LOGIN
[เสียงระบบกระซิบในความมืด]
“เมื่อเขาหยุดเชื่อในความรัก และสูญเสียจิตใจอันดีงาม เมื่อนั้นโลกก็เริ่มพังทลาย” เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว...ดังสะท้านสะเทือนดั่งฟ้าลั่น สายลมพัดแรงส่งเสียงหวีดหวิว ช่วยส่งเสริมเปลวเพลิงให้ลุกโหม เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คนที่เจ็บปวดทุรนทุรายก่อนตาย ความวุ่นวายกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เสียงเปลวเพลิงโลมเลียกลืนกินวังหลวงที่เคยยิ่งใหญ่จนเหลือเพียงเถ้าธุลีกองหนึ่ง แต่มีอยู่เพียงที่เดียวที่ยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งสรรพเสียงใด บนบัลลังก์มังกร... ร่างของจักรพรรดิหนุ่มผู้เย็นชานั่งนิ่งราวรูปสลัก กำลังถูกเปลวเพลิงกลืนกินทีละน้อย ความร้อนแผ่กระจายไปทั่ว ไฟเริ่มลุกไหม้โลมเลียแผ่นหลังกว้าง ส่งผลให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นเริ่มบวมแดงคล้ายจะปริแตกออกมา กลิ่นเนื้อไหม้ปะปนกับกลิ่นคาวเลือด รวมถึงควันคละคลุ้งและเศษซากสิ่งของในตำหนักสิ่งเหล่านั้นไม่อาจทำให้ชายผู้นั่งบนบัลลังก์มังกรสั่นไหวได้แม่แต่องคาพยพเดียว เขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้นโดยสีหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด ๆ คล้ายกับว่าไม่ว่าความเจ็บปวดใดจะกล้ำกราย ก็มิอาจทำให้เขาเจ็บช้ำได้แม้เพียงน้อย เพราะเขาได้ผ่านสิ่งที่ทรมานเสียยิ่งกว่าความตายมาแล้ว ร่างสูงสง่านั้นปิดเปลือกตาลง...ก่อนจะกระซิบชื่อใครบางคนเป็นคำสุดท้าย “...ซินเยว่...” [เสียงระบบ: รีเซ็ตโลกไม่สำเร็จ / กำลังค้นหาฮองเฮาคนใหม่] ……. เสียงทุ้มต่ำแบบโมโนโทนชวนง่วงนอนของอาจารย์ในห้องเลกเชอร์ดังก้องอยู่ในความทรงจำเป็นฉากสุดท้ายที่เธอจำได้ “นักศึกษาทุกคนอย่าลืมส่งรายงานก่อนเที่ยงตรงวันพรุ่งนี้นะครับ” จากนั้น... ทุกอย่างก็ดับวูบ… “โอ๊ยยย ใครเขวี้ยงคีย์บอร์ดใส่หัวกูวะ!” เสียงโวยวายดังลั่น พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ดีดตัวขึ้นมานั่งบนเตียงไม้ ก่อนที่ศีรษะจะโขกเข้ากับหัวเตียงเสียงดังลั่นเสียจนทำหญิงสาวรู้สึกหัวหนักอึ้ง ราวกับถูกรุมทึ้ง สองมือเรียวยกขึ้นกุมศีรษะทันใด หลังจากอาการปวดหนึบเริ่มบรรเทาศีรษะเล็ก ๆ นั้นจึงหันไปมองรอบทิศ หลินซินเยว่ นักศึกษาธรรมดา ๆ ที่ยังไม่ทันส่งรายงานโปรเจกต์จบปีสี่ ลืมตาขึ้นมาในห้องที่ประดับประดาด้วยลายมังกรสีทอง และกลิ่นชาดอกเหมยที่ลอยอวลอยู่ในอากาศโชยเอื่อยเข้าจมูกให้ความรู้สึกสดชื่น ผ้าม่านโปร่งบางสีแดงปกคลุมรอบเตียง ทำให้มองสิ่งที่อยู่นอกม่านไม่ถนัดนัก “นี่ฉันดูซีรีย์จีนเยอะไปจนเก็บเอามาฝันเลยเหรอเนี่ย” หลินซินเยว่หย่อนปลายเท้าลงก่อนจะแหวกผ้าม่านโปร่งบางนั้นเพื่อจะเดินออกไปสำรวจภายในห้อง “ฮิฮิ ไหน ๆ นี่ก็คือความฝัน งั้นขอฉันซนหน่อยละกัน” ภายในห้องนั้นกว้างขวางโอ่อ่า เครื่องเรือนต่าง ๆ ทำอย่างประณีต แต่ที่ดึงดูดความสนใจของหลินซินเยว่ที่สุดกลับเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง “ไหนขอดูหน่อยซิ สมัยนั้นเขาแต่งหน้ากันยังไง” หญิงสาวเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้หน้ากระจก หลินซินเยว่มองใบหน้านั้นไม่ถนัดนัก กระจกนั้นไม่ได้ชัดเจนเหมือนกับกระจกที่เธอส่องอยู่ทุกวัน แต่ก็ยังพอมองออกว่าใบหน้าที่ปรากฏในกระจกนั้นช่างงดงามเหนือคำบรรยาย “กระจกอะไรเนี่ย ส่องแล้วสวยกว่าตัวจริงซะอีก หลอกตาชะมัด” ถึงปากจะพูดแบบนั้น แต่มุมปากกลับยกยิ้มไม่ยอมวาง ขณะที่หญิงสาวกำลังตื่นตาตื่นใจกับทุกสิ่งในห้องอยู่นั้น [ติ๊ง! ยินดีต้อนรับสู่ระบบกู้โลกเวอร์ชัน 3.0 BETA!] [ภารกิจของหม่าม๊าคือ: จีบจักรพรรดิผู้ไร้หัวใจ ให้หลงรักก่อนโลกจะแตกในอีก 365 วัน!] [คำเตือน: ถ้าทำไม่สำเร็จ... โลกนี้จะล่มสลาย และหม่าม๊าจะตายไปพร้อมกัน] “...หา!?” [และขอแสดงความยินดี... หม่าม๊าคือ “ฮองเฮา” ของเขา] เสียงเล็ก ๆ ดังเจื้อยแจ้วในหัวของหลินซินเยว่ หญิงสาวสับสนไปหมดแล้ว ร่างบางหันซ้ายแลขวาเพื่อมองหาที่มาของเสียง แต่ก็ไม่พบใคร เธอควรจะตกใจอะไรก่อนดี ระหว่างเสียงไร้ที่มา หรือสิ่งที่เสียงนั้นบอกเธอ! [ระบบจะเริ่มอธิบายภารกิจเบื้องต้นภายใน 5 วินาทีหากระบบไม่โดนเจ้าของตบออกจากหัวเสียก่อน] “พูดเองตบมุกเองด้วยนะนั่น…” [โปรดฟังให้ดี: 1. ขณะนี้ท่านคือ “ฮองเฮา” แห่งแคว้นอวี้ 2. พระเอกของโลกนี้คือ “จักรพรรดิอวี้เหยียน” 3. ค่าอารมณ์ของพระเอกอยู่ในระดับ “เย็นเยียบลบ 500 องศา” 4. พระเอกพังเกินเยียวยา หากปล่อยไว้นาน จะกลายเป็นตัวการล่มสลายของโลก 5. ภารกิจของท่าน: จีบพระเอกให้หลงรัก! และเพิ่มค่า “ดัชนีอบอุ่นหัวใจ” ให้ถึง 100 แต้ม 6. เริ่มภารกิจแรก: เอาตัวรอดจากวังหลังให้ได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่โดนใครวางยา ตบหน้า หรือใส่ร้ายว่าเป็นสายลับ] “...อือหือ…” ซินซินเอามือทาบอก หายใจเข้าลึก ๆ อย่างสงบสติอารมณ์ ก่อนจะตะโกนลั่นห้อง “นี่มันเกมจีบหนุ่มหรือ Hunger Games วะเนี่ย!!?” “เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่าฉันกำลังฝันอยู่หรอกเหรอ แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ย?!” [หม่าม๊าไม่ได้ฝันหรอกครับ นี่คือโลกเสมือน หม่าม๊าได้ถูกคัดเลือกให้เข้ามาทำให้ระบบสมบูรณ์ ซึ่งปัญหาใหญ่คือตัวพระเอกของโลกนี้หรือก็คือจักรพรรดิอวี้เหยียน ที่มักมีการกระทำไม่เป็นไปตามบทบาทที่ได้รับ แม้ระบบจะทำการรีเซ็ตตัวละครนี้ไปหลายครั้ง แต่ก็ยังมีพฤติกรรมแบบเดิม