ด้วยศักดิ์ศรี...จะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ
------------------------
หลังจากกินข้าวเช้าที่บ้าน แม่สุภาเร่งให้สุธนพาคนึงนิจไปหาหลวงตาที่วัด แม่ของเขาไปด้วย แต่จะตามไปพร้อมป้าสำเนียงและทวี เธอรู้ว่าสุธนรู้จักหลวงตารูปนี้ดี เขาเคยมาบวชอยู่ที่วัดนี้ ท่านเป็นผู้มีอาคมขมังเวทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มเคยไปฝึกสายกรรมฐานแถวอีสานอยู่นับสิบปี ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเดิมแห่งนี้
“กราบนมัสการหลวงตา...ครับ” สุธนเข้าไปนั่งกับพื้นพร้อมคนึงนิจก้มลงกราบท่าน ขณะท่านมองมาทั้งคู่อย่างยินดี
“วันนี้...เราว่างหรือ” ท่านถามขึ้น
“ไม่ว่างหรอกครับ แต่ผมต้องมาจัดการตามที่หลวงตาสั่งโยมแม่ไป”
“เอ่อ...ไว้รอมากันให้ครบทุกคน หลวงตาจะเป่ามนต์เสกล้อมพวกเราไว้ทุกคน ไม่งั้นมันจะกลับมาเล่นงานทุกคนที่เข้าไปยุ่งกับอิหนูคนนี้” ท่านกล่าวเตือน
“โยม...ไม่นาน จะกลับมาหาหลวงตาอีก”
“ทำไมหรือครับ...”
“ไม่มีอะไร...จะกลับมา... หลวงตาต้องเรียก โยมผู้กำกับ” ท่านหัวเราะเสียงแห้ง
“โอ...จริงหรือครับ”
“ตอนนี้...มีใครเป็นใหญ่ในสน.ล่ะ”
“ยังไม่มีคำสั่งลงมาครับ...ผมรักษาการแทน” สุธนตอบ
“นั่นล่ะ...วิบากของโยมกำลังตามมา...ระวังด้วย อิหนูนี่อีก หลวงตาอยากให้โยมคนนี้ไปอยู่ไกลตัวโยมสักพัก” หลวงตาย้ำ
“แล้วจะให้เธอไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ”
“ไปอยู่เมืองนอก...ก็ดีนะ” หลวงพ่อแนะนำ
“เดือนหน้า...นิจจะไปทำงานที่นั่นอยู่พอดี แล้วจะต้องอยู่นานแค่ไหนครับ” สุธนถาม
“สักสามเดือนได้ไหม...หลวงตาจะให้เม็ดประคำนี้เอาไปสวมไว้” ท่านโยนสร้อยคอทำด้วยลูกประคำเม็ดกลมโต เหมือนเมล็ดรุทรักษะ ซึ่งท่านเอ่ยนามนี้ว่าคือน้ำตาของพระศิวะ จะช่วยรักษานางจากปีศาจที่ยังคอยวนเวียนไม่ยอมห่างกาย
สักครู่ทุกคนตามมาสมทบจนครบหลวงตาจึงเริ่มพิธีให้มัคนายกจ้อยเอาสายสิญจน์ล้อมบริเวณกุฏิของหลวงตาทั้งหมดแม้กระทั่งช่องหน้าต่าง จากนั้นท่านจึงเอาด้ายมงคลที่ทำจากสายสิญจน์พิเศษโยนให้ทุกคนสวมหัวไว้ ก่อนเริ่มพิธีอาบน้ำมนต์ปัดเป่ามนต์ดำจากปีศาจร้าย ท่านให้สุธนและคนึงนิจนั่งอยู่ต่อหน้าคู่กัน ท่านให้มัคนายกเอาสายสิญจน์มามัดรอบตัวคนทั้งคู่ไว้จนแน่น แล้วเอาไข่ไก่ทั้งหมดที่เมื่อวานทวีไปซื้อมาสามสิบฟองมาวางตั้งไว้ในพาน แล้วร่ายคาถาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นก่อนจะกะเทาะเปลือกไข่ออกทีละฟอง ท่านยื่นแต่ละฟองมาตรงหน้าของทั้งคู่ ท่านร่ายมนต์อีกสักพักแล้วจึงกะเทาะลงในชามใบโต ทุกคนมองอย่างตกใจไข่ทุกฟองเป็นน้ำเหลวสีดำส่งกลิ่นคลุ้ง ท่านเสกคาถาลงไปอีกครั้งเพื่อกันไม่ให้มันกลับเข้าไปเป็นพิษในร่างกายของทุกคนจากมนต์ดำของปีศาจ
