เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย
เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง
“หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า”
เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา
เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน
ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา
“หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ
“เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบอกอีกฝ่าย และยิ่งน่าแปลกใจกว่าเดิม เขาพูดชัด ไม่มีการติดอ่างหนักเหมือนที่ผ่านมา
เด็กชายว่าจบ หญิงสาวก็นั่งคุกเข่าลง และช่วยเขาเช็ดน้ำตา
“หนูรู้จักฉันด้วยเหรอ”
ฝ่ายอันหว่านถิงถาม
เอ๊ะ สิ่งที่เฉินรุ่ยเผิงได้ยินฟังแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ แม่เป็นแม่ของเขานี่นา
“หม่าม้า... กลับบ้านมาหาเผิงน้อยแล้วใช่ไหม”
อันรุ่ยเผิงถาม คราวนี้เขาไม่ร้องไห้ หากยิ้มและตบมือเปาะแปะแสดงออกให้รู้ว่าดีใจมากแค่ไหน ที่แม่อยู่ตรงหน้าเขา
“ไม่มีใครเลย ป่าป๊า...ให้ไปอยู่บ้านหลี่ เผิงเผิงไม่ชอบ ถูกแกล้งด้วย”
เฉินรุ่ยเผิงบอก และทำหน้ามุ่ย ซึ่งเป็นตอนนั้นที่หล่อนเห็นว่า เสื้อผ้าเด็กชายมอมแมม
“แล้วใครมาส่งเผิงน้อย”
เขาได้ยินคำถาม ก็ยกนิ้วมือขึ้นจุ๊ปาก ก่อนพยักหน้าสองสามที แล้วเอ่ยเสียงเบาเหมือนการกระซิบเผื่อให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน
“วิ่งมาคนเดียว เผิงเผิงหนีคนใจร้าย คนใจร้ายชอบพ่นควันบุหรี่ และกินเหล้า”
พอเฉินรุ่ยเผิงบอก
“เผิงน้อย ตอนนี้แม่กลับมาแล้ว แม่... จะปกป้องลูกชายคนดีของแม่เองจ๊ะ”
หล่อนพูดแล้วก็อุ้มเด็กชายขึ้น ก่อนหอมแก้มมอมแมมเขาไปหนึ่งฟอดใหญ่
เฉินรุ่ยเผิงเขิน แต่เขาอยากให้แม่รักเขาแบบนี้เสมอมา ในตอนนั้น เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง มือเล็กๆ ขยุกขยิก ก่อนจะร้องเสียงดัง
“ไข่แตก... หม่าม้า ไข่แตกหมดเลย ไม่มีของกินแล้ว”
เด็กชายพึมพำอยู่อย่างนั้น ก่อนจะรู้สึกว่า ภาพของแม่ค่อยๆ หายไป
อิงซินออกมาด้านนอกบ้าน ตั้งใจเก็บมะเขือเทศ และดูไข่เป็ดสักหน่อย พอเห็นว่ามีร่างกลมๆ นอนอยู่ตรงแปลงผัก หญิงวัยกลางคนจึงตกใจ กึ่งก้าวกึ่งวิ่งจนล้มคว่ำ พอยืนขึ้นได้รีบตรงเข้าไปหา
“โอ้ คุณชายเผิง ทำไมมานอนตรงนี้”
อิงซินว่า แล้วอุ้มอีกฝ่าย แต่ถึงจะเห็นว่าตัวเล็กกว่าเด็กทั่วไป หากเฉินรุ่ยเผิงหนักอยู่พอสมควร
เธออุ้มเด็กชายตอนแรกตั้งใจจะพาเข้าไปที่บ้านของตน ทว่ากลัวเขาจะไม่สบายหนัก เลยต้องรีบไปแจ้งทหารยามที่ประตูหน้า ให้รีบส่งข่าวถึงเฉินซือหยาง
ในขณะที่เธอวุ่นวายอุ้มเด็กชาย ก็ปรากฏว่ามีทหารเดินเวรยามพอดี
“สหายยาม!”
