ขึ้นชื่อว่าดอก มันต้องเริ่มต้นด้วยการหว่านเมล็ดพืชลงไป กว่าจะได้ดอกผลที่ต้องการ แฉกเช่น ‘ธาดา รัตรังสรรค์’ จับต้องทุกอย่างคือธุรกิจ และหล่อน ‘มนธิรา’ คือธุรกิจอย่างหนึ่ง ที่เขาหว่านพืชลงไปนั้น ย่อมหวังผลตอบแทนที่ได้รับกลับมาอย่างคุ้มค่า ‘ร่างกายและความหอมหวานในกายสาวเขาย่อมอยากได้และครอบครอง’
View Moreณ ประเทศอังกฤษ ห้องสี่เหลี่ยมที่ประดับด้วยเครื่องใช้สมัยใหม่ บ่งบอกถึงฐานะและความเป็นอยู่ของเจ้าของห้องได้ดี และห้องนี้น้อยคนนักที่จะได้ย่างกรายเข้ามา นอกจากสาวสวยที่เขาควง และเต็มใจขึ้นเตียงโดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ เท่านั้น และใช่ว่าเจ้าของห้องจะมั่วจนไม่เลือกว่าหญิงที่เขาควงมาจะผ่านศึกมามากแค่ไหนก็รับหมด นั่นไม่ใช่นิสัยชายหนุ่มอย่างเขา ผู้หญิงที่ควงทุกคนจะต้องมีที่มาที่ไป โดยเฉพาะผู้หญิงที่กำลังปรนเปรอไฟสวาทที่กำลังลุกโหมอยู่ในขณะนี้
สาวผมทองร่างอวบอั๋น ทรวดทรงไหวสะท้านยามขยับโยกย้ายอยู่บนร่างแกร่งมันทำให้กายหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนไฟสุม กำลังรอลุ้นว่าเมื่อไหร่สาวร่างอวบจะพาตนไปถึงแอ่งน้ำเพื่อดับไฟราคะที่กำลังโหมเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่ายามเธอขยับโยกขึ้นและกระแทกเข้าหาความเป็นชายที่ชูชันรอการตอบรับอย่างไม่ลดละ
มือหนาทำหน้าที่กอบกุมสิ่งที่ไหวสะท้านขึ้นลงตามแรงจังหวะที่เจ้าของขยับโยกลงมา ริมฝีปากหนาได้รูปตอบรับโดยการครางเสียงต่ำ ๆ อย่างพอใจ เขาลากไล้สัมผัสกอบกุมบั้นท้ายเด้งงอนพร้อมกับกดขยำจนเกิดรอยนิ้วมือ ผิวเนื้อเนียนถูกฟอนเฟ้นกดขยำไปด้วยแรงกระหาย ก่อนจะเลื่อนมือหนากอบกุมหน้าอกที่ใหญ่จนล้นมืออีกครั้ง
“คุณใหญ่”
เสียงครางกระเส่าตอบรับสัมผัส ไม่ต่างกับชายหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมองเพดาน สายตาพร่าพราว ครางต่ำ ๆ เป็นการตอบรับในการตอบสนองกับสิ่งที่หญิงสาวกระทำอยู่
หล่อนถึงฝั่งฝันเขารู้ คนช่ำชองจึงพลิกร่างที่กำลังอ่อนปวกเปียกให้อยู่ด้านล่าง ก่อนจะยื่นมือหยิบสิ่งป้องกันที่วางไว้ในลิ้นชักหัวเตียงแล้วฉีกซองสวมใส่ทันที
ในเมื่อเขายังไปไม่ถึงที่หมาย เกมนี้เขาเป็นฝ่ายควบคุมอีกครั้ง เพื่อจะไปถึงที่หมายตามผู้หญิงที่นอนแผ่หลา มีเหงื่อผุดพรายทุกอณูบนร่างกายอวบงามของคนเจ้าเนื้อ แต่แน่นไปด้วยเนื้อหนังที่ผ่านการดูแลเป็นอย่างดี
“คุณใหญ่”
เสียงพร่าเอ่ยรับกับการถูกทักทายครั้งใหม่
“ไม่ดีเลยทาร่าที่ชิงไปก่อน”
เขาต่อว่าด้วยสายตาและน้ำเสียงที่ยังแหบโหยด้วยอารมณ์
“ผมต่อจนกว่าจะจบนะครับ”
เขายิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมขยับเข้าออกช้า ๆ
“คุณ ...ใหญ่ ...”
