เฉินเหยียนเฟยพอจะเดาเรื่องราวที่ผ่านมาได้บ้างเขานั่งจ้องใบหน้าของหลินเยี่ยนจือคนอะไรทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้าพ่อมาเฟียตัวจริงก็โง่เสียยิ่งกว่าอะไรมีเมียสวยขนาดนี้ยังไม่รักเมีย
“คุณเป็นภรรยาผมจริงๆ ใช่ไหม”
“คุณถูกยิงที่หน้าอกทำไมสมองถึงได้รับความกระทบกระเทือน” หญิงสาวทำท่าทีสงสัยเพราะตั้งแต่นั่งคุยกันมาเขาจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจ
“คนไข้การสูญเสียความทรงจำชั่วคราวครับอาจจะมีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ [1]” คุณหมออธิบายไปเกี่ยวกับอาการป่วยของชายหนุ่มแต่หลินเยี่ยนจือไม่เชื่อว่าเขาจะความจำเสื่อม
เฉินเหยียนเฟยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบหนึ่งเดือนเต็มถึงได้กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตที่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณชาย” สาวใช้ทั้งหลายต่างพากันมายืนรอต้อนรับเจ้านายที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล
“ตามสบาย”
เขาเดินตัวปลิวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โตและเห็นรูปแต่งงานของเฉินเหยียนเฟยกับหลินเยี่ยนจือรู้สึกคันยุกยิกที่หัวใจไม่น้อย ‘นายตายไปแล้วต่อไปฉันจะดูแลหลินเยี่ยนจือเอง’
“หลิวเยี่ยนจืออยู่ไหน”
“คุณผู้หญิงออกไปทำงานค่ะกลับมาอีกทีช่วงเย็นๆ”
“ทำงาน?”
“ใช่ค่ะคุณผู้หญิงต้องทำงานเพราะเอ่อ คุณผู้ชายไม่ยอมให้เงินค่ะ”
เฉินเหยียนเฟยไม่รู้จะตกใจกับคำตอบไหนก่อนดีบ้านก็รวยแต่ขี้งกแม้กระทั่งภรรยาตัวน้อยๆ
“เยี่ยนจือกลับมาแล้วให้มาหาฉันด้วย บอกไปว่าฉันรอที่ห้องนอน”
เขาเดินมายังชั้นสามของบ้านที่นี่กว้างใหญ่ไพศาลเขามีความทรงจำของเฉินเหยียนเฟยทั้งสองใบหน้าเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน คิดแล้วก็ปวดหัวเพราะชายต้องอยู่ท่ามกลางกระสุนและปืน
“ปวดหัวซะมัด”
ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนและหลับตาลงในเมื่อเขาได้มาใช้ชีวิตในยุคนี้แถมยังมีเงินมีทองและภรรยาที่สวยขนาดนี้เขาก็จะใช้ชีวิตต่อไป
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณให้แม่บ้านไปตามฉันมาทำไมคะ”
“ผมมาคิดๆ ดุแล้วเราก็แต่งงานกันมาสามปีแล้วนะ”
“คุณจะหย่าเหรอคะ” แววตาแห่งความดีใจฉายชัดออกมาเธอรอเวลาที่จะคุยเรื่องนี้มานานแล้ว
“คุณดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ตกลงคุณจะหย่าใช่ไหมคะ” หลินเยี่ยนจือเอ่ยออกมาโดยไม่สนใจคำถามของเขา แต่ต้องรีบเก็บความดีใจลงเพราะประโยคที่ออกจากปากของเฉินเหยียนเฟย
“เปล่า ผมแค่จะบอกว่าต่อจากนี้คุณควรทำหน้าที่ภรรยาซะ”
“คุณผีเข้าหรือไง ตอนนั้นหาว่าฉันไม่สวยไม่คู่ควรกับคุณ?”
ตอนนี้เฉินเหยียนเฟยค้านหัวฝนฝาว่าจะไม่ยอมแต่งงานกับเธอที่ทั้งอ้วนและผิวพรรณไม่สวยเท่าผู้หญิงของเขาตอนนี้ทำไมจู่ๆ ถึงมาเปลี่ยนคำพูด
“ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแล้วที่รักครับ” ก็ตอนนี้เขาไม่ใช่ไอ้เจ้าพ่อมาเฟียคนนั้นแล้วไง ใครมันตาถั่วมองว่าหญิงสาวไม่สวยกันคนตรงหน้านี่แหละที่เรียกว่านางฟ้าเดินดิน
“ถอยออกไปให้ห่างจากฉัน”
“ต่อจากนี้คุณไม่ต้องไปทำงานแล้วเตรียมทำหน้าที่ภรรยาก็พอ”
“คุณมันบ้าไปแล้ว” หลินเยี่ยนจือไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้ตอนนั้นว่าน่ากลัวแล้วแต่ตอนนี้น่ากลัวกว่า
“คุณพร้อมเมื่อไร”
“พร้อมอะไรฉันจะไม่ลาออกหรอกนะ” เธอต้องทำงานหาเงินเพื่อมาใช้ในชีวิตประจำวันสามีใจดำยังไม่เคยเหลียวแลไม่คิดจะถามไถ่เลยสักครั้ง
“คุณลืมไปแล้วหรือว่าผมรวยแค่ไหน” ชายหนุ่มพูดอย่างพากย์ภูมิใจเขาจะใช้เงินให้หมดไปเลยชดเชยที่เขาเกิดมาจนต้องดิ้นรน แถมยังมีผู้หญิงสวยๆ อยู่ตรงหน้าอีก
“คุณเหยียนเฟย!”
“เรียกผมว่าสามีสิ” เขาเห็นแก้มแดงๆ ของหญิงสาวก็นึกอยากแกล้งขึ้นมาเพราะอะไรกันหนอที่เฉินเหยียนเฟยถึงไม่คิดจะรักภรรยาคนนี้ จะว่าไม่ชอบเด็กก็ไม่น่าใช่ข้ออ้างแต่เขาชอบเด็กเห็นแล้วมันหนุบหนับหัวใจ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณชายครับท่านผู้บัญชาการเติ้งหลานซีมาขอเข้าพบครับ”
เฉินเหยียนเฟยจึงหยุดชะงักใครคือผู้บัญชาการคงไม่ได้มาจับเขาหรอกนะทำไมเขาถึงคิดไม่ออกว่าคนผู้นี่เป็นใคร
“ท่านผู้บัญชาการคือคนที่ช่วยคุณดูแลพื้นในเขตนี้” หญิงสาวบอกเพราะเห็นท่าทีของเขาแล้วคงจะจำอะไรไม่ได้จริงๆ แต่แววตาของเขาเปลี่ยนไปซึ่งเธอไม่ไว้ใจเขาที่เขาเกลียดเธอก็เพราะต้องแต่งงานกันแล้วทำให้คนรักของเขาหนีไป
เฉินเหยียนเฟยเดินลงมาตามลูกน้องต้องหยุดเพราะเห็นทหารมาเฝ้าหน้าบ้านคงไม่มีใครจะแอบมาฆ่าเขาอีกหรอกนะตายแล้วตายอีกเหนื่อยฉิบหาย
“คุณชายหายดีแล้วเหรอครับ” ผู้บัญชาการเติ้งทำความเคารพชายหนุ่ม เขากับเฉินเหยียนเฟยรู้จักกันมาตั้งนานและคอยคุ้มกันตลอดเวลา
“อืม”
“คนนี้เราจับคนร้ายได้แล้วครับคุณชายจะไปจัดการด้วยตัวเองไหมครับ”
“คนร้าย? จัดการอะไร” แล้วเฉินเหยียนเฟยมันโหดแค่ไหนเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยตอนนี้เขากลัวปืนมากและเกลียดเสียงปืนที่สุดสมัยนี้พากันถือปืนเต็มบ้านเต็มเมือง
“คุณชายคนร้ายที่ยิงไงครับ”
“ขอโทษด้วยครับคุณชายได้รับความกระทบกระเทือนทางสมอง” เย่าหยางเป็นคนมาอธิบายให้ผู้บัญชาการฟังเจ้านายของเขาตอนนี้เหมือนเด็กไม่มีผิด
“คุณชายถูกยิงไม่ใช่เหรอครับทำไมถึงลืมไปได้”
“ตอนนี้กำลังอยู่ในกระบวนการรักษาครับ”
“ผมจะไปดูคนร้าย” ชายหนุ่มอยากรู้เหมือนกันว่าคนที่นี่ถ้าทำผิดไม่ส่งตัวให้ทางการจะทำอะไรได้บ้าง ระหว่างอยู่บนรถเขาจึงหันมาถามเย่าหยาง
“คนที่นี่ส่วนมากเขาจัดการคนกันยังไง นายทำอะไร!”