ชายหนุ่มรีบหันขวับมาทางอิงซิน
“สหายแม่บ้าน มีสิ่งใด อ้าวนั้น คุณชายเผิง”
“ใช่ รีบส่งข่าวแจ้งนายท่านเฉินเดี๋ยวนี้เลย”
หวังเฮ่อ ผู้เป็นทหารยามพยักหน้ารับคำสั่ง จากนั้นก็เป่าลูกหวีดให้สัญญาทหารคนอื่น ขณะเดียวกันก็เตรียมรับเฉินรุ่ยเผิงจากอิงซินเข้าไปในรั้วอีกฝั่ง แต่เป็นช่วงเวลาเดียวกันที่อันหว่านถิง ได้ยินเสียงดัง หล่อนก้าวออกมานอกชายคาเรือนพัก แล้วเห็นจุดนั้นมีคนสนทนาอยู่ ตอนแรกแต่ชะเง้อคอมอง ด้วยหลายสิ่งในโลกคู่ขนาน หล่อนยังไม่ทราบว่าใครดี ใครร้ายกับตนบ้าง ทว่าพอเห็นร่างที่อิงซินอุ้ม หล่อนก็ไม่รอช้าพุ่งตัวมาด้วยความเร็ว
“อุ๊ย นายหญิงเฉิน ระวังคะ คุณชายน้อยตัวหนัก”
อันหว่านถิงเองก็ตกใจ หล่อนเพิ่งทำแผลให้ตัวเองเสร็จ และได้ยาแก้ปวดที่อยู่ในกล่องกินตามลงไปเมื่อครู่ อาการไม่ได้ดีขึ้นมากเท่าไหร่ ทว่าความห่วงใยสายเลือดของตนนั้นไม่อาจรอช้า
“เผิงน้อย”
หล่อนเรียกเด็กชายเสียงดัง การแสดงออกที่เปี่ยมด้วยความห่วงใน ทำให้ทุกคนตาค้าง
“ลูกเผิง ไม่สบายตรงไหน”
น้ำเสียงหญิงสาวเครียดจัด พอหล่อนอุ้มเด็กชายแนบอก เตรียมพาเขาเข้าบ้าน อิงซินและหวังเฮ่อ ต่างอ้าปากหวอ พวกเขาไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้
แต่ไหนแต่ไร อันหว่านถิงไม่เคยตี ต่อว่าเด็กชาย และนั่นรวมถึงการอุ้มเขาสักเท่าไหร่ หน้าที่หลักๆ ในการเลี้ยงเฉินรุ่ยเผิงตกเป็นของพี่เลี้ยง แล้วก็อิงซิน หากพักหลัง อันหว่านถึงมีอารมณ์ไม่คงที่ หล่อนดื่มหนักในบางครั้ง จึงพาลใส่พี่เลี้ยงเด็กหาว่า คิดอยากเป็นเมียน้อยของเฉินซือหยาง รวมถึงอิงซินนั้นก็คือแม่เล้าที่คอยคัดสาวใช้กับพี่เลี้ยงเด็กมาบริการสามีของหล่อน
เรื่องเหลวไหลเหล่านี้ เพราะเครียด ทั้งยังถูกคุมพื้นที่ไม่ให้ไปร่วมวงสังสรรค์ที่เมืองหลวง ด้วยยามนี้ การเมืองค่อนข้างร้อนแรง และมีข่าวว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ๆ ได้ทุกเมื่อ และอันหว่านถิงเป็นถึงภรรยาของผู้บัญชาการเมืองฝูเจียง หล่อนย่อมเป็นเป้าหมายที่อาจถูกเล่นงานได้ง่ายๆ
“นายไปเปิดประตูให้ฉัน และพี่สาว รีบบอกคนแจ้งข่าวคุณเฉินด่วน”
อันหว่านถิงบอกแล้วสาวเท้าก้าวๆ อุ้มเด็กชายไปยังประตู โดยได้หวังเฮ่อเปิดประตูให้
เมื่อเข้าไปถึงด้านใน อันหว่านถิงวางเด็กชายที่โซฟากว้าง และเขานอนหลับตา ร่างกายเพียงแค่อุ่นไม่ได้ร้อน เสื้อผ้ามอมแมม แต่มีกลิ่นบุหรี่ เรื่องนี้ที่ทำให้อันหว่านถิงรู้สึกโมโห และโกรธทั้งตัวเอง ทั้งคนดูแลเด็กชาย
เมื่อวางหลังมือสัมผัสหน้าผากเขา ประเมินคร่าวๆ ได้ว่า ไม่ได้เป็นไข้ อาจเพลียเท่านั้น หล่อนจึงโล่งใจไม่ต้องพาเขาไปหาหมอ ให้กินยาลดไข้ หรือเพื่อความสบายใจ ก็ให้หมอตีนเปล่าที่ประจำอยู่ในเขตนี้มาดูอาการได้
