แชร์

บทที่ 14

ผู้เขียน: ซินต้งหรูสุ่ย
เจี่ยนอันอันดีใจเป็นลิงโลดเมื่อเห็นมิติร้านค้า

ภายในมิติมีเงินตั้งมากมายถึงเพียงนั้น นางสามารถนำมาซื้อของในร้านค้าได้

หลังจากนี้จะได้กินหลัวซือเฝิ่น[1]กับขนมให้สาแก่ใจได้แล้ว

ไม่นึกเลยว่านางจะจับพลัดจับผลูทำเสร็จไปอีกภารกิจ

เจี่ยนอันอันมีความสุขจนเผลอยกยิ้มและฮัมเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัว

ในยามนี้เอง ทหารรักษาพระองค์พวกนั้นก็ทยอยกันกลับมา

เมื่อครู่นี้พวกเขาไปทำธุระมาอีกรอบ ยามนี้ท้องไส้จึงรู้สึกสงบลงในที่สุด

พวกเขากลับมายังหน้ากองไฟและเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าไม่มีพวกเขาคนใดอยู่เฝ้าที่นี่แม้แต่คนเดียว

โชคดีที่คนของจวนเยียนอ๋องต่างก็นั่งอยู่ที่นี่ มิมีผู้ใดเล็ดลอดหนีไป

มิเช่นนั้นหากมีคนหนีไป พวกเขาคงกลับไปรายงานผลการปฏิบัติภารกิจไม่ได้

เหล่าทหารรักษาพระองค์ต่างนึกกลัวผลที่จะตามมา

พวกเขารอแล้วรอเล่า หัวหน้าก็ไม่กลับมาสักที

ทหารที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับหัวหน้าทหารรักษาพระองค์นายหนึ่งเห็นว่าหัวหน้าไม่กลับมาสักที ก็ลุกขึ้นยืนอย่างสุดจะทนในท้ายที่สุด

เขาบอกกับทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ “พวกเจ้าเฝ้าคนพวกนี้ให้ดี ข้าจะไปหาท่านหัวหน้า”

ทหารนายนี้ว่าจบก็วิ่งเข้าไปในป่า

ครั้นเจี่ยนอันอันเห็นทหารนายนี้วิ่งออกจากกลุ่ม ภาพอีกชุดหนึ่งพลันปรากฏแก่สายตานาง

นางเห็นภาพที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์กำลังนั่งยองอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยสีหน้าทุกข์ระทม

ขาทั้งสองเหน็บชาจากการย่อเป็นเวลานาน กำลังเกาะต้นไม้เพื่อลุกตัวขึ้น

แต่เขาเพิ่งจะลุกตัวขึ้น อาการปวดร้าวแสนสาหัสก็ส่งมาจากขา

ครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดมาตามหา หัวหน้าทหารรักษาพระองค์พลันสาปแช่งเสียงแหบว่า “เจ้าพวกเนรคุณ!”

“ที่ผ่านมาทั้งกินทั้งใช้ของของข้า แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญกลับวิ่งหนีไวยิ่งกว่าสุนัขเสียอีก”

“ข้าร้องเรียกพวกเจ้าตั้งนาน ไม่รู้ว่าหูหนวกกันหมดหรือว่าจงใจไม่สนใจกันกันแน่”

“รอก่อนเถอะ เตรียมใจได้เลยว่าข้ากลับไปแล้วจะสั่งสอนพวกเจ้าอย่างไร”

เจี่ยนอันอันอดก้มหน้ายกยิ้มมุมปากไม่ได้เมื่อเห็นถึงตรงนี้

นางรู้สึกขอบคุณความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตของร่างเดิมเหลือเกินที่ทำให้นางได้เห็นฉากที่น่าสนใจขนาดนี้

ฉับพลันนั้นเอง ภาพของทหารที่แยกตัวออกไปก็ปรากฏเบื้องหน้า

ทหารนายนี้เดินมาถึงจุดที่อยู่ห่างจากต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงก่นด่าของหัวหน้า

เขารีบวิ่งไปยังต้นตอของเสียง

ชั่วพริบตาที่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เห็นทหารนายนี้ ดวงตาเขาพลันสุกสกาวประหนึ่งเห็นแสงอรุณแรก

