หนูตัวที่พูดกับเจี่ยนอันอันวิ่งมาตรงหน้านางแล้วร้องเสียง “จี๊ดๆ” กับนางฉู่จื่อซีอธิบายว่า “อาสะใภ้รอง หนูตัวนี้บอกว่ามันกับพวกเด็กๆ เรียกหนูทุกตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหมดแล้วขอรับ”ฉู่จวินสิงคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่จื่อซีจะฟังคำพูดหนูเข้าใจด้วยสายตาที่มองไปทางฉู่จื่อซีของเขาฉายแววพิศวงเจี่ยนอันอันมองหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพลางพยักหน้าอย่างพึงพอใจนางวางกระสอบข้าวสารบนไหล่ลงบนพื้นนางกล่าวกับหนูตัวนั้นว่า “เจ้าบอกพวกมันว่าเย็นนี้จะมีการประลองต่อสู้”“ใครชนะ ข้าวสารกระสอบนี้ก็จะเป็นของผู้นั้น นอกจากนี้หนูตัวที่ชนะจะได้เป็นหัวหน้าหนูของพวกเจ้า”หลังหนูตัวนั้นได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกายวาววับมันรีบหันไปส่งเสียงร้อง “จี๊ดๆ” บอกหนูสามสิบกว่าตัวนั้นพวกหนูที่ถูกเรียกมามองหน้ากันหนูสิบเอ็ดตัววิ่งออกมา แม้พวกมันจะผอมแห้งเหมือนท่อนฟืนแต่ก็มีขนาดใหญ่โตมากเห็นทีพวกมันล้วนอยากแย่งชิงข้าวสารกระสอบนี้เจี่ยนอันอันมองหนูสิบเอ็ดตัวที่ก้าวออกมาอย่างยิ้มแย้มนางดึงมือฉู่จวินสิงและฉู่จื่อซีถอยไปยืนข้างๆที่นี่ค่อนข้างโล่ง เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการประลองต่อสู้ของพวกหนูพอดีเจี่ยนอันอันร้องบอกหนูพวก
สาเหตุที่เจี่ยนอันอันให้หนูตัวนั้นลงสนามรอบที่สองก็เพราะอยากให้มันสังเกตการณ์การต่อสู้เสียก่อนนางอยากให้หนูตัวนั้นเป็นผู้นำของพวกหนูแต่ไม่รู้ว่าความสามารถของมันเป็นอย่างไรการต่อสู้รองที่สองเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหนูสามตัวนั้นเข้าโรมรันกันอย่างรุนแรงเหมือนเห็นคู่แค้นที่สังหารบิดาอย่างไรอย่างนั้นผ่านไปไม่นาน การประลองรอบนี้ก็สิ้นสุดลงเจี่ยนอันอันมองดูหนูตัวนั้น ดวงตาฉายแววชื่นชมนางไม่ได้มองผิดไปจริงๆ ด้วย หนูตัวนี้ค่อนข้างฉลาด มันชอบใช้กลยุทธ์บาดแผลบนตัวมันมีน้อยที่สุด แต่กลับสามารถใช้วิธีที่เด็ดขาดที่สุดในการเอาชนะหนูอีกสองตัวเมื่อการประลองผ่านไปสี่รอบ หนูผู้ชนะทั้งสี่ก็เริ่มการต่อสู้รอบสุดท้ายฉู่จื่อซีดูอย่างใจจดใจจ่อ ครั้นหนูที่พูดกับพวกตนกำชัยชนะได้แล้ว เขาก็ปรบมือโห่ร้องอย่างดีใจฉู่จวินสิงชมดูจนริมฝีปากกระตุกยิบ ทำไมเขาถึงรู้สึกเหมือนหลังจากฉู่จื่อซีพูดจาได้แล้วก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยละดูเหมือนเขาจะถูกเจี่ยนอันอันกลืนกลายเสียแล้ว“อันอัน เจ้าให้หนูพวกนี้กัดกันเองเพื่ออะไรหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟัน “ข้าจะสร้างกองทัพหนู”ในที่สุดการประลองต่อสู้ก็จบลง พวกหนูท