“ทหาร เธอช่วยงานที่นี่ใช่ไหม รีบไปเอาน้ำอุ่นมาให้ฉัน จะเช็ดตัวให้เผิงน้อย”
หวังเฮ่อเป็นพลทหารรับใช้ ตรวจยาม ดูแลทั้งงานส่วน และความสะอาดบ้าน โดยมีเขากับทหารอีกสองคนคอยสับเปลี่ยน ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีเสมอมา บ้านพักหลังนี้จึงสะอาด เป็นระเบียบ แต่เดิมมีสาวใช้สามคน แต่อันหว่านถิงไล่ออกหมด
“นายหญิง จะเช็ดตัวให้คุณชายเผิงหรือขอรับ”
พอถูกยามย้ำ หญิงสาวก็หันมามองนายทหารหน้าอ่อน ไม่ได้โมโห หรือหงุดหงิด หล่อนขำด้วยซ้ำ เพราะหวังเฮ่อแสดงท่าทางพิลึก เหมือนไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินสิ่งนี้
“ฉันไม่ทำให้ลูกแล้วใครจะทำ นายรีบไปเอาน้ำอุ่น และหยิบผ้าขนหนูมาสักสองผืน อ่อ... เสื้อผ้าของเผิงน้อยด้วยล่ะ เอาตัวที่ใส่สบายๆ”
หวังเฮ่อพยักหน้าตาม และอมยิ้ม เขาสุขใจเหลือเกิน
“นายยิ้มอะไร”
“ผมมีความสุข คุณชายเผิงต้องมีความสุขเหมือนผมนี่แหละ เขาบอกว่า อยากให้นายหญิงอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าให้ และป้อนกับข้าวอร่อยๆ ผมกับเขาเคยอธิษฐานด้วยกันบ่อยๆ เพื่อให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น”
น้ำเสียงซื่อๆ ของพลทหาร ทำให้อันหว่านถิง รับรู้ได้ถึงความมีน้ำใจของหวังเฮ่อ พลางสัมผัสแก้มของลูกชาย โอ้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดสิ่งใดหนอ เจ้าของร่างจึงเลือกทิ้งโอกาสในการดูแลเด็กที่บริสุทธิ์และแสนน่ารักเช่นนี้......
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
อันหว่านถิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง เมื่อก่อนหล่อนสนิทสนมกับหลี่เจ๋อฟู และไม่รู้จักรักษาเกียรติของตนถึงเพียงนั้นหรือ หญิงสาวมองไปทางอิงซินอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ เพียงแต่สมองต้องการเวลาประเมินผลเรื่องราวแต่หนหลังสักหน่อย ขณะเดียวกันลูกชายหล่อนก็ให้หวังเฮ่อช่วยจอดรถจักรยาน จากนั้นก้าวตรงมายืนขวางหลี่เจ๋อฟู ไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่ “ป่าป๊า หะ ให้ เผิงน้อยเฝ้าบ้าน หะ ห้าม คนบะ บ้านหลี่ มะ มา ยุ่ง ชิ้วๆ ๆ” ถึงคำพูดเด็กชายจะติดอ่างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตลูกเล็กๆ นั้นเอาเรื่องน่าดู อีกทั้งเขากำหมัดแน่น ซึ่งไม่ใช่ท่าทางแบบอันธพาล หากดูแล้วคล้ายบอดีการ์ดตัวจิ๋วมากกว่า “ตี๋น้อย... ลื้อเป็นเด็ก จะไปรู้อะไร อั๊วเอาของมาฝากแม่ลื้อ และถ้าอยากกินลูกอม เดี๋ยวแบ่งเศษของเหลือให้ไปแทะเล่น” หลี่เจ๋อฟูบอก พร้อมเตรียมผลักเฉินรุ่ยเผิงที่ขวางทางออกไป หากอันหว่านถิงไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนโพล่งเสียงดังทรงอำนาจ “คุณชายใหญ่หลี่ สามีฉันไม่อยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก อีกอย่างที่นี่บ้านพักผู้บัญชาการฯ ปกติเข้าออกต้องมีการตรวจอย่างเคร่งคร