เสียงแหบพร่าสะอึกสะอื้นเรียกหา พร้อมกับเสียงครางต่ำ ๆ ที่ดังผสานกันอย่างต่อเนื่อง โดยมีจังหวะของเนื้อกระทบเนื้อดังผสานเป็นทำนองผสานกันอย่างลงตัว ความซาบซ่านปนเสียวเริ่มต้นอีกครั้ง โดยครั้งนี้คนที่มีร่างกายแกร่งเป็นคนคุมเกมทั้งหมด
“คุณใหญ่จะกลับเมืองไทยจริงๆ หรือคะ”
สาวผมทองใบหน้าอวบอิ่มเอ่ยถาม เมื่อจัดการสวมเสื้อผ้าให้กับตัวเองเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว มือที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตหยุดชะงัก
“รู้ด้วยหรือครับว่าผมจะกลับเมืองไทย”
ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะเขาไม่ได้เอ่ยเรื่องนี้กับใครนอกจาก ... ผู้ร่วมหุ้น
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น เมรีเป็นคนบอกทาร่าเองค่ะ”
สาวสวยเอ่ยบอกเหมือนรู้ใจชายหนุ่มดีว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ผมลืมไปว่าคุณเป็นเพื่อนสนิทกับเมย์”
เขาเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้
เมย์เป็นสาวสวยอีกคนที่ตามติดเขาอย่างไม่ลดละ แต่เพราะหล่อนเป็นลูกสาวเพื่อนร่วมหุ้นส่วนในเครือที่ตั้งรากฐานอยู่อังกฤษนานพอๆ กับที่เขาและทาร่าหญิงสาวที่เขาชอบพอพาขึ้นมานอนด้วย เพราะเป็นเพื่อนรักกันกับเมย์ทำให้เขารู้ประวัติของผู้หญิงคนนี้ได้ไม่ยาก และเมื่อหล่อนเสนอตัวเข้ามาให้เขาได้ปลดปล่อยความต้องการทางธรรมชาติ ของกันและกันโดยไม่มีข้อผูกมัดใด ๆ จึงคบหาหล่อนไว้ ...
“เมย์บอกทาร่าค่ะ ว่าจะไปเที่ยวเมืองไทยกับคุณด้วย จริงหรือเปล่าคะ?”
สาวสวยเอ่ยถามสีหน้าอยากรู้
แม้จะไม่ได้หวังอะไรในคำถามนั้น แต่ก็อยากรู้ว่าเพื่อนรักอย่างเมรีจะโกหกตัวเองหรือเปล่า เพราะเท่าที่รู้เพื่อนของตนก็ชอบชายหนุ่มเช่นเดียวกัน แต่ก็เก็บความรู้สึกแปลกใจเอาไว้ว่าเพราะเหตุใดชายหนุ่มจึงยอมเลือกที่จะมีอะไรกับเธอแทนจะเป็นเพื่อนสาวที่ดูจะสนิทสนมกันดีกว่าเธอด้วยซ้ำ
“หรือครับ ผมเองก็เพิ่งจะรู้จากทาร่านี่แหละ”
รู้สึกไม่ชอบใจ หากเมรีหรือเมย์จะตามเขาไปจริง ๆ แต่ถึงอย่างไรเขาคงปล่อยให้หล่อนตามติดเขาไปตลอดไม่ได้...