เมื่อกินยาลงท้องไป หนูก็ได้ยินเสียงดัง ‘กึกๆ’ ในร่างกายบาดแผลตามตัวของมันหายดีอย่างรวดเร็ว แม้แต่กระดูกก็แข็งแรงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากนักหนูรีบคุกเข่าคำนับเจี่ยนอันอัน ปากก็ร้องส่งเสียง “จี๊ดๆ”ฉู่จื่อซีเดินเข้ามาพูดกับเจี่ยนอันอันว่า “อาสะใภ้รอง มันกำลังขอบคุณท่าน บอกว่าท่านคือพ่อแม่คนที่สองของมันขอรับ”“มันยังบอกว่ามันชื่อเถี่ยต้าน วันหน้าไม่ว่าจะให้มันบุกน้ำลุยไฟอย่างไร มันก็จะไม่บ่ายเบี่ยงแม้แต่คำเดียว”ริมฝีปากเจี่ยนอันอันกระตุกยิบ นางไม่อยากเป็นพ่อแม่คนที่สองของหนูตัวหนึ่งหรอกนะนางกล่าวกับเถี่ยต้าน “ตอนนี้เจ้าคว้าชัยชนะมาได้แล้วก็ถือว่าเป็นหัวหน้าของพวกหนู ข้าวสารกระสอบนั้นเจ้าสามารถนำกลับไปแบ่งกันกินกับสมาชิกในครอบครัว”นางกล่าวจบก็หันกลับไปหาหนูสามสิบกว่าตัวด้านหลัง“ในเมื่อพวกเจ้าแพ้แล้ว ในอนาคตก็ต้องเชื่อฟังคำสั่งของเถี่ยต้าน”“ถ้าข้ารู้ว่าพวกเจ้ามีตัวไหนไม่เชื่อฟังคำเถี่ยต้าน ก็อย่ามาโทษที่ข้าลงมืออย่างรุนแรงก็แล้วกัน”“ข้าสามารถทำให้พวกเจ้ามีชีวิตต่อไปได้ก็สามารถทำให้พวกเจ้าตายได้เหมือนกัน”“ข้าจะจุดไฟเผารังหนูของพวกเจ้า ทำให้พวกเจ้าสิ้นลูกสิ้นหลาน”“ได้ยินแล้ว
ฉู่จวินสิงเบี่ยงร่าง ธนูดอกนั้นจึงเฉียดปอยผมเขาตรงไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงตกใจ เขารีบหมุนร่างกลับมาก็เห็นเจี่ยนอันอันกลิ้งตัวหลบไปอีกทางธนูดอกนั้นปักลงตรงตำแหน่งที่เจี่ยนอันอันนอนอยู่เมื่อครู่นี้ดวงตาเจี่ยนอันอันสาดประกายเย็นชา นางกระโดดลงจากเตียงอุ่นตรงไปยังข้างกายฉู่จวินสิงทันทีเมื่อครู่พอได้ยินเสียง นางก็รู้สึกตัวตื่นแล้วฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันปลอดภัยดีก็ค่อยวางใจลงได้เขายกมือขึ้นทำท่า “ชู่ว” ให้เจี่ยนอันอัน เป็นเชิงบอกว่าอย่าส่งเสียงเวลานั้นเองก็มีธนูหลายดอกพุ่งเข้ามาในห้องคนทั้งสองรีบถลันไปบริเวณประตู หลบการโจมตีของธนูเหล่านั้นธนูหลายดอกนั้นปักลงบนผ้าห่มทั้งหมดชั่วขณะนั้นเอง คนทั้งสองก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ เปิดประตูออกมาเหยียนเซ่าก้าวยาวๆ ออกมาจากในห้องธนูหลายดอกพุ่งเข้ามาหาเหยียนเซ่าเหยียนเซ่าคว้าไม้กวาดข้างกายมาปัดธนูที่บินมากระเด็นออกไป“ผู้ใด!” เหยียนเซ่าตวาดเสียงขุ่น ก้าวเร็วๆ ไปยังกำแพงเรือนเสียงต่อสู้ดังขึ้นอย่างรวดเร็วฉู่จวินสิงเปิดประตูก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกในไม่ช้า บริเวณลานเรือนก็วุ่นวายอุตลุดเจี่ยนอันอันก็ตามออกมาเช่นกัน ในมือนางม