ตัวเมืองฝูเจียงในสายตาของอันหว่านถิงยามนี้ แตกต่างจากตอนที่หล่อนปีนขึ้นจากท่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศคึกคัก แบ่งพื้นที่เป็นสองด้านชัดเจน คือพื้นที่เช่าของต่างชาติ และตรอกการค้าทั้งเก่ากับใหม่ เรียกว่าสะอาดสะอ้านทันสมัย ผู้คนล้วนมีเงินทอง เป็นเขตปลอดสงครามโดยแท้จริง ทั้งมีทหารประจำการเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนด้านหลังสุดมีสะพานข้ามเชื่อมต่อ แบ่งเขตด้วยประตูลวดหนาม คือเขตของชุมชนดั่งเดิม เป็นอาคารสูงตั้งแต่สองชั้นถึงห้าชั้นและสลัมที่ไม่น่าชมนัก ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดสักหน่อย มีอาชีพค้าขาย ใช้แรงงาน เรียกว่าหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผิดไปจากนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีโรงงานต่างๆ เป็นพื้นที่นิคมเมืองฝูเจียง สูงขึ้นไปด้านเหนือ เป็นภูเขาไป๋ซาน เฉินซือหยางให้จ่ากั๋ว หรือ กั๋วซีขับรถไปรับอันหว่านถิงที่บ้านพัก และอันหว่านถิงมาพร้อมกับลูกชาย และอิงซิน เพื่อให้ช่วยดูแลเขาด้วย พร้อมหวังเฮ่อก็ถูกเรียกตัวเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ “ป้าอิง พาเผิงน้อยไปรอผู้บัญชาการที่ห้องรับรองโรงแรมดีกว่า บริเวณนี้เสียงดัง และดูวุ่นวายเกินไป ส่วนฉันอยากเดินเล่นสักนิดหน่อย”
ตัวเมืองฝูเจียงในสายตาของอันหว่านถิงยามนี้ แตกต่างจากตอนที่หล่อนปีนขึ้นจากท่าน้ำเมื่อหลายวันก่อน บรรยากาศคึกคัก แบ่งพื้นที่เป็นสองด้านชัดเจน คือพื้นที่เช่าของต่างชาติ และตรอกการค้าทั้งเก่ากับใหม่ เรียกว่าสะอาดสะอ้านทันสมัย ผู้คนล้วนมีเงินทอง เป็นเขตปลอดสงครามโดยแท้จริง ทั้งมีทหารประจำการเป็นจุดๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนด้านหลังสุดมีสะพานข้ามเชื่อมต่อ แบ่งเขตด้วยประตูลวดหนาม คือเขตของชุมชนดั่งเดิม เป็นอาคารสูงตั้งแต่สองชั้นถึงห้าชั้นและสลัมที่ไม่น่าชมนัก ผู้คนอยู่กันอย่างแออัดสักหน่อย มีอาชีพค้าขาย ใช้แรงงาน เรียกว่าหาเช้ากินค่ำก็ไม่ผิดไปจากนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเมืองก็มีโรงงานต่างๆ เป็นพื้นที่นิคมเมืองฝูเจียง สูงขึ้นไปด้านเหนือ เป็นภูเขาไป๋ซาน เฉินซือหยางให้จ่ากั๋ว หรือ กั๋วซีขับรถไปรับอันหว่านถิงที่บ้านพัก และอันหว่านถิงมาพร้อมกับลูกชาย และอิงซิน เพื่อให้ช่วยดูแลเขาด้วย พร้อมหวังเฮ่อก็ถูกเรียกตัวเพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ “ป้าอิง พาเผิงน้อยไปรอผู้บัญชาการที่ห้องรับรองโรงแรมดีกว่า บริเวณนี้เสียงดัง และดูวุ่นวายเกินไป ส่วนฉันอยากเดินเล่นสักนิดหน่อย”
อันหว่านถิงไม่อยากเชื่อหูตนเอง เมื่อก่อนหล่อนสนิทสนมกับหลี่เจ๋อฟู และไม่รู้จักรักษาเกียรติของตนถึงเพียงนั้นหรือ หญิงสาวมองไปทางอิงซินอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าหล่อนหาทางออกสำหรับตัวเองไม่ได้ เพียงแต่สมองต้องการเวลาประเมินผลเรื่องราวแต่หนหลังสักหน่อย ขณะเดียวกันลูกชายหล่อนก็ให้หวังเฮ่อช่วยจอดรถจักรยาน จากนั้นก้าวตรงมายืนขวางหลี่เจ๋อฟู ไม่ให้เขาเข้าใกล้แม่ “ป่าป๊า หะ ให้ เผิงน้อยเฝ้าบ้าน หะ ห้าม คนบะ บ้านหลี่ มะ มา ยุ่ง ชิ้วๆ ๆ” ถึงคำพูดเด็กชายจะติดอ่างไปบ้าง แต่ดวงตากลมโตลูกเล็กๆ นั้นเอาเรื่องน่าดู อีกทั้งเขากำหมัดแน่น ซึ่งไม่ใช่ท่าทางแบบอันธพาล หากดูแล้วคล้ายบอดีการ์ดตัวจิ๋วมากกว่า “ตี๋น้อย... ลื้อเป็นเด็ก จะไปรู้อะไร อั๊วเอาของมาฝากแม่ลื้อ และถ้าอยากกินลูกอม เดี๋ยวแบ่งเศษของเหลือให้ไปแทะเล่น” หลี่เจ๋อฟูบอก พร้อมเตรียมผลักเฉินรุ่ยเผิงที่ขวางทางออกไป หากอันหว่านถิงไม่ชอบใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนโพล่งเสียงดังทรงอำนาจ “คุณชายใหญ่หลี่ สามีฉันไม่อยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกรับแขก อีกอย่างที่นี่บ้านพักผู้บัญชาการฯ ปกติเข้าออกต้องมีการตรวจอย่างเคร่งคร
บอดี้การ์ดของหม่าม้า หลายวันต่อมา ในช่วงที่อันหว่านถิงอยู่บ้านพักผู้บัญชาการ ทั้งหล่อนและลูกชาย ได้รับการตรวจสุขภาพกับหมอตีนเปล่า ซึ่งดูแลในพื้นที่ดังกล่าว แผลของหล่อนที่ถูกมีดกรีดบริเวณต้นแขนนั้นหายเกือบเป็นปกติ โชคดีไม่มีแผลเป็น ส่วนเฉินรุ่ยเผิงมีสิ่งเดียวที่น่าวิตก คือบางทีเขาหงุดหงิดง่าย และเริ่มมีพฤติกรรมส่งเสียงดัง ก้าวร้าวเกินควร ส่วนอาการติดอ่างก็คงต้องค่อยๆ แก้ไขต่อไป ฝ่ายเฉินซือหยางได้รับการเรียกตัวเข้าเมือง และให้หวังเฮ่อส่งข่าวว่า จะอยู่ที่นั้นจนกว่าภารกิจจะเรียบร้อย ซึ่งเป็นการร่วมประชุมงาน รวมถึงวางแผนรับมือกับการหลั่งไหลเข้ามาของต่างชาติ เพื่อหาทางรับมือไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ทั้งด้านการค้า การศึกษา รวมถึงเผยแพร่ศาสนา นอกเหนือจากนั้น คนขับรถเฉินซือหยางแจ้งว่า บ่ายนี้จึงถึงช่วงค่ำ เขามีเวลาว่างจึงอยากชวนหล่อนไปซื้อของด้วยกันที่ตลอดในเมืองฝูเจียง และดูหน่วยงานของรัฐบาลกับเอกชนที่กำลังจัดงานเปิดบ้านต้อนรับการลงทุนจากต่างประเทศ ฝ่ายหล่อนมีหน้าที่ดูแลเฉินรุ่ยเผิง รวมถึงความเรียบร้อยของบ้านทั่วไป ทว่าหลายวันที่ผ่านมา ชายหนุ่มเริ่มติดใจรสมือหล่
