หัวใจยังไม่พร้อม...รักใครในเวลานี้
------------------------
สัปดาห์ถัดมาคะนึงนิจกลับไปทำงานและมาร์คุสดีใจมากที่เธอกลับมาปกติเหมือนเดิม จึงสั่งให้เธอเร่งเตรียมเอกสารเพื่อเดินทางไปอังกฤษกับเขา น้อยหน่าเข้ามาซักถามคนึงนิจด้วยความเป็นห่วง
“หายดีแล้วเหรอ...ไปทำอะไรมา กินยาที่หมอสั่งใช่ไหม” น้อยหน่าถามด้วยแววตาสงสัย
“ไม่หรอก...ไปหาหลวงตาทำพิธี”
“เหรอ...แล้วตุ๊กตานั้นเธอยังกอดอยู่ไหม”
“หลวงตาท่านเอาไปทำพิธี และทิ้งไปแล้วน่ะ” เธอตอบสั้นๆ
“ดีแล้วน่ะ...แม่ฉันก็ให้เอากุมารทองไปไว้ที่วัดเหมือนกัน เพราะลูกร้องกวนทั้งวันทั้งคืน”
“อีลุงนั่น มันเป็นปีศาจ” น้อยหน่ากระซิบเบาๆ กลัวว่าคนนั่งทำงานที่มีแผ่นกั้นใกล้ๆ จะได้ยิน
“ใช่...หลวงตาให้สายสิญจน์ฉันด้วยเนี่ย” คนึงนิจชูข้อมือให้น้อยหน่าดู
“เออ...แล้วท่านทักอะไรบ้างล่ะ”
“อย่าออกไปไหนหลังเที่ยงคืน” เธอเล่าสั้นๆ ถึงคำเตือนของหลวงตา
ต้นเดือนถัดมาคนึงนิจพร้อมมาร์คุสเดินทางไปถึงลอนดอนนัดพบปะลูกค้าตามนัดหมาย บอสหนุ่มใหญ่อิตาเลียนชอบกินอาหารอิตาเลียนจึงชวนเธอไปหาอะไรกินแถวทราฟัลการ์แสควร์เพื่อว่าหลังจากมื้อค่ำ จะได้เดินไปดูน้ำพุที่มีสีสันยามค่ำคืนที่นั่น อากาศช่วงเดือนธันวาคมใกล้เทศกาลคริสต์มาสจึงมีหิมะขาวโพลนตามท้องถนน
เมื่อวานที่มาถึงเขาได้พาเธอเดินออกมารับลมหนาวหิมะโปรยปรายปุยเป็นสายพริ้วๆ ตามลม คนึงนิจไม่เคยอยู่ที่ที่อากาศหนาวมากมาก่อน เธอจึงต้องเอามือซุกในโค้ตตัวยาวตลอดเวลา
“คืนนี้สวยนะ...นิจ” เขายิ้มใต้ฮูดที่คลุมไว้ทั้งใบหน้า
“ใช่ค่ะ...ฟ้าสวยด้วย หิมะปุยสวยมาก ขาวลอยลงมาเบาๆ” เธอมองดูหิมะแล้วเอาฝ่ามือรองรับ
“ไม่เคยเห็นหิมะ...ใช่ไหม”
“ไม่เลยค่ะ...ครั้งแรก”
มาร์คุสมองหน้าเธออย่างรักใคร่ เขาชอบใบหน้าหวานละไมของเธอที่ยิ้มอย่างมีความสุข รูปร่างบอบบางของหญิงสาวน่าทะนุถนอมดุจปุยหิมะ เขาเอาฝ่ามือรองหิมะและจับมันปั้นกลมๆ แล้วส่งให้เธอ
“อะไรคะ...”
“หัวใจของผม...”
