แน่นอน หมอนั่นคงไม่คิดหรอกว่าจะเป็นเธอ คนที่มารับเขาในวันนี้ เขาคงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีเธออยู่ในโลกใบนี้ เพราะหลังจากวันฝนพรำ พอแสงแห่งรุ่งอรุณของวันใหม่มาเยือน เธอก็หายไปจากชีวิตของเขา เธอลาออกจากโรงเรียน ย้ายตามมารดาไปอยู่อีกจังหวัด สองปีในการเรียนมัธยมปลาย จนกระทั่งเธอได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยในภาควิชาคหกรรม เธอจึงได้เห็นเขาอีกครั้ง
ที่นั่น...เขายังคงโดดเด่น สง่างาม เคียงข้างกับแก้วกัลยา ดาวมหาวิทยาลัยฝ่ายหญิงที่ทั้งเก่งและฉลาดจนใครก็อิจฉา
ผู้หญิงคนนี้ไง ที่เป็นสาเหตุให้นายไพรัลย์ต้องติดคุกด้วยข้อหาร้ายแรง อนาคตดับสนิทชนิดเจ้าพ่อยังช่วยไม่ได้...และตอนนี้...หมอนั่นคงกำลังรอแก้วกัลยาอยู่กระมัง
ไม่มีทาง...เธอมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางมาปรากฏตัวเป็นแน่ นั่นเพราะเจ้าหล่อนกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายอีกคน...ธารเทพ อัศวเดชดำรง ลูกชายบุญธรรมของเจ้าพ่ออินทรีย์ หรือก็คือพี่ชายบุญธรรมของเขาเอง
ข่าวลือมากมายกล่าวกันว่าเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่รักนายธารเทพยิ่งกว่าลูกในไส้ ความผิดหวังยังไม่เท่าต้องสูญเสียเมียผู้เป็นที่รักซึ่งตายไปเพราะตรอมใจเรื่องลูกชายตัวร้าย
เจ้าพ่อเขียนจดหมายแต่งตั้งนายธารเทพเป็นผู้จัดการมรดกจนกว่านายไพรัลย์จะออกจากคุก และให้เขาดูแลทรัพย์สินและมรดกทั้งหมดในฐานะเดียวกับเจ้าพ่ออินทรีย์ทุกประการ เช่นนั้น ตอนนี้ก็เท่ากับว่าทุกสิ่งทุกอย่างตกเป็นของนายธารเทพแทบทั้งหมด ไม่เหลือแม้กระทั่งบ้านให้หมอนี่ซุกหัวนอน
หรือแม้แต่...คู่หมั้น!
‘จะโทษใครได้ ไม่น่าทำเรื่องเสื่อมเสียให้วงศ์ตระกูลขนาดนั้น เจ้าสัวคงโกรธตานี่มาก คงไม่ให้อภัยตานี่แน่ๆ ถึงไม่ยกอะไรให้เลยแม้แต่แดงเดียว’
ฟ้าอำไพรีบดึงแว่นดำออกจากคอเสื้อ ก่อนจะกวาดเส้นผมให้ลงมาปรกหน้า อำพรางดวงตาตื่นตระหนกและแก้มซีดขาวเอาไว้ เธอจัดแต่งเอี๊ยมขาสั้นสุดกะทัดรัดเล็กน้อยเพื่อความมั่นใจ จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปหาเจ้าฆาตกรโหดที่ยังคงยืนสะพายเป้ใบเขื่องเอาไว้ ด้วยท่าทางนิ่งๆ ไม่รู้จักร้อน