“ปืนของคุณชายไงครับ”
เฉินเหยียนเฟยตกใจที่ลูกน้องยื่นปืนมาให้เขาลังเลที่จะหยิบมันขึ้นมา แต่จำใจต้องหยิบขึ้นมาเป็นปืนลูกโม่ที่คนสมัยนี้นิยมใช้กันตรงด้ามจับสลักชื่อเฉินเหยียนเฟยไว้
“แล้วมันใช้ยังไงวะ” เขาพึมพำออกมาเพราะไม่เคยใช้ปืนมาก่อนเขาเป็นผู้ชายบอบบางไม่เคยจับอาวุธอะไรพอดีหลอกแต่เหยื่อโอนเงินไม่เคยยิงใคร
“คุณชายจะยิงทิ้งไวครับ”
“อะไรนะ! ยิงทิ้ง! ไม่นะฉันกลัว” เฉินเหยียนเฟยพูดออกมาเสียงดังจนลูกน้องที่อยู่ในรถคันเดียวกันต้องหันมามองหน้ากันมีแต่เย่าหยางที่รู้ว่าคนนี้ไม่ใช่คุณชายตัวเองแต่เขาไม่พูดอะไร ทุกอย่างมีเหตุผลของมันเขารักและเทิดทูนเฉินเหยียนเฟยยิ่งกว่าชีวิต
“เอ่อ เดี๋ยวผมจัดการเองครับคุณชายไปดูหน้ามันก็พอ”
เพราะไม่อยากให้ใครสงสัยในตัวเฉินเหยียนเฟยเขาจึงต้องปกป้องคุณชายเขาสาบานต่อหน้าหลุมศพของอดีตผู้บัญชาการใหญ่ซึ่งเป็นพ่อของคุณชายที่ช่วยเขาออกมาจากขุมนรก เขาจะดูแลคุณชายให้ดี
“อะไรกันก็ไม่รู้หลอกเอาเงินคนยังง่ายกว่ามาจับปืน”
รถแล่นเข้ามาจอดในโกดังของเฉินเหยียนเฟยศัตรูของชายหนุ่มมีมากมายจนไม่รู้ว่าใครคือคนคิดวางแผน แต่มีไม่กี่คนที่อยากขึ้นมาเป็นใหญ่แทนเขา
“แล้วฉันต้องทำยังไงต่อ”
“คุณชายทำหน้าโหดๆ ไว้และเสียงโหดๆ ถามมันว่าใครส่งมันมาครับ” เย่าหยางแนะนำชายหนุ่มถึงแม่จะไม่ใช่คุณชายแต่นิสัยก็ไม่ได้ร้ายกาจอะไร เขารู้ตั้งแต่ตอนที่คุณชายถูกยิงแล้วว่ายังไงเขาก็ไม่รอดแน่เพราะลูกกระสุนตัดตรงขั้วหัวใจพอดี
[1] “สำหรับภาวะการสูญเสียความทรงจำชั่วคราว อาจเกิดจากการสูญเสียระดับความสมดุลในร่างกาย ถ้าในทางจิตวิทยานั้น มนุษย์เราจะมีระดับการรับรู้อยู่สองส่วนใหญ่ๆ คือ ระดับจิตสำนึก และระดับจิตใต้สำนึก จิตสำนึกเป็นระดับการรับรู้ปกติ ส่วนจิตใต้สำนึกเป็นส่วนที่มันเกิดขึ้นไปแล้วแต่ว่าเราจำไม่ได้ ตั้งแต่เราอยู่ในครรภ์จนถึงอายุ 1-2 ขวบ สมองก็รับรู้ข้อมูลมาตลอดแต่เราจำอะไรไม่ได้ ซึ่งเราจะเริ่มจำความได้ช่วงที่เรียนอนุบาล เพราะข้อมูลในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นจะถูกเก็บอยู่ที่จิตใต้สำนึก
หลายเดือนผ่านไปหลินเยี่ยนจือตั้งครรภ์ครบแปดเดือนแล้วอีกไม่นานเธอจะได้เจอหน้าลูกน้อย ไม่รู้ว่าในท้องของเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย“อื้อออ”“ทำไมขี้อ้อนจังเลยคะ”“จะคลอดแล้วขอเข้าไปสะกิดลูกก่อนได้ไหม”สะกิดของเขาคงไม่ใช่การสะกิดธรรมดาเป็นแน่ ตั้งแต่เธอท้องมาเขาก็ขยันทำการบ้านเสียเหลือเกินวันไหนที่เขาว่าง จะเข้าไปทักทายลูกน้อยทุกครั้ง“คะ คุณอ่ะ”“รอบนี้จะทำเบาๆ นะครับ” แล้วเธอเคยปฏิเสธเขาได้ที่ไหนมีแต่ยอมทุกเขาทุกอย่างเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ห้ามเขาจึงไม่รอช้าหลังจากนี้คงไม่ได้ทำแบบนี้อีกนานหลายเดือน