Share

9. พ้นมนต์ดำ

last update Last Updated: 2025-05-22 12:00:48

ด้วยศักดิ์ศรี...จะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ

------------------------

หลังจากกินข้าวเช้าที่บ้าน แม่สุภาเร่งให้สุธนพาคนึงนิจไปหาหลวงตาที่วัด แม่ของเขาไปด้วย แต่จะตามไปพร้อมป้าสำเนียงและทวี เธอรู้ว่าสุธนรู้จักหลวงตารูปนี้ดี เขาเคยมาบวชอยู่ที่วัดนี้ ท่านเป็นผู้มีอาคมขมังเวทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มเคยไปฝึกสายกรรมฐานแถวอีสานอยู่นับสิบปี ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเดิมแห่งนี้

“กราบนมัสการหลวงตา...ครับ” สุธนเข้าไปนั่งกับพื้นพร้อมคนึงนิจก้มลงกราบท่าน ขณะท่านมองมาทั้งคู่อย่างยินดี

“วันนี้...เราว่างหรือ” ท่านถามขึ้น

“ไม่ว่างหรอกครับ แต่ผมต้องมาจัดการตามที่หลวงตาสั่งโยมแม่ไป”

“เอ่อ...ไว้รอมากันให้ครบทุกคน หลวงตาจะเป่ามนต์เสกล้อมพวกเราไว้ทุกคน ไม่งั้นมันจะกลับมาเล่นงานทุกคนที่เข้าไปยุ่งกับอิหนูคนนี้” ท่านกล่าวเตือน

“โยม...ไม่นาน จะกลับมาหาหลวงตาอีก”

“ทำไมหรือครับ...”

“ไม่มีอะไร...จะกลับมา... หลวงตาต้องเรียก โยมผู้กำกับ” ท่านหัวเราะเสียงแห้ง

“โอ...จริงหรือครับ”

“ตอนนี้...มีใครเป็นใหญ่ในสน.ล่ะ”

“ยังไม่มีคำสั่งลงมาครับ...ผมรักษาการแทน” สุธนตอบ

“นั่นล่ะ...วิบากของโยมกำลังตามมา...ระวังด้วย อิหนูนี่อีก หลวงตาอยากให้โยมคนนี้ไปอยู่ไกลตัวโยมสักพัก” หลวงตาย้ำ

“แล้วจะให้เธอไปอยู่ที่ไหนล่ะครับ”

“ไปอยู่เมืองนอก...ก็ดีนะ” หลวงพ่อแนะนำ

“เดือนหน้า...นิจจะไปทำงานที่นั่นอยู่พอดี แล้วจะต้องอยู่นานแค่ไหนครับ” สุธนถาม

“สักสามเดือนได้ไหม...หลวงตาจะให้เม็ดประคำนี้เอาไปสวมไว้” ท่านโยนสร้อยคอทำด้วยลูกประคำเม็ดกลมโต เหมือนเมล็ดรุทรักษะ ซึ่งท่านเอ่ยนามนี้ว่าคือน้ำตาของพระศิวะ จะช่วยรักษานางจากปีศาจที่ยังคอยวนเวียนไม่ยอมห่างกาย

สักครู่ทุกคนตามมาสมทบจนครบหลวงตาจึงเริ่มพิธีให้มัคนายกจ้อยเอาสายสิญจน์ล้อมบริเวณกุฏิของหลวงตาทั้งหมดแม้กระทั่งช่องหน้าต่าง จากนั้นท่านจึงเอาด้ายมงคลที่ทำจากสายสิญจน์พิเศษโยนให้ทุกคนสวมหัวไว้ ก่อนเริ่มพิธีอาบน้ำมนต์ปัดเป่ามนต์ดำจากปีศาจร้าย ท่านให้สุธนและคนึงนิจนั่งอยู่ต่อหน้าคู่กัน ท่านให้มัคนายกเอาสายสิญจน์มามัดรอบตัวคนทั้งคู่ไว้จนแน่น แล้วเอาไข่ไก่ทั้งหมดที่เมื่อวานทวีไปซื้อมาสามสิบฟองมาวางตั้งไว้ในพาน แล้วร่ายคาถาอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง จากนั้นก่อนจะกะเทาะเปลือกไข่ออกทีละฟอง ท่านยื่นแต่ละฟองมาตรงหน้าของทั้งคู่ ท่านร่ายมนต์อีกสักพักแล้วจึงกะเทาะลงในชามใบโต ทุกคนมองอย่างตกใจไข่ทุกฟองเป็นน้ำเหลวสีดำส่งกลิ่นคลุ้ง ท่านเสกคาถาลงไปอีกครั้งเพื่อกันไม่ให้มันกลับเข้าไปเป็นพิษในร่างกายของทุกคนจากมนต์ดำของปีศาจ

