คนที่โดนกล่าวถึงฉีกยิ้มออกไป เป็นไงเป็นกัน คิดเสียว่าเป็นรางวัลเลี้ยงน้องตัวเองที่เรียนจบก็แล้วกัน ...
ชายหนุ่มคิดให้กำลังใจตัวเอง ไม่ใช่ว่าไม่มีเงิน แต่เงินสดที่ติดกระเป๋ามาน่ะมันมีไม่กี่พัน ก็น้องดันไม่บอกว่างานนี้มีเพื่อนเยอะนี่น่า
เฮ้อ ... งานนี้คนหล่อเหงื่อตก
“ไม่เอาหรือบี”
ธาริณียื่นแก้วค็อกเทลสีฟ้าใสให้เพื่อนรัก แต่ก็โดนปฏิเสธอย่างนิ่มนวล
“ไม่ดีกว่า ขอน้ำส้มก็พอ”
ร่างบางเอ่ยพร้อมเอียงหลบ เมื่อคนที่เอ่ยชวนยื่นแก้วแตะริมฝีปากเธอไปแล้ว
“ก็ได้ ไม่เห็นจะง้อเลย”
ดึงแก้วกลับ เอ่ยน้ำเสียงงอน ๆ หันไปยังอีกคน และไม่ต้องสงสัยงานนี้ต้องมีคนเมาเป็นแน่ เพราะสภาพที่เห็นทุกคนรินน้ำอำพันดื่มกินเหมือนน้ำเปล่าเลยทีเดียว
อนาธิปที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ เหลือบมองและแอบยิ้มอยู่ในใจ เมื่อเห็นว่าสาวสวยทุกนางและเพื่อนผู้ชายไม่กี่คนในกลุ่ม ไม่เว้นแม้น้องสาวของเขาเองก็กินของที่มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ทุกคน แต่คนเดียวที่ไม่แตะต้องเลยก็คือมนธิรา
ทำไมรู้สึกพอใจมนธิรานักนะ ... หล่อนไม่เหมือนกับน้องสาวเขาสักนิด ไม่ว่าจะเป็นท่าทางห้าว ๆ การแต่งตัว ต่างกันลิบลับ รสนิยมก็ต่างกันราวฟ้ากับดิน อีกคนหวานหยดแต่อีกคนเปรี้ยวจนเข็ดฟัน แต่ก็เป็นเพื่อนรักกัน
การหยอกเย้าที่แหย่กันไปมาในเรื่องอดีต ยกมาเป็นเสียงหัวเราะไม่ขาดสาย และหลายชั่วโมงผ่านไป ตอนนี้รู้สึกว่าบางคนเริ่มออกอาการเมาเล็ก ๆ เมื่อรับแอลกอฮอล์เข้าไปเต็มที่
มนธิราเริ่มนั่งไม่ติด เมื่อเข็มนาฬิกาบนข้อมือมันบ่งบอกว่าได้เวลากลับบ้านแล้ว แต่คนที่พามาไม่มีท่าทีอยากกลับเหมือนหล่อนเลย อันที่จริงงานนี้หล่อนบอกปฏิเสธเพื่อนไปแล้วว่าไม่อยากมา แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อมีบางอย่างทำให้หล่อนตัดสินใจใหม่อีกครั้ง
สถานที่แบบนี้มันไม่เหมาะกับผู้หญิงอย่างหล่อนเลย ถึงจะไม่ได้ทำอะไรเสียหายตรงไหนก็ตาม แต่คนอย่างหล่อน มันไม่มีโอกาสเหมือนคนอื่น ๆ หรอก เพื่อนทุกคนล้วนแต่เป็นลูกคนรวย มีอิสระ แต่ทุกคนไม่เคยรังเกียจหล่อนกลับรักและคบเธอเหมือนเพื่อนคนอื่น ๆ หากตอนนี้หล่อนยังอยู่กับพ่อ หล่อนจะมีโอกาสพบเพื่อนแบบนี้ไหม ...
