Share

2

Author: RainyStarSea
last update Huling Na-update: 2025-08-13 19:40:51

แคว้นอวี้…ดินแดนที่ตั้งตระหง่านเหนือคาบสมุทรตะวันออก แผ่นดินนี้กว้างใหญ่จนแสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาสองวันเต็มจึงจะไล้แสงผ่านสุดขอบผืนดิน ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่คือดินแดนแห่งวรรณศิลป์และกลยุทธ์การศึก ขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเชี่ยวชาญกลอนและพิชัยสงคราม ส่วนฝ่ายบู๊ก็ถือดาบดั่งเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ

ทิศเหนือสุดคือ ป้อมหิมะขาว อันหนาวเยือก คุมเส้นทางสู่แดนเถื่อน ทิศตะวันตกเป็นเทือกเขาตระหง่านที่คั่นแคว้นอวี้กับแคว้นเว่ย ทางทิศใต้ลงไปคือเมืองท่าที่การค้ารุ่งเรือง น้ำทะเลสีนิลและเรือสำเภานับพัน ส่วนทิศตะวันออกนั้นคือวังหลวงหัวใจของแคว้น ที่มีทั้งความงามสง่าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเกมการเมือง และแน่นอนว่าผู้ครองบัลลังก์สูงสุดในวังนั้น…คือเขา…อวี้เหยียน

พระองค์ไม่ได้เกิดมาเพื่อครองบัลลังก์ หากแต่เป็นโอรสลำดับสุดท้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน เกิดจากสนมขั้นต่ำจนไม่มีใครเหลียวแล เด็กชายในชุดผ้าฝ้ายเก่า ๆ ที่ยืนอยู่ท้ายขบวนพี่น้อง ยามเสวยก็มักได้เพียงเศษอาหารที่เหลือ แต่ดวงตาคมเรียวคู่นั้น…กลับเฝ้าสังเกตทุกสิ่งเงียบ ๆ

พระมารดาของเขานั้นหาได้รักใคร่เขาไม่ เพื่อปกป้องชีวิตของเขานางจึงต้องเสียขาทั้งสองข้างไป สูญเสียความโปรดปราน ยามที่นางคับแค้นใจแน่นอนว่าย่อมเอามาลงกับบุตรชายของนางเอง หากว่าเสด็จพ่อของเขามีพระโอรสเพียงเขาคนเดียวหรือน้อยกว่านี้ ไม่แน่เขาอาจได้รับความสำคัญแม้ไม่ได้เกิดจากมารดาตระกูลต่ำศักดิ์ หรือเขาอาจได้เป็นบุตรบุญธรรมของฮองเฮา

แต่ทว่าน่าเสียดาย เสด็จพ่อของเขามีพระโอรสที่เกิดจากทั้งฮองเฮาและพระสนมมากถึงสิบสี่คน ใคร ๆ ต่างพูดกันว่าสวรรค์ต่างเมตตาโอรสสวรรค์พระองค์นี้นัก จึงประทานบุตรชายติด ๆ กันมากถึงเพียงนี้

แต่สำหรับองค์ชายสิบสี่อย่างเขา นับว่าคือนรกเสียมากกว่า เขาที่ต้องเรียนร่วมกับพี่ ๆ มักถูกเปรียบเทียบเสมอ ไม่ว่าจะยศตำแหน่งมารดา ตระกูลมารดาใครมีอำนาจช่วยเสด็จพ่อได้ จนไปถึงใครที่ทั้งเรียนและต่อสู้เก่งที่สุด

เมื่อเด็กผู้ชายวัยคึกคะนองมารวมอยู่ในที่เดียวกัน ความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในเรื่องพละกำลังและความเป็นผู้นำก็ฉายชัดยิ่งขึ้น เขาที่เป็นน้องเล็กสุด ไหนเลยจะสามารถเอาชนะในเรื่องเหล่านั้นได้ อวี้เหยียนพยายามเก็บงำซ่อนความสามารถ ไม่อาจทำตัวเด่น แต่ไหนเลยทุกอย่างจะเป็นดั่งใจคิด ยิ่งเขากดตัวเอง เหล่าพี่ ๆ ยิ่งกดเขาให้ต่ำยิ่งกว่า หาเรื่องแกล้งเขาทุกครั้งที่มีโอกาส