เหยียนเซ่ากับฉู่จวินหลุนทำการสังหารกลุ่มคนเบื้องหน้าเช่นกันพวกเขาขมวดคิ้วแน่นและมีสีหน้าจริงจังหลังจากที่ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอันจบฉู่อันเจ๋อสังหารคนชุดดำผู้หนึ่งแล้วถอยไปอยู่ข้างฉู่จวินสิงเช่นกัน“พี่รอง หลังจากนี้พวกเราจะทำอย่างไรต่อ?”ฉู่จวินสิงพูดด้วยสุ้มเสียงลึกทุ้ม “คนพวกนี้เป็นผู้ใดมาจากที่ใดก็ไม่ทราบ พวกเจ้าระวังไว้หน่อย”“ด้านนอกมีคนรอให้พวกเราออกไปติดกับอีกหลายสิบคน ทุกคนห้ามออกไปเด็ดขาด”ขณะที่ฉู่จวินสิงพูด ประตูลานบ้านก็ถูกถีบเปิด คนชุดดำอีกกลุ่มกรูกันเข้ามาอย่างรวดเร็ว พวกเขาถือคันศรและลูกธนู จากนั้นเล็งใส่พวกฉู่จวินสิงและเปิดฉากโจมตี ฉู่จวินสิงดึงเจี่ยนอันอันไปหลบด้านหลังวินาทีที่ลูกธนูแหลมคมนับไม่ถ้วนยิงเข้ามาทางพวกเขา ฉู่จวินสิงก็ใช้กำลังภายในมาทลายลูกธนูออกเป็นเสี่ยงๆกำลังภายในของฉู่จวินสิงแข็งแกร่งมาก แม้แต่เจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาก็ยังรู้สึกแรงกระเพื่อมของกำลังภายในเคราะห์ดีที่ฉู่จวินสิงมุ่งหวังเพียงจัดการลูกธนูเหล่านั้น ไม่ได้จะทำร้ายเจี่ยนอันอันเส้นผมของนางถูกกำลังภายในพัดปลิวไปด้านหลัง กระทั่งเสื้อผ้าเองก็ยังปลิวสะบัดไปด้วยเจี่ยนอั
คนชุดดำที่อยู่ด้านหลังพวกเขาตกใจจนต้องรีบถอยหลังด้วยสีหน้าที่ย่ำแย่มากแต่ประตูลานบ้านค่อนข้างคับแคบ อีกทั้งพวกเขาก็มีคนค่อนข้างเยอะมีพวกเขาหนีออกไปทันแค่ไม่กี่คน ส่วนที่เหลือนั้นถูกเจี่ยนอันอันเผาให้กลายเป็นมนุษย์เพลิงชายชุดดำที่เป็นคนออกคำสั่งรีบถอยออกจากลานบ้านด้วยความตกใจฉู่จวินสิงเห็นดังนี้ก็ใช้วิชาตัวเบาทันทีเขาเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ไปถึงด้านหลังคนผู้นั้น จากนั้นจับคอเสื้ออีกฝ่ายและลากลงพื้น“คิดจะหนีงั้นรึ ไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก”เจี่ยนอันอันใช้เครื่องพ่นไฟพ่นใส่คนที่หนีออกไปไม่นาน คนกลุ่มนั้นก็กลายเป็นมนุษย์เพลิงเช่นกันเปลวไฟพวยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า บรรดาคนที่ถูกไฟเผาพากันร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดเสียงร้องโหยหวนดังก้องท้องนภาเพียงแค่ฟังก็ขนหัวลุกสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ หลบอยู่ในบ้าน ไม่กล้าออกมาเหตุการณ์ที่นี่ดึงดูดชาวบ้านคนอื่นๆ เข้ามาทันทีพวกเขาเดินออกจากบ้านตัวเองแล้วพบว่าภายในลานบ้านที่เจี่ยนอันอันอยู่มีเปลวไฟลุกโชนบรรดาชาวบ้านไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ แต่ละคนพากันคิดว่าบ้านของพวกเจี่ยนอันอันมีไฟไหม้พวกเขารีบตักน้ำจากบ่อในบ้านตัวเองเพื่อวิ่งไปช่วยดั
