LOGINในท้องพระโรงที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์คลั่งรักแบบทำลายล้าง เสียงหอบหายใจของอวิ๋นซินเยว่ดังชัดเจนในความเงียบงัน ริมฝีปากของเธอชา ความรู้สึกทั้งหมดถูกเผาผลาญด้วยเปลวไฟขององค์จักรพรรดิ
อวี้เหยียนถอยห่างออกมาเพียงเล็กน้อย ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยไฟราคะที่ถูกจุดขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ความต้องการที่ฝังลึกและถูกกดทับมานานนับปี พุ่งพล่านออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่แล้ว...มันก็ถูกดับลงอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวที่คุ้นเคย เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่ซับซ้อน ราวกับบุรุษผู้แข็งแกร่งกำลังต่อสู้กับปีศาจร้ายในจิตใจของตนเอง เขาพยายามหาความรังเกียจในตัวเธอ...แต่กลับพบเพียงความเข้าใจและความท้าทาย “ออกไป” พระสุรเสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก เขาหันหลังให้เธอทันที มือทั้งสองข้างบีบเข้าหากันจนกระดูกลั่น เพื่อควบคุมความต้องการที่จะคว้าเธอมากอดไว้ให้แนบแน่นที่สุด อวิ๋นซินเยว่ไม่รอช้า เธอรู้ดีว่าเธอได้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว เธอได้รับคำสารภาพรัก...ในรูปแบบของความต้องการที่รุนแรงที่สุดของเขา เธอทำลายกำแพงของเขาได้สำเร็จ! “หม่อมฉันทูลลาเพคะ” เธอค้อมกายอย่างสง่างาม แม้ขาจะอ่อนเปลี้ยแทบยืนไม่ไหว เธอก้าวออกจากท้องพระโรงไปอย่างช้า ๆ ทิ้งให้จักรพรรดิผู้ทรงอำนาจยืนนิ่งอยู่เบื้องหลัง สับสนและอ่อนแอที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา อวิ๋นซินเยว่กลับมาถึงตำหนักคุนหนิงด้วยอาการใจเต้นรัว เธอแทบล้มตัวลงนอนทันที ใบหน้าแดงก่ำจากฤทธิ์ของจูบที่เร่าร้อนนั้น [อ๊ากกก หม่าม๊า! ภารกิจจีบพระเอกก้าวหน้า50 เปอร์เซ็นต์แล้ว] เสี่ยวหลิงกรีดร้องอย่างตื่นเต้น “ฉันรู้…เขาไม่ได้จูบฉันด้วยความรัก เขาจูบฉันด้วยความโกรธที่ควบคุมตัวเองไม่ได้” อวิ๋นซินเยว่พึมพำ “แต่...มันได้ผล” ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นและเร่งรีบก็ดังเข้ามาในตำหนักคุนหนิง มันเป็นเสียงขององค์จักรพรรดิอวี้เหยียน! พระองค์มาถึงตำหนักคุนหนิงเร็วกว่านางเสียอีก! อวี้เหยียนก้าวเข้ามาในห้องบรรทมด้วยสีหน้าถมึงทึง แววตาของเขาเต็มไปด้วยพายุอารมณ์ที่ยังไม่สงบ ความเขินอายและความต้องการทำให้เขาดูอันตรายอย่างยิ่ง “ฝ่าบาท…” จื่อเยว่และนางกำนัลทุกคนรีบคุกเข่าลงกับพื้นด้วยความตกตะลึง อวี้เหยียนไม่สนใจใครทั้งสิ้น เขาก้าวเข้ามาหาเตียง จับข้อมือของอวิ๋นซินเยว่ที่ยังชาอยู่ดึงขึ้นมาทันที “นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่!” เขากล่าวเสียงต่ำ “เจ้าอยากให้ข้าทำลายกำแพงที่ข้าสร้างไว้เพื่อปกป้องตัวเองใช่หรือไม่! เจ้าคิดว่าได้ชัยชนะแล้วงั้นรึ!” “หม่อมฉัน…หม่อมฉันเพียงแค่ต้องการดูแลพระองค์เพคะ” เธอตอบอย่างกล้าหาญ แม้จะกลัวจนตัวสั่น “ดูแลข้าอย่างนั้นรึ!” อวี้เหยียนยิ้มเยาะ รอยยิ้มของเขาทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ “ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลข้าให้ดี! ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกตำหนักนี้! ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ใดก็ตามที่ข้าไม่อนุญาต! และที่สำคัญที่สุด! เจ้าไม่อนุญาตให้พูดคุยกับบุรุษอื่นคนใด! แม้แต่ขันทีหรือองครักษ์! เจ้าเป็นของข้า! ฮองเฮา!” พระองค์ไม่ได้ข่มขู่...แต่กำลัง ‘ประกาศพันธนาการ’ ต่อหน้าข้ารับใช้ทุกคน! นี่คือการแสดงความเป็นเจ้าของที่บ้าคลั่งที่สุดที่เขาเคยทำ! อวี้เหยียนไม่รอคำตอบ เขาอุ้มร่างของอวิ๋นซินเยว่ขึ้นอย่างรวดเร็ว วางเธอลงบนเตียงที่ปูด้วยผ้าแพรชั้นดี ก่อนจะปลดเปลื้องเครื่องประดับหนัก ๆ บนศีรษะของเธอออกอย่างเร่งรีบ ในแววตาของเขามีเพียงความต้องการที่ถูกจุดติดอย่างบ้าคลั่ง จื่อเยว่และนางกำนัลทุกคนถูกสั่งให้ถอยออกไป ประตูถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเสียงหอบหายใจหนัก ๆ ของทั้งสองพระองค์ในความเงียบสงัด “เจ้าคิดว่าเจ้าชนะแล้วใช่หรือไม่!” อวี้เหยียนก้มลงมาจ้องเธอด้วยดวงตาที่ลุกโชน เขาใช้มือบีบคางเธอเบา ๆ บังคับให้เธอมองใบหน้าของเขา “จงจำไว้! สิ่งที่เจ้านำมาให้ข้า…คือพันธนาการ! และข้าจะตอบแทนมันด้วยความคลั่งไคล้ที่ไม่มีวันจบสิ้น!” เขาจูบเธออีกครั้ง ครั้งนี้เร่าร้อนและยาวนานกว่าครั้งแรกหลายเท่า ริมฝีปากของเขาครอบครองเธออย่างบ้าคลั่ง มือของเขาเริ่มรุกล้ำเข้าไปใต้ชุดอันงดงามของเธอ อวิ๋นซินเยว่ตอบรับจูบนั้นด้วยความสับสนและเร่าร้อนไม่แพ้กัน เธอไม่คาดคิดว่าการประกาศสิทธิ์จะนำไปสู่ฉากที่บ้าคลั่งขนาดนี้! ความปรารถนาที่รุนแรงของเขาทำลายตรรกะทั้งหมดที่เธอเคยมี! เธอตอบรับเขาในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง...ที่กำลังถูกพิชิตด้วยความปรารถนาที่ถูกกดทับมานานนับปี! [ติ๊ง! คำเตือน! ระดับอุณหภูมิความรู้สึกเข้าสู่ระดับวิกฤต! ระบบไม่สามารถควบคุมการทำงานของฮอร์โมนได้! ระบบกู้โลกเข้าสู่โหมดรักษาเสถียรภาพ!..รอการคำนวณใหม่!] แสงตะวันยามบ่ายสาดส่องเข้ามาในห้องบรรทมผ่านม่านแพรปักลายหงส์ เตียงที่เคยเรียบตึงบัดนี้ยับยู่ยี่ เสื้อผ้าอันงดงามถูกฉีกทึ้งอย่างไม่ใยดี อวี้เหยียนนอนกอดร่างเปลือยเปล่าของอวิ๋นซินเยว่ไว้แน่น ใบหน้าของเขาไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความอ่อนล้าและความพึงพอใจที่ปิดบังไม่มิด เขาจ้องมองใบหน้าของเธอด้วยสายตาที่ลุ่มลึกและเป็นเจ้าของอย่างที่สุด “ฮองเฮา…” พระองค์เอ่ยเสียงแหบพร่า เขาจูบลงบนหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน “เจ้าเป็นของข้า” “หม่อมฉันรู้เพคะ” เธอตอบอย่างแผ่วเบา “และพระองค์ก็เป็นของหม่อมฉันเช่นกัน” คำพูดนั้นทำให้พระองค์ชะงัก ดวงตาของเขามืดมิดลงอีกครั้ง พระองค์ไม่เคยคิดว่าจะถูกตอบกลับด้วยความต้องการที่ทัดเทียมกันเช่นนี้ “จำไว้” เขากระซิบเสียงต่ำ คำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำสัญญาที่น่ากลัว “ในโลกนี้…ไม่มีสิ่งใดที่จะพรากเจ้าไปจากข้าได้! ไม่มี! แม้แต่ความตาย! หรือ…ใครก็ตามที่เจ้าเคยรัก!” อวิ๋นซินเยว่ตัวแข็งทื่อ ใครก็ตามที่เธอเคยรัก? เขารู้สึกถึงภัยคุกคามจากอดีตที่เธอไม่เคยเปิดเผยหรือ? ทันใดนั้น มือของอวี้เหยียนก็เลื่อนมาจับไปที่สร้อยหยกที่ซ่อนอยู่ใต้เสื้อคลุมที่ยับยู่ยี่ของเธอ สร้อยที่เธอไม่เคยถอดเลย “นี่คือของใคร!” พระสุรเสียงของเขาเปลี่ยนเป็นน้ำเสียงที่เย็นชาที่สุดที่เธอเคยได้ยิน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความริษยาและความโกรธที่น่ากลัวอย่างยิ่งยวด! อวิ๋นซินเยว่ตื่นตระหนก ก็แค่สร้อยเส้นเดียว ทำไมเขาถึงได้โมโหถึงเพียงนี้ แล้วเธอควรจะตอบว่ายังไง หากตอบผิดขึ้นมาเขาคงไม่หักคอเธอด้วยมือเปล่าใช่ไหม!คุกใต้ดินหลวง ยามค่ำ ความเย็นยะเยือกของอิฐหินที่เปียกชื้นซึมผ่านอาภรณ์หรูหราของฮองเฮาจนถึงผิวหนัง อวิ๋นซินเยว่ ถูกจองจำอยู่ในห้องขังลึกที่สุดของวังหลวง ที่นี่ไม่มีแสงตะวัน มีเพียงเสียงหยดน้ำที่กระทบพื้นหินสม่ำเสมอรราวกับเสียงเข็มนาฬิกาที่นับถอยหลังสู่ความตาย นางนั่งนิ่งอยู่บนกองฟางแห้ง ดวงตาเรียบเฉยแต่สมองกลับทำงานอย่างรวดเร็วราวกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ “เสี่ยวหลิง... รายงานสถานะปัจจุบันของฝ่าบาทและกองทัพชายแดน!” [ติ๊ง! รายงานสถานะครับหม่าม๊า! สัญญาณชีพของฝ่าบาทเริ่มอ่อนแรงลง 5%... สารประกอบหญ้าลืมอายุ ในยาที่ซูกุ้ยเฟยป้อนซ้ำเข้าไปกำลังเริ่มเผาผลาญพลังชีวิตสำรองของพระองค์ ส่วนทางชายแดน... กองทัพแคว้นเยี่ยนปะทะกับหน่วยกักกันโรคของแม่ทัพเฉินหรงแล้ว!สถานการณ์ตึงเครียดมากครับ ถ้าภายใน 24 ชั่วโมงนี้ไม่มีคำสั่งเด็ดขาดจากส่วนกลาง ป้อมหิมะขาวอาจจะแตก!] อวิ๋นซินเยว่กำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ความเจ็บปวดทางกายเทียบไม่ได้เลยกับความเดือดดาลในใจ “ซูกุ้ยเฟยคิดว่าขังฉันไว้ที่นี่แล้วจะจบเรื่องงั้นเหรอ นางคงลืมไปว่าในยุคที่ฉันจากมา... การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ปากต่อปาก!” นางดึงปิ่นป
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามวิกาลที่มืดมิดที่สุดกลิ่นกำยานหอมอ่อน ๆ ที่เคยทำให้จิตใจสงบ บัดนี้กลับถูกกลบด้วยกลิ่นขื่นปร่าของสมุนไพรเคี่ยวเข้มข้นที่ลอยอบอวลไปทั่วห้องบรรทม แสงเทียนวูบไหวสะท้อนเงาของร่างสูงสง่าบนเตียงมังกรที่บัดนี้ดูเปราะบางราวกระเบื้องเคลือบที่พร้อมจะแตกสลาย องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ทรงบรรทมสนิท ลมหายใจแผ่วเบาจนน่าใจหาย พระพักตร์ที่เคยคมคายและเปี่ยมด้วยอำนาจ บัดนี้ซีดเผือดราวกับคนหลงทางในม่านหมอกอวิ๋นซินเยว่ นั่งอยู่ข้างเตียง มือเรียวบางกุมพระหัตถ์ที่เย็นเฉียบของเขาไว้แน่น นางไม่ได้หลับมาสามวันสามคืนแล้ว ขอบตาที่รื้นแดงไม่ได้เกิดจากความอ่อนล้า แต่เกิดจากความวิตกกังวลที่อัดแน่นอยู่ในอก“เสี่ยวหลิง... เริ่มการสแกนขั้นสูงอีกครั้ง ฉันต้องการผลวิเคราะห์ที่แม่นยำ 100% ห้ามมีความผิดพลาดแม้แต่มิลลิกรัมเดียว!”[ติ๊ง!ระบบกำลังวิเคราะห์องค์ประกอบของยาถอนพิษชุดล่าสุด...ประมวลผลเสร็จสิ้น98 เปอร์เซ็นต์] หน้าจอเสมือนสีฟ้าใสที่เห็นได้เพียงนางคนเดียวปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ข้อมูลโครงสร้างทางเคมีของสมุนไพรโบราณถูกจำแนกออกมาเป็นตัวเลขและกราฟที่น่าสะพรึงกลัว[ผลการวิเคราะห์พบสารสกัดจาก‘หญ้าล