“โยมนิจ...ต้องเอาสร้อยประคำคล้องไว้อย่าถอด อาบน้ำต้องใส่ตลอด” หลวงตาสั่งอย่าลืมเด็ดขาด

“ค่ะ...” เธอรับคำ

“โยมมีเคราะห์กับโยมสุธน ต้องไปอยู่ที่อื่นก่อน” ท่านโยนสายสิญจน์ให้เธอผูกข้อมือ สุธนช่วยเธอผูกข้อมือ และผูกที่ข้อมือของเขาด้วย

“เอาล่ะ...ทุกคนตั้งใจ หลวงตาจะอาบน้ำมนต์ให้ มานั่งรวมกันตรงหน้านี่” หลวงตาลุกยืนตักน้ำมนต์จากในถังสาดใส่ทุกคนจนหมดถัง มัคนายกเอาถังใหม่เข้ามาให้หลวงพ่อจนครบสิบถังจึงเสร็จพิธี ท่านเดินเข้าห้องเพื่อไปเปลี่ยนผ้าจีวรกลับออกมายืนต่อหน้าทุกคนที่เปียกปอนชุ่มทั้งร่าง และไล่ทุกคนให้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านแล้วกลับมาอีกครั้ง ท่านโยนสายสิญจน์ให้ทุกคนเอาคล้องคอไว้ห้ามถอดจนกว่าท่านจะบอกตอนจบพิธีอีกครั้ง

สุธนขับรถพาคนึงนิจและแม่สุภากลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนป้าสำเนียงนั่งรถของทวีลูกชายกลับไปบ้าน ทุกคนกลับมาอีกภายในครึ่งชั่วโมงเพราะหลวงตาท่านจะจำวัดตอนบ่ายสามโมงครึ่ง จึงเกิดฉุกละหุกวุ่นวายกับมัคนายกที่ต้องเตรียมเครื่องไหว้บูชาต่อองค์เทพพรหมที่หลวงตาสั่ง นอกจากดอกไม้ธูปเทียนแล้วยังมีเครื่องหอมกำยานเฉพาะกลิ่นเพื่อความเป็นสิริมงคลเวลากระทำพิธี

หลังจากหลวงตากระทำพิธีอยู่ ทุกคนได้ยินเสียงลมพัดตึงตังที่หน้าต่างของกุฏิ ท่านบริกรรมคาถาหลับตาสั่งให้ทุกคนสงบนิ่งห้ามตกใจ เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงลมที่พัดกระทบหน้าต่างหายไปและหลวงตาลุกยืนขึ้นเดินเสกคาถาเป่ากระหม่อมทุกคนล้อมไว้ไม่ให้ปีศาจร้ายกลับมาทำอะไรได้อีก ท่านบอกให้ทุกคนกลับไปสวดมนต์บทที่ท่านโยนกระดาษให้ทุกคืนก่อนนอน และอย่าอยู่นอกบ้านหลังเที่ยงคืนเด็ดขาดเป็นเวลาหนึ่งเดือน

“โยมสุธน...อาจอยู่นอกบ้านได้ แต่ห้ามออกนอกห้องนอนหลังเที่ยงคืน”

“ถ้าผมต้องทำงาน...จะทำยังไงครับ ให้จำไว้อย่าออกนอกห้องที่เราอยู่ไม่ว่าตรงไหน”

“หมายความว่า ถ้าผมต้องไปราชการไกล ต้องอยู่ในห้องพักเท่านั้นใช่ไหมครับ”