เท้าเรียวงามแกว่งไปมาในสระน้ำใส ทำให้เกิดคลื่นน้อย ๆ สีหน้าเหม่อลอย ความเย็นที่ซึมซาบเข้าผิวหนังบอบบางไม่อาจทำให้หัวใจของสาวสวยอย่างมนธิรารู้สึกเย็นตามไปด้วยได้เลย หัวใจที่เหมือนหมดอาลัย หัวใจที่สับสนทุกข์ระทม นั่งคิดอะไรอย่างเหม่อลอย
กี่ปีที่ตัวเองได้ผ่านพ้นชีวิตอันน่ารันทดของผู้พ่อที่กระทำต่อลูกสาวแท้ ๆ ของตนเอง คงไม่มีครอบครัวไหนอีกแล้วที่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ขายได้แม้กระทั่งลูกในไส้
ครอบครัวที่เคยอบอุ่น มีพ่อ แม่ ลูกอันเป็นที่รัก ต้องมาเปลี่ยนไป หลังจากที่แม่เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน พ่อที่เคยทำงานเพื่ออุทิศแรงกายและแรงใจทำงานไม่เคยย่อท้อไม่เคยเอ่ยปากบ่น กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ กินเหล้าเมายา แถมติดการพนันอย่างไม่น่าเชื่อ บางวันข้าวสารกรอกหม้อก็ยังไม่มี ทำให้เด็กหญิงร่างผอมบางต้องอดมื้อกินมื้อ
แล้ววันแห่งความปวดร้าวก็ก้าวเข้ามา ทำให้เด็กสาววัยสิบสี่อย่างหล่อนต้องระหกระเหิน สู่บทเรียนบทใหม่ในชีวิต รับเอาชะตากรรมที่กำลังเล่นงานโดยไม่รู้ตัว แค่วันเวลาเดินผ่านไปในแต่ละวันดูแสนยาวนาน โดยมีความหวังน้อยนิด คิดไว้ว่าสักวันมันอาจจะเป็นความจริงขึ้นมาบ้าง ตอนนี้หล่อนแค่หวังให้ผู้เป็นพ่อกลับมารับเธอกลับไป แต่การรอคอยก็ดูเลือนรางเต็มที สิบปีแห่งการรอคอยมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีแม้เงาผู้ให้กำเนิด มันช่างเจ็บปวดและทรมานใจยิ่งนัก ...
เจ้าสาวกวาดตามองไปทั่วด้านหน้าแล้วโปรยยิ้มหวานออกมาเหมือนถูกใจกับคนด้านล่างเวที“ณี”เจ้าสาวบนเวทีที่เอ่ยเรียกเบาๆ อย่างดีใจ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเรียกนั้น แต่ก็สื่อความหมายกันเข้าใจ ตาสบตา แล้วหันหลังให้กลุ่มสาวๆ ด้านล่างเวที กุหลาบสีแดงช่องามในมือเรียวถูกยกขึ้น พร้อมย่อเข่าลงเล็กน้อยสองสามครั้งเพื่อหยั่งน้ำหนักของในมือไปในตัว ก่อนจะส่งแรงเหวี่ยงไปทางด้านหลังทันทีช่อกุหลาบลอยละลิ่ว พร้อมเสียงวี้ดว้ายร้องด้วยความตื่นเต้นของสาวสวยทั้งหลายถูกปล่อยออกมา มีเพียงสาวสวยในชุดเกาะอกยาวระพื้นที่ไม่ได้กรีดร้องเหมือนคนอื่น สายตาจับจ้องช่อดอกไม้สีสดที่ลอยอยู่กลางอากาศ มือเรียวถูกยกขึ้นพร้อมกับรอรับอย่างรู้จังหวะ“ว้าย!”เธอกรีดร้อง โดยมือคว้าช่อกุหลาบงามไว้ได้อย่างเหมาะเหม็ง แต่เธอไม่ได้ทุ่มสุดตัว หากแต่ลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ...สาวสวยที่ชวดช่อกุหลาบถึงกับเบะปากก็มี แต่บางคนก็ยิ้มเจื่อน ๆ มองผู้หญิงที่โชคดีได้ช่อกุหลาบ แต่ ... ไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายน่ะสิทุกคนเริ่มถอยออกห่าง บางคนกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังยืนตะลึงค้าง แต่ภาพที่เห็นมันชัดเจนว่าคนที่รับช่อดอกไม้ได้ ล้มลงไปนอนแอ้งแ
ชายหนุ่มส่งเสียงคราง ร่างกายตึงเขม็ง อุ้งมือหนากำลังบีบเคล้นคลึงที่ทรวงอกจนล้นปลิ้นไปตามซอกนิ้วยาวแกร่ง ก่อนจะเปลี่ยนจากมือหนากลายเป็นปากหนานุ่มดูดกลืนบัวตูมที่กำลังชูช่อเด่น ดูดดึงซ้ายทีขวาทีจนหญิงสาวต้องบิดร่างกายส่ายไปมาเหมือนต้องการขับไล่ความเสียวซ่านให้บรรเทาเบาบางลง“คุ ... คุณใหญ่ บีไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”ร่างบางเอ่ยบอกเสียงกระเส่า สั่นสะท้าน หัวใจหวามหวิว เมื่อมือข้างหนึ่งกำลังลูบคลำไปยังส่วนล่างของบ่อน้ำหวาน ใช้นิ้วสะกิดยอดแหลมกลางกลีบกุหลาบที่กำลังแย้มบานถี่รัว ขาเรียวแยกออกจากกันอย่างลืมตัว สะโพกมนยกส่ายไปมารอรับเชิญชวนให้อีกคนเติมเต็มชายหนุ่มผละตัวออกห่างจัดการช่วงกลางลำตัวที่กำลังปวดร้าว ยกสะโพกผายที่เปิดอ้าอย่างท้าทายสอดแทรกความใหญ่โตเข้าเติมเต็มในกลีบกุหลาบที่กำลังชุ่มฉ่ำเสียงหวานกรีดร้องเบา ๆ ยามที่เจ้าสิ่งนั้นถูกเจ้าของสอดแทรกเข้าไป ก่อนจะขยับเนิบช้าและเพิ่มความเร็วขึ้น ทุกสัมผัสขยับกายในแต่ละครั้ง มีเสียงครางสุขสมขับกล่อมเป็นเสียงดนตรีไพเราะรุกเร้าเข้าหากันอย่างไม่ขาดตอนชายหนุ่มพ่นลมหายใจรู้สึกอึดอัดกับความคับแน่น ถอนกายแกร่งออกมาแล้วกระแทกเข้าไปใหม่ ขยับกระแทกเข้าอ
ร่างหนาลืมเรื่องชวนปวดหัวก่อนหน้านี้เสียสนิท ก้าวเท้าไปยังเตียงนุ่มหมายจะจัดการความร้อนในกายด้วยร่างกายที่กำลังนอนหลับอยู่ เขาก้มตัวไปหาร่างบาง มือหนาเอื้อมจับไหล่บางก่อนจะลากมือสาก ๆ ไปตามแขนเรียวงามอย่างปรารถนา“อือ ...”ร่างบางคราง สะบัดไหล่เหมือนรู้สึกรำคาญกับการถูกรบกวนเมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มรู้สึกตัว คนหน้ามึนจัดการก้มกระซิบข้าง ๆ หู“บีฉันรักเธอนะ และรักลูกของเราด้วย”แม้คนที่นอนอยู่จะครึ่งหลับครึ่งตื่นหรือไม่ ชายหนุ่มก็รู้เขินอายกับการกระทำของตัวเอง“อื้อ ... จริงหรือคะ”เสียงหวานเอ่ยออกมาเบา ๆ เหมือนคนละเมอ ชายหนุ่มมองใบหน้าหญิงสาวนิ่ง สังเกตว่าหล่อนยังหลับตาอยู่ แต่เหมือนหล่อนจะตอบสนองกับคำพูดของเขาได้ดีตกลงหล่อนหลับแล้วละเมอ หรือหล่อนแกล้งหลับกันแน่ ... ชายหนุ่มไม่แน่ใจ ยื่นมือหนาจับปลายคางมนอีกครั้งแล้วขยับไปมาจนหน้าหวานหันไปตามแรงขยับ ท่าทางของคนหลับทำให้ชายหนุ่มถอนหายใจคนอะไรหลับก็ยังตอบคำถามได้ ...เมื่อตั้งใจว่าจะบอกรักให้คนหลับฟังไม่ได้ผล ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นและเดินอ้อมเตียงไปอีกด้าน ทรุดตัวลงนั่งเต็มแรงจนเตียงยวบไปตามน้ำหนัก ทอดกายลงนอนแทรกไปใต้ผ้าห่มผืนหนาที่มีร่างบาง
คำบอกกล่าวที่เอ่ยยาวจนคนที่ฟังอยู่ รู้สึกเหมือนกำลังฟังครูบรรยายเหตุการณ์อะไรสักอย่างอยู่หน้าห้องที่ยาวนานมาก แต่คำพูดสุดท้ายมันทำให้ความรู้สึกนั้นพลันหายไปวินาทีถัดมา มันทำให้สมองเบลอร่างกายเบาโหวงเหมือนกำลังล่องลอยไร้แรงโน้มถ่วงของพื้นโลก แต่แล้วแรงสั่นสะเทือนทั้งหมดก็ไปกองอยู่ที่หน้าอกด้านซ้าย หญิงสาวถึงกับเซเข่าอ่อนมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ โดยหญิงสาวก็คว้าแขนแกร่งไว้เช่นกัน“คุณใหญ่ ... ไม่จริงใช่ไหม คุณใหญ่แกล้งบีใช่ไหม?”เสียงเบาแหบแห้ง สีหน้าไร้ความรู้สึกตื่นเต้นใด ๆ เอ่ยถามคนตัวโต“ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริง”ชายหนุ่มยืนยันสีหน้าจริงจัง รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาหวังไว้อย่างน้อย ๆ หากเขาเอ่ยประโยคสำคัญออกไป หญิงสาวคงดีใจโผเข้ากอดเหมือนผู้หญิงหลาย ๆ คนที่ถูกคนรักขอแต่งาน จะต้องกระโดดกอดคอและหอมแก้มคนรักอย่างที่ควรจะเป็น แต่นี่ผู้หญิงที่เขาขอแต่งงานกลับเหมือนคนไร้ซึ่งความรู้สึก“หากเพราะคิดจะรับผิดชอบในสิ่งที่ทำมา และไถ่โทษด้วยการขอผู้หญิงแต่งงานโดยปราศจากความรัก คุณใหญ่ เก็บคำนั้นเอาไว้เถอะ”หล่อนพูดถึงประโยคขอแต่งงาน“บี ... ที่พี่พูดมาทั้งหมดมันชัดเจนแล้วนะว่าพี่ต้องการบี แล้วบีจะ
ใบหน้าขาวนวลกลายเป็นแดงซ่าน อยากข่วนหน้านั้นให้หายหล่อแต่ก็ได้แค่คิด เมื่อเห็นสายตาของผู้เป็นพ่อยิ้มเหมือนรู้ความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มดีหล่อนไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้ หากมีพื้นที่ที่ให้หล่อนได้แทรกกายหนี หล่อนอยากจะแทรกหายไปซะเดี๋ยวนั้นนิพาหันสบตากับสามี ถอนหายใจเบา ๆ แม้จะไม่ค่อยชอบใจท่าทางของชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของจนออกหน้าออกตาทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแต่งการด้วยซ้ำ แต่กลับมาประกาศจะนอนห้องเดียวกับหญิงสาวเสียอย่างนั้น แต่เมื่อเห็นสามีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับการกระทำของชายหนุ่ม นางจึงปล่อยเลยตามเลยไป“เสร็จแล้วขึ้นห้องเลยไหม ป้าจะพาไป”น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยถามลูกเลี้ยงสาว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังมองนางอยู่เช่นกัน เหมือนอยากให้อีกคนเอ่ยชวนตัวเองด้วย แต่นางก็ไม่ได้ตอบสนองสายตานั้น แล้วก็จริงดังคาด เมื่อชายหนุ่มทำสีหน้าเหมือนคนผิดหวัง“ตามขึ้นไปพร้อมกันเลยครับคุณธาดา เดี๋ยวผมจะให้เด็กเอาชุดนอนผมไปให้ คุณคงพอใส่ได้”เสียงทุ้มของว่าที่พ่อตา ทำเอาชายหนุ่มที่หน้าหุบหันขวับไปมอง ปากหยักหนาได้รูปฉีกยิ้มกว้างทันที พร้อมพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบสองหญิงต่างวัยหันมาส่งค้อนให้คู่ของต
ความเป็นห่วงลูก รู้สึกโกรธเจ้าของรถคันนั้นยิ่งนัก“ไปดูสิว่าใคร”เสียงทุ้มเอ่ยสั่งคนขับรถที่ยืนดูอยู่อีกฝั่งของรถออกไป คนถูกสั่งทำตามทันทีแสงไฟจากหน้ารถของคันที่วิ่งเข้ามาใหม่กระทบกับสายตาทำเอาหล่อนกับพ่อต้องหรี่ตาและเอามือป้องหน้าเอาไว้สองพ่อลูกมองหน้ากันด้วยความแปลกใจ แต่ลักษณะของรถมันดูคุ้นๆ สำหรับหญิงสาว“คุณใหญ่!”เสียงแหลมเล็กเอ่ยอย่างตกใจปรับสีหน้าจากที่ตกใจเมื่อครู่กับการมาของชายหนุ่มให้กลับสู่สภาพปกติ“มาได้ยังไง...?”เสียงหวานเอ่ยถามทั้ง ๆ ที่ยังมึน ๆ อยู่“ก็ขับรถตามมา ไม่เห็นแปลก ...”ตอบทำสีหน้าขรึม เหมือนอยากให้อีกคนรู้ว่าเขากำลังไม่พอใจกับการกระทำของหล่อนอยู่“แล้วก็มารับบีกลับไร่ด้วย”ใบหน้าเรียบตึงกว่าเก่าพร้อมกับคำพูดเฉียบขาด ไม่อยากให้หล่อนรู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่เห็นหล่อนในสภาพปลอดภัย“บีไม่กลับ”ขยับกระชับอ้อมแขนกอดผู้เป็นพ่อแน่นขึ้น“เชิญคุณใหญ่กลับไปคนเดียวเถอะ”ปากบางเอ่ยไล่ หล่อนไม่คิดจะเสียใจกับคำพูดที่ได้ยินมาอีกแล้ว เพราะหล่อนเสียน้ำตาไปมากและย้ำกับตัวเองเสมอว่าต้องมีสักวันมันจะต้องลงเอยแบบนี้ และหล่อนคิดว่าหล่อนทำถูกแล้ว“ได้ไง บีไม่กลับ ผมก็ไม่กลับ”เสีย
ร่างบางหยุดชะงักเมื่อนึกอะไรได้“คุณพ่อนอนอยู่โรงพยาบาลไม่ใช่หรือ”เสียงหวานเอ่ยถาม พร้อมคิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน“ใช่ ... แต่พ่อก็ออกไล่หลังหนูนั่นแหละ ... ไป เราไปคุยกันต่อในรถดีกว่า ตอนนี้น้ำค้างเริ่มลงแล้วละ”ผู้เป็นพ่อเอ่ยก่อนจะประคองลูกสาวตรงไปยังรถที่ประตูที่ถูกเปิดอ้ารออยู่แสงไฟหน้ารถคันงามส่องให้คนในรถมองเห็นภาพด้านนอกได้ชัดเจน แม้จะอยู่ในระยะที่เขาบีบแตรและคนด้านนอกจะได้ยิน แต่เขาก็ไม่ต้องการให้หล่อนรู้จึงชะลอความเร็วลง รอให้รถคันนั้นออกไปก่อนและเขาจึงค่อยขับตามไป... มนธิรา เธอก็ร้ายใช่ย่อยนะ ปล่อยให้เขาเป็นห่วงแทบตายดันหนีออกมารอพ่ออยู่หน้าปากทางเข้าไร่เขานี่เอง แม้จะเป็นเส้นทางส่วนบุคคล แต่ที่เห็นหล่อนยืนอยู่มันใกล้ถนนใหญ่ที่มีรถสัญจรไปมาพลุกพล่าน หากมีเหตุร้ายหรือถูกใครทำร้าย เขาจะทำยังไง ... ชายหนุ่มกลั้นความรู้สึกโกรธในความกล้าบ้าบิ่นของหญิงสาวไม่ได้“ได้ตัวกลับมาเมื่อไหร่ละน่าดู ...”ชายหนุ่มยกยิ้มรู้สึกดีขึ้นเป็นกอง แม้จะไม่พอใจกับการกระทำของหญิงสาวอยู่ แต่หล่อนก็เลือกที่จะไปหาอ้อมกอดผู้เป็นพ่อแทนที่จะคิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งก่อนท่ามกลางความมืดที่มีแสงส่องผ่านนาน ๆ