เมื่อหญิงสาวที่ความสูงแค่ราวอกของเขามายืนอยู่ตรงหน้า เขาใช้สายตาไร้อารมณ์จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดวงตาเขายังคมกริบทอประกายยโสเหมือนเดิมเลยละ เจ้าหล่อนขมวดคิ้วมุ่น มองตามสายตาเขาด้วยความไม่พอใจ สายตาดูถูกคนของเขาทำให้ผิวหน้าเธอร้อนวูบ
“คุณคือ” เธอพูดเสียงหนักแน่น จ้องถลึง “ไพรัลย์ อัศวเดชดำรงใช่ไหม”
เขาไม่ตอบ กลับหาวเสียปากกว้าง ก่อนหันไปมองทางอื่น เธออดคิดไม่ได้ว่าหมอนี่กำลังมองหาคู่หมั้นแสนสวยอยู่ เธออยากจะหัวเราะให้ดังๆ
“ถ้าใช่ ฉันมารับคุณ”
เขาหมุนใบหน้ากลับมา สายตาเย็นชาทำให้เธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว
“รถฉันจอดอยู่ทางโน้น”
“คุณเป็นใคร?” เสียงทุ้มนุ่มเหมือนจะสุภาพ แต่แฝงไว้ด้วยความเยาะหยันบางๆ ริมฝีปากที่เต็มไปด้วยหนวดเคราของเขาทำให้เธอสะอึกไปเล็กน้อย ‘นี่ก็แสดงว่าหมอนี่จำเธอไม่ได้จริงๆ’ เธอควรจะโล่งใจใช่ไหม ไม่ใช่รู้สึกหดหู่สิ้นหวังเช่นนี้ โธ่...ผู้หญิงที่ถูกลืม
“คือ...ฉัน....” เธอจะแนะนำตัวอย่างไรดี เธอกำลังนึกถึงประโยคสุดท้ายของบิดาที่เขียนไว้ แต่งตั้งเธอเป็นผู้ปกครองของเขาจนกว่าเขาจะแต่งงาน เธออยากจะบ้า ขืนบอกหมอนี่ไป เธอถูกไล่ตะเพิดแน่ๆ “ฉันเป็น...”
เขาใช้หางตามองเธอ ก่อนจะหัวเราะในลำคอ
“ใครให้คุณมารับผม พี่ธารหรือว่าแก้ว”
สองคนนั้นเหรอ...ไม่มีทาง...น่าขำ
“เอาเป็นว่าคุณไปกับฉันเถอะ”
เขาจ้องหน้าเธอเขม็ง
“ไม่”
“ขอร้องล่ะนะ ไปกับฉันก่อนเถอะ แล้วฉันจะอธิบายให้คุณฟังทุกอย่าง”
ไพรัลย์มองหน้าหญิงสาวแบบเอาเรื่อง ก่อนจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง หญิงสาวรีบสาวเท้าตาม พอถึงตัวก็คว้าแขนของเขาไว้ เขาหันขวับกลับมา แววตาดุดัน
เธอหน้าแดงก่ำ รีบปล่อยแขนชายหนุ่มทิ้ง เธอรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แม้หัวใจจะเต้นรัวเร็วแค่ไหนก็ตาม
“ไม่มีใครมารับคุณหรอก นอกจากฉัน ไปกับฉันเถอะนะ”
เขาถอนหายใจระอา หันมาจ้องหน้าเธอใกล้ๆ
“ให้ผมไปกับคุณ ทั้งที่ผมไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนนี่นะ ปัญญาอ่อนรึไง” เธอถูกเขาด่าว่าปัญญาอ่อนอีกแล้ว มันเหมือนมนต์ดำที่สาปให้เธอกลายเป็นหิน เธอไม่ได้โกรธเขาหรอก เพราะถ้าในทางกลับกัน เธอเองก็คงไม่ไปกับคนแปลกหน้าแน่ๆ แต่ก็แค่รู้สึกสะเทือนใจเท่านั้น...ยัยปัญญาอ่อน!
