Share

3

Auteur: RainyStarSea
last update Dernière mise à jour: 2025-08-13 19:41:14

แคว้นอวี้…ดินแดนที่ตั้งตระหง่านเหนือคาบสมุทรตะวันออก แผ่นดินนี้กว้างใหญ่จนแสงอาทิตย์ต้องใช้เวลาสองวันเต็มจึงจะไล้แสงผ่านสุดขอบผืนดิน ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่นี่คือดินแดนแห่งวรรณศิลป์และกลยุทธ์การศึก ขุนนางฝ่ายบุ๋นล้วนเชี่ยวชาญกลอนและพิชัยสงคราม ส่วนฝ่ายบู๊ก็ถือดาบดั่งเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณ

ทิศเหนือสุดคือ ป้อมหิมะขาว อันหนาวเยือก คุมเส้นทางสู่แดนเถื่อน ทิศตะวันตกเป็นเทือกเขาตระหง่านที่คั่นแคว้นอวี้กับแคว้นเว่ย ทางทิศใต้ลงไปคือเมืองท่าที่การค้ารุ่งเรือง น้ำทะเลสีนิลและเรือสำเภานับพัน ส่วนทิศตะวันออกนั้นคือวังหลวงหัวใจของแคว้น ที่มีทั้งความงามสง่าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเกมการเมือง และแน่นอนว่าผู้ครองบัลลังก์สูงสุดในวังนั้น…คือเขา…อวี้เหยียน

พระองค์ไม่ได้เกิดมาเพื่อครองบัลลังก์ หากแต่เป็นโอรสลำดับสุดท้ายของฮ่องเต้องค์ก่อน เกิดจากสนมขั้นต่ำจนไม่มีใครเหลียวแล เด็กชายในชุดผ้าฝ้ายเก่า ๆ ที่ยืนอยู่ท้ายขบวนพี่น้อง ยามเสวยก็มักได้เพียงเศษอาหารที่เหลือ แต่ดวงตาคมเรียวคู่นั้น…กลับเฝ้าสังเกตทุกสิ่งเงียบ ๆ

พระมารดาของเขานั้นหาได้รักใคร่เขาไม่ เพื่อปกป้องชีวิตของเขานางจึงต้องเสียขาทั้งสองข้างไป สูญเสียความโปรดปราน ยามที่นางคับแค้นใจแน่นอนว่าย่อมเอามาลงกับบุตรชายของนางเอง หากว่าเสด็จพ่อของเขามีพระโอรสเพียงเขาคนเดียวหรือน้อยกว่านี้ ไม่แน่เขาอาจได้รับความสำคัญแม้ไม่ได้เกิดจากมารดาตระกูลต่ำศักดิ์ หรือเขาอาจได้เป็นบุตรบุญธรรมของฮองเฮา

แต่ทว่าน่าเสียดาย เสด็จพ่อของเขามีพระโอรสที่เกิดจากทั้งฮองเฮาและพระสนมมากถึงสิบสี่คน ใคร ๆ ต่างพูดกันว่าสวรรค์ต่างเมตตาโอรสสวรรค์พระองค์นี้นัก จึงประทานบุตรชายติด ๆ กันมากถึงเพียงนี้

แต่สำหรับองค์ชายสิบสี่อย่างเขา นับว่าคือนรกเสียมากกว่า เขาที่ต้องเรียนร่วมกับพี่ ๆ มักถูกเปรียบเทียบเสมอ ไม่ว่าจะยศตำแหน่งมารดา ตระกูลมารดาใครมีอำนาจช่วยเสด็จพ่อได้ จนไปถึงใครที่ทั้งเรียนและต่อสู้เก่งที่สุด

เมื่อเด็กผู้ชายวัยคึกคะนองมารวมอยู่ในที่เดียวกัน ความแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นในเรื่องพละกำลังและความเป็นผู้นำก็ฉายชัดยิ่งขึ้น เขาที่เป็นน้องเล็กสุด ไหนเลยจะสามารถเอาชนะในเรื่องเหล่านั้นได้ อวี้เหยียนพยายามเก็บงำซ่อนความสามารถ ไม่อาจทำตัวเด่น แต่ไหนเลยทุกอย่างจะเป็นดั่งใจคิด ยิ่งเขากดตัวเอง เหล่าพี่ ๆ ยิ่งกดเขาให้ต่ำยิ่งกว่า หาเรื่องแกล้งเขาทุกครั้งที่มีโอกาส