ทะลึ่ง หล่อนทำปากขมุบขมิบต่อว่าเขา “ภรรยา... เล่นน้ำด้วยกันนะ” หล่อนส่ายหน้า แต่ทำได้เพียงเท่านั้น เพราะทั้งพ่อและลูกชาย ต่างช่วยกันคะยั้นคะยอ สุดท้ายทั้งสามคนจึงเต้นรำกลางสายฝนชุ่มฉ่ำที่โปรยปรายลงมา “รู้ไหม เกือบสิบกว่าปีแล้วที่ผมไม่ได้ทำเรื่องบ้าบอแบบนี้ บางทีเมื่อไม่ต้องคิดอะไรมาก อยู่กับสิ่งที่ง่ายๆ มันทำให้เราได้เห็นว่าชีวิต ก็หาความสุขได้จากคนที่เรารัก และธรรมชาติ” อันหว่านถิงแสร้งทำตาโตมองเฉินซือหยาง ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผากเขา “โอ้ ตัวเริ่มร้อนนะคะ ที่แท้เหล่ากงก็เพ้อเพราะเป็นพิษไข้” “ใช่สามีเป็นไข้ ไข้จับสั่นเลย และทางรอดเดียวก็คือต้องเอาพิษร้ายๆ ออกจากร่างกายโดยด่วน” เขาว่าและบุ้ยใบ้ให้หล่อนมองที่เป้ากางเกง “เฉินซือหยาง!” หล่อนส่งเสียงแหวใส่คนตัวโต และเขาไม่ได้ตอบ หากเป็นลูกชายที่ทำท่าวันทยาหัตถ์อีกหน “เผิงเผิง อยู่ ทะ ที่ แล้วขอรับ ผะ ผู้บัญชาการนะ น้อย รอรับคำสั่ง หม่าม้า” หญิงสาวยิ้มให้เขา แล้วบอกว่า “กลับเข้าบ้านไวๆ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำให้ เล่นนานกว่านี้ จะเป็นหวัดได้รู้ไหม” “อาบน้ำ ฮู้...เร่
ต่อแขนเติมขา เรือนพักผู้บัญชาการในเขตพื้นที่ของทหาร ไม่ได้มีบรรยากาศอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็ก รวมถึงผู้ใหญ่นานแล้ว เรื่องนี้ทำให้ทั้งอิงซิน หวังเฮ่อ กั๋วซี ซึ่งรับใช้ครอบครัวเฉินยิ้มหน้าบานเสมอ เมื่อพวกเขาออกไปซื้อของใช้ แม้แต่ทำความสะอาดบริเวณรอบๆ บ้านพักฯ มีเสียงถามไถ่ให้ได้ยินตลอด ด้วยเหตุนี้ภาพการมีปากเสียงกันของอันหว่านถิงกับเฉินซือหยางได้หายไป แล้วถูกแทนที่ด้วยภาพของครอบครัวที่ออกมาเดินเล่นด้วยกันยามเย็น และฝ่ายเฉินซือหยางชอบใจมากที่อันหว่านถิงยืนยันว่า หล่อนต้องการมีน้องสาวให้แก่เฉินรุ่ยเผิงไวๆ และหลังจากห่างหายการอุ่นเตียงด้วยกัน ทั้งคู่ก็มีประสบการณ์อันโลดโผน โดยเขาใช้ข้ออ้างว่า ลูกผู้หญิงนั้นขี้อาย ต้องใช้ท่าทางเร้าใจ และการร่วมรักบ่อยครั้ง ซึ่งแน่นอนไม่ใช่แค่ยามค่ำคืนเท่านั้น “ฉันพยายามแล้วนะคะ แต่ดูเหมือนว่า... ต้องเรียนรู้ให้มากกว่านี้ และอดทนเพื่อลูก” ชายหนุ่มมองคนรัก สำหรับเขา อันหว่านถิงเป็นธรรมชาติมาก และดูตื่นเต้นในทุกสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้ อีกทั้งอันหว่านถิงเอาใจเขายิ่งนัก แม้หลายหนมีท่าทางจะไม่ประสีประสายามแนบเนื