“โห...กลมขนาดนี้เลยหรือคะ”
“ใช่...มันพองจนผมอยากอยู่ตรงนี้...นานๆ” เขาพูดภาษาไทยตะกุกตะกัก
“My heart is big enough to get you in…หัวใจผมใหญ่พอที่เอาคุณไปอยู่ข้างใน” เขาพูดเรียบๆ มองไปข้างหน้า ไม่กล้าหันไปมองเธอ คนึงนิจสะดุ้งแต่ก็แอบดีใจที่เขาเห็นเธออยู่ในสายตา
“พรุ่งนี้หลังจากพบลูกค้า เราไปมาดามทุซโซ ใช่ไหมคะ”
“แล้วเราจะไปที่สะพานลอนดอน และขึ้น London Eye”
วันรุ่งขึ้นมาร์คุสฃประชุมเสร็จเที่ยง จึงสั่งอาหารแถวตึกเพราะใกล้โซโห จึงมีอาหารไทยให้คนึงนิจกิน เขาสั่งอาหารไทยง่ายๆ เป็นผัดไทยจานย่อมมาทานด้วยกัน หลังจากนั้นจึงให้รถโรงแรมมารับไปส่งที่พิพิธภัณฑ์มาดามทุสโซ คนึงนิจนึกถึงตอนที่เธอยังไม่ป่วย ใฝ่ฝันอยากมาเห็นหุ่นขี้ผึ้งที่นี่ มีหุ่นของบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายถึง 400 ตัว มีห้องที่เป็นแสงสีเสียงทั้งหมด 8 ห้อง ห้องที่เดินเข้าห้องแรกเป็นห้องของราชวงศ์ เธอดีใจน้ำตาไหลได้เห็นหุ่นขี้ผึ้งของในหลวงรัชกาลที่ 9 เธอยืนพนมมือจ้องอยู่นานด้วยชื่นชมในพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จย่า เดินมาห้องที่สองจะเป็นห้องบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ทั่วโลก ห้องที่สามเป็นห้องศิลปะ ซึ่งมีรูปปั้นของกวีเอกชั้นนำ อย่างน่าทึ่งหนึ่งในนั้นคือ สุนทรภู่ คนึงนิจได้ถ่ายรูปกับท่านไว้ด้วย เธอเก็บภาพถ่ายมากมายจนมาร์คุสหัวเราะและแซวสาวน้อยว่า เธอต้องได้ซื้อมือถือใหม่ที่นี่แน่ๆ “memory จะเต็มก่อนกลับ” เขาเอ่ยขำๆ
เธอเดินถ่ายรูปกับนักฟุตบอลดาราศิลปินนักร้องชื่อดังละลานตา...เต็มไปหมด
“โห...พุ่มพวง ก็มีด้วย”
“ใคร...” มาร์คุสไม่รู้จักเธอ
“folksong singer นักร้องลูกทุ่ง เสียชีวิตนานแล้วค่ะ นิจยังเล็กอยู่เลย”
ทั้งสองออกมาจากพิพิธภัณฑ์เกือบห้าโมงเย็น เขาสั่งให้รถโรงแรมไปส่งที่ London Eye อยากให้เธอขึ้นไปกับเขา เขายังไม่เคยขึ้นไปบนนั้นอยากมองเห็นวิวของเมืองนี้อย่างเต็มตา
“บอสคะ...โรแมนติกมากเลย” เธอเปรยขึ้นอย่างมีความสุข ในใจนึกขอบใจเจ้านายหนุ่มใหญ่ที่ทำให้เธอได้มาไกลถึงที่นี่
“...ผมดีใจที่คุณชอบ” เขาหันหน้ามามองเธอ
“ดูข้างนอก...หิมะกำลังตก...”
“สวยมากเลยค่ะ” เธอชื่นชมธรรมชาติรอบๆ เพลินจนลืมตัว เอามือไปจับแขนเขา
“ผมอยากให้นิจเป็น...my love” เขาเผลอพูดขึ้นมาทันทีตามที่หัวใจเรียกร้อง
“เหรอคะ...” เธอรับลูกของเขาด้วยหัวใจพองโต
“รักผม...ไหม” เขาถามทันที
“เอ่อ...ค่ะ” เธอตอบเบาๆ
“Don’t be shy…ไม่ต้องอาย ผมอยากบอกรักคุณบนนี้มานานแล้ว” เขาหันมาหอมแก้มเธออย่างนุ่มนวล จนหญิงสาวใจหวิว...ตัวสั่นด้วยความตกใจ
“ไม่ค่ะ...บอสค่ะ ดูไม่ดีนะคะ” เธอตอบปฏิเสธขณะเขากำลังจะจูบเรียวปากเธอ
“ทำไม...”