คล้ายว่าจะบัคเลยครับ ทางระบบจึงต้องใช้วิธีเรียบง่ายที่อาจได้ผลดี แม้จะต้องใช้เวลามากสักหน่อย โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเขาก่อนที่จิตใจเขาจะแตกสลาย และชักจูงเขาให้เดินในทางที่ถูกต้องและรู้จักความรักที่แท้จริง] “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ?” หลินซินเยว่ว่าพลางชี้นิ้วมาที่ตัวเอง [เพราะว่าหม่าม๊าได้รับการคัดเลือกจากระบบว่ามีโอกาสที่จะเปลี่ยนพระเอกของโลกนี้ได้ ซึ่งโอกาสนั้นสูงถึงแปดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับหญิงสาวคนอื่น ๆ รวมทั้งความชอบและติดตามดูละครสั้น ซีรีย์จีน และดาราหนุ่มหล่อมากมาย ระบบจึงตัดสินใจเลือกหม่าม๊าครับ] เสียงนั้นไม่พูดเปล่า แต่กลับแสดงหน้าจอปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของหลินซินเยว่ คลิปวิดีโอที่ฉายนั้นแสดงพฤติกรรมการหวีดหนุ่มจีนหล่อ ๆ ของเธอ รวมไปถึงตอนนั่งหัวเราะอ้าปากกว้างขณะดูซีรีย์อยู่ ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ยังปรากฏภาพเธอร้องไห้น้ำตาปนน้ำมูกไหลกับฉากสะเทือนใจกับการตายของพระนางของเรื่อง “พอ ๆ ๆ ภาพพวกนี้มีคนอื่นเห็นไหมเนี่ย” หญิงสาวอับอายจนแทบจากจะมุดดินหนี ชีวิตของเธอถูกคนแอบมองตลอดเลยเหรอเนี่ย [หม่าม๊าวางใจได้ ไม่มีคนอื่นเห็นครับ และระบบจะปกปิดเป็นข้อมูลลับเฉพาะส่วนตัวของหม่าม๊า ขอหม่าม๊าวางใจได้คนรับ] “นี่ เลิกเรียกฉันแบบนั้นสักที ฉันยังไม่มีลูกนะ” ก่อนที่ระบบจะได้ตอบกลับสิ้งใดต่อไป เสียงประตูหน้าห้องก็เปิดออกเบา ๆ ปรากฏร่างสาวใช้ในชุดผ้าแพรสีชมพูก้มตัวอย่างนอบน้อม “ถวายพระพรฮองเฮา ฝ่าบาทจะเสด็จมาที่ตำหนักคุนหนิงในอีกหนึ่งชั่วยามเพคะ...” [ติ๊ง! มิชชันพิเศษ: “สบตาพระเอกครั้งแรก โดยไม่สะดุดล้ม ทำปากพล่อย หรือโดนดุ” รางวัล: +5 คะแนนความมั่นใจ สถานะ: เสี่ยง 87%] “อะไรนะ...พระเอกจะมาเหรอ?” [ขอแนะนำให้ท่านรีบล้างหน้า เปลี่ยนชุด และซ้อมยิ้มหน้ากระจกภายใน 15 นาที โหมดจำลองเปิดใช้งานแล้ว ข้อมูลเพิ่มเติม: พระเอกของท่านอารมณ์ไม่คงที่ มีแนวโน้มฆ่าคนในระยะห้าเมตรโดยไม่กระพริบตา] ซินซินกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “หนีตอนนี้ยังทันไหมอะ?” [ไม่ทันแล้ว ท่านลงทะเบียนระบบไปแล้วนะ ปลดไม่ได้ ยกเลิกไม่ได้ คืนก็ไม่ได้ ขอให้ท่านโชคดี...] “ม่ายยยย!” ไม่นานหลังจากนั้นเสียงประตูบานใหญ่เปิดออก... ขันทีและสาวใช้หลายคนต่างเดินเข้ามาก่อนจะพากันยอบตัวคำนับเธอ “ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ/พ่ะย่ะค่ะ!” เหล่านางกำนัลทั้งหลายต่างเข้ามารุมล้อมตัวนางเพื่อผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ชุดใหม่ให้หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่สุดในวังหลัง