“นั่นล่ะ หลังเที่ยงคืนต้องอยู่ในที่กำบังเท่านั้น จำไว้นะ” หลวงตาย้ำอีกครั้ง

หลังจบพิธีทุกคนต่างแยกย้ายและเก็บบทสวดมนต์ไว้ไปสวดก่อนนอนและจดจำคำเตือนห้ามออกนอกบ้านหลังเที่ยงคืนหนึ่งเดือนตามที่หลวงตาย้ำ

“นิจ...ไปต่างประเทศ จะยังไงดี” เขาพูดขณะขับรถพาคนึงกลับบ้านของเขา

“นิจ...อยู่ในเครื่องบิน ไปถึงก็เช้าที่นั่นแล้วค่ะ” เธอบอกเขายิ้มๆ

“ไม่ต้องห่วง หนูจะทำตามที่หลวงตาเตือน”

“ผมยังห่วงอยู่ดี...หลวงตาท่านเก่งมาก สมัยผมบวชอยู่มีคนถูกผีเข้า ท่านทำพิธีไล่ผีจนออกไปไม่กลับมาอีกเลย แต่ต้องทำตามที่ท่านบอก”

“ค่ะ...นิจจะใส่สร้อยคอนี้ตลอดเวลา และจะไม่ออกไปไหนหลังเที่ยงคืน”

“บอกนายฝรั่งของหนูด้วยล่ะกัน”

“ค่ะ...จะเตือนเขา ไม่รู้เขาจะเชื่อแค่ไหน”

กลับมาถึงบ้านสุธนเห็นป้าสมใจยืนยิ้มต้อนรับสาวน้อย เธอกลับมาปกติเหมือนเดิมแล้ว แต่สุธนยังให้ป้าสมใจทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน เพราะเขาไม่ยังอยากให้นางกลับไป อยากให้อยู่ดูแลบ้านและช่วยเหลือคนึงนิจระหว่างที่เธอยังไม่กลับไปทำงาน ป้าสมใจยังสงสัยว่าเธอจะยังนอนเดียวกับสุธนหรือไม่ เขาสั่งว่ายังให้เธอนอนที่ห้องเขาก่อน คนึงนิจมีท่าอิดออดแต่ก็ตามใจชายหนุ่มเพราะไม่อยากให้เขาโกรธเคืองเธอเหมือนที่ผ่านมา ครั้งนี้เธอกลัวว่าช่วงกลางคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นเขาจะช่วยเธอได้ทันท่วงที

ตกกลางคืนคนึงนิจมีทีท่าเหมือนเคยก่อนที่ยังไม่ป่วย เธอรู้สึกระแวงทุกฝีก้าวเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาดูเตียงนอนของเธอที่วางอยู่ข้างเตียงใหญ่ของเขา

“ทำไมท่าทางรังเกียจผมรึ” เขาถามขำๆ

“โอ...ไม่ค่ะ” สีหน้าของเธอตกใจ

“หนูกำลังคิดอะไรเพลินๆ ...คุณพ่อเข้ามาหนูเลยตกใจค่ะ” เธอแก้ตัวแต่ไม่เนียน

“แหม...ไม่ใช่ตกใจ แต่กลัวผมซะ...วันนั้นยังวิ่งมากอดเอวแน่นอยู่เลย” คำพูดของชายหนุ่มทำเธอหน้าแดง

“หนูกลัวนี่คะ...”

“ผมน่ากลัวกว่าตุ๊กตาอีกนะ...” เขาหัวเราะเสียงดัง

“ไม่ค่ะ...คุณพ่อใจดี” เธอรีบปฏิเสธกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอคืนนี้

“ไม่ต้องกลัว...ศักดิ์ศรีตำรวจ ผมจะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ” เสียงหนักแน่นของเขาทำให้เธอเบาใจ

“สัปดาห์หน้านิจจะไปทำงานแล้วนะคะ ต้นเดือนจะเดินทางไปเรื่องงานกับเจ้านายค่ะ”

“ผมทราบแล้ว...” เขายิ้มกริ่ม

“อยากรู้ว่า ถ้าไปกับผม จะรู้สึกยังไง”

“ไปทำงานค่ะ...” เธอแย้ง

“ไม่ผมถามว่า ถ้าไปกับผมในฐานะสามี...จะรู้สึกยังไง” เขาถามตรงประเด็นทำเธอสะดุ้ง

“ไม่ทราบ...” เธอนอนหันหลังไปอีกทาง แล้วเฉยไม่รู้จะตอบยังไง ได้ยินเขาหัวเราะอยู่ในลำคอ

