LOGINรุ่งอรุณสาดแสงสีทองผ่านม่านบาง ๆ ของตำหนักคุนหนิง อวิ๋นซินเยว่ลุกขึ้นด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจจะทำสิ่งใดสักอย่างเพื่อตอบแทนพระเมตตาเมื่อคืนที่ผ่านมา จากที่ได้ฟังเรื่องราวที่เสี่ยวหลิงเล่าให้ฟัง ประกอบกับคำพูดของนางกำนัลถึงสิ่งที่ฝ่าบาททำให้ แม้จะไม่รู้ว่าคืนนั้นฝ่าบาทได้ยินอะไรไปบ้าง แต่หัวใจของนางก็เต็มไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ ความรู้สึกที่ว่าเธอกำลังก้าวเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของเขาได้สำเร็จ
“เตรียมสมุนไพรบำรุงร่างกาย ข้าจะลงมือทำซุปด้วยตัวเอง” นางสั่งเสียงหนักแน่น วันนี้ต้องไม่พลาดไม่นาน กลิ่นหอมละมุนของซุปสมุนไพรที่ใช้ ‘สกิลข้าวกล่องฮองเฮา’ ทำอย่างพิถีพิถัน ค่อย ๆ ลอยอบอวลไปทั่วตำหนัก มือเรียวเล็กยกถาดทองเหลืองขึ้นมั่นคง มุ่งตรงไปยังตำหนักหยางซิน ที่พำนักขององค์จักรพรรดิอวี้เหยียน ภายในท้องพระโรง อวี้เหยียนประทับบนบัลลังก์มังกรสูงสง่า ใบหน้าของเขาเคร่งเครียด แววตาคมคายยังเย็นเฉียบไม่ต่างจากผืนน้ำแข็งพันปี เมื่อเห็นฮองเฮาก้าวเข้ามาพร้อมถาดในมือ พระเนตรหรี่ลงแวบหนึ่ง ความหงุดหงิดและความสับสนปะปนอยู่ในแววตา “หม่อมฉัน…ทำซุปบำรุงมาถวายเพคะ” อวิ๋นซินเยว่เอ่ยเสียงอ่อนโยน แววตาเปี่ยมความจริงใจขันทีข้างพระวรกายรีบรับถาดมาวางตรงหน้าพระองค์ แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยต่อ เสียงถ้วยกระแทกแตกกระจายก็ดังก้องไปทั่วตำหนัก เพล้ง! อวี้เหยียนตวัดพระหัตถ์ผลักถ้วยซุปกระเด็นแตกกระจาย ความรุนแรงนั้นผิดปกติ เศษถ้วยปลิวว่อนจนเสี้ยวหนึ่งของขอบคมกริบบาดลงที่แก้มขวาของอวิ๋นซินเยว่เป็นรอยยาว เลือดสีแดงสดผุดซึมออกมาจากบาดแผลทุกคนในที่แห่งนั้นนิ่งค้างด้วยความตกตะลึง! แววตาขององค์จักรพรรดิฉายแววตกใจอย่างรุนแรง เพียงแวบเดียว เมื่อเห็นรอยเลือดบนแก้มของฮองเฮา ร่างกายกระตุก มือขวาเหยียดยาวออกไป ราวกับใจหนึ่งอยากลุกขึ้นไปประคองนาง แต่แล้วเพียงเสี้ยวอึดใจนั้น ความเย็นชาก็กลับคืนมาอย่างแข็งกร้าวที่สุด “หึ…มารยาสตรี มันใช้ได้ผลกับผู้อื่น แต่ไม่ใช่กับข้า!” พระสุรเสียงแผ่วต่ำ ทว่าทุกถ้อยคำเย็นยะเยือกแทงใจ “ความเมตตาของข้า…มิใช่สิ่งที่เจ้าจะนำมาเล่นสนุก!” อวิ๋นซินเยว่กำมือแน่น เจ็บทั้งกายและใจจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ นางหรืออุตส่าห์ตั้งใจทำเพื่อตอบแทนน้ำใจ ไม่ได้หวังแม้แต่คำขอบคุณ เขากลับมีท่าทีเช่นนี้ ช่างคาดเดาอารมณ์ยากเหลือเกิน สมแล้วที่เป็นฮ่องเต้ทรราช ไม่ใส่ใจความรู้สึกผู้ใด…ทำตามอารมณ์ตัวเอง 'ไม่ได้! ข้าจะร้องไห้กับเรื่องแค่นี้ไม่ได้! ยิ่งไม่ควรให้เขาเห็นน้ำตา! เขาจะยิ่งรังเกียจเราและคิดว่าเรากำลังใช้มารยาเรียกร้องความสนใจ!’ อวิ๋นซินเยว่เชิดหน้าขึ้นอย่างสง่างาม ทนทานต่อความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ แม้เลือดแดงสดกำลังไหลลงมาตามแก้มขาวผ่องขันทีชราข้างกายฝ่าบาททำสีหน้ากระอักกระอ่วน ในใจคิดเพียงว่าฝ่าบาทกำลังทำร้ายตนเองมากกว่าจะทำร้ายฮองเฮาเสียอีก ...... อวิ๋นซินเยว่กลับตำหนักคุนหนิงด้วยแผลบนแก้ม นางกำนัลรีบเข้ามาช่วยเช็ดเลือด แต่เธอกลับนิ่งสงบ ความเงียบที่น่ากลัวนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง ‘ตราบใดที่ฉันยังมีลมหายใจอยู่ในร่างนี้…ฉันจะไม่ยอมแพ้ให้เขามองว่าฉันเป็นแค่สตรีที่ไร้ค่า! [ติ๊ง! คะแนนค่าความชอบของฝ่าบาทกำลังดิ่งลงอย่างมาก! คำเตือนระดับอันตราย! -25องศาในครั้งเดียว! คะแนนความชอบต่ำสุดนับตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจ!] [หากหม่าม๊ายังปล่อยไว้เช่นนี้ จากกำหนดเวลาเดิมก่อนที่โลกนี้จะแตกคือ 365 วัน อาจลดลงมาเหลือ 60วันนะครับ!] "อะไรนะ! กว่าคะแนนจะขึ้นแต่ละแต้ม โคตะระยากเลย! แต่พอนึกจะลดก็ลดฮวบฮาบเลยเนี่ยนะ! แถมยังลดเวลาทำภารกิจอีก จะบ้าตายรายวัน" อวิ๋นซินเยว่ว่าพลางยกสองมือขยุ้มผมตัวเองไปมาจนผมยุ่งไปหมด ความตื่นตระหนกเข้าครอบงำเธออย่างรวดเร็ว [หม่าม๊าต้องรีบคิดหาทางเยียวยาจิตใจพระเอก และใกล้ชิดจนพระเอกตกหลุมรักให้ได้ก่อนเวลาจะหมดนะครับ ไม่อย่างนั้น...] "ไม่อย่างนั้น?" [ไม่อย่างนั้น หม่าม๊าก็ต้องติดในโลกนี้และตายไปพร้อมกับพระเอกครับ] "ย่ะ! ไม่ต้องย้ำหรอก เฮ้อออ... ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเอาใจใครเลย แม้แต่พ่อแม่ก็โอ๋ฉันจะตาย แต่อีตาพระเอกบ้านี่เอาใจโคตรยาก! เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย! ฉันจะประสาทกินแล้วนะ!" อวิ๋นซินเยว่นอนกอดเข่าอยู่บนเตียงของตัวเองในตำหนักคุนหนิง จื่อเยว่เห็นเจ้านายมีท่าทีเหม่อลอยและนั่งโดยไม่ระวังกิริยา นางก็รีบเอ่ย “พระนางนั่งเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ เอาขาลงมาเถิดเพคะ” ว่าพลางช่วยจัดท่าทางให้ผู้เป็นนาย