อาภรณ์งดงามสีชาดลายหงส์สยายปีกถูกสวมคลุมบนร่างแบบบาง หลังจากจัดการกับชุดได้แล้ว นางกำนัลก็ผายมือเชื้อเชิญนางให้นั่งลงห้าโต๊ะเครื่องแป้งนั้น ก่อนจะลงเครื่องประทินผิวพร้อมด้วยแป้งบางเบา ก่อนจะแต่งแต้มชาดที่แก้มและลงสีที่ริมฝีปากเล็กบาง ตลอดช่วงเวลานั้นหลินซินเยว่รู้สึกราวกับตัวเองเป็นตุ๊กตาไร้ชีวิตที่ถูกคนจับใส่เสื้อผ้าและบิดตัวจูงแขนจับใบหน้าหันไปมา ในที่สุดช่วงเวลาที่ความคิดจิตใจล่องลอยไปไกลก็ถูกดึงกลับมาอีกครั้ง เสี่ยวจิ่วนางกำนัลคนสนิท (ระบบขึ้นตัวหนังสือบอกชื่อและสถานะบนหัวของหญิงรับใช้) ก็สรรเสริญเยินยอความงามของเจ้านายตนเองทันที หลินซินเยว่แอบกรอกตามองบนเบา ๆ แต่แล้วโดยยังไม่ทันตั้งตัว ก็มีเสียงจากขันทีที่เฝ้าหน้าประตูห้องรายงานเข้ามาอีกว่า “ฝ่าบาทเสด็จ!” ใจของหลินซินเยว่เต้นถี่รัว ฝ่ามือเย็นชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะเผลอสูดลมหายใจเข้าลึกโดยไม่รู้ตัว ดวงตาของเธอสบเข้ากับแววตาเย็นชาของชายผู้หนึ่ง จักรพรรดิอวี้เหยียน พระเอกที่ระบบบอกว่า...เสียหายเกินเยียวยา ร่างนั้นสูงโปร่ง แม้จะอยู่ในอาภรณ์ที่สวมทับกายหลายชั้น แต่เธอก็ยังพอมองออกถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงภายใน เค้าโครงหน้านั้นช่างเหมาะเจาะพอดี ทำเอาหลินซินเยว่แทบลืมหายใจ ‘จะบ้าตาย พระเอกของโลกนี้มันต้องหล่อขนาดนี้เลยเหรอวะ ถ้าพี่แกอยู่ในโลกจริงล่ะก็ รับรองได้ว่าบทตัวร้ายที่จับสลากได้บทพระเอกต้องเป็นของเขาแน่นอน’ ดวงตาเรียวคู่นั้นนิ่งเฉียบเย็นชา ราวกับมองทะลุจิตใจเธอได้ คิ้วหนาขมวดมุ่นเมื่อเจอกับท่าทางผิดปกติของฮองเฮาในยามนี้ [ระบบ: อุณหภูมิหัวใจพระเอก -500 องศา] [ระดับอันตราย: ทำลายล้างโลก] เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำติดแหบเล็ก ๆ “ข้าจำไม่ได้เลยว่าอนุญาตให้เจ้า...มองข้าตั้งแต่เมื่อไหร่” และนั่นทำเอาทุกอย่างในตัวหลินซินเยว่... เย็นเฉียบไปทั้งร่าง นี่มัน...เกมจีบหนุ่มฉบับนรกชัด ๆ! ใบหน้าเล็กรีบก้มลงจนคางชิดอก อยู่ ๆ ก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมา นี่หรือคือรัศมีของฮ่องเต้เจ้าผู้ครองแคว้น กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวเขากดดันจนนางที่ตัวเล็กอยู่แล้วยิ่งรู้สึกตัวลีบลงไปอีก “นี่ ระบบ หยุดพักแป๊บหนึ่งได้มั้ย ขอพักหายใจหายคอก่อนได้ป่ะ อีตาพระเอกนี่รังสีพิฆาตกดดันจนจะหายใจไม่ออกแล้ว” หลินซินเยว่พึมพำออกมาเสียงเบา ในหัวหวังว่าเจ้าระบบตัวดีจะหยุดให้ แบบละครสั้นจีนแนวระบบที่เธอเคยดูมา แต่รออยู่สักพักก็ไม่มีสิ่งใดปรากฎออกมาเลย “นี่เจ้าจะเล่นลูกไม้อะไรกับเราอีก ฮองเฮา” ชายในชุดคลุมมังกรยื่นมือมาบีบคางนางให้หันมาสบตากับเขา