“โยมนิจ...ต้องเอาสร้อยประคำคล้องไว้อย่าถอด อาบน้ำต้องใส่ตลอด” หลวงตาสั่งอย่าลืมเด็ดขาด
“ค่ะ...” เธอรับคำ
“โยมมีเคราะห์กับโยมสุธน ต้องไปอยู่ที่อื่นก่อน” ท่านโยนสายสิญจน์ให้เธอผูกข้อมือ สุธนช่วยเธอผูกข้อมือ และผูกที่ข้อมือของเขาด้วย
“เอาล่ะ...ทุกคนตั้งใจ หลวงตาจะอาบน้ำมนต์ให้ มานั่งรวมกันตรงหน้านี่” หลวงตาลุกยืนตักน้ำมนต์จากในถังสาดใส่ทุกคนจนหมดถัง มัคนายกเอาถังใหม่เข้ามาให้หลวงพ่อจนครบสิบถังจึงเสร็จพิธี ท่านเดินเข้าห้องเพื่อไปเปลี่ยนผ้าจีวรกลับออกมายืนต่อหน้าทุกคนที่เปียกปอนชุ่มทั้งร่าง และไล่ทุกคนให้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านแล้วกลับมาอีกครั้ง ท่านโยนสายสิญจน์ให้ทุกคนเอาคล้องคอไว้ห้ามถอดจนกว่าท่านจะบอกตอนจบพิธีอีกครั้ง
สุธนขับรถพาคนึงนิจและแม่สุภากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนป้าสำเนียงนั่งรถของทวีลูกชายกลับไปบ้าน ทุกคนกลับมาอีกภายในครึ่งชั่วโมงเพราะหลวงตาท่านจะจำวัดตอนบ่ายสามโมงครึ่ง จึงเกิดฉุกละหุกวุ่นวายกับมัคนายกที่ต้องเตรียมเครื่องไหว้บูชาต่อองค์เทพพรหมที่หลวงตาสั่ง นอกจากดอกไม้ธูปเทียนแล้วยังมีเครื่องหอมกำยานเฉพาะกลิ่นเพื่อความเป็นสิริมงคลเวลากระทำพิธี
หลังจากหลวงตากระทำพิธีอยู่ ทุกคนได้ยินเสียงลมพัดตึงตังที่หน้าต่างของกุฏิ ท่านบริกรรมคาถาหลับตาสั่งให้ทุกคนสงบนิ่งห้ามตกใจ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงลมที่พัดกระทบหน้าต่างหายไปและหลวงตาลุกยืนขึ้นเดินเสกคาถาเป่ากระหม่อมทุกคนล้อมไว้ไม่ให้ปีศาจร้ายกลับมาทำอะไรได้อีก ท่านบอกให้ทุกคนกลับไปสวดมนต์บทที่ท่านโยนกระดาษให้ทุกคืนก่อนนอน และอย่าอยู่นอกบ้านหลังเที่ยงคืนเด็ดขาดเป็นเวลาหนึ่งเดือน
“โยมสุธน...อาจอยู่นอกบ้านได้ แต่ห้ามออกนอกห้องนอนหลังเที่ยงคืน”
“ถ้าผมต้องทำงาน...จะทำยังไงครับ ให้จำไว้อย่าออกนอกห้องที่เราอยู่ไม่ว่าตรงไหน”
“หมายความว่า ถ้าผมต้องไปราชการไกล ต้องอยู่ในห้องพักเท่านั้นใช่ไหมครับ”
“นั่นล่ะ หลังเที่ยงคืนต้องอยู่ในที่กำบังเท่านั้น จำไว้นะ” หลวงตาย้ำอีกครั้ง
หลังจบพิธีทุกคนต่างแยกย้ายและเก็บบทสวดมนต์ไว้ไปสวดก่อนนอนและจดจำคำเตือนห้ามออกนอกบ้านหลังเที่ยงคืนหนึ่งเดือนตามที่หลวงตาย้ำ