จนวันหนึ่งอวี้เหยียนถูกขังอยู่ในห้องเก็บของเป็นนาน ไม่ว่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือเพียงใด ตะกุยตะกายหาทางออกอย่างไร ก็ไม่อาจออกไปได้ คืนนั้นบรรดาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างหนูและแมลงสาบออกมาเดินพล่านไต่ขึ้นมาตามเนื้อตัวของเขาในยามทีาเขาเผลอหลับไป หนูบางตัวบ้างก็แทะเล็มนิ้วเท้าของเขา บางก็กัดหู เจ็บปวดทรมานจนไม่อาจนอนได้ ห้องที่เล็กแคบนั้นไม่ว่าเขาจะขยับหนีไปทางใดก็ไม่อาจหนีได้พ้น จำต้องทนอยู่อย่างนั้น กว่าจะมีใครมาพบเขาเข้าก็ยามซื่อเข้าไปแล้ว

อวี้เหยียนคับแค้นใจ และนั่นจึงเป็นจุดที่เขาเริ่มจะหมดความอดทน

“ในเมื่อพวกเขาดูถูกเรา…ก็ให้พวกเขาฆ่ากันเอง”

วัยสิบสามหนาวเขาเริ่มปล่อยข่าวลับ ปลุกความระแวงในหมู่พี่น้อง ช่วงนี้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เพราะแว่วข่าวมาว่าเสด็จพ่อกำลังจะแต่งตั้งองค์รัชทายาท เมื่อได้ข่าวที่อวี้เหยียนกระตุ้นเขื้อไฟในใจเพัยงน้อยนิด ไฟในใจพวกเขาก็ลุกโหมจนพวกเขากัดกันและทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น มีเพียงองค์ชายสิบสาม พระโอรสคนโปรดของเสด็จพ่อในตอนนั้นคือเพียงคนเดียวที่รอด และเป็นศัตรูสำคัญที่มีขุนนางฝ่ายบุ๋นหนุนหลัง

อวี้เหยียนรู้ดีว่า หากหวังจะเอาชนะพี่ชาย ต้องมีพันธมิตรฝ่ายบู๊อยู่ในมือ

และพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด…คือเสนาบดีฝ่ายขวา อวิ๋นจิ้น ผู้คุมกองทัพชายแดนและป้อมทหารทั้งสี่ทิศ

[แฟลชแบ็ก — ราชวังเมื่อสามปีก่อน]

เรือนโถงใหญ่เงียบกริบ ร่างสูงในชุดผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์ชายสิบสี่ อวิ๋นจิ้นเอ่ยเสียงมั่นคง

“ข้ามีเพียงบุตรสาวคนเดียว…ขอเพียงพระองค์รักษาเกียรติของนาง ไม่ว่าพระองค์จะเป็นเช่นไร สกุลอวิ๋นจะขออยู่ข้างท่าน”

ดวงตาของอวี้เหยียนเย็นเฉียบ “ท่านยอมโยนบุตรสาวเข้าสู่วังวน…เพื่อแลกกับเกียรติยศตระกูลเช่นนั้นหรือ”

ริมฝีปากเขาโค้งขึ้นน้อย ๆ

“เช่นนั้น…ข้าก็จะใช้นาง”

พิธีแต่งงานในวันนั้นเงียบเหงาเกินบรรยาย ไม่มีเสียงบรรเลง ไม่มีงานเลี้ยงใหญ่ องค์ชายสิบสี่ไม่แม้แต่จะมองหน้าสตรีในชุดเจ้าสาวนามอวิ๋นซินเยว่ หลังขันทีเชิญนางเข้าตำหนัก…เขาก็ไม่เคยเหยียบย่างมาที่นั่นอีก