รอบหน้าจะเอาลูกหลายๆ คนเลยลูกน้องเต็มบ้านจะได้ช่วยกันเลี้ยง“ซี้ดดดด อ่าส์ นอนตะแคงนะ” เขาให้หญิงสาวนอนตะแคงข้างเพราะท้องโตมากแล้วต้องระวังให้มาก เขาจัดการสลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกตามด้วยของหญิงสาว“เหยียนเฟยคะ อื้อ” หญิงสาวครางออกมาเมื่อชายหนุ่มก้มไปดูดเลียติ่งเสียวและใช้มือบดขยี้จนแดงเถือกลิ้นอุ่นๆ สัมผัสกับกลีบดอกไม้งาม “เจ็บให้บอกนะที่รัก อ่าส์”บทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หลินเยี่ยนจือนอนหมดแรงอยู่บนเตียงช่วงนี้เขาพร่าๆ ลงมาเยอะเพราะเธอใกล้จะคลอดแล้ว2 สัปดาห์ต่อมาหลินเยี่ยนจือให้กำเนิ
“โอ๊ยยยย” “คุณเหยียนเฟยคุณตบหน้าตัวเองทำไมคะ” ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว และตอนนี้อีกไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมาหรือเปล่าหรือว่าผู้ชายคนนั้นกลับมา “ผมฟื้นแล้วจริงๆ” ค่อยโล่งอกไปหน่อยคิดว่าจะไม่กลับมาเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาเจ็บแผลเหมือนตอนนั้นแต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันออกไป “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ผมเจอกับเขา...” เขาที่ชายหนุ่มหมายถึงหลินเยี่ยนจือรู้ดีว่าหมายถึงใคร “เขาฝากมาบอกว่าขอโทษคุณสำหรับทุกอย่าง” เขาใจดีแล้วนะที่ยอมบอกหญิงสาว ทำเมียกูเจ็บยังจะมาฝากบอกอีกเขาไม่เตะหัวก็บุญแล้ว “เขาไปแล้วจริงๆ” หญิงสาวโล่งอกขึ้นมาต่อจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องเจอคนใจร้ายคนนั้นอีก ไม่อยากแม้แต่จะรู้จักแต่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้วเธอได้แต่ปล่อยวางและเดินหน้าต่อไป “ผมจะชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด จะดูแลคุณกับลูกของเราเอง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” เขาไม่อยากให้หลินเยี่ยนจือเศร้านานจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่ดื้อเลยค่ะเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวไม่เคยแพ้ท้องเลยสักครั้ง และลูกก็ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนจะรู้ว่าคนเป็นแม่ก็ทุกข์ใจอยู่แล้ว “ผมหลับไปหลา