อวิ๋นซินเยว่นั้นก็ทำเพียงนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ภายในหัวกำลังคิดอย่างหนักว่า เธอจะหาทางรุกคืบเข้าไปในกำแพงน้ำแข็งของอวี้เหยียนได้อย่างไร ....... ในหัวของจักรพรรดิอวี้เหยียนมักปรากฏภาพเลือดบนแก้มของอวิ๋นซินเยว่ สายตาเจ็บปวดที่นางไม่ยอมให้ใครเห็น และริมฝีปากน้อย ๆ ที่ขบเม้มเข้าหากันแน่นราวกับพยายามข่มกลั้นอารมณ์บางอย่าง เขาไม่ชอบความรู้สึกเช่นนี้เลย! ความรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นสัตว์ประหลาด…ที่ทำร้ายคนที่ปรารถนาดี เขาบีบพระหัตถ์แน่นจนเส้นเอ็นปูดโปน‘ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายนาง! นางต่างหากที่มาทำลายความสงบในใจของข้า!’ เขาพยายามโทษเธอ แต่ไม่เป็นผลสายลมยามเย็นพัดผ่านหน้าต่างตำหนักคุนหนิง กลิ่นไม้หอมจาง ๆ ลอยคลุ้ง ขันทีเฒ่าเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม มือเหี่ยวย่นกุมห่อผ้าเล็ก ๆ ที่ทำจากผ้าต่วนเนื้อดีไว้อย่างทะนุถนอมนางกำนัลทั้งหลายต่างหยุดการกระทำทุกอย่างลงพลางก้มศีรษะย่อตัวลงทำความเคารพ เมื่อกงกงยกมือไล่ให้ทุกคนถอยออกไป เหลือเพียงสองนางกำนัลผู้ใกล้ชิดฮองเฮาเพียงเท่านั้น เขายื่นห่อผ้าให้พลางเอ่ยเสียงต่ำ “นี่คือยาทาชั้นดี ยาจากตำหนักลับ ฝ่าบาททรงประทานให้แก่ฮองเฮา หาได้ยากยิ่ง… ยานี้เพียงแต้มเล็กน้อยก็สามารถสมานแผลให้หายได้อย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งรอย” จื่อเยว่เบิกตากว้าง ก่อนจะเอื้อมไปรับ แต่เสียงของกงกงกลับดังขึ้นอีกครั้ง ทุ้มแผ่วแต่แฝงอำนาจ “แต่พวกเจ้า ห้ามบอกฮองเฮาว่ายานี้มาจากไหน… หากฮองเฮาสงสัย ก็จงบอกไปว่า เจ้าส่งคนไปขอจากสำนักหมอหลวงมา ”จื่อเยว่และนางกำนัลอีกคนรีบพยักหน้ารับคำ สีหน้าฉายความประหลาดใจปนไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยคำถามขันทีชราหรี่ตาลงเล็กน้อย คล้ายจะพูดกับตนเองมากกว่าจะบอกผู้อื่น “ฝ่าบาท…ทรงเมตตาเงียบ ๆ เช่นนี้แหละ ดีแล้ว หากให้ทรงแสดงความเมตตาต่อหน้า…เกรงว่ากำแพงที่ทรงพยายามปกป้องใจตนเองอยู่จะพังทลายลงในไม่ช้า” เมื่อขันทีข้างกายฝ่าบาทหมุนกายจากไป เหลือนางกำนัลถือห่อผ้าไว้ในอ้อมแขน หัวใจสั่นระรัว พวกนางต่างรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา หากพระองค์ไม่ทรงใส่ใจฮองเฮาเลย เหตุใดจะต้องประทานยาลับมาด้วยวิธีเช่นนี้กันเล่า จื่อเยว่เดินเข้าไปหาผู้เป็นนายอย่างระมัดระวัง