จนวันหนึ่งอวี้เหยียนถูกขังอยู่ในห้องเก็บของเป็นนาน ไม่ว่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือเพียงใด ตะกุยตะกายหาทางออกอย่างไร ก็ไม่อาจออกไปได้ คืนนั้นบรรดาสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างหนูและแมลงสาบออกมาเดินพล่านไต่ขึ้นมาตามเนื้อตัวของเขาในยามทีาเขาเผลอหลับไป หนูบางตัวบ้างก็แทะเล็มนิ้วเท้าของเขา บางก็กัดหู เจ็บปวดทรมานจนไม่อาจนอนได้ ห้องที่เล็กแคบนั้นไม่ว่าเขาจะขยับหนีไปทางใดก็ไม่อาจหนีได้พ้น จำต้องทนอยู่อย่างนั้น กว่าจะมีใครมาพบเขาเข้าก็ยามซื่อเข้าไปแล้ว

อวี้เหยียนคับแค้นใจ และนั่นจึงเป็นจุดที่เขาเริ่มจะหมดความอดทน

“ในเมื่อพวกเขาดูถูกเรา…ก็ให้พวกเขาฆ่ากันเอง”

วัยสิบสามหนาวเขาเริ่มปล่อยข่าวลับ ปลุกความระแวงในหมู่พี่น้อง ช่วงนี้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด เพราะแว่วข่าวมาว่าเสด็จพ่อกำลังจะแต่งตั้งองค์รัชทายาท เมื่อได้ข่าวที่อวี้เหยียนกระตุ้นเขื้อไฟในใจเพัยงน้อยนิด ไฟในใจพวกเขาก็ลุกโหมจนพวกเขากัดกันและทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น มีเพียงองค์ชายสิบสาม พระโอรสคนโปรดของเสด็จพ่อในตอนนั้นคือเพียงคนเดียวที่รอด และเป็นศัตรูสำคัญที่มีขุนนางฝ่ายบุ๋นหนุนหลัง

อวี้เหยียนรู้ดีว่า หากหวังจะเอาชนะพี่ชาย ต้องมีพันธมิตรฝ่ายบู๊อยู่ในมือ และพันธมิตรที่แข็งแกร่งที่สุด…คือเสนาบดีฝ่ายขวา อวิ๋นจิ้นเหยียน ผู้คุมกองทัพชายแดนและป้อมทหารทั้งสี่ทิศ

[ภาพตัดไป เปลี่ยนเป็นฉาก ราชวังเมื่อสามปีก่อน]

เรือนโถงใหญ่เงียบกริบ ร่างสูงในชุดเกราะครึ่งทางพิธีคุกเข่าลงเบื้องหน้าองค์ชายสิบสี่ อวิ๋นจิ้นเอ่ยเสียงหนักแน่น

“ข้ามีเพียงบุตรสาวคนเดียว…ขอเพียงพระองค์รักษาเกียรติของนาง ไม่ว่าพระองค์จะเป็นเช่นไร สกุลอวิ๋นจะขออยู่ข้างท่าน”

อวี้เหยียนสบตาเขาด้วยสายตาเย็นชาจนอีกฝ่ายสะท้าน

“ท่านยอมโยนบุตรสาวเข้าสู่วังวน…เพื่อแลกกับเกียรติยศตระกูลเช่นนั้นหรือ”

ริมฝีปากเขาโค้งขึ้นน้อย ๆ ราวกับเย้ยหยัน

“เช่นนั้น…ข้าก็จะใช้นาง”

[ภาพเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง]

พิธีแต่งงานของจักรพรรดิในอนาคตกลับไร้ซึ่งความยินดี เทียนแดงมงคลดับไปครึ่งหนึ่งเพราะพายุฝนพัดแรง ร่างเจ้าสาวสีแดงสดในชุดปักดิ้นทองถูกส่งเข้าตำหนักคุนหนิง แต่เขาไม่แม้แต่จะหันกลับไปมอง

คืนเข้าหอ เสียงเขาเย็นชา ราวกับคมมีดเฉือนเข้ากลางอก

“เจ้าจะมีชื่อเป็นพระชายาเอกก็จริง แต่ในใจข้า…ไม่มีที่ให้เจ้า”

หญิงสาววัยสิบหกหลับตาแน่น มือกำชายผ้าไว้เสียจนเจ็บเพื่อซ่อนความสั่นไหว และคำพูดนั้นฝังลึกเป็นรอยแผลแรกของชีวิตคู่

เมื่อเขาขึ้นครองบัลลังก์ อวิ๋นซินเยว่ถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮาตามฐานะ แต่ตำหนักคุนหนิงยังคงเงียบงันราวกับบ้านร้าง ไม่มีคืนไหนที่เขาเคยแวะมา

ในสายตาของทุกคน นางคือฮองเฮาผู้สูงศักดิ์

แต่ในหัวใจของเขา…นางเป็นเพียงพันธะที่ไม่อาจปฏิเสธ!