“นิจ...ไปต่างประเทศ จะยังไงดี” เขาพูดขณะขับรถพาคนึงกลับบ้านของเขา
“นิจ...อยู่ในเครื่องบิน ไปถึงก็เช้าที่นั่นแล้วค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ
“ไม่ต้องห่วง หนูจะทำตามที่หลวงตาเตือน”
“ผมยังห่วงอยู่ดี...หลวงตาท่านเก่งมาก สมัยผมบวชอยู่มีคนถูกผีเข้า ท่านทำพิธีไล่ผีจนออกไปไม่กลับมาอีกเลย แต่ต้องทำตามที่ท่านบอก”
“ค่ะ...นิจจะใส่สร้อยคอนี้ตลอดเวลา และจะไม่ออกไปไหนหลังเที่ยงคืน”
“บอกนายฝรั่งของหนูด้วยล่ะกัน”
“ค่ะ...จะเตือนเขา ไม่รู้เขาจะเชื่อแค่ไหน”
กลับมาถึงบ้านสุธนเห็นป้าสมใจยืนยิ้มต้อนรับสาวน้อย เธอกลับมาปกติเหมือนเดิมแล้ว แต่สุธนยังให้ป้าสมใจทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน เพราะเขาไม่ยังอยากให้นางกลับไป อยากให้อยู่ดูแลบ้านและช่วยเหลือคนึงนิจระหว่างที่เธอยังไม่กลับไปทำงาน ป้าสมใจยังสงสัยว่าเธอจะยังนอนเดียวกับสุธนหรือไม่ เขาสั่งว่ายังให้เธอนอนที่ห้องเขาก่อน คนึงนิจมีท่าอิดออดแต่ก็ตามใจชายหนุ่มเพราะไม่อยากให้เขาโกรธเคืองเธอเหมือนที่ผ่านมา ครั้งนี้เธอกลัวว่าช่วงกลางคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาจะช่วยเธอได้ทันท่วงที
ตกกลางคืนคนึงนิจมีทีท่าเหมือนเคยก่อนที่ยังไม่ป่วย เธอรู้สึกระแวงทุกฝีก้าวเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาดูเตียงนอนของเธอที่วางอยู่ข้างเตียงใหญ่ของเขา
“ทำไมท่าทางรังเกียจผมรึ” เขาถามขำๆ
“โอ...ไม่ค่ะ” สีหน้าของเธอตกใจ
“หนูกำลังคิดอะไรเพลินๆ ...คุณพ่อเข้ามาหนูเลยตกใจค่ะ” เธอแก้ตัวแต่ไม่เนียน
“แหม...ไม่ใช่ตกใจ แต่กลัวผมซะ...วันนั้นยังวิ่งมากอดเอวแน่นอยู่เลย” คำพูดของชายหนุ่มทำเธอหน้าแดง
“หนูกลัวนี่คะ...”
“ผมน่ากลัวกว่าตุ๊กตาอีกนะ...” เขาหัวเราะเสียงดัง
“ไม่ค่ะ...คุณพ่อใจดี” เธอรีบปฏิเสธกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอคืนนี้
“ไม่ต้องกลัว...ศักดิ์ศรีตำรวจ ผมจะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ” เสียงหนักแน่นของเขาทำให้เธอเบาใจ
“สัปดาห์หน้านิจจะไปทำงานแล้วนะคะ ต้นเดือนจะเดินทางไปเรื่องงานกับเจ้านายค่ะ”
“ผมทราบแล้ว...” เขายิ้มกริ่ม
“อยากรู้ว่า ถ้าไปกับผม จะรู้สึกยังไง”
“ไปทำงานค่ะ...” เธอแย้ง
“ไม่ผมถามว่า ถ้าไปกับผมในฐานะสามี...จะรู้สึกยังไง” เขาถามตรงประเด็นทำเธอสะดุ้ง
“ไม่ทราบ...” เธอนอนหันหลังไปอีกทาง แล้วเฉยไม่รู้จะตอบยังไง ได้ยินเขาหัวเราะอยู่ในลำคอ
ก่อนที่เธอจะเคลิ้มหลับไป สุธนเอ่ยขึ้นลอยๆ แต่ทำหัวใจของหญิงสาวแวบๆ อย่างบอกไม่ถูก
“ไม่อยากกอดผมเหมือนคืนก่อนหรือ”
สานฝันด้วยกัน..บนริมฝั่งแอตแลนติก --------------------------------------สุธนเดินทางพร้อมคนึงนิจซึ่งตั้งท้องได้เกือบสามเดือนครึ่ง สาวน้อยท้องแรกแทบมองไม่ออกว่าเธอกำลังมีเด็กอยู่ในครรภ์“เอ้าทำไมไม่ใส่เดรสหลวมๆ” ผู้กำกับหนุ่มใหญ่บ่นเธอเรื่องการแต่งตัว“คุณพ่อคะ...นิจท้องไม่โตเลย เหมือนคนมีหน้าท้องแค่นั้น นี่ยังใส่กางเกงยีนส์หลวมนิดๆ ได้อยู่เลย”------------ณ เมืองไบรตัน ประเทศอังกฤษสุธนหรี่ตามองรูปร่างสาวน้อย เธอเป็นสาวบอบบางมาก ทำให้พรางรูปร่างได้ดี และช่วงระยะแรกเธอไม่มีอาการของคนท้องที่เรียกกันว่า morning sickness“ที่รัก...ไม่ใช่เป็นหาดทราย นี่เป็นหินกรวด เราเอาเสื่อยางไปปูนอนดูดาวริมหาดกัน” เธอถูกเปลี่ยนคำเรียกให้ดูแสนหวาน เขาขอร้องให้เธอเรียกเขาว่า darling หรือสามีที่รัก น่าจะเหมาะสมมากกว่าคำเดิมที่เรียกกันอยู่ทุกวัน“คุณพ่อ...อุ๊ย ขอโทษ...คุณสามีที่รัก นิจไม่ได้เป็นอะไรนะคะ เสื้อผ้าเราก็หนาพอไม่ให้หินตำได้หรอกค่ะ”“น่า...ผมถือไปเอง”ตอนใต้ของอังกฤษอากาศกำลังเย็นสบาย เขาและเธอใส่เสื้อผ้าบางออกมารับลมเย็นพัดจากทะเล เพื่อสูดโอโซนเข้าเต็มปอดทำให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์ ซึ่งส่งผลดีต
สานฝันด้วยกัน...ท่ามกลางราตรีประดับดาว---------------------------------------------คนึงนิจลาออกจากงานหลังจากกลับมาได้หนึ่งสัปดาห์ด้วยเหตุผลการดูแลครอบครัว น้อยหน่าแจ้งว่าสำนักงานใหญ่ส่งบอสฝรั่งคนใหม่มาแทนมาร์คุส และเสนอให้กลับไปเริ่มทำงานได้อีกครั้งถ้าเธอพร้อมแต่ทว่าเธออยากใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับเขา สุธนยังอยู่ในช่วงระยะพักฟื้นที่บ้านของแม่สุภา ย่างเข้าเดือนที่สามสภาพร่างกายของเขาเริ่มคืนกลับมาฟิตเหมือนเดิม ชายหนุ่มขอลาพักราชการเพิ่มอีกหนึ่งเดือน“ขอบใจมาก...ที่ดูแลผมจนหายดี” คนึงนิจสุขใจที่มีส่วนทำให้เขาฟื้นตัวเร็วขึ้น เธอพาเขานั่งรถเข็นชมท้องทุ่งรอบบ้านแม่ของเขาทุกเช้าเย็น มาบัดนี้สภาพร่างกายของเขาแข็งแรงฟิตจนได้ที่...กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ“เดือนหน้า...เราไปอังกฤษกันนะ” เขายังไม่ลืมสัญญา“ไป Brighton ผมชอบทะเล” เขาเคยบอกเธอว่าอยากใช้เวลาโรแมนติกกับท้องทะเล อยากให้ลูกมาเกิดที่นั่น“คุณพ่อคะ...นี่เกือบสามเดือนแล้ว คงหมดสิทธิ์ล่ะค่ะ”“ไม่เป็นไร...ผมทำได้ ไม่ต้องกังวล” เขาอมยิ้มมองหน้าเธอ“คืนนี้ ขอนอนดูดาวตรงระเบียงห้อง บอกทวีให้มายกเตียงเสริมไปวางที” สาวน้อยกุลีกุจอโทรไปบอกญาติผู้
ใจจะขาดแย่แล้ว ...ขอให้ฟื้นขึ้นมากอดคนที่รออยู่ ---------------------------------------------------ทันทีที่เครื่องบินแลนดิ้งสนามบินช่วงสายของวันใหม่ คนึงนิจรีบเช่ารถพร้อมโชเฟอร์ตรงไปยังโรงพยาบาลในตัวเมืองสุพรรณบุรีสาวน้อยหน้าตายับยู่ทั้งซีดเซียวไร้เครื่องสำอางแต่งแต้มถามอย่างลนลาน ทันทีที่เธอเห็นป้าสำเนียง“ป้าคะ...ผู้กำกับเป็นยังไงบ้างคะ เป็นยังไงบ้างป้า!!!”“อาการยังไม่ดีขึ้น...หลวงตาเพิ่งกลับไป” เธอเดินตามป้าสำเนียงไปยังห้องไอซียูอย่างหวั่นใจน้ำตาของเธอร่วงเป็นสายทันทีที่ป้าสำเนียงพยักหน้าให้ตามเข้าไปดูอาการ หญิงสาวมองไปที่เตียงคนไข้ แม่สุภานั่งฟุบหน้าอยู่ข้างเตียงลูกชาย“แม่คะ...นิจอยู่นี่แล้วค่ะ” เธอเดินเข้าไปกระซิบข้างหูแม่ของสุธนแม่ของชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้มากอดหญิงสาว แล้วโน้มตัวลงไปบอกลูกชายเบาๆ“สุธน... หนูนิจ กลับมาแล้วลูก...”“คุณพ่อคะ...นิจปลอดภัยนะคะ ขอบคุณมากค่ะที่ช่วยนิจไว้” เธอก้มลงไปกระซิบบอกเขาข้างหูทั้งสามคนจำต้องเดินออกมาจากห้องคนไข้ พยาบาลกำลังตรวจสอบระบบการรักษาของชายหนุ่มตามแพทย์สั่งอยู่เป็นระยะ เขายังอยู่ในขั้นวิกฤตต้องเฝ้าระวังตลอดเวลา“หลวงตาว่ายังไ
คนที่เคยน่ารัก...กลับกลายเป็นคนร้าย ---------------------------------------มาร์คุสหัวเราะเสียงดังลั่น“Oh…oh amazing! ตื่นเต้นที่สุด ผมนึกว่าจะขอมากกว่านั้น” เขาพูดยังไม่ทันจบ โถมตัวเข้ากอดรัดฟัดสาวน้อยหน้าหวานผิวสีน้ำผึ้ง เธอคนนี้เป็นสเปกสาวเอเชียที่เขาใฝ่ฝันมาตลอด“บอสคะ...ฟังนิจยังไม่ทันจบเลย” เธอดิ้นจนหลุดออกมาจากวงแขนของเขา“ผมให้สองล้านเลย ไม่ต้องพูดมากเสียเวลา ผมอยากให้จบๆ ไป” เขาหรี่ตามองเธออย่างกับเป็นเหยื่อที่กำลังถูกขย้ำ“ไม่ใช่ค่ะ...นิจขอ หนึ่งล้าน...ดอลลาร์!!!” เสียงเน้นคำสุดท้ายทำมาร์คุสตาโตด้วยความโมโหสุดขีด เขาขว้างเสื้อสูทที่กำลังถอดออกใส่หน้าเธออย่างแรง“No patience!!! ความอดทนผมหมดไปแล้ว”เขาเดินเข้ามาใกล้ตรงที่คนึงนิจนั่งรออยู่ กำลังจะโน้มตัวลงมาเพื่ออุ้มเธอเข้าไปห้องนอนด้านใน“บอสคะ นิจขออย่างหนึ่ง จะให้เท่าไหร่ นิจไม่เกี่ยง ขออย่างเดียวให้เกียรติกันหน่อย นิจอยากดื่มไวน์ฉลองกัน อยากเมาก่อน...จะได้ทำใจได้” เธอตัดสินใจเพื่อความสบายใจของฝรั่งคนนี้“ดีมาก ขอผมโทรไปสั่ง room service นิจเข้าไปอาบน้ำรอผมก่อน”คนึงนิจรู้ดีว่าเขาคงอยากมึนๆ ไปกับเธอ บอสของเธอชอบให้เธอฝันไ