พร้อมนำยาออกมาบรรจงป้ายลงบนบาดแผลที่แก้มของฮองเฮา ทันทีที่เนื้อยาแตะกับบาดแผล ความรู้สึกเย็นซ่านก็แผ่กระจายไปทั่ว ความปวดร้าวลดลงอย่างรวดเร็ว “ยานี้วิเศษยิ่งเพคะ! ฝ่าบาท…เอ่อ… สำนักหมอหลวงให้มา” จื่อเยว่รีบแก้คำพูดตามที่ได้รับสั่งมา อวิ๋นซินเยว่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะในหัวเธอกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผน แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่คุ้นเคยจากเนื้อยา!‘กลิ่นนี้!’มันเป็นกลิ่นหอมเย็น ๆ ที่คล้ายกับกลิ่นสมุนไพรหายากที่เธอเคยใช้ [ติ๊ง! คำเตือนระดับสีเหลือง! ส่วนผสมของยานี้...คือส่วนผสมที่ใช้ในการถอนพิษที่หม่าม๊าถูกวางยาเมื่อคืนก่อนนั้น! และยานี้คือยาที่ฝ่าบาททรงนำมาป้อนหม่าม๊าด้วยพระองค์เอง!] “จื่อเยว่! เจ้าเอายานี้มาให้ข้าดูใกล้ ๆหน่อยสิ” อวิ๋นซินเยว่สั่งด้วยน้ำเสียงที่รุนแรงผิดปกติเธอรับตลับยามาถือไว้ในมือ ใจเต้นระรัว ฝ่ามือเธอสั่นเทา กลิ่นของยานี้...ยืนยันสิ่งที่เสี่ยวหลิงบอก!พระองค์ไม่ได้ผลักไสเธอเพราะเกลียดชังแต่พระองค์ผลักไสเธอ...เพราะกลัวที่จะต้องเสียเธอไปอีกครั้ง!และที่สำคัญกว่านั้น… [คำถาม: ใครเป็นคนปรุงยานี้? ยาถอนพิษที่หายากที่สุดในแคว้นอวี้?] คำตอบ : มีเพียงหมอหลวงคนเดียวที่ทำได้…และวัตถุดิบมาจากคลังหลวงที่ฝ่าบาทเก็บไว้ใช้ส่วนพระองค์เท่านั้น! นี่คือความใส่ใจที่มาจากใจจริง!] ความจริงที่ว่าจักรพรรดิผู้เย็นชาทำร้ายเธออย่างรุนแรง…แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งยาลับที่แพงที่สุดและใกล้ชิดที่สุดของเขามาให้...มันทำให้หัวใจของอวิ๋นซินเยว่สั่นคลอนอย่างรุนแรง!เขาไม่ได้เกลียดเธอเลย! เขาแค่กลัวที่จะรักเธอ!เธอต้องทำลายความกลัวนั้นให้ได้! “พรุ่งนี้…เตรียมชุดที่งดงามที่สุด ข้าจะไปพบฝ่าบาทที่ตำหนักหยางซิน และครั้งนี้…ข้าจะไปในฐานะของ ‘ฮองเฮา’ ผู้ประกาศสิทธิ์ในตัวพระสวามี!”ค่ำคืนนั้นวังทั้งวังเหมือนกลายเป็นทะเลสาบแข็ง ไม่มีลม ไม่มีเสียงก้าวเท้าเพียงเสียงพู่กันของเธอที่ลากผ่านแผ่นผ้าไหมทีละเส้นอวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่ในห้องหนังสือส่วนตัว เปลวเทียนส่องแสงอุ่นที่ปลายโต๊ะ กลีบเหมยขาวหล่นหนึ่งกลีบ วางอยู่ข้างถ้วยชาเย็นชืด[บันทึกภารกิจ: ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเป้าหมาย “จักรพรรดิอวี้เหยียน”][อัตราความสับสนทางอารมณ์: 47%][สถานะ: ไม่คงที่]เสียงเสี่ยวหลิงดังขึ้นเหมือนเคย แต่ในความปกตินั้น มีบางอย่างแปลกไป...