อวี้เหยียนชิงชังในตัวนางยิ่งนัก นับแต่ที่เขาได้ครองราชย์ไม่มีวันใดเลยที่สตรีนางนี้จะทำให้เขาสบายใจ มีแต่สร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน วังหลังที่ควรมีฮองเฮาช่วยแบ่งเบาและจัดการควบคุมให้อยู่ในกฏระเบียบอันควรจะเป็น แต่ผู้มีอำนาจจัดการอย่างนางกลับเป็นตัวปัญหาเสียเอง หากว่าเขาไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์เก่าก่อนเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเพียงองค์ชายไร้ค่า และตระกูลของนางได้ช่วยให้เขาบรรลุจุดประสงค์ได้ล่ะก็ เขาคงสั่งปลดและประหารนางไปนานแล้ว “หม่อมฉัน…” หลินซินเยว่ดวงตาเบิกกว้าง ปากคอสั่น ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยเจอใครทำรุนแรงกับนางเช่นนี้มาก่อน ไหนเลยจะยังรับมืออารมณ์ของฝ่าบาทได้ “หึ วันนี้เล่นบทหญิงเจ้าน้ำตาแล้วหรือ ต่อไปถ้าส่งคนไปเชิญข้ามาเพียงเพื่อมาดูเจ้าเล่นละครเช่นนี้ล่ะก็ เจ้าคงรู้นะว่าสุดท้ายเจ้าจะเป็นเช่นไร” พระสุรเสียงแข็งกร้าวนั้นแน่นอนว่ามาพร้อมกับท่าทีที่กระด้างยิ่งกว่า ฝ่ามือหนาที่บีบคางเล็กเรียวสบัดออกราวต้องของร้อน ก่อนจะผลักนางให้ห่างตัว จนหลินซินเยว่ที่ไม่ทันตั้งตัวจึงล้มลงไปทั้งอย่างนั้น เสียงเจ็บปวดดังลอดออกจากลำคอของหลินซินเยว่ รสเลือดจาง ๆ แตะปลายลิ้น แต่เธอฝืนกัดฟันกลืนมันลงไป เงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตาคลอ เบื้องหน้านางชายผู้ครองอำนาจสูงสุดก้าวเดินออกไปอย่างไม่ไยดี แผ่นหลังกว้างนั้นเปี่ยมด้วยรัศมีที่น่าหวาดหวั่น ทว่า...เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่เขาจะก้าวลับตาไป อวี้เหยียนชะงัก สายพระเนตรคมกริบเหลือบกลับมามองเธอ แม้ดวงเนตรคู่นั้นยังคงเย็นชา...แต่ในความลึกสุด กลับวูบไหวราวเปลวเพลิงที่กำลังจะมอดดับ คล้ายกับว่ามีบางอย่างที่เขา พยายามกดทับไม่ให้ใครเห็น [ยินดีกับผู้เล่นคนใหม่ ท่านผ่านภารกิจการพบหน้าครั้งแรกโดยไม่ถูกลงโทษ คะแนนความมั่นใจ +5 ค่าความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับฝ่าบาท -1,000] [คำเตือนฉุกเฉิน: ตรวจพบเจตนาสังหารรอบตำหนัก] [ระยะเวลาเอาตัวรอด: 6 ชั่วโมง] เลือดในกายหลินซินเยว่เย็นเฉียบทันที “...หา!? ยังไม่จบอีกเหรอ!” เธอเผลอตะโกนเสียงสั่น ทันใดนั้น เสียงโลหะเสียดสีกันก็ดังขึ้นจากหลังฉากผ้าม่าน ร่างบางหันขวับไปมองทันที จึงได้เห็นเงาคนลึกลับกำลังก้าวออกมาช้า ๆ... แววตาเต็มไปด้วยความหมายเดียว…ฆ่า!!!