“ข้าไม่เชื่อในรัก…และจะไม่มีวันหลงกลหญิงใด แต่งเข้ามาแล้วอย่างไร อย่าได้คิดเพ้อฝันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้” นั่นคือประโยคที่เขากล่าวกับเจ้าสาวในคืนเข้าหอ

ไม่นานต่อมา กลยุทธ์ที่เขามอบให้เสนาบดีฝ่ายขวา กลับช่วยให้กองทัพชายแดนชนะศึกใหญ่ สกุลอวิ๋นได้รับการสรรเสริญ ฮ่องเต้องค์ก่อนจึงแต่งตั้งองค์ชายสิบสี่เป็นรัชทายาท และเมื่อราชบัลลังก์ว่างเปล่าแล้ว อวี้เหยียนก็ก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุด

แต่แม้ในยามนั้น พระชายาเอกผู้เป็นสะพานสู่บัลลังก์ก็ยังคงถูกทิ้งให้อยู่ในตำหนักเงียบ ๆ ราวกับไม่เคยมีอยู่ในหัวใจของเขา

ปัจจุบัน…อวี้เหยียนในชุดมังกรทองก้าวขึ้นบัลลังก์ ท่ามกลางสายตานับร้อยที่ก้มลงคำนับ

ไม่มีใครรู้ว่า ภายใต้ความสงบเยือกเย็นนั้นเขายังจำทุกการทรยศ ทุกการแลกเปลี่ยนด้วยเลือดและชีวิตได้แม่นยำ และไม่มีทางยอมให้หัวใจของตนตกเป็นเชลยของใคร…อีกเป็นครั้งที่สอง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   3

    หลินซินเยว่นั่งเงียบอยู่ในศาลากลางน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากตำหนักคุนหนิงเท่าใดนัก เดินเพียงหนึ่งเค่อก็ถึง บริเวณรอบ ๆ มีขันทีและนางกำนัลรายล้อมคอยดูแลรับใช้ไม่ห่าง ไม่เพียงเท่านั้นยังมีทหารคอยเดินตรวจตราอยู่รอบนอก ระมัดระวังความปลอดภัยรอบด้านให้แก่สตรีผู้มีศักดิ์สูงส่งที่สุดในวังหลัง“ระบบ” หลินซินเยว่พึมพำเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ ไม่นานรอบตัวก็เหมือนถูกหยุดเวลา ทุกสิ่งหยุดนิ่ง หลินซินเยว่รับรู้ได้เลยว่ามันได้ผล[หม่าม๊าเรียกหาผมมีอะไรเหรอครับ?]คราวนี้ไม่ใข่แค่เสียงอีกต่อไป แต่กลับปรากฏร่างของเด็กชายตัวน้อยดูแล้วอายุน่าจะไม่เกินห้าขวบ ผมหยักศกสีดำสนิทดูนุ่มน่าสัมผัส ริมฝีปากสีแดงเรื่อ ๆ ดูจิ้มลิ้มนั้นกำลังบอกข้อมูลเธออยู่ เด็กน้อยบอกว่าตนเองชื่อเสี่ยวหลิง เป็นระบบเอไอสุดอัจฉริยะที่จะคอยเป็นผู้ช่วยของเธอในโลกนี้ อวิ๋นซินเยว่มองริมฝีปากช่างเจรจานั้นอย่างเพลิดเพลิน เสียงเสี่ยวหลิงดังเจื้อยแจ้วอยู่ใกล้หู ขณะร่างโฮโลแกรมลอยวนรอบ ๆ ซินซินด้วยความกระตือรือร้น“ขอบใจมากนะเสี่ยวหลิง แล้ววันนี้มีภารกิจอะไรที่ฉันต้องทำไหม”[ขอแสดงความยินดี! มิชชันของวันนี้: จีบผ่านกระเพาะ ทำอาหารให้ฝ่าบาทด้ว