เล็กน้อยเกินจะบอกได้“เสี่ยวหลิง” ซินเยว่วางพู่กันลง “เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเลขนี้ถูกต้อง?”[ข้อมูลจากระบบวัดโดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสงสัยความแม่นยำ]น้ำเสียงมันเหมือนเดิมแต่มี โทนสูงขึ้นครึ่งจังหวะ ตอนพูดคำว่า “สงสัย” เธอขมวดคิ้วบาง ๆ“แต่ก่อนหน้านี้ เจ้าบอกว่าระดับของเขาไม่เกินสามสิบห้า”[ฐานข้อมูลอัปเดตอัตโนมัติ...ตามพฤติกรรมล่าสุดของเป้าหมาย]“ล่าสุด?” เธอพึมพำ “หมายถึง...วันนี้?”[ยามเที่ยง วันนี้...ฝ่าบาททอดพระเนตรภาพเหมยขาวในแจกันระดับอารมณ์แปรปรวนขึ้นสิบสองเปอร์เซ็นต์]"ภาพเหมยขาว?” เธอก้มมองแจกันตรงหน้า กลีบดอกที่ร่วงจากกิ่งนั้นมีอยู่แค่หนึ่งกลีบ[ระ
ยามเช้า พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้นสูง ท้องพระโรงเต็มไปด้วยเหล่าขุนนางในชุดทางการสีดำแดง อวี้เหยียนประทับอยู่เบื้องบน แสงเช้าสะท้อนบนฉลองพระองค์ทองเข้มจนแสบตา ใต้แสงนั้น พระเนตรคมเหมือนคมมีด ไม่มีใครกล้ามองตรง ๆ เลยสักคนเดียว “เริ่มประชุม” พระสุรเสียงเย็นเรียบ เสนาบดีฝ่ายซ้ายคำนับ “กราบทูลฝ่าบาทรายงานข่าวจากชายแดนเหนือ พบว่ากองทัพของเสนาบดีอวิ๋นเคลื่อนกำลังเกินแนวลาดตระเวนตามสัญญา...จึงขอพระราชทานอนุญาตตรวจสอบให้ละเอียดพ่ะย่ะค่ะ” เสียงซุบซิบเบา ๆ ดังในหมู่ขุนนาง “ข่าวแน่นะ?” “ใช่ ข้าก็ได้ยินว่าตระกูลอวิ๋นมีการเก็บเสบียงเพิ่ม" แต่ก่อนเสียงจะขยายออกไป ประตูบานใหญ่ของท้องพระโรงก็ถูกผลักเปิดออก ปัง! เสียงนั้นดังพอให้ทุกคนหันมองและสิ่งที่เห็น...ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ ร่างสะโอดสะองในชุดผ้าแพรสีงาช้าง ก้าวเข้ามาช้า ๆ ใบหน้างามนั้นสงบ แววตาแน่วแน่ ทุกฝีเท้าเต็มไปด้วยความตั้งใจ ปนความท้าทาย “ฮองเฮา!?” “พระองค์ทรง..” "นางมาทำอะไรที่นี่" "นี่มันผิดธรรมเนียมนะ ใครปล่อยให้พระนางเข้ามา" เสียงขุนนางหลายคนดังขึ้นพร้อมกัน เหวินหรงแทบจะถลาออกมา “ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ! ที่นี่..” “ท้อ