ค่ำคืนนั้นวังทั้งวังเหมือนกลายเป็นทะเลสาบแข็ง ไม่มีลม ไม่มีเสียงก้าวเท้าเพียงเสียงพู่กันของเธอที่ลากผ่านแผ่นผ้าไหมทีละเส้นอวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัว เปลวเทียนส่องแสงอุ่นที่ปลายโต๊ะ กลีบเหมยขาวหล่นหนึ่งกลีบ วางอยู่ข้างถ้วยชาเย็นชืด[บันทึกภารกิจ: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมาย “จักรพรรดิอวี้เหยียน”][อัตราความสับสนทางอารมณ์: 47%][สถานะ: ไม่คงที่]เสียงเสี่ยวหลิงดังขึ้นเหมือนเคย แต่ในความปกตินั้น มีบางอย่างแปลกไป...เล็กน้อยเกินจะบอกได้“เสี่ยวหลิง” ซินเยว่วางพู่กันลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเลขนี้ถูกต้อง?”[ข้อมูลจากระบบวัดโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสงสัยความแม่นยำ]น้ำเสียงมันเหมือนเดิมแต่มี โทนสูงขึ้นครึ่งจังหวะ ตอนพูดคำว่า “สงสัย” เธอขมวดคิ้วบาง ๆ“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าระดับของเขาไม่เกินสามสิบห้า”[ฐานข้อมูลอัปเดตอัตโนมัติ...ตามพฤติกรรมล่าสุดของเป้าหมาย]“ล่าสุด?” เธอพึมพำ “หมายถึง...วันนี้?”[ยามเที่ยง วันนี้...ฝ่าบาททอดพระเนตรภาพเหมยขาวในแจกันระดับอารมณ์แปรปรวนขึ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์]"ภาพเหมยขาว?” เธอก้มมองแจกันตรงหน้า กลีบดอกที่ร่วงจากกิ่งนั้นมีอยู่แค่หนึ่งกลีบ[ระ
ยามเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นสูง ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางในชุดทางการสีดำแดง อวี้เหยียนประทับอยู่เบื้องบน แสงเช้าสะท้อนบนฉลองพระองค์ทองเข้มจนแสบตา ใต้แสงนั้น พระเนตรคมเหมือนคมมีด ไม่มีใครกล้ามองตรง ๆ เลยสักคนเดียว “เริ่มประชุม” พระสุรเสียงเย็นเรียบ เสนาบดีฝ่ายซ้ายคำนับ “กราบทูลฝ่าบาทรายงานข่าวจากชายแดนเหนือ พบว่ากองทัพของเสนาบดีอวิ๋นเคลื่อนกำลังเกินแนวลาดตระเวนตามสัญญา...จึงขอพระราชทานอนุญาตตรวจสอบให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังในหมู่ขุนนาง “ข่าวแน่นะ?” “ใช่ ข้าก็ได้ยินว่าตระกูลอวิ๋นมีการเก็บเสบียงเพิ่ม" แต่ก่อนเสียงจะขยายออกไป ประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงก็ถูกผลักเปิดออก ปัง! เสียงนั้นดังพอให้ทุกคนหันมองและสิ่งที่เห็น...ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ ร่างสะโอดสะองในชุดผ้าแพรสีงาช้าง ก้าวเข้ามาช้า ๆ ใบหน้างามนั้นสงบ แววตาแน่วแน่ ทุกฝีเท้าเต็มไปด้วยความตั้งใจ ปนความท้าทาย “ฮองเฮา!?” “พระองค์ทรง..” "นางมาทำอะไรที่นี่" "นี่มันผิดธรรมเนียมนะ ใครปล่อยให้พระนางเข้ามา" เสียงขุนนางหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน เหวินหรงแทบจะถลาออกมา “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! ที่นี่..” “ท้อ