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   2

    แคว้นอวี้…ดินแดนที่ตั้งตระหง่านเหนือคาบสมุทรตะวันออก แผ่นดินนี้กว้างใหญ่จนแสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาสองวันเต็มจึงจะไล้แสงผ่านสุดขอบผืนดิน ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่คือดินแดนแห่งวรรณศิลป์และกลยุทธ์การศึก ขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเชี่ยวชาญกลอนและพิชัยสงคราม ส่วนฝ่ายบู๊ก็ถือดาบดั่งเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ ทิศเหนือสุดคือ ป้อมหิมะขาว อันหนาวเยือก คุมเส้นทางสู่แดนเถื่อน ทิศตะวันตกเป็นเทือกเขาตระหง่านที่คั่นแคว้นอวี้กับแคว้นเว่ย ทางทิศใต้ลงไปคือเมืองท่าที่การค้ารุ่งเรือง น้ำทะเลสีนิลและเรือสำเภานับพัน ส่วนทิศตะวันออกนั้นคือวังหลวงหัวใจของแคว้น ที่มีทั้งความงามสง่าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเกมการเมือง และแน่นอนว่าผู้ครองบัลลังก์สูงสุดในวังนั้น…คือเขา…อวี้เหยียน พระองค์ไม่ได้เกิดมาเพื่อครองบัลลังก์ หากแต่เป็นโอรสลำดับสุดท้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน เกิดจากสนมขั้นต่ำจนไม่มีใครเหลียวแล เด็กชายในชุดผ้าฝ้ายเก่า ๆ ที่ยืนอยู่ท้ายขบวนพี่น้อง ยามเสวยก็มักได้เพียงเศษอาหารที่เหลือ แต่ดวงตาคมเรียวคู่นั้น…กลับเฝ้าสังเกตทุกสิ่งเงียบ ๆ พระมารดาของเขานั้นหาได้รักใคร่เขาไม่ เพื่อปกป้องชีวิตของเขานางจึงต้องเสียขาท

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   1

    [เสียงระบบกระซิบในความมืด]“เมื่อเขาหยุดเชื่อในความรัก และสูญเสียจิตใจอันดีงาม เมื่อนั้นโลกก็เริ่มพังทลาย”เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว...ดังสะท้านสะเทือนดั่งฟ้าลั่น สายลมพัดแรงส่งเสียงหวีดหวิว ช่วยส่งเสริมเปลวเพลิงให้ลุกโหม เสียงกรีดร้องโหยหวนของผู้คนที่เจ็บปวดทุรนทุรายก่อนตาย ความวุ่นวายกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง เสียงเปลวเพลิงโลมเลียกลืนกินวังหลวงที่เคยยิ่งใหญ่จนเหลือเพียงเถ้าธุลีกองหนึ่งแต่มีอยู่เพียงที่เดียวที่ยังคงสงบนิ่ง ไร้ซึ่งสรรพเสียงใด บนบัลลังก์มังกร... ร่างของจักรพรรดิหนุ่มผู้เย็นชานั่งนิ่งราวรูปสลัก กำลังถูกเปลวเพลิงกลืนกินทีละน้อย ความร้อนแผ่กระจายไปทั่ว ไฟเริ่มลุกไหม้โลมเลียแผ่นหลังกว้าง ส่งผลให้ผิวเนื้อบริเวณนั้นเริ่มบวมแดงคล้ายจะปริแตกออกมา กลิ่นเนื้อไหม้ปะปนกับกลิ่นคาวเลือด รวมถึงควันคละคลุ้งและเศษซากสิ่งของในตำหนักสิ่งเหล่านั้นไม่อาจทำให้ชายผู้นั่งบนบัลลังก์มังกรสั่นไหวได้แม่แต่องคาพยพเดียว เขายังคงนั่งอยู่อย่างนั้นโดยสีหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวดใด ๆ คล้ายกับว่าไม่ว่าความเจ็บปวดใดจะกล้ำกราย ก็มิอาจทำให้เขาเจ็บช้ำได้แม้เพียงน้อย เพราะเขาได้ผ่านสิ่งที่ทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status