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์สามวันหลังจากการแต่งตั้งกุ้ยเฟยบรรยากาศในตำหนักดูเคร่งเครียดกว่าปกติ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน กำลังเข้าสู่ช่วง วิกฤตการรักษาตามที่ ซูกุ้ยเฟย ได้เตือนไว้ พระวรกายของพระองค์ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ไข้สูงกลับมาเป็นระยะ และทรงหลับลึกกว่าปกติ... ราวกับสลบไป!อวิ๋นซินเยว่ เฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง นางยังคงใช้ศาสตร์ทางการแพทย์จากโลกปัจจุบันผสมผสานกับความรู้จากซูกุ้ยเฟยผ่านตำราที่ไทเฮาเก็บรักษาไว้ เพื่อประคองชีพพระองค์ไว้!ซูกุ้ยเฟย เข้ามาตรวจดูอาการทุกวัน นางปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิอย่างเคร่งครัดและเป็นมืออาชีพ แต่สายตาที่มองมายังฮองเฮายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชาและความไม่ไว้วางใจ!“ฮองเฮา! พระอาการของฝ่าบาทเป็นไปตามที่ตำราระบุ! ในช่วงเจ็ดวันต่อจากนี้... พิษเก่ากำลังถูกกำจัดอย่างรุนแรง! พระองค์จะไม่สามารถทรงงานได้เลยแม้แต่น้อย! หากมีความผิดพลาดในการรักษาแม้เพียงเล็กน้อย... พระวรกายอาจจะไม่อาจฟื้นคืนมาได้อีก!”“กุ้ยเฟย! ข้าทราบดี! ข้าในฐานะฮองเฮา จะไม่อนุญาตให้ใครเข้ามารบกวนฝ่าบาทในช่วงวิกฤตนี้! เจ้าจงดูแลการจัดหาตัวยาทั้งหมดให้ถูกต้องตามตำราที่ไทเฮาเก็บไว้! ถ้ามีสมุนไพรใดขาดไป..
ท้องพระโรงลับ ยามอรุณรุ่งพิธีการสถาปนา สนมซูเหมยเยว่ ขึ้นเป็น กุ้ยเฟย ถูกจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนในท้องพระโรงส่วนพระองค์ มีเพียงไทเฮา เสนาบดีซู และขุนนางคนสำคัญที่วางใจได้เท่านั้นที่เข้าร่วมพิธี เพื่อป้องกันมิให้ข่าวการประชวรของจักรพรรดิรั่วไหลองค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ประทับอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าซีดเซียว ยาถอนพิษชุดแรกทำให้พระวรกายอ่อนล้าอย่างหนัก แต่ดวงตาของพระองค์ยังคงเปี่ยมด้วยอำนาจ ข้างกายของพระองค์คือ อวิ๋นซินเยว่ ในชุดฮองเฮาเต็มยศ... นางยืนอย่างมั่นคงราวกับเสาหลักของบัลลังก์!“สนมซูเหมยเยว่! เจ้าได้แสดงความซื่อสัตย์ต่อแคว้นอวี้... และต่อชีวิตของข้า! บัดนี้ข้าขอแต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็น ‘กุ้ยเฟย’ ผู้ซึ่งมีศักดิ์สูงสุดรองจากฮองเฮา! และขอพระราชทาน ‘ตราเหยี่ยวเงิน’ ให้แก่เจ้า! ตรานี้จะมอบอำนาจในการดูแลพิธีการทั้งหมดในวังหลวง... และควบคุมพระราชทรัพย์ส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดูแลพระวรกายของข้า! ขอให้เจ้าจงภักดีต่อข้า... และต่อแคว้นอวี้ไปชั่วชีวิต!” สนมซูเหมยเยว่ คุกเข่ารับตำแหน่งด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยเกียรติยศ แต่นางยังคงมองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง! นางรู้ดีว่าอำนาจที่