“นิจ...จะต้องถามหัวใจตัวเองก่อนนะคะ”
“มีคนในใจอยู่...ใช่ไหม” เขาถามเธอ ซึ่งเขายังสงสัยว่าเธออยู่กับใครในบ้านหลังนั้นที่เขาไปเยี่ยมเธอวันนั้น
“ยังค่ะ...แต่ขอเวลานิจก่อนนะคะ” เธอตอบปฏิเสธอย่างนุ่มนวล
“ทำไม...จะให้รอนานไหม”
เธอตอบเบาๆ ไม่มองหน้าเขา แต่มองไปที่หิมะปุยขาวที่กำลังตกลงมาเป็นสายๆ
“หัวใจของนิจ...ยังไม่พร้อมรักใครตอนนี้”
ตำแหน่งใหม่...ทำให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์------------------------คนึงนิจกลับมาถึงบ้านเจอป้าสมใจคอยต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอแอบกระซิบเมื่อสุธนยกกระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นบันไดไปไว้ที่ห้องชั้นบน“ป้าคะ...หนูซื้อของฝากมาให้ด้วยค่ะ ไว้พรุ่งนี้ค่อยขึ้นไปเอาที่ห้องนะคะ”“ค่ะ...คุณนิจไม่อยู่ ท่านรองผู้กำกับไม่กลับบ้านเลยค่ะ” ป้าสมใจแอบกระซิบ“คุณพ่อคงมีธุระมั้งคะ...ป้าอยู่คนเดียวเหงาล่ะสิ” เธออมยิ้ม“แล้วเย็นนี้จะให้ป้าเตรียมอาหารไหมคะ”“ไว้หนูถามคุณพ่อก่อนนะคะ” คนึงนิจกำลังเดินขึ้นไปห้องนอนของเธอ หันหลังมาเมื่อได้ยินป้าสมใจเอ่ยขึ้น“มีคนมาหาคุณนิจ ชื่อบุศรินทร์” ป้าสมใจนึกขึ้นได้เธอไม่ตอบอะไรได้แต่คิดอยู่ในใจว่า ใครกันที่มาหาเธอ ไม่เคยรู้จักกันเลย ชื่อนี้ไม่มีอยู่ในรายชื่อเพื่อนหรือคนรู้จัก เธอเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนที่เป็นระเบียบเรียบร้อยจากการจัดเก็บของป้าแม่บ้าน ความสงสัยยังอยู่ในสมองทำให้เธอเปิดหน้าจอมือถือหารายชื่อที่บันทึกไว้ในโทรศัพท์ ... ไม่มีคนชื่อนี้สุธนเปิดประตูห้องนอนชะโงกหน้าเข้ามาเห็นเธอกำลังนอนดูโทรศัพท์อยู่บนเตียง“เย็นนี้...ไปกินข้าวกัน มีคนอยากเจอหนูด้วย” เขา
ไม่สามารถเลือกคนใดคนหนึ่งแล้วตัดอีกคนหนึ่งออกไปได้ เพราะเขาทั้งคู่คือคนที่มอบโอกาสในชีวิตให้------------------------คำตอบของคนึงนิจทำให้หนุ่มใหญ่อย่างมาร์คุสไม่เชื่อหูตนเองว่าเขาได้รับคำตอบนั้นจริงๆ หรือเพราะเขาเมากันแน่“พูดอีกครั้ง...ได้ไหม” เขาสะบัดหน้าไปมาเพราะยังไม่แน่ใจว่าหูฝาดไปไหม“บอสถามนิจ...ก็ตอบไปแล้วนี่คะ” สาวน้อยยอกย้อนได้แสบมาก“นิจ...อย่าให้ผมอารมณ์เสีย” เขาหงุดหงิดใส่เธอ“พรุ่งนี้เรานัดเอเจนซี่ไปดูอพาร์ตเม้นท์ ไปนอนเถอะ” เขาไล่เธอกลับห้อง“ค่ะ...