……..

ภาพทั้งหมดดับลง เหลือเพียงแสงตะเกียงวูบไหวอีกครั้งในตำหนักอันเงียบงัน

น้ำตาหนึ่งหยดไหลลงข้างแก้มอวิ๋นซินเยว่โดยไม่รู้ตัว

เธอพึมพำกับตัวเอง

“…ภายใต้ความเย็นชาเช่นนั้น กลับมีอดีตที่เจ็บปวดขนาดนี้”

เสี่ยวหลิงยกมือเท้าสะเอว ยิ้มแหย

“ทีนี้หม่าม๊าเข้าใจแล้วใช่ไหม ว่าทำไมจักรพรรดิถึงไม่ยอมให้หัวใจตกเป็นเชลยของใครง่าย ๆ”

อวิ๋นซินเยว่นิ่งงันอยู่ท่ามกลางความเงียบของตำหนักคุนหนิง

อดีตที่เสี่ยวหลิงฉายให้เห็นนั้น…ราวกับเพิ่งสลักลึกเข้าในหัวใจเธอ

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   15

    เสียงเหล่าขุนนางขานรายงานลากยาวราวบทสวดอันซ้ำซาก อวี้เหยียนนั่งบนบัลลังก์มังกร สายพระเนตรเย็นเยียบไล่ไปทีละคน…จนถึงเงาร่างหนึ่งที่นั่งเคียงข้าง ผ้าคลุมไหล่สีเข้มของฮองเฮาอวิ๋นซินเยว่สะท้อนเข้าตาเขาพอดี ดวงตาเธอก้มต่ำ ฟังรายงานอย่างสงบ แต่นิ้วเรียวแอบหมุนกำไลหยกบนข้อมือซ้ายไปมาอย่างเบื่อหน่ายเพียงท่าทางเล็กน้อยนั้น กลับสะกิดของเขายิ่งนัก มุมปากหยักหนายกขึ้นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว แต่เพียงแวบเดียวเท่านั้น เขารีบตวัดสานตากลับไปยังขุนนางที่กำลังเถียงกันเรื่องการเก็บภาษีชายแดน หลี่กงกงที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านล่าง มองเห็นแววตานั้นชัดกว่าใคร คนที่นั่งสูงสุดบนบัลลังก์ มังกรยังเป็นมังกร แต่แววตานั้น…ไม่เหมือนเดิม ฮ่องเต้หนุ่มที่ดึงสติกลับมา ได้ยินเสียงขุนนางหนุ่มฝ่ายบุ๋นดังขึ้นอย่างกล้าหาญเกินวัย “ทูลฝ่าบาท หากยังเก็บภาษีเช่นนี้ต่อไป ชาวบ้านชายแดนจะอดตายพะย่ะค่ะ” “เงียบ” พระสุรเสียงดังก้องไปทั่วท้องพระโรงขุนนางหนุ่มหน้าซีดเผือด รีบก้มลงคุกเข่า ทุกสายตาในท้องพระโรงตึงเครียด แต่ละคนไม่กล้าเงยหน้าทั้งห้องเงียบรางกับไร้ผู้คน…ยกเว้นเพี

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   14

    เสียงวิพากษ์วิจารณ์ยังดังระงมรอบลานชมบุปผา “ฮองเฮาเป็นผู้จัดงานจะปฏิเสธความผิดได้อย่างไร!”“สนมขั้นผินถึงกับเกือบสิ้นใจเช่นนี้ มิใช่เรื่องเล็กแล้ว!”หมอหลวงยังคงคุกเข่า รายงานเสียงหนักแน่นว่าเป็นอาการแพ้ดอกไม้ที่ใช้ประดับงานซึ่งทั้งหมดล้วนผ่านมือฮองเฮาจัดการทั้งสิ้นสายตาของเหล่าสนมพุ่งมาที่อวิ๋นซินเยว่ไม่วาง ราวกับเธอเป็นอาชญากรตัวจริง ร่างบางกำมือแน่น หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก ไม่ว่าจะคิดทางไหน ก็ไร้ทางรอด…ทันใดนั้น เสียงเล็ก ๆ ดังเจื้อยแจ้วขึ้นในโสตประสาทของเธอ เสี่ยวหลิง![หม่าม๊า…ทุกคนกำลังตัดสินท่านผิดแน่ ๆ แล้วครับ แต่ถ้าหม่าม๊าอยากให้ช่วย เสี่ยวหลิงก็พอมีวิธีขอรับ]อวิ๋นซินเยว่สะดุ้งน้อย ๆ คิ้วขมวดแน่น พลันกระซิบในใจ 'วิธีอะไร'[วิธีที่จะทำให้ท่านหลุดพ้นในวันนี้อย่างปลอดภัย… เสี่ยวหลิงสามารถปล่อยบั๊กข้อมูล ให้หลักฐานทั้งหมดเบี่ยงเบนไปหาคนอื่นได้ แต่ว่ามีข้อแลกเปลี่ยนครับ]'ข้อแลกเปลี่ยนเหรอ'เสี่ยวหลิงเงียบไปชั่วครู่ ก่อนตอบเสียงเบาลง ราวกับตัวเองก็ไม่อยากพูด[หากวันนี้หม่าม๊าใช้วิธีนี้…ท่านจะรอดพ้นก็จริง แต่ระบบจะตัด *เหตุการณ์พิเศษกับฝ่าบาท ที่ควรเกิดขึ้นหลังงานนี้ออกไปขอรับ]