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามสาย หลังจากที่ พระสนมซูเหมยเยว่ ยื่นข้อเสนอที่สะเทือนขวัญ องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ก็สั่งให้ทุกคนออกไปจากห้อง เหลือไว้เพียงเขาและฮองเฮา อวิ๋นซินเยว่ผู้ซึ่งยังคงถือตราพระราชลัญจกรไว้ในมือ ใบหน้าของ อวี้เหยียน ซีดเซียวลงด้วยความเหนื่อยล้าและข้อเท็จจริงที่เจ็บปวด เขาเป็นกษัตริย์ที่ถูกอำนาจที่แท้จริงรัดคออย่างไม่สามารถต่อต้านได้! “ซินเยว่! เจ้าได้ยินทั้งหมดแล้ว! หากสิ่งที่สนมซูพูดเป็นความจริง... พิษร้ายได้ถูกสะสมในตัวข้ามานานปี! และหากข้าใช้กำลังแม้แต่น้อยในการข่มขู่ตระกูลซู... ยาถอนพิษก็จะหายไปตลอดกาล! ข้า... ข้าคือราชาที่ตกอยู่ในความเมตตาของตระกูลขุนนางเสียแล้ว!” พระองค์มองไปยัง อวิ๋นซินเยว่ ด้วยความเจ็บปวดและแววตาที่สับสน เขาต้องการให้นางปฏิเสธ... แต่เขามีหน้าที่ที่ต้องมีชีวิตอยู่เพื่อบัลลังก์! “เจ้า... เจ้าคิดว่าข้าควรจะทำอย่างไร! ข้าพร้อมที่จะสละทุกอย่าง! แม้แต่ อำนาจในฝ่ายในของเจ้า! ตราบใดที่ข้ายังสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องแคว้นอวี้ได้! ข้าไม่ต้องการให้เจ้าต้องเสี่ยงชีวิตเพราะความเห็นแก่ตัวของข้า!” อวิ๋นซินเยว่ กำมือแน่น หัวใจของนางเย็นเยียบด้วยความตร
ตำหนักบรรทมส่วนพระองค์ ยามรุ่งสางแสงแดดยามเช้ายังมิอาจสาดส่องเข้ามาในตำหนักบรรทมได้ บรรยากาศยังคงสลัวและเต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสมุนไพร องค์จักรพรรดิอวี้เหยียน เพิ่งเข้าสู่ห้วงนิทราที่สงบที่สุดหลังจากผ่านพ้นพิษไข้มาแล้ว อวิ๋นซินเยว่ นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียง ความอ่อนล้าจากการดูแลเขาตลอดคืนมิอาจบดบังความแหลมคมในดวงตาของนางได้เลยทันใดนั้น... เสียงฝีเท้าที่เร่งรีบและเต็มไปด้วยอำนาจก็ดังขึ้น ขันทีและนางกำนัลคนสนิทของสนมซูเหมยเยว่ ที่ได้รับการสนับสนุนจากเสนาบดีซูได้ถือม้วนพระราชโองการ เข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงกลัวหัวหน้าขันทีผู้หยิ่งผยอง นามว่า หลิ่วจิ้น ได้ก้าวเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชอบธรรม เขาตั้งใจจะใช้ความป่วยไข้ของจักรพรรดิเป็นโอกาสในการกำจัดฮองเฮาผู้นี้!หลิ่วจิ้นส่งเสียงดังอย่างจงใจ “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! โปรดทรงสดับรับพระราชโองการจากเบื้องบน! ฝ่าบาททรงมีรับสั่งให้ย้ายพระองค์ออกจากตำหนักบรรทมทันที! เนื่องจากพระองค์ละเลยหน้าที่จนทำให้พระวรกายของฝ่าบาททรุดโทรมลงอย่างรวดเร็ว! พระองค์ไม่คู่ควรที่จะอยู่ใกล้ชิดพระองค์ในยามนี้!”อวิ๋นซินเยว่ ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของนาง







![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [ตัวประกอบ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)