หลินเยี่ยนจือนั่งมองเฉินเหยนเฟยที่นอนหลับไม่ได้สติมาสามวันแล้ว สามวันที่แสนจะทรมานสำหรับหญิงสาวเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกน้อยในท้อง“คุณผู้หญิงกลับไปพักก่อนเถอะครับ” เย่าหยางเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย หากมัวแต่โศกเศร้าอาการน่าจะทรุดไปตามๆ กัน“ฉันยังอยากอยู่กับเขา”หากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจะได้เจอหน้าเธอเป็นคนแรก ขอร้องอย่าทิ้งเธอไปก็พอตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้ว“หากคุณชายตื่นผมจะรีบบอกคุณผู้หญิงคนแรกเลยครับ”หลินเยี่ยนจือจึงยอมและกลับมาพักผ่อนที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านกลับได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันดังออกมาจากบ้านพักของเฉินลี่หยาง“ย่าเสียน! เธอมาทำอะไรที่นี่”“เยี่ยนจือช่วยฉันด้วย!” ย่าเสียนวิ่งเข้ามากอดเพื่อนสาวไว้เธออยากกลับไปอยู่บ้านแต่เขาก็ไม่ยอม ความเสียใจบวกกับความโกรธทำให้เธอขาดสติทำร้ายเขา“เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวมองเจ้าของบ้านที่สภาพไม่ต่างจากคนที่เพิ่งไปกัดกับสุนัขมา หลินเยี่ยนจือมองทั้งสองคนสลับกันไปมาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่“ฉันอยากกลับไปหาพี่ชายฉัน ฮึก”“คุณทำอะไรเพื่อนฉัน” หญิงสาวหันมาถามเฉินหลี่ยางเธออยากถามเขาแต่ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องของหลี่ย่าเสียนเสียก่อน“ผมเปล่านะ
หลินเยี่ยนจือถูกพาตัวออกมาจากบ้านพัก หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นคนของซ่งห้าวอี้กำลังลำเลียงอาวุธขึ้นเรือ ดวงตาสบประสานกันกับหลี่ซืออี้ เวลานี้เธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกต่อไปไม่ได้ “พามันขึ้นเรือไปด้วย” “ถ้าเราถึงจุดหมายปลายแล้วจะทำยังไงครับ” “ยิงมันทิ้งหรือไม่ก็ยกให้พวกบ้ากาม” ซ่งห้าวอี้มองหลินเยี่ยนจือด้วยแววตาที่สมน้ำหน้า “ไปกันเถอะ” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” หญิงสาวขยับตัวหนีเพื่อไม่ให้หลี่ซืออี้เข้ามาจับตัว เธอแค่ขอให้เขามาช่วยเธอไว้ได้ทัน “คุณพ่อช่วยลูกด้วยนะคะ” “เจ้านายครับ! รถเที่ยวสุดท้ายถูกตำรวจจับไว้ได้ครับ” เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้หญิงสาวพยายามที่จะฟัง ลูกน้องของซ่งห้าวอี้มารายงานว่ารถบรรทุกเที่ยวสุดท้ายถูกจับได้แล้ว “ไหนมึงบอกว่าตำรวจไม่เคยตรวจจุดนี้วะ” ซ่งห้าวอี้อารมณ์เสียขึ้นมา เพราะมูลค่าความเสียหายนั้นมากพอสมควร “ตำรวจตั้งด่านเต็มเมืองไปหมดเลยครับ เราต้องรีบแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจแห่กันมาแน่” “รีบขนขึ้นเรือ!” เขาจะต้องไม่ถูกจับเวลาไม่ถึงสิบนาทีตำรวจหลายสิบนายบุกเข้ามา พร้อมกับคนที่เขาอยากจะเจอหน