สายลมต้นฤดูหนาวพัดกรูเข้ามาตามเฉลียง ธงราชสำนักปลิวแรงจนผ้าสีทองสะบัดเหมือนเปลวเพลิง ขันทีหลวงคุกเข่ากลางโถงตำหนักคุนหนิง เสียงประกาศก้องดังสะท้อน “พระราชโองการจากฝ่าบาท ให้ซูกุ้ยเฟยเป็นผู้ดูแลกิจการวังหลังทั้งหมด จนกว่าฮองเฮาจะฟื้นพระพลานามัยอย่างสมบูรณ์ พระราชโองการนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!” เสียงแผ่นทองคำสลักพระนามกระทบกันเบา ๆ เงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคนในห้อง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่บนตั่งไม้หอม ดวงหน้าสงบจนผิดธรรมชาติ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา นางกำนัลสองคนที่คอยอยู่ข้างหลังเริ่มตัวสั่น “ฝ่าบาท...หมายความว่า...” เสียงพวกนางขาดหายเมื่อฮองเฮามองมาททงพวกนาง “วังนี้ช่างเมตตานัก” เธอพูดเสียงเรียบ “ข้าเพียงล้มป่วยไม่กี่วัน ก็มีคนมาช่วยแบ่งภาระ” ขันทีที่ถือพระราชโองการอยู่แทบกลั้นหายใจ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีถ้วยชาแตก ไม่มีคำปฏิเสธ มีเพียงรอยยิ้มบางบนริมฝีปากที่สงบจนน่ากลัว “ถวายพระพรฝ่าบาท” เธอกล่าวช้า ๆ “หม่อมฉันจะปฏิบัติตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด” เสียงของเธออ่อนโยน แต่แววตาในยามที่มองพระราชโองการนั้นเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง ราวกับเธอมองกระดาษทองคำแผ่นนั้นเป็นเพียง
เสียงฝนหยุดลงในยามเกือบรุ่งเหลือเพียงกลิ่นดินชื้นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเหมยขาวที่ยังติดอยู่ในอากาศ เงาในตำหนักหลวงยาวเหยียด และพระองค์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหวินหรงก้าวเข้ามาช้า ๆ “ฝ่าบาท...ทรงควรเปลี่ยนฉลองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝนหยุดแล้ว” ไม่มีคำตอบ เพียงพระหัตถ์ที่ยกขึ้นช้า ๆ มองรอยเลือดบนฝ่ามือของตนเอง รอยที่เกิดจากเล็บจิกแน่นเมื่อครู่ หยดเลือดเล็ก ๆ ตกลงบนพื้นหิน เย็นและหนักเหมือนความเงียบที่กดทับอยู่ในอก “เหวินหรง” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” “เจ้ารู้ไหม...ตอนที่นางพูดว่า ‘หม่อมฉันเพียงไม่อยากอยู่ในโลกที่ฝ่าบาทไม่ไว้ใจ’” พระสุรเสียงนั้นเบา ราวกระซิบให้ตัวเองฟัง “ข้ารู้สึก...เหมือนถูกใครสักคนบีบคอ” เหวินหรงนิ่งงัน “ฝ่าบาท...นางพูดด้วยใจจริงพ่ะย่ะค่ะ” “ใจจริงงั้นหรือ” อวี้เหยียนหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นขมจนเจ็บ “ใจจริงของนาง...หรือใจของข้าที่อยากเชื่อจนโง่” พระองค์ทรุดลงนั่งบนขั้นบัลลังก์ พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับขมับ “เหวินหรง เจ้าเคยรู้ไหม เวลาคนพยายามไม่รู้สึกอะไร...มันเหนื่อยยิ่งกว่าการแสดงออกไปตรง ๆ มันหนักหนาเสียยิ่งกว่าการสู้รบเสียอีก” “พ่ะย่ะค่ะ...” ขันทีเฒ่าก้มต่ำ “ข้าคือจักรพรรดิ.