ก่อนที่เธอจะเคลิ้มหลับไป สุธนเอ่ยขึ้นลอยๆ แต่ทำหัวใจของหญิงสาวแวบๆ อย่างบอกไม่ถูก

“ไม่อยากกอดผมเหมือนคืนก่อนหรือ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ผู้สาวสายฝอ   9. พ้นมนต์ดำ

    ด้วยศักดิ์ศรี...จะไม่ทำอะไรเด็ดขาดถ้าเธอไม่ยอมรับ------------------------หลังจากกินข้าวเช้าที่บ้าน แม่สุภาเร่งให้สุธนพาคนึงนิจไปหาหลวงตาที่วัด แม่ของเขาไปด้วย แต่จะตามไปพร้อมป้าสำเนียงและทวี เธอรู้ว่าสุธนรู้จักหลวงตารูปนี้ดี เขาเคยมาบวชอยู่ที่วัดนี้ ท่านเป็นผู้มีอาคมขมังเวทตั้งแต่สมัยยังหนุ่มเคยไปฝึกสายกรรมฐานแถวอีสานอยู่นับสิบปี ก่อนจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดเดิมแห่งนี้“กราบนมัสการหลวงตา...ครับ” สุธนเข้าไปนั่งกับพื้นพร้อมคนึงนิจก้มลงกราบท่าน ขณะท่านมองมาทั้งคู่อย่างยินดี“วันนี้...เราว่างหรือ” ท่านถามขึ้น“ไม่ว่างหรอกครับ แต่ผมต้องมาจัดการตามที่หลวงตาสั่งโยมแม่ไป”“เอ่อ...ไว้รอมากันให้ครบทุกคน หลวงตาจะเป่ามนต์เสกล้อมพวกเราไว้ทุกคน ไม่งั้นมันจะกลับมาเล่นงานทุกคนที่เข้าไปยุ่งกับอิหนูคนนี้” ท่านกล่าวเตือน“โยม...ไม่นาน จะกลับมาหาหลวงตาอีก”“ทำไมหรือครับ...”“ไม่มีอะไร...จะกลับมา... หลวงตาต้องเรียก โยมผู้กำกับ” ท่านหัวเราะเสียงแห้ง“โอ...จริงหรือครับ”“ตอนนี้...มีใครเป็นใหญ่ในสน.ล่ะ”“ยังไม่มีคำสั่งลงมาครับ...ผมรักษาการแทน” สุธนตอบ“นั่นล่ะ...วิบากของโยมกำลังตามมา...ระวังด้วย อิหนูนี

  • ผู้สาวสายฝอ   8. ต้องมนต์ดำ...คำสาป

    เพราะสายลมนี้ทำให้ฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง------------------------รุ่งขึ้นแม่สุภาพาคนึงนิจสาวน้อยที่นางคิดว่าเธอต้องถูกหมอดูเสกคาถาใส่ทำให้เธอกลายเป็นคนสติไม่อยู่กับตัว“กินข้าวแล้ว แม่จะพาเธอไปพบหลวงตาที่วัด” แม่ของสุธนพูดกับเขาเสียงเบา ไม่อยากให้สาวน้อยของเขาได้ยิน“ครับ...ฝากแม่ดูแลเธอด้วยนะครับ” เขายังดูกังวลกับเธอ“แม่จะให้สำเนียงไปด้วย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยแม่ดูแล” แม่เขาดูกังวลเช่นกัน“ขอบคุณครับ วันนี้ผมมีประชุมทั้งวัน เสร็จงานจะรีบกลับมา อาจค้างที่นี่อีกคืนถ้าถึงดึก”แม่ไปเรียกป้าสำเนียงข้างบ้านให้มาอยู่เป็นเพื่อนคนึงนิจ ส่วนนางรีบโทรไปหามัคนายกที่ดูแลปรนนิบัติหลวงตา โชคดีที่วันนี้หลวงตาไม่มีกิจนิมนต์ เธอจึงรีบพาสาวน้อยออกจากบ้านให้หลานชายลูกป้าสำเนียงขับรถไปส่งหลวงตามองดูสาวน้อยที่เดินตามสุภาเข้ามานั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าท่าน ขณะเธอกำลังก้มลงกราบท่านจึงทักขึ้นทันที“โยม...พานางหนูนี่มาทำไม...”“อิฉันเห็นว่า อาการมันแปลกๆ คะ หลวงตา”“ลูกสาวโยมรึ” ท่านมีสีหน้ากังวล“ไม่ใช่ค่ะ...เป็นแฟนของลูกชาย”“จะอยู่ที่นี่นานไหม...ต้องทำพิธีถอนมนต์ดำ” ท่านบอกกับสุภา“ให้พ่อหนุ่มไปเอาไข่ไก่มา..