“หยุดตามตื๊อผมซะที แล้วก็ไปไกลๆ”
“หมดเวลาเยี่ยมแล้ว ผมไปก่อนนะ อย่าลืมจดหมายล่ะ” ชายหนุ่มลุกจากไปต่อหน้าต่อตา หญิงสาวเกือบจะตะโกนเรียกเขาไปแล้วถ้ายั้งปากเอาไว้ไม่ทัน ในที่สุด เธอก็ต้องตัดใจว่ามีเวลาแค่นี้จริงๆ เธอบอกตัวเองว่าจะต้องมาเยี่ยมเขาใหม่ในเร็วๆ นี้หญิงสาวเดินออกจากเรือนจำ โดยธารเทพรอเธออยู่ที่รถ“เป็นไงบ้างฟ้า”“เขาสบายดีค่ะ”ธารเทพพยักหน้า“อาทิตย์หน้าผมจะไปเซี่ยงไฮ้ คุณจะไปเยี่ยมแม่กับคุณลุงไหม”“ไปสิคะ ฉันคิดถึงพวกท่านจะแย่อยู่แล้ว” หญิงสาวยิ้มสดใส แม้ข้างในจะหมองมัว แต่เธอก็ไม่ยอมทำให้คนรอบข้างของเธอต้องเป็นทุกข์ไปด้วย เธอจะอดทนและต่อสู้กับเวลาห้าปี เพื่อรอคอยชายหนุ่มผู้เป็นที่รักกลับมาบ้านอีกครั้งห้าวันต่อมา ฟ้าอำไพก็ต้องแปลกใจเป็นล้นพ้น เมื่อเธอได้รับจดหมายจากเรือนจำ ซึ่งเป็นข้อความจากชายหนุ่ม เธอรีบบึ่งรถไปที่นั่นทันทีหญิงสาวจอดรถตรงที่เดิม ที่ๆ เธอเคยมาจอดรอเขาเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หัวใจของเธอเต้นรัวไปหมดเมื่อได้เห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากเรือนจำพร้อมกับเป้สะพายใบเขื่อง เธอต้องตาฝาดไปแน่ๆ ที่ได้เห็นภาพนี้หลังจากที่เธอมาเยี่ยมเขาเมื่อหกวันก่อน“เป็นไปไม่ได้”ฟ้าอำไพก้าวลงจากรถ วิ่งข้ามถนนไปหาชายหน
“คุณนะเหรอจะออกมาหาฉัน คุณยกเรือนหอ และตลาดให้แม่นั่นไปแล้ว คุณได้แสดงให้ฉันเห็นแล้วว่าคุณไม่ได้ต้องการฉันจริงๆ แต่คนที่คุณอยากได้เป็นเมียคือนังฟ้าต่างหาก”“ผมไม่เคยคิดจะแต่งงานกับฟ้า ผมแค่สงสารเธอเท่านั้น แต่คนที่ผมต้องการคือคุณนะแก้ว”“แต่ฉันไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว คนขี้คุกและยากจนข้นแค้นอย่างคุณ ไม่มีใครโง่รอหรอก ฉันจะเลิกกับคุณตั้งแต่วันนี้แหละ เชิญคุณอยู่ในคุกให้สบายอุราไปเลยนะคะ ส่วนฉัน คงต้องแต่งงานกับคนอื่น สวัสดี”หญิงสาวลาจากเขาด้วยสายตาหยามเหยียด ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้มองตามเจ้าหล่อนไปให้เสียเวลา เขารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ คำตอบที่ไม่ต้องคาดเดาอะไรให้เหนื่อย ชายหนุ่มเพียงแค่พยักหน้าให้พี่ชายเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเดินจากไปอีกคนการกลับเข้ามาอยู่ในคุกอีกครั้ง ทำให้ชายหนุ่มจำต้องพยายามวางตัวนิ่งเฉยและสงบกับชีวิตที่แสนวุ่นวายของตัวเองให้ได้ แม้ในใจจะร้อนรุ่มสักแค่ไหนก็ตาม เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้นับคืนนับวันที่ผันเปลี่ยน เพื่อรอคอยให้ใครบางคนมาหาเขาที่หน้าลูกกรง แน่นอน เรื่องที่เขาอยากเจอกับเธอมากที่สุด แต่เขาจะทำใจได้หรือไม่ หากเธอมาเพื่อบอกลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายฟ้าอำไพม