เยี่ยนจือค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากเหตุการณ์ต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งมือยังคงถูกมัดอยู่ที่หัวเตียง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แอด หญิงสาวหันไปที่ประตูที่เปิดออกตามมาด้วยคนตัวสูงที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว หลินเยี่ยนจือจำเขาได้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่ซืออี้ ตอนนี้เธอกำลังสับสนว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร “หลี่ซืออี้เกิดอะไรขึ้น” “พี่ขอโทษเยี่ยนจือพี่จำเป็นต้องทำ” หากเขาไม่ทำตัวเขาและน้องสาวก็จะตกอยู่ในอันตรายเขาเชื่อว่ายังไงเฉินเหยียนเฟยจะต้องมาตามหาหญิงสาว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี “คุณทำงานให้ใครหรือ?” เขาไม่น่าจะใช่คนแบบนั้นแต่คนเราก็ไม่สามารถหยั่งรู้ภายในจิตใจมนุษย์ได้ “เอาไว้เมื่อถึงเวลาจะรู้เอง ต่อจากนี้ทำตามที่พี่บอกก็พอเธอจะได้ไม่ลำบาก” “ฉันไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้” “พี่ทำเพื่อครอบครัว” หลี่ซืออี้เห็นสายตาที่ผิดหวังของหลินเยี่ยนจือก็รู้สึกเจ็บแต่พยายามที่จะเก็บอาการไว้ ยังไงเขาก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว “กินข้าวเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทาง” “เดินทาง? เราจะไปไหน”
“คุณจะไปไหนเหรอ” เฉินเหยียนเฟยเห็นหญิงสาวกำลังเตรียมของเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่วันนี้เขามีประชุมงานจึงไม่สามารถออกไปได้ “ฉันจะไปหาคุณพ่อค่ะ” “แน่ใจว่าไปแค่นั้น” ไม่ใช่ว่าไปยืนอาลัยให้คนรักเก่าหรอกนะ เขาไม่ยอมเด็ดขาด อยู่กับเขาก็ต้องลืมคนรักเก่า “ค่ะ คุณจะให้ฉันไปไหนได้” “ระวังตัวด้วยนะผมเป็นห่วงคุณกับลูก” “คุณดูแลตัวเองดีๆ นะคะเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” หญิงสาวแก้มเขาและส่งเขาขึ้นรถ ส่วนเธอเตรียมตัวออกไปที่หลุมฝั่งร่างของบิดา วันนี้อากาศหนาวกว่าทุกวันและลมแรงทำให้หลินเยี่ยนจือต้องกระชับผ้าคลุมไว้แน่น เธอเดินถือดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าชื่อของบิดา “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะตอนนี้หนูสบายดีค่ะและกำลังจะมีหลานให้คุณพ่อด้วย” หญิงสาวนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสักพักเมื่อได้สติจึงจะกลับไปรอเฉินเหยียนเฟยที่บ้าน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมีชายฉกรรค์เดินมาขวางทางเธอไว้ “พวกคุณเป็นใคร!” หญิงสาวมองไปที่ลูกน้องของเฉินเหยียนเฟยที่สลบอยู่ที่พื้นหญ้าไม่ไกลจากรถที่จอดรอรับเธอ หลินเยี่ยนจือรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย “ไปกับพวกผมดีๆ จะได้