บอส” คนึงนิจดีใจจนแทบกระโดดออกจากห้อง“เจอกันที่ห้องอาหาร ตอน 10 โมง” เขาสั่งเธอขณะล้มตัวฟุบบนเตียงหลับไปทันทีก่อนที่หญิงสาวจะย่องออกจากห้องของเขาอย่างใจเย็น เธอเดินกลับไปดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เขา เกรงว่าเขาจะไม่สบายด้วยอากาศค่อนข้างเย็น เธอปรับฮีตเตอร์ให้อุ่นขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเธอพึมพำเบาๆ ก่อนออกจากห้อง“บายค่ะ...คุณสามีที่คิดเอาเอง” เธออดขำอยู่ในใจไม่ได้“บอสขา... นิจยังไม่อยากมีผัวหรอกนะคะ ไม่ค่อยอิสระ แบบฟรีเบิร์ด...นกน้อยอิสระ สบายออก!...”เธอกลับไปที่ห้องซึ่งไม่ได้นอนอยู่ในนี้เกือบสองวัน เมื่อคืนวานและคืนนี้ก็เกือบเ
เมามายกับความเชื่อ------------------------ที่ประชุมบอร์ดตกลงให้คนึงนิจมาทำหน้าที่ประสานงานดูแลเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการที่สำนักงานในลอนดอนกับฝ่ายโอเปอร์เรชั่นของบริษัทที่สำนักงานเมืองไทยซึ่งมาร์คุสเป็นซีอีโอ ประธานฝ่ายบริหาร มาควิส ซันเดรย์ มอบหมายให้ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการที่นี่ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับตำแหน่งผู้ประสานระหว่างประเทศ ซึ่งเธอจะบินกลับมาเริ่มงานในต้นเดือนถัดไป“ผมมีนัดกับ psychic ผมเลื่อนเอเจนซี่เป็นพรุ่งนี้บ่าย” มาร์คุสกระซิบเบาๆ หลังจากเลิกประชุม “ค่ะ...” เธอทำหน้าสงสัย“รถโรงแรมกำลังมารับ” เขาเร่งเธอให้เก็บเอกสารสำคัญ“บอสคะ ต้นเดือนหน้าเรามีประชุมที่อุบล” เธอเปิดกำหนดการของเขาจากไลน์ผู้บริหารของบริษัท“No worry ลินจะดูแลเอง” เขาหมายถึงเลขาชื่อ ลินนา มาร์คุสเคยต่อว่าเธอต่อหน้าคนึงนิจถึงความผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอครหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่ปกติของคนทั้งคู่“ผมจะให้ชนากานต์ขึ้นมาแทนคุณ” เขาเริ่มเห็นเค้าความยุ่งยาก หากให้ลินนาทำหน้าที่แทนเธอ“ดีค่ะ น้อยหน่าเหมาะมากค่ะ บอส” เธอเห็นด้วยจากเท่าที่เพิ่งสนิทกัน เธอรอบคอบและไม่ปากมาก“ไป... รถโรงแรมมาถึงแล้ว” เ
ภาพรักของเขาและเธอแค่ในฝัน------------------------หลังการประชุมระหว่างฝ่ายประสานงานของบริษัทที่นี่ มาร์คุสได้แจ้งกับคนึงนิจว่าผู้บริหารของบริษัทเชิญเธอร่วมประชุมกับบอร์ดเพื่อขอความเห็นชอบการรับเธอมาประจำอยู่ในลอนดอน“ผมจะออกค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้” มาร์คุสแจ้งเธอคร่าวๆ“พรุ่งนี้หลังประชุมบอร์ด เราไปหาที่พักกัน ผมมีเอเจนซี่ที่รู้จักอยู่ที่นี่” เขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่อยากให้สาวน้อยลำบาก“บอสคะ...