ไม่เสียแรงที่เขาญาติดีกับทหารนายนี้ ยังดีที่รู้จักนึกถึงเขาในช่วงเวลาวิกฤต

ทหารนายนี้เพิ่งจะวิ่งมาถึงเบื้องหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ต้องโงนเงนโซเซเพราะกลิ่นเหม็นจากเบื้องล่างฝ่าเท้า

เขารีบอุดจมูกและถามด้วยความห่วงใย “ท่านหัวหน้า ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่? พวกข้าเห็นท่านไม่กลับมาจึงเป็นห่วงกันมากขอรับ”

หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ตอบอย่างอ่อนแรง “น้องรัก ไม่เสียแรงที่พี่อุ้มชูเจ้า”

“ไว้พวกเรากลับไปแล้ว พี่จะเพิ่มเงินเดือนให้”

ทหารผู้นี้ดีใจเป็นล้นพ้นเมื่อได้ยินว่าจะถูกเพิ่มเงินเดือน

เวลานี้เขาไม่สนใจแล้วว่าจะมีกลิ่นเหม็นหรือไม่ รีบสาวเท้าเข้าไปฉับไวเพื่อดึงหัวหน้าให้ลุกขึ้นยืน

“อย่าเพิ่งแตะต้องตัวข้า รีบกลับไปเอากางเกงมาให้ข้าก่อน จำไว้ว่าอย่าให้ผู้ใดเห็น”

ทหารนายนี้เข้าใจในบันดลว่าเกิดอะไรขึ้น

ที่แท้ท่านหัวหน้าไม่กลับมาสักทีก็เพราะเหตุนี้นี่เอง เห็นทีว่าเมื่อครู่จะถ่ายราดกางเกง

เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก รีบกุลีกุจอหมุนกายวิ่งกลับไป

เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้นเห็นทหารนายนี้วิ่งกลับมาพอดี

ทหารรักษาพระองค์คนอื่น ๆ ถามเขาว่าเหตุใดท่านหัวหน้าจึงยังไม่กลับมาอีก

เขาตอบอย่างขอไปทีเพียงสองสามประโยค ก่อนจะหันไปคุ้ยข้าวของในห่อผ้าของท่านหัวหน้า

คุ้ยหาอยู่นานก็พบกางเกงชั้นในสีน้ำเงินตัวหนึ่งในที่สุด

เขารีบถือกางเกงชั้นในตัวนี้วิ่งออกไปในจังหวะที่ไม่มีผู้ใดสนใจ

ทหารรักษาพระองค์คนอื่นถ่ายท้องจนหมดเรี่ยวแรงและพากันไปนอนลงบนพื้นหญ้าหมดแล้ว

ตอนนี้พวกเขาเพียงต้องจับตาดูคนเหล่านี้ให้ดีก็พอ คร้านจะถามว่าทหารนายนั้นกำลังทำอะไร

----------------------------------------------

[1] หลัวซือเฝิ่น หรือบะหมี่หอยหวาน มีต้นกำเนิดจากเมืองหลิ่วโจว ประกอบด้วยเส้นก๋วยเตี๋ยวที่ทำจากข้าวและน้ำซุปหอยหลัวซือรสชาติเผ็ดร้อน พร้อมด้วยส่วนผสมต่าง ๆ ได้แก่ หน่อไม้ดอง ถั่วฝักยาว ถั่วลิสง และฟองเต้าหู้
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 919