ดวงตากลมโตลืมช้าๆ พยายามมองแต่หน้าเขา เพื่อไม่ให้จิตใจหวั่นไหว “ฉันรู้ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราใช้อารมณ์คุยกันตลอด แต่นับจากนี้ ฉันจะปรับปรุงตัวใหม่ ไม่ให้สัญญาว่าจะดีขึ้นแค่ไหน แต่ฉันจะตั้งใจดูแลบ้าน และเลี้ยงเผิงน้อยค่ะ” “แล้วผัวล่ะ” “ตราบใดที่มีเงินให้ฉันใช้ และระหว่างที่เป็นสามีภรรยากัน คุณไม่นอนกับคนอื่น ฉันก็จะซื่อสัตย์กับคุณ” ชายหนุ่มยิ้ม เขาเย้าหยอกหล่อนหลายหน นับแต่พบหน้ากันที่ถนนหลังโรงแรมในเมือง “คืนนี้ กินข้าวที่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหน ผมจะใช้เวลากับครอบครัวให้เต็มที่ แบบนี้ดีไหม” “ถ้าอย่างนั้น ฉันไปเตรียมอาหาร และดูลูกข้างนอกนะคะ” เขาพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่ปล่อยหล่อนไปง่ายๆ “อาถิงหนีผมได้ครั้งเดียวเท่านั้น ยังไงก็ต้องถูกทำโทษเสียก่อนถึงจะปล่อยตัวได้” เขาหมายถึงก่อนออกจากบ้านเมื่อครู่ที่ขอพลังใจหล่อน แต่คนสวยกลับวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ ดวงตากลมโตมองเขา ใจเต้นแรง อาการร้อนวูบวาบเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหล่อนก็ต่อรอง “แค่จูบนะคะ มากที่สุด คือให้เอ่อ... จับหน้าอก นวดได้ บีบได้ แต่ห้ามดูด และถ้ากัด ฉันต
“ลูกไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามพลางสำรวจเด็กชายด้วยสายตา เมื่อเห็นว่ายิ้มแป้น หัวเราะเป็นระยะๆ ก็ไม่ได้กังวลเหมือนคราวแรกที่ไปถึงบ้านสกุลหลี่ แต่อย่างไรเขาก็ให้หมอทหารติดตามมาด้วย คงต้องให้ตรวจร่างกายเพื่อความสบายใจ ก่อนหน้านั้นที่ไปถึงบ้านหลี่ ฝ่ายหลี่ชิงม่ายไม่อยู่บ้าน เขาจึงบอกให้ลู่เพ่ยเพ่ยพาลูกชายมาขึ้นรถ แต่เธอหน้าเสีย แล้วชี้วุ่นวายไปหมด กระทั่งเขาสืบได้ความว่า เฉินรุ่ยเผิงหายไป ยามนั้น เขาเลยให้คนในหน่วยของตนออกตามหา ส่วนเขาเร่งตรวจสอบจุดที่ลูกชายเดินออกไปจากบ้านหลี่ พบว่าทั้งหมดเป็นความผิดของพี่เลี้ยง แล้วยังมีคนสวน ที่เข้ามาวุ่นวายด้วย ชายหนุ่มเกือบระเบิดโทสะจับทั้งคู่ไปขังคุกทหาร แต่เขาอยากให้ลูกชายปลอดภัยเสียก่อน ต่อจากนั้นค่อยจัดการทั้งลู่เพ่ยเพ่ย และอาเค่อ ก็คงไม่สาย อันหว่านถิงวางสีหน้าไม่ถูก คนตัวโตจู่โจมเร็วเกินไป ไออุ่นของเขาทำให้กายสาวร้อนวูบวาบ แถมลำคอหล่อนแห้งผาก ประหนึ่งว่ากระหายน้ำ “ดะ เดี๋ยวกะ ก่อนคะ คุณตะ ตัวเหม็น... ฉันกับลูกอาบน้ำแล้ว ถอยไปสิคะ” หล่อนกลายเป็นติดอ่างไปอีกคน อาการเหมือนสาวแรกรุ่น เขินเขาหรือ ใช่ ไม่กล