นิจ ขอถามค่ะ”“มีอะไร...” เขาจ้องหน้าเธออย่างสงสัย“เอ่อ...มีเงื่อนไขอะไรบ้างคะ คือต้องตอบแทนบอสหรือเปล่า” เธอตะขิดตะขวงใจไม่อยากเอ่ยตรงๆ“ทำไม...มาทำงานนะ” เขาทำหน้างงกับคำถาม“ค่ะ...นิจรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ”“ผมไม่เข้าใจคนไทย...” เขายักคิ้ว ส่งสายตาให้เธอ“มาทำงานที่นี่แล้วต้องตอบแทนผม...ยังไง” เขาเริ่มหงุดหงิด“บอส...อยากให้นิจรับรักไม่ใช่หรือคะ” เป็นคำถามที่เธอไม่อยากถามเขาเลย“ใช่...แต่ผมไม่ชอบบังคับ”“ค่ะ...เอ่อ แล้วเกิดบอสอยากให้ตอบแทนล่ะคะ” เธอไม่แน่ใจกับอนาคต เพราะเธอยังเป็นหนี้บุญคุณกับสุธนอยู่ แล้วมาร์คุสกลายมาเป็นคนที่สร้างบุญคุณใหม่ซ้ำซ้อนทำให้เธอเริ่มคาดการณ์ไม่ถูก วัฒนธรรมของฝร
หัวใจยังไม่พร้อม...รักใครในเวลานี้------------------------สัปดาห์ถัดมาคะนึงนิจกลับไปทำงานและมาร์คุสดีใจมากที่เธอกลับมาปกติเหมือนเดิม จึงสั่งให้เธอเร่งเตรียมเอกสารเพื่อเดินทางไปอังกฤษกับเขา น้อยหน่าเข้ามาซักถามคนึงนิจด้วยความเป็นห่วง“หายดีแล้วเหรอ...ไปทำอะไรมา กินยาที่หมอสั่งใช่ไหม” น้อยหน่าถามด้วยแววตาสงสัย“ไม่หรอก...ไปหาหลวงตาทำพิธี”“เหรอ...แล้วตุ๊กตานั้นเธอยังกอดอยู่ไหม”“หลวงตาท่านเอาไปทำพิธี และทิ้งไปแล้วน่ะ” เธอตอบสั้นๆ“ดีแล้วน่ะ...แม่ฉันก็ให้เอากุมารทองไปไว้ที่วัดเหมือนกัน เพราะลูกร้องกวนทั้งวันทั้งคืน”“อีลุงนั่น มันเป็นปีศาจ” น้อยหน่ากระซิบเบาๆ กลัวว่าคนนั่งทำงานที่มีแผ่นกั้นใกล้ๆ จะได้ยิน“ใช่...หลวงตาให้สายสิญจน์ฉันด้วยเนี่ย” คนึงนิจชูข้อมือให้น้อยหน่าดู“เออ...แล้วท่านทักอะไรบ้างล่ะ”“อย่าออกไปไหนหลังเที่ยงคืน” เธอเล่าสั้นๆ ถึงคำเตือนของหลวงตาต้นเดือนถัดมาคนึงนิจพร้อมมาร์คุสเดินทางไปถึงลอนดอนนัดพบปะลูกค้าตามนัดหมาย บอสหนุ่มใหญ่อิตาเลียนชอบกินอาหารอิตาเลียนจึงชวนเธอไปหาอะไรกินแถวทราฟัลการ์แสควร์เพื่อว่าหลังจากมื้อค่ำ จะได้เดินไปดูน้ำพุที่มีสีสันยามค่ำคืนที่นั่น อากาศช