อวิ๋นซินเยว่ไม่คิดเลยว่าตัวเธอจะเสียใจขนาดนี้ จนกระทั่งเสี่ยวหลิงทักนั่นเอง เธอถึงได้รู้สึกตัว [หม่าม๊า ร้องไห้ทำไมครับ] เด็กชายในรูปลักษณ์โฮโลแกรมลอยเข้ามาประชิดร่างของหญิงสาวที่ขณะนี้ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาและใบหน้าของตัวเองอย่างลวก ๆ "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" [ถ้าหากหม่าม๊าหมายถึงฝ่าบาทแล้วล่ะก็ ผมจะตรวจสอบให้ครับ ... .. . สถานะความชอบ 5 แต้ม ความไว้วางใจ -1 มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของร่างโฮสต์ที่หม่าม้าอยู่ตอนนี้ครับ] "อันตรายมากจริง ๆ เฮ้ออ ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่ได้ไม่นาน และยังไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาที่เป็นครอบครัวของฮองเฮาเลยสักนิด แต่จากที่อยู่ในร่างนี้และโลกนี้มา นางก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เลือกสามีผิดล่ะนะ" [หม่าม๊าจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ หญิงสาวในยุคนี้ไม่ได้เหมือนหญิงสาวในยุคของหม่าม๊า พวกนางไม่สามารถเลือกชีวิตตนเองได้ ครอบครัวอย่างพ่อแม่เป็นคนเลือกให้ และผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกผู้หญิง] "เฮ้ออ เอาเถอะ มาคิดหาทางรอดให้พวกเขากันดีกว่า ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ไม้แข็งเลยละกัน" อวิ๋นซินเยว่พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเต็ม
ความเงียบในทางเดินหินของตำหนักหลวงนั้นหนาวกว่าฝนด้านนอก เสียงพระสุรเสียงของจักรพรรดิอวี้เหยียนยังสะท้อนอยู่ในหัว ของอวิ๋นซินเยว่ชัดจนแทบจับน้ำเสียงขุ่นเคืองภายใต้ความเย็นชานั้นได้ “ข้าไม่เคยไว้ใจนาง...ต่อให้ต้องสูญเสียทุกสิ่ง ก็จะไม่ยอมอ่อนแอเพราะนาง” เพียงคำเดียว...อวิ๋นซินเยว่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับบนอกเธออย่างเฉียบพลัน ปลายนิ้วที่เคยสัมผัสดอกเหมยขาวเมื่อวันก่อนสั่นน้อย ๆ ดอกไม้นั้น...ตอนนี้เหมือนสิ่งโง่เขลาที่เธอเผลอเก็บไว้หวังแทนหัวใจคนอื่น ดอกเหมยที่ครั้งก่อนชายคนนั้นเพิ่งมอบมันให้เธอ เสี่ยวหลิงส่งเสียงในหัวทันที [ระดับอารมณ์ของจักรพรรดิอวี้เหยียนแปรปรวนเกินค่ามาตรฐาน 78%] [คำเตือน: หากความสัมพันธ์ทรุดต่ำกว่าค่าความเชื่อมั่น 10 หน่วย ภารกิจ “ฟื้นฟูพระเอก” จะเข้าสู่สถานะล้มเหลว] อวิ๋นซินเยว่หัวเราะในลำคอเบา ๆ น้ำเสียงนั้นแตกพร่าเหมือนแก้วร้าว “ภารกิจล้มเหลวเหรอ...” เธอพึมพำ “หนูคิดว่าโลกนี้จะพังเพราะโค้ดของหนูเหรอ? ไม่...มันพังเพราะหัวใจของคนโง่อย่างฉันนี่แหละ” เธอก้าวออกจากทางเดินแคบ ๆ สู่อากาศเย็นจัดข้างนอก พระจันทร์ซ่อนอยู่หลังม่านหมอก หยดฝนเริ่มร่วงช้า ๆ แตะหน้าผ