    เพียงไม่นานในมือเจี่ยนอันอัน ก็มีเครื่องตรวจจับเพิ่มมาหนึ่งเครื่องนางเปิดปุ่มทำงาน พลันมีเสียงติ๊ดๆ ดังขึ้นปรากฏแสงสีเขียวแสดงการเคลื่อนไหวคล้ายใบพัดฉู่จวินสิงมองดูเครื่องตรวจจับนั้น ไม่เข้าใจว่าของสิ่งนี้คืออะไรเขาคิดจะถามเจี่ยนอันอัน ว่าไปนำของสิ่งนี้มาได้อย่างไรแต่เพียงไม่นานก็นึกได้ ว่านางมีห้วงมิติอยู่เมื่อสามารถนำอุปกรณ์ดำน้ำออกมาได้ หากจะมีของแปลกประหลาดยิ่งกว่านี้ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดทั้งคู่ยังคงแหวกว่ายขึ้นหน้าต่อไป เจี่ยนอันอันคอยเหลือบดูเครื่องตรวจจับเป็นระยะเสียงติ๊ดที่หน้าปัดส่งสัญญาณเชื่องช้า หลายนาทีจึงจะดังขึ้นสักหนึ่งครั้งว่ายต่อไปอีกไม่นาน ในที่สุดเครื่องตรวจจับก็ได้ส่งเสียงขึ้นอย่างเร็วรี่พร้อมหน้าปัดยังปรากฏจุดสีแดงเล็กๆ ขึ้นสองจุด เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วเล็กน้อย ตามที่ฉู่เทียนหัวกล่าวมา ป้ายประกาศิตสวรรค์ถูกเขาวางอยู่ในกล่องไม้กล่องหนึ่งแต่เหตุใดเครื่องตรวจจับจึงปรากฏจุดสีแดงขึ้นมาสองจุดได้?ไม่ทันได้คิดมากความ เจี่ยนอันอันรีบดึงตัวฉู่จวินสิง แหวกว่ายไปตามจุดสีแดงที่เครื่องตรวจจับได้แสดงเอาไว้เดิมคิดว่าคงได้เห็นป้ายประกาศิตถูกสายน้ำพัดพา

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 918

    ตรงข้ามกับฉู่จวินสิง นี่เป็นครั้งแรกที่แบกชุดดำน้ำเช่นนี้ทุกครั้งที่หายใจ จะต้องดึงเอาออกซิเจนในถังมาใช้รู้สึกไม่สู้คุ้นชินนักแต่เพียงไม่นานก็ปรับตัวได้ ขณะแหวกว่ายไปพร้อมกับเจี่ยนอันอัน จึงรู้สึกคล่องแคล่วมากขึ้นทั้งคู่แหวกว่ายไปในละแวกน่านน้ำที่ใกล้เคียง ก็ยังไม่พบกล่องใส่ป้ายประกาศิตสวรรค์แต่อย่างใดจึงลองว่ายไปยิ่งไกลมากขึ้นหลังจากฉู่เทียนหัวลงน้ำ ก็เริ่มมองหาป้ายประกาศิตเช่นกัน ต้องยอมรับว่าเขาว่ายน้ำแข็งมาก เพียงแต่ชั่วขณะที่กระโดดลงน้ำนั้น เขาได้กลั้นลมหายใจไว้เต็มและหลังจากลงน้ำไปแล้ว เขาก็ไม่ได้โผล่ขึ้นเหนือน้ำเพื่อหายใจอีกเขาลืมตาขึ้น แม้ว่าอยู่ใต้น้ำอาจทำให้แสบตาบ้าง แต่ก็ไม่มีผลต่อการมองในระยะสองเมตรของเขาเพียงแต่เมื่อดิ่งไปถึงก้นบึ้ง เขาเริ่มมองเห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าไม่ชัดเจนมาถึงเวลานี้ ฉู่เทียนหัวจึงได้ตระหนักว่า อุปกรณ์ดำน้ำที่เจี่ยนอันอันนำมานั้นมีประโยชน์เพียงใดเขาเริ่มนึกเสียใจ ที่ไม่ได้บอกให้เจี่ยนอันอันเตรียมอุปกรณ์มาให้เขาอีกหนึ่งชุดแต่ตอนนี้ทุกอย่างก็สายเกินแก้แล้วในเมื่อลั่นวาจาออกไป ก็ย่อมไม่อาจถอยหลังได้อีกเขาอยู่ในน้ำราวกับคนตาบอ