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   13

    เสียงหัวเราะชื่นชมจากบรรดาสนมดังระงมไปทั่วลาน เมื่อ ซูกุ้ยเฟย ยกกลอนที่เพิ่งแต่งเสร็จขึ้นถวายไทเฮา ท่วงทำนองอ่อนหวาน เปรียบดอกโบตั๋นเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศ สละสลวยจนแม้แต่ขุนนางฝ่ายในที่นั่งอยู่ด้วยยังพยักหน้ารับ ซูกุ้ยเฟยยกยิ้มบาง ก่อนหันไปทางซินเยว่พลางเอื้อนเอ่ยเสียงใส “กลอนของหม่อมฉันหาได้พิเศษอันใดไม่… ผู้ที่มีความสามารถแท้จริงด้านบทกวีคือฮองเฮาต่างหากเพคะ” ทันใดนั้นสายตาทุกคู่ก็หันมาจับจ้องยัง อวิ๋นซินเยว่ หัวใจเธอกระตุก เพราะตัวเองแต่งกลอนไม่เป็นแม้แต่นิดเดียว! [ติ๊ง! สถานการณ์อันตรายระดับ 95%! หากตอบไม่ได้ = ค่าศักดิ์ศรีฮองเฮาลดฮวบ! ถูกผู้คนหัวเราะเยาะทั้งงาน และไทเฮาจะผิดหวังในตัวท่านมากขอรับ] “เอ่อ…หม่อมฉันกลัวว่า หากแต่งกลอนออกมา…จะไปไม่ถึงครึ่งของกุ้ยเฟยเพคะ” เสียงกระซิบดังระงม หลายคนชะงักนึกว่าฮองเฮาจะถอยหนี แต่เธอกลับหันไปยิ้มกว้างต่อหน้าทุกคน ไทเฮาเลิกพระขนงเล็กน้อย คล้ายสนใจอยากฟัง อวิ๋นซินเยว่สูดหายใจลึก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส “ดอกไม้อาจงดงามเพราะฤดูกาล แต่ก็เหี่ยวเฉาไปเพราะฤดูกาลผันผ่านเช่นกัน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   12

    และแล้ววันจัดงานชมบุปผาก็มาถึง เสียงกลองเบา ๆ จากเหล่านักดนตรีด้านนอกดังมาเป็นสัญญาณ งานเลี้ยงชมบุปผาที่ทุกคนรอคอยกำลังจะเริ่มขึ้น ภายในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นางกำนัลนับสิบต่างรุมล้อม ใส่เสื้อคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า สีสันสดใสราวท้องฟ้ายามรุ่งอรุณกับกลีบกุหลาบแรกแย้ม ชุดปักดิ้นเงินลายหงส์สยายปีกโอบล้อมไปทั่วร่าง ผมดำถูกรวบขึ้นอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกมรกตระยิบระยับ เมื่อเครื่องประดับชิ้นสุดท้ายถูกเสียบลง เธอถูกดันให้นั่งต่อหน้ากระจกทองเหลืองบานใหญ่ ภาพสะท้อนเบื้องหน้าทำให้เธอถึงกับตะลึง “นี่…คือข้าจริง ๆ หรือ?” อวิ๋นซินเยว่อ้าปากค้างเล็กน้อย กะพริบตาปริบ ๆ เหมือนมองคนแปลกหน้า ผิวที่ปกติซีดขาวบัดนี้เจือสีแดงนวลอย่างสุขภาพดี ริมฝีปากทาด้วยชาดสีแดงอ่อนดูงามละมุน สายตาที่เคยสดใสราวเด็กสาวกลับกลายเป็นวาววับดั่งหญิงสูงศักดิ์ที่พร้อมจะสะกดทุกสายตาแต่แววซุกซนยังไม่หายไป ทำให้ความสง่างามนั้นยิ่งมีเสน่ห์มากกว่าใคร