  • ผู้สาวสายฝอ   7. อยากกอดคนนั้น

    แผงอกอุ่นนี้...จะให้ไอรักซึมซาบเข้าไปในหัวใจเธอ...สักวัน------------------------คนึงนิจสาวน้อยนอนกอดสุธนตั้งแต่เธอยังไม่หลับจนหลับไปจนถึงรุ่งเช้า หนุ่มใหญ่เช่นเขาเริ่มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมาสองสามวัน ไปทำงานก็ยังคิดถึงเป็นห่วงเธอ กังวลว่าเธอจะเป็นอะไรมากกว่านี้ไหม บางครั้งต้องให้จ่าแดงคนสนิทที่รู้เรื่องส่วนตัวของเขามากกว่าทุกคน โทรมาหาป้าสมใจคอยถามเรื่องอาหารการกินและอาการของเธอ เขาพยายามบอกให้ป้าสมใจหลอกล่อให้เธอกินยาตามที่หมอสั่งเช้าวันนี้เขารู้สึกไม่อยากไปทำงาน แต่อยากพาสาวน้อยคนนี้ไปเที่ยวนอกเมืองแถวบ้านเดิมของเขาก่อนเข้าตัวเมืองจังหวัดสุพรรณบุรี พาเธอไปพบแม่ของเขาที่อายุค่อนมากแล้ว ท่านอยู่กับหลานสาวอายุสิบเจ็ดปี“หนูนิจ วันนี้ไปเที่ยวกันนะ” เขาเอ่ยปากชวนระหว่างกินข้าวมื้อเช้าด้วยกัน“เหรอคะ...ที่ไหน” เธอแต่งตัวสวยเหมือนพร้อมออกบ้าน“ไปบ้านแม่ผม...ไม่ไกลจากนี่สักหนึ่งชั่วโมงก็ถึง ไปทานข้าวบ้านแม่ ท่านทำอาหารอร่อยนะ” เขาเอ่ยชวนเธอ“ดีจังค่ะ...”“ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ชุดนี้สวยดีแล้ว” เขาบอกเธอ และหันไปสั่งป้าสมใจให้ขึ้นไปเอายาลงมา เขาจะเอาไปด้วย“หนูต้องทำอะไรบ้าง เวลาเจ

  • ผู้สาวสายฝอ   6. ใครคนนั้น

    จะกลายเป็นเพื่อนใจตัวร้าย...ในวันที่เธอหายดี------------------------น้อยหน่าทำเรื่องลางานให้คนึงนิจส่งไปที่ฝ่ายบุคคล และคนที่ลงชื่ออนุมัติคือมาร์คุส ซึ่งเป็นผู้บริหารของบริษัทที่เธออยู่ใต้สายงานโดยตรง มาร์คุสสงสัยว่าทำไมสาวน้อยที่มีภารกิจต้องดูแลประสานงานกับลูกค้าช่วยเขา ไม่มาทำงานวันที่สองแล้ว“ให้คุณชนากานต์ขึ้นมาพบผมตอนบ่ายสามโมง” เขาสั่งเลขาให้ตามน้อยหน่ามาพบเพื่อสอบถาม“คุณชนากานต์ลาช่วงบ่ายแล้วค่ะ บอส” เลขาตอบเขา“โทรหาเธอเลย”เลขาติดต่อน้อยหน่าได้แล้วโอนสายให้เขา...“คุณนิจเป็นอะไรไม่มาทำงาน ลาพักร้อน” เขาถามด้วยความสงสัย เพราะมีงานหลายอย่างที่ยังคั่งค้าง“เธอไม่สบายค่ะ บอส”“เป็นอะไร...มากหรือ” เขาพูดภาษาไทยได้ชัดเจน เพราะอยู่ที่นี่เกือบห้าปี“บอสอยากไปเยี่ยมไหมคะ”“เธออยู่บ้านตรงไหน ส่งโลเคชั่นมาให้ ผมจะให้คนขับรถไปดูพรุ่งนี้”รุ่งขึ้นสุธนฝากให้ป้าสมใจดูแลเรื่องอาหารการกิน เขาบอกให้สั่งจากร้านในหมู่บ้านมาส่งไม่ต้องทำกับข้าวให้ลำบาก เขามีภารกิจประชุมเรื่องคดีสำคัญทั้งวัน จึงไม่มีเวลาที่จะโทรสอบถาม แต่สั่งให้ป้าโทรกลับไปถ้าเธอมีอาการผิดปกติมาร์คุสนายใหญ่ของคนึงนิจให้คนขับรถไ