ฉู่จวินสิงกำลังจะเรียกให้เจี่ยนอันอันกลับมาแต่กลับได้ยินนางตะโกนว่า “พวกเขามองไม่เห็นข้า ท่านรีบกลับไปปกป้องครอบครัวของท่านเถิด”ฉู่จวินสิงฟังดังนี้ก็เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันใช้วิชาล่องหนมีเพียงเขาที่สามารถมองเห็นเงาร่างของนาง ส่วนคนอื่นๆ นั้นมองไม่เห็นฉู่จวินสิงเป็นห่วงความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันแต่กลับตามไปไม่ได้สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือปกป้องคนอื่นๆ ในครอบครัวให้ปลอดภัยนอกจากพวกเขาสามพี่น้องแล้ว ภายในครอบครัวพวกเขาก็มีแค่เหยียนเซ่าที่มีศิลปะการต่อสู้ตอนนี้ด้านนอกมีศัตรูอยู่มากเท่าไรก็ยังไม่อาจทราบได้และผู้ว่ามณฑลจงโจวก็สื่อชัดเจนว่าต้องการฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัวไม่แน่ว่าจะส่งคนมานับพันคนเวลานี้เขาจะประมาทศัตรูไม่ได้เด็ดขาด แผนการที่ดีที่สุดในตอนนี้จึงเป็นการปกป้องคนในครอบครัวตอนนี้เจี่ยนอันอันอยู่ในสภาวะล่องหน ไม่ต้องห่วงว่าจะถูกเจอตัวขณะที่ฉู่จวินสิงกำลังคิดคำนวณในใจ มีลูกธนูอีกสิบกว่าดอกยิงมาทางเขาฉู่จวินสิงฟันลูกธนูทิ้งแล้วรีบถอยกลับไปที่ลานบ้านเวลานี้ พวกคนที่ถูกเปลวไฟกลืนกินได้ถูกเผาจนไหม้เกรียมกันหมดแล้วพวกชาวบ้านตกใจหนีกลับเข้าไปหลบในบ้านตัวเองตั้งแต่ตอนที
หากใช้เข็มเงินจัดการคนเหล่านี้อีกคงสิ้นเปลืองเกินไปตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีคนอื่นอยู่ด้วย นางไม่ต้องกลัวที่จะเปิดเผยตัวตนภายในคลังแสงไม่ได้มีแค่อาวุธเย็น แต่ยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์อย่างอื่นด้วยนางสามารถสังหารคนพวกนี้ด้วยระเบิดนางมองซ้ายแลขวา พบว่าที่นี่เป็นพื้นที่เพาะปลูกของพวกชาวบ้านหากใช้ระเบิดก็จะเป็นการทำลายทุกอย่างที่นี่หลังจากที่เจี่ยนอันอันใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง นางก็สลัดความคิดที่จะใช้ระเบิดในการกำจัดคนพวกนี้ทิ้งไปนางมองคลังยาปราดหนึ่ง ในนั้นมีผงสลายศพเก็บไว้ปริมาณมากมันเป็นสมบัติที่นางใช้เวลาคิดขึ้นและพัฒนามาหนึ่งปีกว่าระดับความเข้มข้นของผงสลายศพพวกนี้รุนแรงกว่ากรดกำมะถันเป็นร้อยเท่าเพียงแค่โรยลงบนร่าง คนพวกนี้ก็จะกลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองทันทีเจี่ยนอันอันรีบทำการสวมถุงมือแบบพิเศษเมื่อคิดถึงตรงนี้นางนำน้ำยาสลายศพออกมาแล้ววิ่งไปที่ด้านหลังสุดของคนกลุ่มนี้อย่างเงียบเชียบจากนั้นอาศัยจังหวะที่คนเหล่านี้มองไม่เห็นตัวเองมาสาดน้ำยาใส่คนจำนวนหนึ่งคนเหล่านั้นยังไม่ทันจะได้ร้องโหยหวนก็ละลายเป็นน้ำเลือดน้ำหนองไปแล้วคนด้านหน้าไม่สังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่ด้านหลังแ