ด้วยศักดิ์ศรี...จะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ------------------------หลังจากกินข้าวเช้าที่บ้าน แม่สุภาเร่งให้สุธนพาคนึงนิจไปหาหลวงตาที่วัด แม่ของเขาไปด้วย แต่จะตามไปพร้อมป้าสำเนียงและทวี เธอรู้ว่าสุธนรู้จักหลวงตารูปนี้ดี เขาเคยมาบวชอยู่ที่วัดนี้ ท่านเป็นผู้มีอาคมขมังเวทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มเคยไปฝึกสายกรรมฐานแถวอีสานอยู่นับสิบปี ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเดิมแห่งนี้“กราบนมัสการหลวงตา...ครับ” สุธนเข้าไปนั่งกับพื้นพร้อมคนึงนิจก้มลงกราบท่าน ขณะท่านมองมาทั้งคู่อย่างยินดี“วันนี้...เราว่างหรือ” ท่านถามขึ้น“ไม่ว่างหรอกครับ แต่ผมต้องมาจัดการตามที่หลวงตาสั่งโยมแม่ไป”“เอ่อ...ไว้รอมากันให้ครบทุกคน หลวงตาจะเป่ามนต์เสกล้อมพวกเราไว้ทุกคน ไม่งั้นมันจะกลับมาเล่นงานทุกคนที่เข้าไปยุ่งกับอิหนูคนนี้” ท่านกล่าวเตือน“โยม...ไม่นาน จะกลับมาหาหลวงตาอีก”“ทำไมหรือครับ...”“ไม่มีอะไร...จะกลับมา... หลวงตาต้องเรียก โยมผู้กำกับ” ท่านหัวเราะเสียงแห้ง“โอ...จริงหรือครับ”“ตอนนี้...มีใครเป็นใหญ่ในสน.ล่ะ”“ยังไม่มีคำสั่งลงมาครับ...ผมรักษาการแทน” สุธนตอบ“นั่นล่ะ...วิบากของโยมกำลังตามมา...ระวังด้วย อิหนูนี
เพราะสายลมนี้ทำให้ฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง------------------------รุ่งขึ้นแม่สุภาพาคนึงนิจสาวน้อยที่นางคิดว่าเธอต้องถูกหมอดูเสกคาถาใส่ทำให้เธอกลายเป็นคนสติไม่อยู่กับตัว“กินข้าวแล้ว แม่จะพาเธอไปพบหลวงตาที่วัด” แม่ของสุธนพูดกับเขาเสียงเบา ไม่อยากให้สาวน้อยของเขาได้ยิน“ครับ...ฝากแม่ดูแลเธอด้วยนะครับ” เขายังดูกังวลกับเธอ“แม่จะให้สำเนียงไปด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยแม่ดูแล” แม่เขาดูกังวลเช่นกัน“ขอบคุณครับ วันนี้ผมมีประชุมทั้งวัน เสร็จงานจะรีบกลับมา อาจค้างที่นี่อีกคืนถ้าถึงดึก”แม่ไปเรียกป้าสำเนียงข้างบ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนคนึงนิจ ส่วนนางรีบโทรไปหามัคนายกที่ดูแลปรนนิบัติหลวงตา โชคดีที่วันนี้หลวงตาไม่มีกิจนิมนต์ เธอจึงรีบพาสาวน้อยออกจากบ้านให้หลานชายลูกป้าสำเนียงขับรถไปส่งหลวงตามองดูสาวน้อยที่เดินตามสุภาเข้ามานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าท่าน ขณะเธอกำลังก้มลงกราบท่านจึงทักขึ้นทันที“โยม...พานางหนูนี่มาทำไม...”“อิฉันเห็นว่า อาการมันแปลกๆ คะ หลวงตา”“ลูกสาวโยมรึ” ท่านมีสีหน้ากังวล“ไม่ใช่ค่ะ...เป็นแฟนของลูกชาย”“จะอยู่ที่นี่นานไหม...ต้องทำพิธีถอนมนต์ดำ” ท่านบอกกับสุภา“ให้พ่อหนุ่มไปเอาไข่ไก่มา..