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 917

    ดีที่กู้มั่วหลีแค่ยืนอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ หันหน้าไปทางสายน้ำ แทบไม่ชายตามองดูเขาแม้แต่น้อยฉู่เทียนหัวแอบคิดในใจ ป้ายประกาศิตนั้นเป็นสิ่งของที่อดีตฮ่องเต้ทรงประทานให้แก่เขาถ้าเจี่ยนอันอันสามารถงมขึ้นมาได้จริง เขาก็ย่อมต้องดูแลเอง ไม่มอบให้ผู้อื่นโดยเด็ดขาดแต่ฉู่เทียนหัวไม่รู้ว่า เจี่ยนอันอันก็มีความคิดเช่นเดียวกับเขานางดูออกนานแล้วว่า วรยุทธ์ของฉู่เทียนหัวเทียบกับฉู่จวินสิงแล้ว ต่างกันราวฟ้ากับดินหากนางต้องการจะได้ป้ายประกาศิตสวรรค์ ก็แค่ให้ฉู่จวินสิงมารับมือก็เพียงพออีกทั้งปัจจุบันฉู่เทียนหัวเป็นรัชทายาทที่ถูกถอดถอนแล้ว ไม่มีอำนาจทางทหารอีกหากมอบป้ายประกาศิตให้เขาไป ไม่แน่เขาอาจรวบรวมไพร่พลในแคว้นหนิงชวนได้อย่างรวดเร็ว แล้วกลับไปก่อกบฏที่เมืองจิงโจวถึงตอนนั้นเมื่อใด ประโยชน์ของป้ายประกาศิตสวรรค์ก็จะลดน้อยลงไปมากอย่าว่าแต่โค่นล้มราชวงศ์ของฉู่ชางเหยียนเลย แม้แต่เจ้าตัวฉู่เทียนหัวเอง ก็อาจถูกจับไปจองจำอีกครั้งก็เป็นได้เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฉู่เทียนหัวทำเรื่องโง่ๆ เช่นนี้นางกับฉู่จวินสิงจึงวางแผนไว้แต่แรก ว่าจะต้องเอาป้ายประกาศิตนี้มาให้จงได้มีแต่อยู่ในมือพวกเขาเท่า

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 916

    เพียงแต่การเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าแผนที่วางไว้ ในเมื่อเจี่ยนอันอันมาถึง เขาก็ควรต้องต้อนรับให้ดี“เจี่ยนอันอัน ข้าเคยบอกแล้วว่า เรื่องป้ายประกาศิตจะนำไปมอบให้แก่เจ้าเอง เหตุใดยังมาถึงที่นี่อีก”กู้มั่วหลีเสแสร้งทำเป็นไม่รู้ความ ริมฝีปากเหยียดขึ้นเล็กน้อยพองามเจี่ยนอันอันทำตาขวางใส่เขา “ข้ากลัวเจ้าจะฆ่ารัชทายาทเสียก่อน แล้วฮุบเอาป้ายประกาศิตไปเสียเอง”กู้มั่วหลีหาได้โกรธเคืองคำพูดของนางไม่ กลับมองว่าการยอกย้อนของเจี่ยนอันอัน เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งมากกว่าแต่ในเมื่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงออกจากเมืองอินเป่ยมาได้ เกรงว่าทหารเฝ้าเมืองเหล่านั้น อาจถูกพิษของเขาจนเสียชีวิตไปหมดแล้วกู้มั่วหลีหารู้ไม่ว่า เจี่ยนอันอันได้รักษาทหารเหล่านั้นจนหายดีแล้วต่างหากอีกทั้งได้รับความเคารพจากเหล่าทหาร ที่นางกับฉู่จวินสิงออกมาได้ ก็เพราะเหล่าทหารต่างยินยอมพร้อมใจที่จะเปิดประตูเมืองให้แก่พวกเขาฉู่จวินสิงมิได้สนใจกู้มั่วหลี กลับกล่าวต่อฉู่เทียนหัว “รัชทายาท ป้ายประกาศิตของท่านทิ้งไปในแม่น้ำสายนี้ใช่หรือไม่?”มองดูสายน้ำที่ไหลเชี่ยว ฉู่เทียนหัวพยักหน้า “ถูกต้อง ก็คือแม่น้ำสายนี้”ฉู่จวินสิงมองไปยังสายน