  • ผู้สาวสายฝอ   5. ฝันกระเจิง

    ทำหัวใจกระเจิง-------------------สุธนมองจ้องหน้าคนึงนิจสาวน้อยนัยน์ตาคมขนตาเป็นแพยาว ผิวสีน้ำผึ้งของเธอขับกับรูปใบหน้าเหลี่ยมจมูกมีสันเล็กน้อย แก้มแดงเรื่อๆ องค์ประกอบบนใบหน้าของเธอได้รูปเป็นสาวยุคใหม่ที่สวยสะอาง แต่ตอนนี้สติของเธอไม่ได้เรื่องได้ราวไปเสียแล้ว เขาเกิดความกลัวจนไม่น่าเป็นไปได้ พื้นอารมณ์ที่นิ่งสุขุมของเขาจากอาชีพและอุปนิสัยแต่เดิมนั้น ทำให้เขาไม่เคยหวาดกลัวอะไรมาก่อนเท่านี้ หรือเป็นเพราะเขาเริ่มใกล้ชิดเธอในความสัมพันธ์เพียงแค่สามเดือนที่ผ่านมาเขาตัดสินใจเขียนข้อความไปในแช็ตถึงน้อยหน่าเพื่อนของเธอ“ผมอยากขอให้คุณช่วยลางานพักร้อนให้นิจได้ไหมครับ”“ค่ะ...จะลองถามฝ่ายบุคคลดูก่อนนะคะ”“พรุ่งนี้จะแจ้งคุณนะคะ”เขาต้องหาคนมาอยู่เฝ้าเธอ ท่าทางแบบนี้ไม่น่าไว้ใจแล้ว เขาจึงโทรขอให้ป้าที่ทำความสะอาดในสำนักงานช่วยหาคนมาดูแลเธอด่วน“นิจ...ผมจะหาคนมาเฝ้าคุณนะ” เขาบอกเธอ วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน สั่งงานทางออนไลน์“ไม่ต้องค่ะ คุณพ่อ นิจดูแลตัวเองได้ค่ะ” เธอยังรู้สึกว่าเธอไม่ได้เป็นอะไร“ไม่ได้...ถ้าเป็นอะไรไป ผมแย่เลย”เขากลัวว่าเธอเกิดเพ้อเจ้อทำร้ายตนเองขึ้นมา เขาจะรู้สึกผิดและไม่แน่ว่

  • ผู้สาวสายฝอ   4. เรื่องจริง (หรือฝัน)