และไม่นานเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ ร่างกายเริ่มมีอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว กระดูกและข้อต่อค่อยทวีความเจ็บปวดรุนแรงขึ้นเสียงร้องของเขาดังยิ่งกว่าเมื่อครู่หลายเท่าตัว แต่หัวหน้าผู้คุมและลูกน้องต่างไม่เห็นยาพิษที่เจี่ยนอันอันโยนออกไป จึงเห็นการกู่ร้องของเฝิงซานกวงเป็นเพียงการขัดขืนครั้งสุดท้ายเท่านั้นแม้พวกเราจะรู้ดีว่า เฝิงซานกวงเป็นญาติกับเจ้าเมืองตานแต่เมื่อท่านเจ้าเมืองออกคำสั่งมาแล้ว พวกเขาก็ย่อมต้องปฏิบัติตามพวกเขาคุมตัวเฝิงซานกวงไปยังห้องลงทัณฑ์ พร้อมจับมัดไว้กับม้านั่งตัวหนึ่งผู้คุมสองคนยกไม้พลองขึ้น พร้อมฟาดลงที่สะโพกเฝิงซานกวงอย่างแรง“อ๊าก โอ๊ย โอ๊ย!”เดิมทีร่างกายก็เจ็บปวดอยู่แล้ว ยังมาถูกโบยซ้ำอีกเฝิงซานกวงเจ็บเสียจนเสียงร้องโหยหวนราวกับหมูโดนเชือดไม่นานก็โบยครบยี่สิบไม้ พร้อมกับสะโพกเฝินซานกวงซึ่งยับเยินไม่เป็นชิ้นดีเลือดไหลซึมออกมาจนเปื้อนเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นเจี่ยนอันอันตามมายังห้องลงทัณฑ์ มองลอดหน้าต่างเห็นทุกอย่างอยู่ในสายตาและบัดนี้เฝิงซานกวงได้หมดสติไปแล้ว เสื้อผ้ายังเปื้อนด้วยเหงื่อเย็นที่โซมกายนางพอใจเป็นอย่างมากที่ผลออกมาเช่นนี้ จึงได้กล่าวต่อเจ้
เฝิงซานกวงถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน พลางกล่าวแก้ตัว “ท่านอารอง ข้าไม่เห็นว่าแร่หินจะมีปัญหาอันใด”“หากแร่เหล่านี้มีพิษจริง แล้วข้าจะอยู่รอดปลอดภัยมาได้อย่างไร?”คำกล่าวนี้ย่อมทำให้เจ้าเมืองตานเกิดความกังขาเช่นกัน จึงมองไปยังฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน รู้สึกว่าคำพูดของสองคนนี้ ดูจะไม่ชอบมาพากลนักเจี่ยนอันอันยิ้มหยันพลางกล่าว “ท่านย่อมจะปลอดภัยแน่นอน เพราะรู้แต่แรกแล้วว่าแร่หินมีพิษ จึงกินยาป้องกันไว้ก่อนล่วงหน้า”เฝินซานกวงแอบสะดุ้งในใจ แต่ยังไม่คิดยอมรับว่าแร่หินมีพิษจริงจึงได้กล่าวแก้ตัวอีกครั้ง “เจ้าอย่าได้กล่าวเหลวไหล ข้าเคยกินยาถอนพิษเมื่อไหร่กัน”นี่ล้วนเป็นสิ่งที่เจ้าคิดเองเออเองทั้งเพ หวังนำมาซ้ำเติมให้ข้ามีโทษหนักมากขึ้น”เจี่ยนอันอันพอดูออกว่า เจ้าเมืองตานเริ่มคล้อยตามคำพูดเฝิงซานกวงบ้างแล้วนางจึงกล่าวต่อเจ้าเมืองตานว่า “หากท่านเจ้าเมืองไม่เชื่อคำพูดของข้า ก็ให้ส่งคนไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ได้ เพื่อดูว่าข้าพูดถูก หรือเฝิงซานกวงพูดถูกกันแน่”เจ้าเมืองตานจึงรีบเรียกทหารในจวนมา พร้อมสั่งให้ไปตรวจสอบที่เหมืองแร่ไม่นานทหารผู้นั้นก็ได้กลับมา พร้อมรายงานว่าคนงานที่อยู่ในเหมือง ล