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   11

    ลมฤดูใบไม้ผลิพัดกลีบดอกเหมยปลิวเข้ามาในตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ท่ามกลางกองบันทึกพิธีและตำรามารยาทสูงเป็นตั้ง ดวงตาคมกวาดมองทีละบรรทัดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม นางพึมพำเบา ๆ “งานชมดอกไม้… มิใช่เพียงเรื่องความงาม หากแต่สะท้อนศักดิ์ศรีของฮองเฮา หากข้าพลาดเพียงนิดเดียว ซูกุ้ยเฟยจะต้องใช้เป็นข้ออ้างโจมตีข้าแน่” ทันใดนั้น แสงสีฟ้าใสสว่างวาบขึ้นกลางอากาศ เสี่ยวหลิง ระบบเอไออัจฉริยะปรากฏร่างจำลองขึ้นมาพร้อมเสียงแจ่มใสที่ตัดกับบรรยากาศตึงเครียด “หม่าม๊า อย่ากังวลไปเลย ข้าได้สแกนบันทึกงานราชพิธีเก่า ๆ ทั้งหมดแล้ว พบว่ามีจุดอ่อนอยู่หลายอย่างที่สามารถพลิกสถานการณ์ให้ท่านได้เปรียบ!” อวิ๋นซินเยว่เงยหน้ามองด้วยสายตาวาบประกายความหวัง “เจ้ามีแผนอะไรหรือ เสี่ยวหลิง?” ภาพเสมือนคล้ายแผนผังสามมิติถูกฉายขึ้นกลางห้อง แสดงการจัดวางตำแหน่งโต๊ะสำรับ น้ำชา ดนตรี และตำแหน่งดอกไม้ในสวน เสี่ยวหลิงเอ่ยเสียงกระตือรือร้น “หากท่านเลือกพันธุ์ดอกไม้ที่ยังไม่เบ่งบานเต็มที่ พอถึงวันงานมันจะผลิบานพร้อมกันพอดี สร้างความประทับใจได้มากกว่าซูกุ้ยเฟยที่มัวแต่เน้นความหรูหราเกินจำเป็น” นางพยักหน้าอย่างครุ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาราชาทรราชย์   10

    เสียงฆ้องเบา ๆ ดังขึ้นสามครั้ง ก่อนที่ม่านกำมะหยี่สีแดงขลิบทองในห้องโถงของตำหนักคุนหนิงจะถูกเลิกขึ้นอย่างช้า ๆ แสงแดดยามสายส่องลอดเข้ามาตกต้องกับอาภรณ์สีม่วงทองระยับตา ไทเฮาปรากฏกายอย่างสง่างามเรือนพระเกศาที่ขาวแซมเพียงเล็กน้อยถูกเกล้าอย่างประณีต ประดับปิ่นหยกชั้นสูง สายตาคมกริบของนางกวาดมองเหล่าสนมและพระสนมชั้นสูงที่คุกเข่าลงและนั่งเรียงรายอยู่เบื้องหน้า ทันใดนั้น บรรยากาศทั้งตำหนักอี้คุนก็เหมือนถูกตรึงด้วยไอเย็นแห่งอำนาจของสตรีที่เคยได้ชื่อว่ามีอำนาจที่สุดในวังหลังของจักรพรรดิองค์ก่อนเสียงขันทีขานพระนามกังวานก้อง “ไทเฮาเสด็จ”เหล่าสตรีในวังหลังที่มียศต่ำต่างหมอบลงจนหน้าผากแตะพื้น อวิ๋นซินเยว่เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน เพียงประสานมือค้อมตัวลงต่ำอย่างนอบน้อม แต่ในใจกลับรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่กำลังกดทับมาบนบ่าไทเฮา ก้าวลงจากบัลลังก์ย่อม ๆ แท่นสูง เสียงรองเท้าปักมุกกระทบพื้นไม้ดังก้องอย่างสง่างามนางทอดพระเนตรมายังอวิ๋นซินเยว่ ริมฝีปากโค้งเพียงน้อย แต่เต็มไปด้วยนัยลึกล้ำ “ฮองเฮา… อีกเจ็ดวันจะมีงานเลี้ยงชมบุปผา เจ้าคงรู้ดีว่า นี่ไม่ใช่เพียงงานรื่นเริง แต่เป็นงานที่แสดงเกียรติยศและเป็

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status