สายลมต้นฤดูหนาวพัดกรูเข้ามาตามเฉลียง ธงราชสำนักปลิวแรงจนผ้าสีทองสะบัดเหมือนเปลวเพลิง ขันทีหลวงคุกเข่ากลางโถงตำหนักคุนหนิง เสียงประกาศก้องดังสะท้อน “พระราชโองการจากฝ่าบาท ให้ซูกุ้ยเฟยเป็นผู้ดูแลกิจการวังหลังทั้งหมด จนกว่าฮองเฮาจะฟื้นพระพลานามัยอย่างสมบูรณ์ พระราชโองการนี้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!” เสียงแผ่นทองคำสลักพระนามกระทบกันเบา ๆ เงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจของทุกคนในห้อง อวิ๋นซินเยว่นั่งอยู่บนตั่งไม้หอม ดวงหน้าสงบจนผิดธรรมชาติ ไม่แม้แต่จะกะพริบตา นางกำนัลสองคนที่คอยอยู่ข้างหลังเริ่มตัวสั่น “ฝ่าบาท...หมายความว่า...” เสียงพวกนางขาดหายเมื่อฮองเฮามองมาททงพวกนาง “วังนี้ช่างเมตตานัก” เธอพูดเสียงเรียบ “ข้าเพียงล้มป่วยไม่กี่วัน ก็มีคนมาช่วยแบ่งภาระ” ขันทีที่ถือพระราชโองการอยู่แทบกลั้นหายใจ ไม่มีเสียงโวยวาย ไม่มีถ้วยชาแตก ไม่มีคำปฏิเสธ มีเพียงรอยยิ้มบางบนริมฝีปากที่สงบจนน่ากลัว “ถวายพระพรฝ่าบาท” เธอกล่าวช้า ๆ “หม่อมฉันจะปฏิบัติตามพระบัญชาอย่างเคร่งครัด” เสียงของเธออ่อนโยน แต่แววตาในยามที่มองพระราชโองการนั้นเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง ราวกับเธอมองกระดาษทองคำแผ่นนั้นเป็นเพียง
เสียงฝนหยุดลงในยามเกือบรุ่งเหลือเพียงกลิ่นดินชื้นและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเหมยขาวที่ยังติดอยู่ในอากาศ เงาในตำหนักหลวงยาวเหยียด และพระองค์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหวินหรงก้าวเข้ามาช้า ๆ “ฝ่าบาท...ทรงควรเปลี่ยนฉลองพระองค์พ่ะย่ะค่ะ ฝนหยุดแล้ว” ไม่มีคำตอบ เพียงพระหัตถ์ที่ยกขึ้นช้า ๆ มองรอยเลือดบนฝ่ามือของตนเอง รอยที่เกิดจากเล็บจิกแน่นเมื่อครู่ หยดเลือดเล็ก ๆ ตกลงบนพื้นหิน เย็นและหนักเหมือนความเงียบที่กดทับอยู่ในอก “เหวินหรง” “พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” “เจ้ารู้ไหม...ตอนที่นางพูดว่า ‘หม่อมฉันเพียงไม่อยากอยู่ในโลกที่ฝ่าบาทไม่ไว้ใจ’” พระสุรเสียงนั้นเบา ราวกระซิบให้ตัวเองฟัง “ข้ารู้สึก...เหมือนถูกใครสักคนบีบคอ” เหวินหรงนิ่งงัน “ฝ่าบาท...นางพูดด้วยใจจริงพ่ะย่ะค่ะ” “ใจจริงงั้นหรือ” อวี้เหยียนหัวเราะเบา ๆ เสียงนั้นขมจนเจ็บ “ใจจริงของนาง...หรือใจของข้าที่อยากเชื่อจนโง่” พระองค์ทรุดลงนั่งบนขั้นบัลลังก์ พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับขมับ “เหวินหรง เจ้าเคยรู้ไหม เวลาคนพยายามไม่รู้สึกอะไร...มันเหนื่อยยิ่งกว่าการแสดงออกไปตรง ๆ มันหนักหนาเสียยิ่งกว่าการสู้รบเสียอีก” “พ่ะย่ะค่ะ...” ขันทีเฒ่าก้มต่ำ “ข้าคือจักรพรรดิ.