ครั้นเจ้าเมืองตานได้ยินว่าฉู่จวินสิงมา หัวใจก็พลันหนักอึ้งเขาสาวเท้าออกไปจากคุกในทันที “รีบเชิญพวกเขาเข้ามา”องครักษ์ได้ยินเจ้าเมืองตานใช้คำว่าเชิญ ในใจก็คิดว่าฉู่จวินสิงจะต้องเป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งเป็นแน่เขาไม่กล้าชักช้าจึงย้อนกลับไปโดยพลันเขากล่าวกับฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันอย่างนอบน้อม “ใต้เท้าของข้าเชิญพวกท่านเข้าไปข้างใน”ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันสาวเท้าเข้าไปในจวน โดยมีองครักษ์นำทางไปยังโถงใหญ่คนทั้งสองมาถึงบริเวณนอกโถงใหญ่ก็เห็นว่าเจ้าเมืองตานรออยู่ข้างในแล้วเจ้าเมืองตานรีบออกมาต้อนรับ เขาประสานมือกล่าว “ทั้งสองท่านมาที่จวนข้าได้อย่างไร เหมืองนั่นเกิดเรื่องอันใดขึ้นอีกอย่างนั้นรึ?”“เจ้าเมืองตานกล่าวไม่ผิด เหมืองนั่นเกิดเรื่องขึ้นแล้วจริงๆ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้สองมือของเจ้าเมืองตานกำแน่นเขานึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นเรื่องดีๆ ที่เฝิงซานกวงทำอีกแล้วเป็นแน่เจี่ยนอันอันบอกเรื่องที่แร่ในเหมืองมีพิษออกมาเจ้าเมืองตานได้ยินแล้วก็ยิ่งโมโหอย่างหนักเขามีหลานแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ถึงกับให้คนเหล่านั้นขุดแร่มีพิษเลยหรือนี่ถ้าไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงเป็นหลานของเขา เขาคงส
พวกลูกน้องต่างมองหน้ากัน ความงุนงงฉายเกลื่อนใบหน้าพวกเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดตนเองจึงไม่ถูกพิษหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันเพิ่งพูดออกมาว่าแร่ของที่นี่มีพิษ พวกเขาก็คงยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ำลูกน้องคนหนึ่งในจำนวนนั้นเอ่ยขึ้น “พวกข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ตอนแรกที่พวกข้ามาที่นี่เคยได้กินน้ำแกงปลาจี้ที่เจ้าเหมืองเฝิงทำ”“หรือจะเป็นเพราะน้ำแกงนั่น พวกข้าถึงได้ไม่ถูกพิษ?”ลูกน้องคนอื่นๆ ก็รีบร้อนพยักหน้าด้วยเช่นกัน“ใช่แล้ว วันแรกที่พวกข้ามาที่นี่ล้วนแต่ได้ดื่มน้ำแกงปลาจี้ไปหนึ่งถ้วย”“ข้าคิดออกแล้วเหมือนกัน ตอนที่ข้าซดน้ำแกงปลาจี้นั่นยังคิดอยู่เลยว่าเจ้าเหมืองเฝิงช่างใจกว้างนัก เพิ่งมาถึงก็ให้พวกข้าดื่มน้ำแกงปลาจี้ที่สดใหม่เช่นนี้ อาศัยน้ำแกงปลาจี้นี้ ข้าก็จะตั้งใจทำงานให้เขา”เจี่ยนอันอันมุ่นคิ้ว เมื่อครู่นางดมดูแล้ว พิษในแร่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถถอนพิษได้ด้วยน้ำแกงปลาจี้ถ้วยเดียวเห็นทีเรื่องนี้คงต้องไปถามเฝิงซานกวงถึงจะรู้เรื่องในเมื่อแร่มีพิษ แต่เฝิงซานกวงและพวกลูกน้องล้วนแต่ปลอดภัยไม่ได้รับผลกระทบ แสดงว่าเขาจะต้องมีวิธีแก้พิษอยู่อย่างแน่นอนนา
เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางมองไปทางซ่งไหล “ท่านเล่า จำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันรึ?”ซ่งไหลส่ายหน้าเบาๆ “จำไม่ได้”เจี่ยนอันอันคว้าข้อมือซ่งไหลขึ้นมาจับชีพจรให้เขาในไม่ช้านางก็ได้ข้อสรุปคนเหล่านี้ทุกคนล้วนถูกพิษ ขณะที่พิษประเภทนี้จะทำให้คนที่ถูกพิษสูญเสียความทรงจำไปในชั่วพริบตาหลังจากที่นางปล่อยมือซ่งไหลก็สุ่มหยิบแร่ก้อนหนึ่งบนพื้นขึ้นมานางนำมาจ่อใต้จมูกดมดูก็ได้กลิ่นสกปรกจางๆ ที่แผ่ซ่านออกมาจากก้อนแร่ได้ในทันทีนางกล่าวกับฉู่จวินสิง “ถ้าข้าเดาไม่ผิด แร่ในเหมืองนี้ล้วนแต่มีพิษ”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้ทุกคนบริเวณนั้นล้วนสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวจากก้นบึ้งหัวใจที่พวกเขาจำไม่ได้ว่าตัวเองเป็นใคร เป็นเพราะต้องพิษจากแร่พวกนี้อย่างนั้นหรือ?“พวกข้าควรทำอย่างไรดี ข้าไม่อยากตาย!”“ข้าก็ไม่อยากตายเหมือนกัน ข้าอยากไปจากที่นี่”“แม่นางได้โปรดปล่อยพวกข้าไปเถอะ ให้พวกข้าไปจากที่นี่เถอะนะ”คนงานเหมืองเหล่านั้นขอร้องเจี่ยนอันอันเสียงระงม หวังว่านางจะสามารถปล่อยพวกเขาไปซ่งไหลก็หวาดกลัวมากเช่นกัน เขาอยากไปจากที่นี่ ไม่อยากตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงและซ่งไหลที่รออยู่ด้านนอกล้วนร้อนใจอย่างยิ่งโชคดีที่เจี่ยนอันอันออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังพาเด็กชายหนึ่งคนออกมาด้วยซ่งไหลรีบอุ้มเด็กชายออกมาข้างนอกเขากระซิบเรียกชื่อเด็กชายเบาๆ “หวายหมิง เจ้าฟื้นเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันเห็นว่าซ่งไหลมีท่าทางเป็นกังวลอย่างมาก นางจึงบอกเสียงเบาว่า “เขาแค่สลบไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอันใดมาก”หลังจากที่นางพูดจบก็มุดเข้าไปในถ้ำอีกครั้งรอจนถึงตอนที่นางพาเด็กชายคนที่สองออกมาก็ถอดแว่นสายตากลางคืนออกแล้วนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “พวกเราออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยกัน”ฉู่จวินสิงพยักหน้าน้อยๆ แล้วอุ้มเด็กชายอีกคนขึ้นมาซ่งไหลอุ้มหวายหมิงตามเจี่ยนอันอันออกไปจากในเหมืองด้วยเช่นกันคนที่รออยู่ด้านนอกล้วนแต่ร้อนใจเป็นที่ยิ่งไม่รู้ว่าข้างในเป็นอย่างไรบ้างแล้วเมื่อพวกเขาเห็นพวกเจี่ยนอันอันออกมาก็พากันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเจี่ยนอันอันให้พวกเขาวางเด็กชายทั้งสองลงบนพื้นที่ว่าง นางหยิบถุงเข็มเงินออกมาจากในมิติแล้วฝังเข็มให้เด็กชายสองคนนั้นผ่านไปไม่นาน ในที่สุดเด็กชายทั้งสองก็ค่อยๆ ฟื้นขึ้นมาซ่งไหลเห็นว่าน้องชายทั้งสองของตนเองฟื้นแล้วก็คุกเข่าล
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