“ผมมาส่งรถให้กับเจ้าของบ้านครับ”แก้วกัลยามองรถเก๋งคันงาม ราคาหลายสิบล้านด้วยความแปลกใจ หากเมื่อนึกได้ว่าต้องเป็นฝีมือของไพรัลย์แน่ๆ เธอถึงกับฉีกยิ้มจนแก้มปริ“ยัยปลา มาดูนี่ คุณเหยี่ยวเขาซื้อรถให้ฉัน”บุญจิราเบื่อที่จะต้องอิจฉาริษยาเพื่อนเต็มทีแล้ว เธอเดินมาดูรถด้วยความเซ็ง ความสุขของเพื่อนถือเป็นความปวดร้าวของเธอจริงๆ“คุณฟ้าอำไพใช่ไหมครับ” เจ้าหนุ่มคนนั้นกล่าวถาม “ถ้าใช่ ก็กรุณาเซ็นรับด้วยครับ”เพียงแค่นั้น ทั้งแก้วกัลยาและบุญจิราถึงกับหยุดกึก แก้วกัลยารีบกระชากแผ่นพลาสติกที่รองเอกสารสำคัญการซื้อขายรถมาดูเพื่อให้แน่ใจ“อะไรกันนี่ ทำเป็นชื่อนังฟ้าล่ะ”“ก็นี่เป็นชื่อของเจ้าของบ้านหลังนี้นี่ครับ”หนุ่มส่งรถตอบหน้าซื่อ บุญจิราเอาเอกสารจากมือเพื่อนไปดูบ้าง เมื่อได้อ่าน เธอถึงกับหัวเราะขบขัน“ฉันนึกแล้วเชียว ว่าจะมีใครหน้าโง่ ยอมแต่งงานกับคนที่ทรยศหักหลักตัวเองได้ ยัยแก้วเอ๊ย แกลองเช็คให้ดีๆ สิว่าบ้านหลังนี้ยังเป็นชื่อของแกจริงรึเปล่า”แก้วกัลยาทำหน้าแทบไม่ถูก เธอทั้งอับอาย ทั้งโกรธและทั้งหวาดกลัวว่าอาจจะเป็นเรื่องจริง ดังนั้น เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปหาชายหนุ่มด้วยความร้อนใจทันที“ทำไมไม่รับส
“ผมเข้าใจคุณนะฟ้า แต่ถึงยังไง คุณต้องไปกับผมอยู่ดี”ลูกน้องของเขา เตรียมตะครุบเธอกลับมาให้เขา หลังจากที่เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นในรถคันนั้นยังคงระอุ เพราะคนขับอารมณ์ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น นิมิตแทบไม่รู้สึกสำนึกในความหวังดีของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่ามัสยาจะยัดเหตุผลกลใดมาก็ตาม“แกคิดจะทำยังไงต่อ”เพราะนิมิตไม่คิดจะหยุดรถเลยแม้แต่น้อย“ฉันยังคิดไม่ออก”หญิงสาวอ้าปากค้าง เธอพยายามคิดหาทางออก ด้วยความร้อนใจเป็นที่สุด นิมิตไม่รู้เลยว่าได้ถูกติดตามมาห่างๆ ตอนนี้ ในหัวของเขาวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี แต่ที่แน่ๆ เขายังปล่อยตัวประกันลงจากรถไม่ได้ จนกว่าจะนึกแผนต่อไปออก“แกไม่รู้ใช่ไหมว่าจะเอายังไงต่อ”“ใช่”“ฉันคิดแล้วเชียว แกนี่มันจริงๆ เลย ทำไมแกโง่อย่างนี้ การแก้แค้นมีตั้งหลายวิธี ทำไมแกไม่รู้จักใช้สมองบ้าง ถ้าเป็นฉันหน่อยละไม่ได้” มัสยาบนไปอย่างนั้นเอง แต่ทำให้นิมิตเกิดจุดประกายขึ้นมา“ฉันรู้แล้ว” หนุ่มหน้าหวานตาลุกวาว “ฉันจะจับตัวแกไว้แล้วเรียกค่าไถ่หมอนั่น”“อะไรนะ” เสียงดังไปทั้งรถ “แกบ้าไปแล้วแน่ แกคงไม่รู้ว่าหมอนั่นเกลียดฉันยังกับอะไรดี บาทเดียวเขาก็ไม่ให้แก”มัสยาได้แต่ส่ายหน้ากั