แต่ยังไงซะ คนที่ให้โอกาสนี้แก่หล่อน ก็คือเขาอีกนั่นแหละผู้ชายที่มองดูเย็นชาต่อหน้าหล่อน แล้วต่อหน้าคนอื่นล่ะ ... เมื่อคิดอย่างนั้นหล่อนรีบสลัดความคิดนั้นทิ้งเพราะเวลานี้เพื่อนเท่านั้นที่จะทำให้หล่อนลืมเรื่องบางเรื่องลงได้
เสียงหัวเราะเฮฮาเรียกสายตาของคนรอบข้างได้ดี ยิ่งได้อาการเมานิด ๆ ของพวกชายหนุ่มทำให้โต๊ะเรียกสายตาคนรอบข้างได้ดีทีเดียว
“โต๊ะตรงข้ามไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”
เมรีที่นั่งลงได้ไม่นาน เสียงหัวเราะจากโต๊ะใหญ่ถัดออกไป มันดังเข้าหูเมรี จนหล่อนอดค่อนขอดให้ชายหนุ่มที่นั่งใกล้ ๆ ฟังไม่ได้
ชายหนุ่มเห็นด้วย หันมองไปยังคนกลุ่มใหญ่นั้น แต่ในที่แบบนี้ใครเข้ามาก็ต้องทำใจไว้ หากมัวคิดเล็กคิดน้อยอาจเกิดเรื่องขึ้นได้ ชายหนุ่มคิดได้แบบนั้นก็ไม่สนใจเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นนาน ๆ สักครั้ง
ธาริณีที่รู้สึกกำลังหลุดโลกเมื่อเห็นเพื่อน ๆ โยกย้ายส่ายสะโพกตามเสียงเพลงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเร้าใจ เวลาล่วงเลยไปเสียงเพลงและจังหวะโดน ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาเพื่อให้นักเที่ยวยามราตรีได้หาความสำราญกันอย่างสุดเหวี่ยง
“บีลุกขึ้น!”
“ไม่เอาณี ฉัน ... ฉันไม่กล้า”
ร่างบางแข็งขืนเมื่อเพื่อนรักดึงให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง แล้วส่งสายตาอ้อนวอน ที่บ่งบอกว่า หล่อนน่ะไม่กล้าเสี่ยงเต้นแร้งเต้นกาได้หรอก และที่แน่ ๆ หล่อนเต้นไม่เป็น ...
“อะไรของแกวะ แค่นี้ก็ไม่กล้า”
เพื่อนรักบอกน้ำเสียงหงุดหงิด โดยมือเรียวยังเกาะมือเพื่อนรักอย่างเหนียวแน่นเป็นตังเม
“แต่ยังไงซะ! ฉันก็ไม่ยอม”
ว่าแล้วหล่อนก็ดึงเพื่อนรักออกไปจนได้ โดยมีสายตาของผู้เป็นพี่ชายมองตามอย่างเหนื่อยใจกับท่าทีน้องสาวของตัวเอง
นี่แหละหนานิสัยของยายณี ... คิดพลางก็ส่ายหน้า นึกสงสารคนที่ถูกน้องสาวฉุดกระชากออกไปอย่างเอ็นดูระคนเห็นใจ
เมื่อคนที่โดนบังคับ(จิตใจ) ออกมายืนรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ ที่วาดลวดลายการเต้นอยู่ เห็นว่าณีเอาตัวบีออกมาได้ ก็โห่ร้องอย่างถูกใจ เรียกสายตาของผู้คนรอบข้างได้ดี
ไม่เว้นแม้ธาดาและเมรีที่นั่งจิบไวน์ต้องหันไปดู
“ไม่มีมารยาท!”
เมรีเหยียดปากอย่างดูถูกเต็มที่
แต่อีกคนกลับนั่งเงียบ มองภาพกลุ่มที่ส่งเสียงเฮฮานิ่ง แต่เมื่อมองชัดอย่างตั้งใจในแสงไฟสลัว พลันสายตาสะดุดกับหญิงสาวร่างบางสมส่วน ที่ดูจะผิดแปลกไปจากสาว ๆ ในกลุ่มเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นท่าทางที่ดูขัดเขินไม่ยอมโยกย้ายส่ายสะโพกเหมือนคนอื่น ๆ และดูเหมือนว่าหญิงสาวและผู้ชายหลายคนดูจะสนใจเธอคนนั้นเป็นพิเศษ...
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย