เซียหยาล้างถั่วแดงที่แช่ไว้ตั้งแต่ยามเย็นตั้งใจทำไส้ขนมให้กับอ๋องน้อยเทียนเฟย แต่ก็เอามาใช้เสียก่อน เซียหยานำถั่วแดงเม็ดใหญ่มาใส่หมอต้มถึงตอนนี้ก็หยิบเอาลำไยแห้งในโถมาโรยลงไปบนหม้อที่กำลังเดือดๆไม่นานกลิ่นหอมอ่อนของถั่วแดงเคี่ยวช้าๆ กับลำไยตากแห้งก็อบอวลไปทั่วห้อง เซียหยาควบคุมไฟอย่างเชี่ยวชาญ ใส่น้ำตาลกรวดลงไปในบริมาณที่แม่นยำ ก่อนตักใส่ถ้วยกระเบื้องขาวสะอาด แล้วประดับด้วยเก๋ากี้สีแดงสด“เรียบร้อยแล้ว รับไปเสีย…ในนามของเจ้าก็แล้วกัน”หยางชินอวี้รับถาดด้วยมือที่แผ่วเบา ใจหนึ่งรู้สึกผิดอีกใจหนึ่งกลับยินดีราวกับคว้าชัย หยางชินอวี้มองหน้าเซียหยาแล้วกระซิบเบาๆ“ขอบใจ…เจ้าเป็นคนเดียวที่ข้ายังพึ่งได้ในตอนนี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ลืมแต่นั้นเจ้าเองก็ต้องสัญญาว่าเรื่องที่ข้าให้เจ้าปรุงของหวานจะต้องเป็นความลับเช่นกัน พรุ่งนี้ข้าจะสั่งคนให้นำทองคำหนึ่งชั่งมอบให้มารดาเจ้าที่บ้าน พอมารดาเจ้ามาพบเจ้าอีกครั้ง เจ้าก็ลองถามนางดู”เซียหยาไม่ตอบ ดวงตานิ่งสนิทของนางยังไม่หลุบลงจากเปลวไฟในเตา แต่ในแววตานั้น…มีบางสิ่งที่ซ่อนอยู่ บางทีอาจเป็นความรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องอยู่เบื้องหลังเงาของผู้อื่น หรือไม่…ก็อาจเป็นเ
เขาเอื้อมมือช้าๆ จากชายเสื้อคลุมยื่นของสิ่งหนึ่งให้กับเสี่ยวหนี่ หนังสือเล่มหนึ่ง หนาปกกระดาษสาเก่าๆ แต่ผูกเชือกไหมสีครามไว้อย่างประณีต กลางปกมีอักษรโบราณสลักไว้ว่าหนี่ฮวาเสี่ยวหนี่ขมวดคิ้วรับหนังสือไว้ในมืออย่างลังเล ความหนักของมันคล้ายบรรจุบางอย่างที่มากกว่าหมึกและกระดาษ เสี่ยวหนี่เงยหน้ามองชายแปลกหน้า พลันเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา“แล้วข้า…เป็นใครกันแน่ในเรื่องทั้งหมดนี้”ชายลึกลับมองเสี่ยวหนี่แล้วเอ่ยเบาๆ ได้ยินกันแค่สองคน“ลาที…ที่ไม่ใช่ลาก่อน แล้วพบกันใหม่”จากนั้นก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างช้าๆ …เขาก็หายลับไปกับเงาไม้ใต้แสงจันทร์ เสี่ยวหนี่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น หนังสือในมือเหมือนจะสั่นสะท้านเบาๆ มืออีกข้างกำชายเสื้อแน่น ใจเต้นแรงจนหูอื้อเสียงของอวี่หรงและอันหรูที่อยู่ไม่ไกลนั้นเบาลงไปในสายลม เสี่ยวหนี่ไม่อาจละสายตาจากหน้าหนังสือเล่มนั้นและไม่อาจละความคิดจากคำพูดสุดท้าย“ลาทีที่ไม่ใช่ลาก่อน…แล้วพบกันใหม่”นั่นหมายความว่ายังมีเรื่องที่ยังไม่จบและ….ภายในตำหนักหลวงยามราตรีนั้นเงียบสงัดมีเพียงแสงตะเกียงจางๆสะท้อนบนโต๊ะไม้ข้างกายของหยางลี่หยางลี่เอนกายลงเล็กน้อย ดวงตาทอดมองความว่างเปล่า ริมฝ
เสียงครึกครื้นของงานยังดังแว่ว เสี่ยวหนี่นั่งรินชาให้อวี่หรงกับอันหรูด้วยรอยยิ้มบางเบาแต่ในใจกลับสงสัยอยู่เงียบๆเสี่ยวหนี่จึงเอ่ยถามในที่สุด“ว่าแต่...องค์ชายรองมาที่เมืองโจวได้อย่างไรหรือเจ้าคะ”อวี่หรงกระดกชาขึ้นจิบก่อนจะยิ้มกว้างอย่างภูมิใจ“ข้ามาร่วมพิธีแต่งตั้งไท่จือของแคว้นซีเป่ยน่ะสิ โจวชัวน่ะสหายข้าเจ้าลืมแล้วหรือ อีกอย่าง...พี่ข้าเป็นคนส่งทัพลับให้งานแต่งตั้งไท่จือลุล่วงไปด้วยดี ข้าก็เลยถือโอกาสมาเยี่ยมบ้านโจวเสียหน่อย ใจจริงก็หวังว่าจะได้พบเจ้านั่นแหละ”เสี่ยวหนี่พยักหน้าเบา ๆ แววตาอบอุ่นอย่างซาบซึ้งอวี่หรงยกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ แล้วพูดเสียงดังขึ้นนิด“แปลกจริง...เจ้าไม่ถามถึงพี่ชายข้าบ้างเลยหรือไง”เสี่ยวหนี่ชะงัก ชาในถ้วยเริ่มเย็นเฉียบเงยหน้าขึ้น ยิ้มจางๆ แล้วหลบตา“ข้า...แค่หญิงบ้านป่า จะถามถึงฝ่าบาทก็คงไม่เหมาะนักหรอกเจ้าค่ะ”เสียงนั้นเหมือนกล้ำกลืนบางอย่างไว้ในลำคอ...อวี่หรงมองเสี่ยวหนี่นิ่ง แล้วแกล้งถอนหายใจดังๆ“เฮ้อ...ได้ยินหรือยังอันหรู นางยอมรับแล้ว ว่ารู้จักมักคุ้นกับพี่ใหญ่ของเรา”องค์หญิงสิบสี่ที่กำลังกัดขนมหวานอยู่เบิกตากว้าง แก้มกลมๆ ของนางแดงร
อวี่หรงทำยิ้มหน้าบานทันที“อ้าววววว โอ๊ย เจ้านี่เองงงง สหายของข้า ออกจากวังหลวงมาทำไมไม่บอกกันเลย”อวี่หรงกอดคอเสี่ยวหนี่อย่างสนิทสนม เสี่ยวหนี่หน้าบูดบึ้ง“องค์ชายรอง เจ้าแกล้งข้าอีกแล้วใช่ไหม ข้าจะหยิกหูให้ขาด”“องค์ชายรอง องค์ชายรองหรอกรึนี่ แย่แล้วองค์ชายรอง”ผู้คนที่รุมล้อมต่างพากันถอยห่าง คนผู้นั้นที่กำลังจะวางหมัดรีบประสานมือทำความเคารพทันทีเสียงหัวเราะจากอันหรูดังพอดี ชายคนหนึ่งในร้านก็โพล่งถามด้วยความสงสัย“จริงรึคุณหนูรองนี่คือองค์ชายรองกระนั้นหรือ” เสี่ยวหนี่ยิ้ม“องคืชายรองตัวจริงเสียงจริงคนเป็นๆ ไม่เชื่อข้าให้พวกท่านมาหยิกเขาดูเขาเจ็บจริง” ผู้คนเริ่มพูดกันต่างๆ นานา“เช่นนั้นเรื่องที่โขมยสูตรจากวังหลวงนั่น”อวี่หรงยืดตัวลุกขึ้นยืน ท่าทางองอาจแต่ยังยิ้มร่าจงใจส่งเสียงดังทั่วร้าน“ข้าขอถอนคำพูด ความผิดทั้งหมดเป็นของข้าเองที่เข้าใจผิด แม่ครัวมือหนึ่งของวังหลวงที่ข้าพูดถึงน่ะ...ก็คุณหนูเสี่ยวหนี่ผู้นี้นี่เอง”เสียงฮือฮาดังขึ้นจากแขกที่ล้อมโต๊ะ“อะไรนะ จริงรึ”“แม่ครัวมือหนึ่งในวังหรือ”อวี่หรงเดินวนรอบโต๊ะ พูดเสียงดังฟังชัด“นางเคยเป็นเพียงนางในฝึกหัดในวังหลวงก็จริง แต่ในงาน
แดดยามสายอาบไล้ทั่วถนนสายหลักของเมืองโจว แสงสีทองเปล่งปลั่งสะท้อนผ่านป้ายไม้สลักลวดลายคำว่า บ้านโจว โจวรสเด็ด ที่แขวนไว้หน้าโรงเตี๊ยมใหม่เอี่ยมเสียงชาวบ้านจอแจลั่นเมือง“วันนี้เปิดโรงเตี๊ยมใหม่บ้านโจวนะ ไปกันเร็วเถอะ ได้ยินว่ามีอาหารเลี้ยงทั้งหมู่บ้าน”“เห็นว่ามีข้าวอบหม้อดินจานยักษ์ด้วยนะ แล้วผงปรุงรสที่เขาเรียกกันว่า โจวรสเด็ด นั่นก็กำลังแจกตัวอย่างฟรี”ผู้คนแต่งชุดหลากสี พากันหลั่งไหลมาราวพายุดอกไม้ ถนนหน้าโรงเตี๊ยมคลาคล่ำไม่ต่างจากวันเทศกาล บางคนหอบของฝาก บ้างจูงเด็กน้อย บ้างมากันทั้งครอบครัว เสียงหัวเราะกลบเสียงลมหน้าประตูโรงเตี๊ยมโจวหลิวเยว่ นั่งสง่างามในเสื้อผ้าพิถีพิถัน ใบหน้ามีรอยยิ้มละมุน อินเฉา ยืนข้างๆ คอยรับแขกอย่างขยันขันแข็ง“โอ้ เจ้าสัวถัง ขอบใจนักที่มา ข้ากับเจ้าร่วมค้ากันมานาน วันนี้ลูกสาวข้าเป็นคนดูแลต่อแล้ว ฝากเจ้าช่วยเมตตานางด้วยนะคิดเสียว่านางเป้นลูกหลานคนหนึ่ง”“ได้ๆๆๆ โอ้ดีจังลูกสาวท่านช่วยงานได้แล้วนับว่าเป็นบุญจริงๆ ฮ่าาาา” เจ้าสัวถังผ่านไปแล้ว“เถ้าแก่เหอ ข้าจำได้ว่าเคยไปส่งชาให้เจ้าถึงด่านใต้ ตอนนั้นลูกข้ายังไม่มีให้อุ้มเลย มาบัดนี้นางเปิดโรงเตี๊ยมเสียเอ
ยามเช้าแห่งเมืองโจว อากาศอ่อนละมุนเยี่ยงผ้าฝ้ายบางเบา แสงแดดยามสายลอดผ่านใบไผ่เขียวครึ้ม สะท้อนลงบนโรงเตี๊ยมบ้านโจวที่กำลังจะเปิดประตูรับแขกในอีกไม่กี่วัน เสี่ยวหนี่ยืนอยู่กลางห้องครัว เปิดฝาหม้อดินกลิ่นหอมลอยขึ้นแตะจมูก เป็นกลิ่นอบอุ่นที่เต็มไปด้วยความห่วงใย“ข้าวต้มไก่ตุ๋นยาจีนและเห็ดหอม บำรุงไต บำรุงม้าม และช่วยให้พ่อหลับสบายขึ้นสักหน่อยเถอะนะ…” เสี่ยวอี้ยิ้มกว้าง“ดีเลยเจ้าค่ะวันนี้คุณหนูว่างก็เอาใจนายท่านทันทีเลย” เสี่ยวหนี่ยิ้มบางๆ“หลายวันที่ยุ่งหลายเรื่องอีกสองวันจะถึงวันเปิดโรงเตี๊ยมแล้วเหลือแต่เก็บกวาดทำความสะอาดซึ่งข้าว่างงานไว้หมดแล้ว เราเลยมีเวลาดูแลเรื่องอาหารการกินท่านพ่อเป็นพิเศษในวันนี้”“เจ้าค่ะข้าน้อยอยากจะชิมฝีมือคุณหนูหลังจากที่ห่างหายไปนานกับเมนูพิเศษนี้ค่ะ” “มะเรามาเริ่มกันเลยกับเมนูบำรุงร่างกายของเสี่ยวหนี่ ข้าวต้มไก่ตุ๋นยาจีนเห็ดหอมมมมมม”ส่วนผสมที่เสี่ยวหนี่คัดสรรไว้อย่างดี วางเตรียมไว้บนโต๊ะตัวยาวในห้องครัวประกอบด้วย เนื้อไก่บ้าน 1 ตัวหั่นชิ้นพอดีคำ เห็ดหอมแห้ง 6 ดอกแช่น้ำจนนุ่ม โสมขาวชิ้นเล็ก 3 ชิ้น เก๋ากี้ 1 ช้อนโต๊ะ พุทราจีน 5 ลูกข้าวสารเสี่ยวหนี่ใช้ข้า