮอะ แล้วที่แกถูกพ่อมันซ้อมหนัก ทั้งยังไม่มีที่ไหนรับเข้าทำงานเพราะมันสั่งห้ามไว้ ตอนนี้ก็ใกล้จะอดตายแล้ว จะยอมอยู่ในสภาพนี้ต่อไปเหรอ และถ้าไม่ยอมทำตามที่อั๊วสั่ง ไม่ใช่แค่แฟนแก แม่แก แต่ชีวิตเน่าๆ นี้ อั๊วก็จะส่งลงนรก” อาเค่อสูดลมหายใจลึก เขาเคยเป็นทหารรับจ้างเก่า ไปสงครามถึงสองหน ยิ่งกว่านั้นอดีตคือนักแม่นปืนที่เก็บชีวิตข้าศึกมาไม่น้อย “คุณชายใหญ่ บอกว่าจะไม่ทำร้ายคนของผม ถ้างั้นแลกกับชีวิตเด็กนั่น ก็แล้วกัน” “ฮ่าๆ ๆ แกพูดง่ายแบบนี้ดี และไม่ใช่แค่เด็ก ตัวพ่อมันก็ต้องยิงให้หัวกระจุย” ได้ฟังคำสั่งดังกล่าว อาเค่อก็ไม่ได้โง่ หากเขายิงปืนออกไปต้องรู้ว่าตนมีทางหนีทีไล่ ซึ่งรถจักรยานยนต์จอดห่างอยู่ด้านข้าง แต่บริเวณนี้คือค่ายทหาร แม้ยามนี้การป้องกันไม่แน่นหนา ด้วยถูกดึงกำลังคนไปส่วนกลางในเมือง แต่เขาจะประมาทไม่ได้ และนอกจากปืนยาว เขายังมีระเบิดที่ฝ่ายหลี่เจ๋อฟูเตรียมมาให้ด้วย “ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ คุณชายใหญ่รับผิดชอบไหวแน่นะครับ” “เฮ้ย อย่าชักช้า อั๊วพูดคำไห
เลือดข้นกว่าน้ำ หลี่ชิงม่ายตั้งใจจะสร้างสถานการณ์เพื่อเรียกร้องความสนใจหวังให้เฉินซือหยางยอมรับเธอในฐานะภรรยาอีกคน แม้เข้าใจว่า ยามนี้เขากับอันหว่านถิงรักกันอย่างหวานชื่น แต่ความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ซึ่งอย่างไรเธอก็มาก่อน เรื่องนี้เธอจะเรียกร้องจากเฉินซือหยาง ฝ่ายนั้นต้องรับผิดชอบชื่อเสียงที่เสียหายไป อีกทั้งตอนนี้ อันหว่านถิงขีดเส้นตายให้เธอย้ายออกจากบ้านพักคนงานภายในห้าวัน และไม่สนว่าบ้านหลังเดิมที่ถูกไฟไหม้จะซ่อมแซมเสร็จแล้วหรือไม่ก็ตาม แล้วที่น่าน้อยใจ เฉินซือหยางไม่ยอมมาพบหน้าเธอ นับแต่เขากลับมาจากราชการเมืองหลวง เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เธอคะเนได้ว่า ผู้หญิงใจร้ายอย่างอันหว่านถิงคงปั่นหัวเขา ใช้มารยาชั้นต่ำหลอกล่อไว้ส่วนหางหมี่ยามนี้ไม่ยอมติดต่อมา ให้คนมาส่งข่าวเท่านั้น ด้วยพยายามสลัดหลี่ชิงม่ายให้พ้นตัว เป็นเพราะฝ่ายสกุลหลี่ยามนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือฝ่ายตรงข้ามผู้นำใหม่ของเกาะฉางไห่ คนสกุลหลี่ถูกจับกุมตัวหลายคน แล้วส่งออกไปนอกเมือง ดังนั้นเช้านี้เธอดักรอพบเฉินรุ่ยเผิง หวังใช้เด็กชายเป็นสะพานเชื่อมถึงบิดา เ
“อาบสิครับ แต่ตอนนี้ขอผัวอาบน้ำให้เมียก่อน อดใจไม่ไหวแล้ว”เขาเอ่ยพร้อมกับค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าหญิงสาวออก เพียงไม่กี่วินาที ร่างกายงดงามจึงเบาหวิว และร่างกายแกร่งประกบอยู่ด้านหลัง น้ำอุ่นๆ ไหลตามฝักบัวลงมา พอชายหนุ่มแนบร่างกายชิดหล่อนราวกับเป็นหนึ่งเดียว อันหว่านถิงจึงเอ่ยว่า “เอ่อ ฉันก็คิดถึงเหล่ากงที่สุดเลยค่ะ...” “ผมเก็บความคิดถึง ความรักไว้ตลอด ตอนนี้พร้อมจะบอกกับถิงถิงแบบลึกสุดใจ” เขาจูบหัวไหลกลมมน และดูดหลังคอหล่อนไปหลายที มือหนึ่งสอดเข้าใต้แขน เริ่มนวดคลึงเค้นหน้าอกอวบสวยด้วยความสิเน่หา ขณะเดียวกันความใหญ่โตที่แสนแกร่งถูกแทรกเข้ากลางหว่างขาของอันหวานถิง ความรู้สึกตอนนั้นของเธอคือตื่นตกใจเล็กน้อย พอเห็นว่าปลายหัวหยักเปิดเปลือยสีแดงก่ำแทรกผ่านมาอยู่ด้านหน้าขาตน หล่อนเลยหวามใจ ทั้งลำคอแห้งผาก โอ้ ใหญ่โตมาก และตลอดลำก็ร้อนจี๋ เส้นเลือดที่ปูดโปนนั้น ก็เต้นตุบๆ สร้างความสยิวให้หล่อนอย่างสาสมใจ “ผัวจะเอาเมียแบบนี้ได้ไหม และจะพุ่งให้ถิงถิงดูสักสามสี่น้ำ” “ถ้าทำไม่ได้ ตามที่พูด ฉันจะปรับเหล่ากงนะคะ ปรับหลายๆ ยกด้วย” หล่อ