จากนั้นเธอก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เฉินรุ่ยเผิง เช็ดตัวอย่างเบามือ กระทั่งเรียบร้อย ก็ใช้แป้งเด็กทาให้ เด็กชายเลยตัวหอมมาก และขณะที่เธอจะสั่งให้หวังเฮ่อเอาเสื้อผ้าเด็กชายไปทำความสะอาด เฉินรุ่ยเผิงก็สะลึมละลือ เขาทำตาปรือ ริมฝีปากสีชมพูเล็กๆ ขยับช้าๆ “คนนี้ หม่ามี้ ผะ เผิง น้อย มะ ไหม ฮะ ซ้วย สวย สวย บิวตี้ฟู” เขาถาม และเอานิ้วเล็กๆ จิ้มแขนอันหว่านถิง จิ้มแล้วก็ลืมตากลมโตมองหล่อนด้วยความตกใจ จากนั้นก็จิ้มที่พุงตัวเอง สลับกับแขนหล่อนไปมา “ฝันหรือ ปะ เปล่า กะ กูด ไนท์ ละ แล้วเหรอ” เขาพูดอย่างนั้น อันหว่านถิงจึงไม่เสียเวลาให้เด็กชายขวัญเสีย รีบกอดเขา และหอมเบาๆ ที่หน้าผาก เด็กชายตัวเล็กกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ได้ผอม มีแก้ม มีเนื้อหนัง ที่สำคัญน่ารัก หากพูดติดอ่างเพราะขาดความมั่นใจ แต่ยังสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้ด้วย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลย และหล่อนต้องส่งเสริมเขา “เผิงน้อย ไม่ได้ฝัน แม่อยู่ตรงนี้แล้ว” เขาจั๊กจี้ และตลกด้วย แม่กอดเขา พูดก็เพราะ แถมยิ้มหวาน แบบนี้เขาคงได้นอนกับแม่ ได้ฟังแม่ร้องเพลงแน่นอน ซึ่งนานแล้วเด็กชายจำได้ แม่คนสวยร้องเพลงเพราะที่
เฉินรุ่ยเผิงรู้สึกตัวเบาหวิว และอย่างไรไม่ทราบ เมื่อครู่ยังเดินหลงทางอยู่เลย และก็หลับไปแล้วด้วย หากตอนนี้เขากลับมาอยู่ทางหมารอดด้านข้างบ้าน ซึ่งเขาเคยแอบออกมาสองสามหน มันเกือบถูกปิดไปแล้ว แต่เด็กชายขอร้องพี่ทหารเอาไว้ ฝ่ายนั้นก็ใจดี แถมบอกว่า ออกจากบ้านตอนไหน ต้องแจ้งให้ทราบด้วย เมื่อเขาหมุดเข้าไป กางเกงมันเกี่ยวกับบางสิ่ง ถึงอย่างนั้นก็พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าสุดแรง “หิวแล้ว...ไปกินข้าวดีกว่า” เขาบอกตัวเองอย่างนั้น แล้วนึกถึงรสชาติอาหาร ที่วางอยู่บนโต๊ะในห้องครัว และวันนี้ต้องร้องฮู้เร่ ออกมา เด็กชายไม่เคยรู้มาก่อนว่าในห้องครัวมีของกินแปลกตาด้วย รู้แบบนี้เวลาที่พ่อให้คนไปส่งที่บ้านหลี่ เขาจะหาทางซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ยอมไปไหน ดวงตาเรียวมองไปยังผู้หญิงที่สวมชุดสวยงาม ใบหน้าของหล่อนยิ้มหวาน และดูใจดีกับเด็กเล็กอย่างเขา “หม่าม้า” เฉินรุ่ยเผิงว่าแล้ววิ่งโผเข้าไปก่อนอีกฝ่าย เขากอดขาหล่อนแน่น พร้อมกันนั้นก็พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ไม่รู้ด้วยเหตุใดมันทำได้ยากจริงๆ “เผิงเผิง ไม่ได้ขี้แย เผิงเผิงหิว มะ มัน มีเสียงร้องจ๊อกๆ” เขาบ