    เธอพบเขาในฝัน-------------------สองสาวตกใจเมื่อหญิงสาวอายุประมาณสามสิบวิ่งถลันออกมาจากห้องด้านในที่เป็นห้องพบแพทย์“คุณ!...หมอยังไม่ทันตรวจ เป็นอะไร” หมอตามออกมาหน้าตาตกใจ“ไม่ค่ะ...ฉันกลัว” หญิงสาวคนนี้วิ่งเข้ามากอดคนึงนิจแน่นไม่ยอมปล่อย แม้หมอจะให้ผู้ช่วยในคลินิกมาช่วยกันพูดก็ตาม“คุณ...ไม่ต้องกลัวนะ” คนึงนิจเสียงเบากำลังจะเป็นลม ใจเต้นหวาดผวาไปด้วยแล้วน้อยหน่าต้องรีบประคองเพื่อนสาวที่ถูกผู้หญิงที่ส่งเสียงร้องกรี๊ดกอดเอาไว้แน่น เธอตกใจเช่นกันว่าเกิดเรื่องอะไรที่แปลกประหลาดขนาดนี้“เฮ้ย...นิจ อย่าหลับเชียวนะ ฉันกลัวอ่ะ” น้อยหน่าตบหน้าคนึงนิจเบาๆน้อยหน่าเรียกหมอให้เข้ามาดูว่าเพื่อนของเธอเป็นอะไร“ผมจะตรวจดูก่อน...ช่วยประคองเพื่อนคุณเข้าไปห้องตรวจข้างใน เร็วนะ” หมอเร่งให้ผู้ช่วยในคลินิกสองคนมาช่วยน้อยหน่า“เพื่อนคุณเป็นลม ชีพจรเต้นเบา คงต้องฉีดกลูโคส” หมอจัดเตรียมยาฉีดให้เพื่อนสาว ส่วนผู้หญิงคนที่ร้องกรี๊ด ถูกผู้ช่วยในร้านพาเธอไปนอนพักที่ห้องตรวจอีกห้องเพื่อรอญาติมารับกลับ“คุณหมอคะ ผู้หญิงคนที่ร้องกรี๊ดเธอเป็นอะไรคะ” น้อยหน่ายังสงสัย จึงถามขึ้น“เธอประสาทหลอน ญาติพามาตรวจ แล้วออกไ

  • ผู้สาวสายฝอ   3. จิตแตกกระเจิง

    หลอน...มู...จนขาสั่น จิตกระเจิง--------------------------------“สะ...สะ เสียงดังกังวาน...ออกมาจาก หะ...หัวกะ...กะ...โหลกนั่น...” คนึงนิจหันไปกอดกับน้อยหน่าหลับตาปี๋ เสียงเบาตะกุกตะกัก“บอกแล้วไม่ต้องกลัว...พ่อปู่สื่อวิญญาณอยู่” ลุงหมอดูเดินเข้ามาจับหัวสาวทั้งสอง และตบหลังพวกเธอเบาๆเอาล่ะสิ...คนึงนิจสะดุ้งขาสั่น ขนใต้ผิวหนังตั้งชันเหมือนจับไข้ น้อยหน่าเหงื่อแตกด้วยความกลัว สองสาวยังกอดกันค่อยเขยิบก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ“ห้ามออกไปจากห้องเด็ดขาด...เข้ามานั่งพับเพียบตรงหน้าพ่อปู่” ชายชราหมอดูเสียงเปลี่ยนเป็นห้าวก้อง หน้าตาจากที่เหี่ยวแห้งกลับดูเป็นหนุ่มมีพละกำลังเขานั่งลงในท่าขัดสมาธิหลับตาลง สองสาวมองหน้ากันอยากวิ่งออกไปแต่ประตูห้องดันถูกปิดจากด้านนอก พวกเธอจำยอมค่อยๆ หย่อนตัวลงนั่งพับเพียบกับพื้น ก้มหน้าไม่ยอมมองตรงไปข้างหน้า กลัวพวกหัวกะโหลกแยกเขี้ยวอยู่เต็มห้อง มองไปทางไหนเหมือนกำลังจ้องมาที่พวกเธอ“วิธังเสติ ......” พ่อปู่ร่ายคาถายาวไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆ และยกมือทำท่าเหมือนโปรยคาถาครอบคลุมไปทั่วห้อง“โอม...นะมะจิตตัง...ยะจับใจ ...พุทธะหลงใหล...” เสียงของผู้เฒ่าหน้าทารก ณ บัดนาวด