ท่ามกลางแสงไฟบนท้องถนน ในยามพลบค่ำที่พอให้เห็นเส้นทางและผู้คนที่ขับรถผ่านไปมา ร่างที่กำลังพะอืดพะอมพยายามพาหัวใจที่กำลังบอบช้ำเดินลัดเลาะตามเส้นทางที่เล็กและรกพอควร หล่อนไม่ต้องการเดินบนถนนใหญ่เพราะจะง่ายในการที่คนจะพบเจอ ตอนนี้หล่อนไม่อยากให้ใครมาเจอหล่อน ไม่ว่าคนที่รู้จักหรือคนสัญจรไปมา ร่างบางแทรกเข้าไปนั่งคุดคู้อยู่ใต้พุ่มไม้เตี้ย หยิบสิ่งของกำไว้ในมือ จ้องมองสิ่งนั้นนิ่งอย่างชั่งใจและครุ่นคิดพ่อคะ หวังว่าคุณพ่อจะมารับบีทันเวลานะคะ ... หัวใจเจ็บปวดครวญถึงผู้เป็นที่พึ่งพิงในยามนี้เครื่องสื่อสารในมือถูกกดโทรออก“พ่อคะ ... บีเองค่ะ ... มารับบีได้ไหมคะ ... บีอยู่หน้าปากทางเข้าไร่กาแฟคุณธาดา ... ค่ะ ... คุณพ่ออย่าช้านะคะ ... บะ ... บีกลัว”เสียงสั่นเครือเอ่ยขาดเป็นห้วงๆ ก่อนกดวางสายและเก็บสิ่งนั้นในมือกลับเข้าที่ กอดกระชับโอบไหล่ตัวเองอย่างรู้สึกสับสน พร้อมกับเสียงสะอื้นที่ส่งผ่านออกมาจากปากบางอย่างต่อเนื่องโชคดีที่หล่อนรับนามบัตรที่พ่อยื่นให้ตอนที่คุยกันที่เตียง โดยไม่มีใครเห็นและหล่อนรีบเก็บไว้กลัวผู้ชายเอาแต่ใจจะสงสัย เพราะหล่อนไม่อยากปวดหัวกับการถูกซักถามของคนตัวโต ไม่อย่างนั้นห
สายตาจริงจังต้องการคำตอบผู้เป็นแม่ คนเป็นน้องได้แต่นั่งรอลุ้นจนตัวโก่ง ไม่เอ่ยความคิดเห็นใด ๆ“แม่ไม่ต้องการ ...”น้ำเสียง แววตาฉายแววไม่พอใจ คนที่ได้ยินรู้สึกชาไปทั้งตัว ความรู้สึกผิดหวังและเสียใจมันทำให้ตัวเองเหมือนคนเลวที่ทำร้ายอีกคนจนกระอักเลือด แต่กลับไม่อาจทดแทนสิ่งที่ทำลงไปได้แล้วสุดท้ายเขาจะเลือกทำเพื่อใคร ...?“แม่ ...”ชายหนุ่มครางออกมาเบา ๆ รู้สึกเบาโหวงลอยคว้าง ไร้หลักพักพิง เคยคิดไว้ว่าจะพาความฝันของตัวเองให้ถึงจุดหมาย แต่ไม่ทันได้เอื้อมสัมผัสพลันหลักนั้นก็ถูกถอดถอนโดยเจ้าของเสียก่อนใบหน้าหล่อเหลาหมองลง ก้มหน้านิ่งไม่กล้าสบตาผู้เป็นแม่ ความรู้สึกผิดหวังกระชากความรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาเข้ามาในความรู้สึก หวนคิดถึงผู้หญิงที่นอนอยู่ในห้องหล่อนก็ไม่ต่างอะไรกับตนเองที่กำลังถูกชะตาเล่นงานตอนนี้ เขาเริ่มรับรู้ความรู้สึกที่ต้องถูกห้ามในสิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็ยังซ้ำเติมหล่อนให้เจ็บปวดกับสิ่งที่หล่อนไม่ได้ก่อเพิ่มขึ้นอีกอาชารู้สึกตกใจในคำพูดของผู้เป็นแม่ คราแรกที่เห็นพี่ชายตัวเองเอ่ยประโยค แม่ครับ แม่เชื่อใจผมสิครับ บางครั้งผู้หญิงที่เราคิดว่าพร้อมไปเสียทุกอย่างทั้งฐานะทางสังคม แ
Comments