แผงอกอุ่นนี้...จะให้ไอรักซึมซาบเข้าไปในหัวใจเธอ...สักวัน------------------------คนึงนิจสาวน้อยนอนกอดสุธนตั้งแต่เธอยังไม่หลับจนหลับไปจนถึงรุ่งเช้า หนุ่มใหญ่เช่นเขาเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาสองสามวัน ไปทำงานก็ยังคิดถึงเป็นห่วงเธอ กังวลว่าเธอจะเป็นอะไรมากกว่านี้ไหม บางครั้งต้องให้จ่าแดงคนสนิทที่รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากกว่าทุกคน โทรมาหาป้าสมใจคอยถามเรื่องอาหารการกินและอาการของเธอ เขาพยายามบอกให้ป้าสมใจหลอกล่อให้เธอกินยาตามที่หมอสั่งเช้าวันนี้เขารู้สึกไม่อยากไปทำงาน แต่อยากพาสาวน้อยคนนี้ไปเที่ยวนอกเมืองแถวบ้านเดิมของเขาก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี พาเธอไปพบแม่ของเขาที่อายุค่อนมากแล้ว ท่านอยู่กับหลานสาวอายุสิบเจ็ดปี“หนูนิจ วันนี้ไปเที่ยวกันนะ” เขาเอ่ยปากชวนระหว่างกินข้าวมื้อเช้าด้วยกัน“เหรอคะ...ที่ไหน” เธอแต่งตัวสวยเหมือนพร้อมออกบ้าน“ไปบ้านแม่ผม...ไม่ไกลจากนี่สักหนึ่งชั่วโมงก็ถึง ไปทานข้าวบ้านแม่ ท่านทำอาหารอร่อยนะ” เขาเอ่ยชวนเธอ“ดีจังค่ะ...”“ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ชุดนี้สวยดีแล้ว” เขาบอกเธอ และหันไปสั่งป้าสมใจให้ขึ้นไปเอายาลงมา เขาจะเอาไปด้วย“หนูต้องทำอะไรบ้าง เวลาเจ
จะกลายเป็นเพื่อนใจตัวร้าย...ในวันที่เธอหายดี------------------------น้อยหน่าทำเรื่องลางานให้คนึงนิจส่งไปที่ฝ่ายบุคคล และคนที่ลงชื่ออนุมัติคือมาร์คุส ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทที่เธออยู่ใต้สายงานโดยตรง มาร์คุสสงสัยว่าทำไมสาวน้อยที่มีภารกิจต้องดูแลประสานงานกับลูกค้าช่วยเขา ไม่มาทำงานวันที่สองแล้ว“ให้คุณชนากานต์ขึ้นมาพบผมตอนบ่ายสามโมง” เขาสั่งเลขาให้ตามน้อยหน่ามาพบเพื่อสอบถาม“คุณชนากานต์ลาช่วงบ่ายแล้วค่ะ บอส” เลขาตอบเขา“โทรหาเธอเลย”เลขาติดต่อน้อยหน่าได้แล้วโอนสายให้เขา...“คุณนิจเป็นอะไรไม่มาทำงาน ลาพักร้อน” เขาถามด้วยความสงสัย เพราะมีงานหลายอย่างที่ยังคั่งค้าง“เธอไม่สบายค่ะ บอส”“เป็นอะไร...มากหรือ” เขาพูดภาษาไทยได้ชัดเจน เพราะอยู่ที่นี่เกือบห้าปี“บอสอยากไปเยี่ยมไหมคะ”“เธออยู่บ้านตรงไหน ส่งโลเคชั่นมาให้ ผมจะให้คนขับรถไปดูพรุ่งนี้”รุ่งขึ้นสุธนฝากให้ป้าสมใจดูแลเรื่องอาหารการกิน เขาบอกให้สั่งจากร้านในหมู่บ้านมาส่งไม่ต้องทำกับข้าวให้ลำบาก เขามีภารกิจประชุมเรื่องคดีสำคัญทั้งวัน จึงไม่มีเวลาที่จะโทรสอบถาม แต่สั่งให้ป้าโทรกลับไปถ้าเธอมีอาการผิดปกติมาร์คุสนายใหญ่ของคนึงนิจให้คนขับรถไ