  • ผู้สาวสายฝอ   2. ปัดวิบากกรรม

    ปัดวิบาก...ตัดกรรม-----------------------สุธนเดินเข้าไปในห้องนอนของคนึงนิจ มองสำรวจไปรอบๆ เห็นตุ๊กตาหล่นอยู่ที่พื้นหนึ่งตัว ซึ่งเป็นตัวเดียวกับเมื่อวานที่เขามอบให้เธอ เขาเดินไปหยิบขึ้นมาและมองจ้องเปิดดูเสื้อผ้าที่ใส่เป็นเดรสสีชมพู หน้าตาของตุ๊กตายิ้มสวยกว่าอีกตัวที่เธอเพิ่งเอามาด้วยซ้ำ เขาคิดว่าน่าจะเป็นตัวนี้ที่ส่งเสียงกรี๊ดจนเธอตกใจรีบทิ้งลงพื้นแล้ววิ่งออกมากอดเขา“ไม่เห็นมีอะไรเลย...นิจ เข้ามาดูสิ ผมอุ้มขึ้นมากอดอยู่” เขากอดตุ๊กตาไว้ที่อกตะโกนออกมา แต่ไม่ได้ยินเสียงของเธอ เลยเดินออกจากห้องเพื่อเอาไปให้ดูว่าไม่มีอะไร“ไม่ค่ะ...นิจ ขอคืนให้คุณพ่อนะคะ” สาวน้อยแทบไม่อยากมองมันเลย“หนูว่า...คงจริงอย่างที่พ่อปู่เตือน” คำพูดเธอทำให้สุธนสงสัย“มีอะไร...รึ”“ลุงหมอดูเตือนว่าหนูมีเคราะห์ และไม่ควรอยู่ที่บ้าน”“อย่างมงาย...”“แล้วตุ๊กตานี่ไปได้จากที่ไหนมาคะ...” เธออยากรู้“ผมไม่รู้ เพราะลูกน้องใน สน. มอบให้ผู้กำกับ แต่ท่านไม่เอา ดันมาวางไว้บนโต๊ะผม” เขามองหน้าสาวน้อยส่ายหัว“ไว้เข้า สน.พรุ่งนี้ผมจะถามพวกนั้นดู”“แล้วจะให้ผมเอาไปไว้ไหนดี...” เขามองเธออย่างไม่เข้าใจ แต่จะพยายามเอาใจเพื่อให้เธ

  • ผู้สาวสายฝอ   1. วิชามาร

    อวิชชา...วิชามาร หรือ อะไรกัน--------------------------------ช่วงเย็นเลิกงานน้อยหน่ารีบมาที่โต๊ะของคนึงนิจได้เวลาห้าโมงตรงเผง แล้วทั้งคู่รีบออกจากตัวตึกข้ามไปฝั่งตรงข้ามสั่งอาหารจานเดียวมากินอย่างเร่งรีบ เพราะเพื่อนเธอบอกว่าบ้านหมอดูอยู่ไกลแถวนอกเมือง น่าจะแถวๆ บ้านของคนึงนิจ เส้นทางเลยออกไปทางบางบัวทองทั้งสองไปถึงค่อนข้างค่ำมากเกือบทุ่มเศษ บ้านไม้สองชั้นเก่ามากตัวบ้านน่าจะเกินสามสิบปี น้อยหน่าจับมือคนึงนิจอย่างไม่แน่ใจ“เฮ้ย...ไหนๆ มาถึงแล้ว มันจะถอยไม่ได้นะ” เธอบอกน้อยหน่าแบบใจกล้า แต่ในใจก็ตื่นเต้น หน้าตาของบ้านเหมือนบ้านผีสิง“นี่ถ้ามาคนเดียว ฉันหนีก่อนเลย ไม่กล้าลงจากรถอ่ะ” น้อยหน่าทำหน้าหวาดกลัว“ใครแนะนำ...”“ป้าฉันนะสิ...”ทั้งสองคนโผล่หน้าเข้าไปก่อน ขณะที่คนข้างในเปิดออกมาพอดี ข้างในเป็นโถงกว้างมีคนกำลังรออยู่แล้วสามคน หนึ่งในสามกำลังเข้าไปทำพิธีอยู่“โห...นี่มูกันแบบสุดๆ เลยว่ะ” คนึงนิจมองพิธีแบบเสกคาถาร่ายภาษาที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน“นั่นดิ...เข้าท่าไหม กลัวเสียเงินฟรี”“ไม่ลองไม่รู้”และแล้วผู้ชายแต่งตัวแบบพราหมณ์ห่มผ้าสีขาวผ้านุ่งแบบโจงกระเบน กวักมือเรียกสองคน“อีหนูสองค

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status