“มันต้องมีทางออกแน่” ในสมองของเขากำลังวิ่งเร็วกว่าความเร็วของรถเสียอีก นั่นเพราะมันกำลังวิ่งไปหาความจริงบางอย่าง ที่ถูกหมกเม็ดซ่อนเร้นไว้เนิ่นนาน เขาควรจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เขารู้ดี เขาไตร่ตรองครุ่นคิดจนเมื่อถึงทางแยกหนึ่ง เขาเบรกรถดังเอี๊ยด รถอีกคันจอดตามหลัง จากนั้นหนึ่งในคนกลุ่มนั้นลงจากรถมาเคาะกระจกรถของเขา ชายหนุ่มเลื่อนให้“มีอะไรรึเปล่า”มีแน่...เขาหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก่อนเงยหน้ามองเพื่อน“เราหนีกันไหม”พิเภกขมวดคิ้ว เหมือนจะคิด แต่ไม่ได้คิดเลย“นายคิดว่าดีเหรอ”เช่นกัน ไพรัลย์แทบไม่ต้องคิดเลย“ไม่ดีหรอก ไม่ดีเลย” ชายหนุ่มมองไปข้างหน้า ซึ่งเป็นถนนที่คดเคี้ยวสู่หุบเหวซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าหวาดเสียวที่สุด “พวกนาย ยอมรับแผนสุดท้ายจากหัวหน้า ขับรถตกเหว รถระเบิด พวกนายตายหมด”“อะไรนะ” พิเภกกลืนน้ำลาย “นายกำลังคิดจะทำอะไร”ไพรัลย์พยักหน้ากับตัวเอง เขาแทบไม่ต้องคิดเลย เพราะนี่คือแผนสำรองที่เขาคิดไว้ตั้งเนิ่นนานมาแล้ว หากแต่ไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้“พวกนายหนีไปให้หมด แยกย้ายกันไป”พิเภกหน้าเครียด ขยับใบหน้าเข้าใกล้ชายหนุ่ม“แล้วนายล่ะ”“ที่เหลือ ฉันรับผิดชอบเอง”“หมายความว่าไง?” แน่นอน พิเภก
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะ” เขาปวดหัวจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ “คุณเป็นลูกสาวของเขาอย่างนั้นหรือฟ้าฟ้า ตลกแล้ว ผมควรจะจับเขาส่งเรือนจำตอนนี้ดีไหม ผมจะได้เป็นอิสระไง”ไม่มีทาง เขาทำไม่ลงแน่ เพ็ญศรีกำลังจะตาย และเธอต้องการเขา ผู้ชายที่ถูกเพื่อนใส่ร้ายจนต้องเข้าคุกมานานเกือบสามสิบปี เขาออกมาอีกครั้ง เพื่อจะมาพบเมียและลูก ไม่ได้ออกมาตามล่าชีวิตของเพื่อนๆ ที่ถูกฆ่าตายไปเพราะฝีมือของคูหูชั่วๆ นั่น“ผมจะทำยังไงดี” เหลือเวลาอีกไม่กี่วันเขาก็จะหมดสัญญาว่าจ้าง เขาต้องกลับไปเรือนจำเพื่อชดใช้กรรมที่ไม่ได้ก่อต่อไปอีกห้าปี หลังจากนี้ไป เขาคงไม่ได้เจอหน้าเธออีกนาน“เราปล่อยเขาไปแบบนี้ ถ้าพวกนั้นรู้เข้าจะรุมกระทืบเราไหมวะ” การที่เขาทรยศต่อเพื่อนๆ ของเขาเอง มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย แล้วเขาจะทำอย่างไรดี สมองที่เหนื่อยล้าของเขาควรแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ดีที่สุดใช่ไหม ให้ดีกับทุกฝ่ายด้วย และยุติธรรมกับทุกคน!!!!“คุณธารเทพ หายไปไหนมาคะ ทำไมพึ่งมา”ทันทีที่ธารเทพเปิดประตูห้องพักเข้ามา เขาไม่ได้มองหน้าฟ้าอำไพเลย เขาเอาแต่จ้องมองผู้ชายคนนั้น คนที่น้องชายตัวแสบของเขาบอกว่าให้พาหนีไป“ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับฟ้าหน่อ