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 915

    พวกเขางมหากล่องไม้ไม่เจอก็จริง แต่พวกเขาก็ลงน้ำไปแล้ว ทั้งยังดำน้ำอยู่นานปานนั้นยามนี้แม่น้ำเชี่ยวกรากปานนี้ พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อลงไปงมกล่องมาให้กู้มั่วหลีเชียวนะถึงไม่มีความชอบก็มีความเหนื่อยยากมาพูดว่าคืนเงินก็ให้คืนเงินได้อย่างไร แบบนี้มีเหตุผลงั้นรึเว่ยติงอดพูดขึ้นไม่ได้ “ข้าว่านะคุณชายท่านนี้ พวกเราเสี่ยงอันตรายถึงแก่ชีวิตเพื่อลงไปงมกล่องให้ท่านเชียวนะ”“ท่านจะมาทำไร้เหตุผลเช่นนี้ไม่ได้”เว่ยเจี่ยก็กล่าวสมทบมาว่า “น้องรองข้าพูดถูก พวกเราตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ให้เงินก่อนค่อยงมกล่องไม้ขึ้นมา”“ถึงงมขึ้นมาไม่ได้ ท่านก็ไม่สามารถทวงเงินที่ให้พวกข้ามาแล้วกลับคืนไปอยู่ดี”กู้มั่วหลีเห็นสองคนนี้ทำท่าจะไม่ยอมคืนเงิน เขาแค่นหัวเราะ ชักกระบี่อ่อนตรงหว่างเอวออกมา“พวกเจ้าเลือกเอาระหว่างลงน้ำไปงมกล่องไม้มาให้ข้า หรือจะตายอยู่ตรงหน้าข้า”เว่ยติงและเว่ยเจี่ยเห็นว่าในมือกู้มั่วหลีมีอาวุธ คนทั้งสองตกใจจนหนังศีรษะชาวาบพวกเขาไม่คิดจะเอาชีวิตน้อยๆ ของตนเองมาทิ้งไว้ที่นี่เพียงเพราะเงินห้าสิบตำลึงนี้หรอกนะคนทั้งสองรีบล้วงเงินออกมาจากชุดชั้นนอกแล้วคืนให้กู้มั่วหลี“พวกข้าไม่รับเง

  • ฝ่ามิติพลิกชะตาอ๋องผู้ถูกเนรเทศ   บทที่ 914

    หลังจากคนทั้งสามขึ้นรถม้าเรียบร้อยก็มุ่งหน้าตรงไปทางเมืองอินเป่ยราชาวานรเห็นรถม้าจากไปไกลแล้วค่อยพาพวกพ้องย้อนกลับมาพวกมันลากพวกลิงที่ถูกพิษกลับไปยังเขตแดนของตนเองครึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดพวกลิงที่ถูกพิษเหล่านั้นก็สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติพวกมันรีบกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ทันที ไม่กล้าลงมาอีกรถม้าวิ่งไปถึงหอประตูเมืองอินเป่ย แต่กลับไม่ได้หยุดลงยามนี้พวกเขาจำต้องเร่งเดินทางไปให้ถึงแคว้นหนิงชวนก่อนที่กู้มั่วหลีจะได้ป้ายประกาศิตสวรรค์ไป……กู้มั่วหลีมาถึงเขตแดนแคว้นหนิงชวนแล้ว ประตูใหญ่เมืองติ้งอันเปิดกว้าง ผู้สัญจรไปมาสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระแม้เขาจะไม่ใช่แคว้นหนิงชวน แต่เขาก็ไม่ถูกทหารที่เฝ้าประตูเมืองติ้งอันขัดขวางเขาควบม้าเดินอาดๆ เข้าไปในเมืองติ้งอันกู้มั่วหลีเคยมาเมืองติ้งอัน เขาคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ ในสถานที่แห่งนี้ยิ่งนักสิ่งก่อสร้างของที่นี่ผ่านมาหลายปีแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงอ้างอิงจากคำพูดของฉู่เทียนหัว กู้มั่วหลีเร่งม้าที่ควบอยู่ใต้ร่าง มุ่งหน้าไปยังแม่น้ำใหญ่ของเมืองติ้งอันสายนั้นเดินทางมาได้ครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงริมแม่น้ำที่นี่ทิวทัศน์งดงาม ลำน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status