อวิ๋นซินเยว่ไม่คิดเลยว่าตัวเธอจะเสียใจขนาดนี้ จนกระทั่งเสี่ยวหลิงทักนั่นเอง เธอถึงได้รู้สึกตัว [หม่าม๊า ร้องไห้ทำไมครับ] เด็กชายในรูปลักษณ์โฮโลแกรมลอยเข้ามาประชิดร่างของหญิงสาวที่ขณะนี้ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาออกไปจากดวงตาและใบหน้าของตัวเองอย่างลวก ๆ "สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง" [ถ้าหากหม่าม๊าหมายถึงฝ่าบาทแล้วล่ะก็ ผมจะตรวจสอบให้ครับ ... .. . สถานะความชอบ 5 แต้ม ความไว้วางใจ -1 มีแนวโน้มที่อาจจะเกิดอันตรายกับครอบครัวของร่างโฮสต์ที่หม่าม้าอยู่ตอนนี้ครับ] "อันตรายมากจริง ๆ เฮ้ออ ถึงแม้ว่าฉันจะมาอยู่ได้ไม่นาน และยังไม่เคยเห็นหน้าพวกเขาที่เป็นครอบครัวของฮองเฮาเลยสักนิด แต่จากที่อยู่ในร่างนี้และโลกนี้มา นางก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เลือกสามีผิดล่ะนะ" [หม่าม๊าจะว่าแบบนั้นก็ไม่ถูกนะครับ หญิงสาวในยุคนี้ไม่ได้เหมือนหญิงสาวในยุคของหม่าม๊า พวกนางไม่สามารถเลือกชีวิตตนเองได้ ครอบครัวอย่างพ่อแม่เป็นคนเลือกให้ และผู้ชายเป็นฝ่ายเลือกผู้หญิง] "เฮ้ออ เอาเถอะ มาคิดหาทางรอดให้พวกเขากันดีกว่า ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผลก็ไม้แข็งเลยละกัน" อวิ๋นซินเยว่พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเต็ม
ความเงียบในทางเดินหินของตำหนักหลวงนั้นหนาวกว่าฝนด้านนอก เสียงพระสุรเสียงของจักรพรรดิอวี้เหยียนยังสะท้อนอยู่ในหัว ของอวิ๋นซินเยว่ชัดจนแทบจับน้ำเสียงขุ่นเคืองภายใต้ความเย็นชานั้นได้ “ข้าไม่เคยไว้ใจนาง...ต่อให้ต้องสูญเสียทุกสิ่ง ก็จะไม่ยอมอ่อนแอเพราะนาง” เพียงคำเดียว...อวิ๋นซินเยว่รู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับบนอกเธออย่างเฉียบพลัน ปลายนิ้วที่เคยสัมผัสดอกเหมยขาวเมื่อวันก่อนสั่นน้อย ๆ ดอกไม้นั้น...ตอนนี้เหมือนสิ่งโง่เขลาที่เธอเผลอเก็บไว้หวังแทนหัวใจคนอื่น ดอกเหมยที่ครั้งก่อนชายคนนั้นเพิ่งมอบมันให้เธอ เสี่ยวหลิงส่งเสียงในหัวทันที [ระดับอารมณ์ของจักรพรรดิอวี้เหยียนแปรปรวนเกินค่ามาตรฐาน 78%] [คำเตือน: หากความสัมพันธ์ทรุดต่ำกว่าค่าความเชื่อมั่น 10 หน่วย ภารกิจ “ฟื้นฟูพระเอก” จะเข้าสู่สถานะล้มเหลว] อวิ๋นซินเยว่หัวเราะในลำคอเบา ๆ น้ำเสียงนั้นแตกพร่าเหมือนแก้วร้าว “ภารกิจล้มเหลวเหรอ...” เธอพึมพำ “หนูคิดว่าโลกนี้จะพังเพราะโค้ดของหนูเหรอ? ไม่...มันพังเพราะหัวใจของคนโง่อย่างฉันนี่แหละ” เธอก้าวออกจากทางเดินแคบ ๆ สู่อากาศเย็นจัดข้างนอก พระจันทร์ซ่อนอยู่หลังม่านหมอก หยดฝนเริ่มร่วงช้า ๆ แตะหน้าผ