คุณค่าของคนไม่ได้ถูกตีราคาด้วยมายาแห่งเงินตรา------------------------คนึงนิจตกใจตื่นขึ้นมาช่วงใกล้สว่าง เธอสังหรณ์ใจสั่นว่าสุธนอาจไม่รอดในครั้งนี้ เธอมีความเชื่อตั้งแต่สมัยยังเด็ก ยายเธอเคยเล่าว่าการเสี่ยงทายถามเรื่องเดือดร้อน ให้เราตั้งจิตอธิษฐานขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เธอมีสิ่งเดียวที่สามารถนำมาใช้ได้คือ สร้อยคอลูกประคำทำด้วยเม็ดน้ำตาของพระศิวะ ซึ่งหลวงตาที่สุธนเคารพมอบให้มา เพื่อความสบายใจก่อนไปทำงานวันนี้ เธอจึงอยากถามความเป็นความตายของเขาคนึงนิจตั้งจิตกำสร้อยประคำแล้วขอผลลัพธ์การเสี่ยงทาย“หากคุณพ่ออาการดีขึ้น ขอให้เม็ดลูกประคำร้อนขึ้นที่ฝ่ามือ” เธอพร่ำถามคำถามอยู่นานเกือบ 10 นาที เม็ดลูกประคำไม่ตอบสนอง“หากคุณพ่อยังอาการไม่ดีขึ้น ขอให้ฝ่ามือร้อนจากเม็ดลูกประคำ” แค่ไม่ถึงอึดใจ ผลตอบสนองทันที คนึงนิจมือสั่นใจเต้นแรงเป็นห่วงอาการของสุธน เสียงสะอื้นจากกลางอกดังขึ้นทันทีเธอส่งข้อความไปที่แช็ตของเดฟ เขาตอบกลับมาว่าวันนี้เป็นเวรของ ‘เครก’ เดฟเขียนตอบกลับมาอีกว่าหน่วยสืบสวนกลางที่นี่ทราบแล้ว สุธนถูกลอบสังหารด้วยมูลเหตุของการสืบจับคนร้ายในขบวนการมาเฟียออนไลน์ก่อนเตรียมตัวไปทำงานเธอสวด
ฝ่ายหนึ่งอาการสาหัสปางตาย ฝ่ายหนึ่งถูกคุมคาม------------------------เมื่อเสียงรถบรรทุกดังไกลออกไปแล้ว จ่าแดงจึงรีบวิ่งออกจากแอ่งตมที่เป็นโพรงแคบๆ ใกล้ริมบึงที่มีบัวหลวงขึ้นอยู่เต็ม หากมองไกลๆ ในความมืดเหมือนปลักเลนเป็นหย่อมเป็นหย่อม ทำให้กลุ่มมือสังหารไม่ทันได้สังเกตลูกน้องของสุธนกระโดดข้ามคันนาถลามายังรถกระบะ ก้มมองหาเจ้านายไปรอบคันรถ เขาคิดว่าตอนนี้ชายหนุ่มน่าจะอาการสาหัสจนไม่ได้ยินเสียงเรียกชายกลางคนผู้นี้หน้าตาเต็มไปด้วยโคลนกระวนกระวายใจร้อนรุ่มกลัวว่าสุธนจะถูกลูกกระสุนจนเสียชีวิต เขาโบกมือเป็นสัญญาณให้รถที่กำลังแล่นบนถนนมองเห็น โชคดีว่ารถกระบะคันนี้หยุดข้างทางทันที ชายหนุ่มสองคนกระโจนลงคันนาแล้ววิ่งรี่ตรงมายังรถกระบะที่จ่าแดงกำลังมองหาร่างคนบาดเจ็บ หนุ่มฉกรรจ์ทั้งคู่ช่วยจ่าแดงยกรถเอียงไปด้านหนึ่ง จึงเห็นร่างชายหนุ่มนอนจมโคลนเปื้อนเลือดแดงฉาน ยังโชคดีที่หนึ่งหนุ่มรู้จักเพื่อนอาสาของหน่วยกู้ภัย จึงโทรเข้าไปหาหน่วยที่ใกล้ที่สุดมาช่วยนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลร่างของสุธนถูกส่งเข้าห้องผ่าตัดฉุกเฉินที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เขาถูกกระสุนปืนอาก้าถึงสิบนัด ลูกกระสุนนัดหนึ่งเข้าจุดสำคัญต