Share

บทที่ 6 หนีไป

last update Terakhir Diperbarui: 2025-10-28 14:25:52

ตกใจหมดเลย ไอ้เด็กบ้านี่มันมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย

จู่ๆ ก็มีเด็กที่ไหนไม่รู้พุ่งมาจ๊ะเอ๋ ฉันตกใจสะดุ้งโหยงเกือบเผลอกำหมัดไปต่อยเข้าให้ ดีนะที่ตั้งสติได้ก่อนแล้วเห็นว่าเป็นเด็กเลยยั้งมือเอาไว้ได้ทัน

ที่อยู่ตรงหน้าฉันคือเด็กหน้าตาคุ้นๆ อายุราวๆ 7-8 ขวบได้ เขามีดวงตากลมโตเป็นประกายและกำลังกะพริบตาปริบๆ มองมาที่ฉันราวกับกำลังมองสัตว์ประหลาดในตู้เสื้อผ้า ฉันไม่ได้สนใจนักจนกระทั่งเห็นว่าเขาถือเกมกดสีชมพูแปร๋นในมือ

เดี๋ยว นั่นมันเกมของฉันนี่ เกมกดยุค 90 ที่คุณตาซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ฉันคิดว่ามันหายไปแล้วตั้งแต่สมัยเด็ก แล้วมันมาอยู่ที่เขาได้ยังไง

“พี่มาจากทางนี้ได้ไงอะ ทางลับเหรอ ว้าว น่าสนใจ”

เจ้าเด็กคนนั้นตาลุกวาวพลางพยายามจะแทรกตัวผ่านฉันเข้าไปทางที่ฉันลงมา แต่ฉันเอาตัวไปขวางไว้ก่อน

“นายเป็นใคร” ฉันกอดอกถามเสียงดุ

“ผมร‍า‍อุ‍ลน้องชายพี่ไง จำน้องตัวเองก็ไม่ได้ เป็นพี่สาวประสาอะไร”

“ร‍า‍อุ‍ล?”

อ้อ ที่แท้ก็ลูกยัยเมียน้อยนี่เอง มิน่าล่ะฉันถึงได้คุ้นหน้าคุ้นตาเขานัก เมื่อวานในงานไม่ทันได้สังเกตหน้าตาดีๆ จะว่าไปหน้าตาก็คล้ายฉันเหมือนกันนะเนี่ย ไม่เหมือนแม่เลยสักนิด

“นายเข้ามาทำอะไรในห้องหนังสือคนเดียวล่ะ วันนี้ไม่ใช่วันหยุดซะหน่อย”

ไหนจะเกมในมือเขาอีก มีรอยปากกาเมจิกเขียนชื่อเจ้าของเดิมเอาไว้ว่า ‘เรนนี่’ เป็นชื่อที่มีแค่ฉัน คุณตา แล้วก็แม่เท่านั้นที่เรียก

“วันนี้ผมไปเรียน เพื่อนล้อว่าแม่ผมเป็นเมียน้อย”

ที่แท้ก็เรื่องนั้นนี่เอง เด็กกับเรื่องถูกล้อมันก็เป็นของคู่กันอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

“แค่เพื่อนล้อถึงกับต้องกลับบ้านเลยเหรอ อ่อนหัด เป็นน้องฉันได้ยังไง”

“เปล่าครับ” เขาพูดตาใส “เพื่อนล้อผม ผมเลยเปิดกระโปรงเขาคืน แล้วเพื่อนอีกคนเข้ามาผลักผม ผมเลยต่อยจนเพื่อนฟันหลุดเลย”

อะ...ไอ้เด็กนี่มันแสบ แวบหนึ่งที่ฉันเผลอคิดว่าเขาน่ารักขึ้นมา แต่ก็ต้องสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนั้นออกไปเพราะรู้ตัวว่าเกลียดสองแม่ลูกนี่เข้าไส้

“ช่างเรื่องของนายสิ ถอยไป แล้วห้ามบอกใครว่าเจอฉันด้วย”

ว่าแล้วฉันก็ปิดห้องลับเอาไว้เหมือนเดิม คิดว่าพูดอย่างนั้นแล้วร‍า‍อุ‍ลคงจะเดินจากไป แต่เปล่าเลย เขายืนอยู่ตรงนั้นแล้วยังคงถามเสียงใส

“ทำไมล่ะ ผมเจอพี่ไม่ดีตรงไหน”

“ไม่ดี...” ฉันจะหาข้ออ้างอะไรมาหลอกเด็กดีนะ ดูจากท่าทางของเขาคงไม่ได้โง่เหมือนแม่ น่าจะหลอกไม่ได้ง่ายๆ

ฉันจึงนั่งยองๆ ลงตรงหน้าของเจ้าเด็กดื้อคนนี้ ก่อนจะจับไหล่เขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ฟังนะร‍า‍อุ‍ล พี่สาวนายกำลังทำภารกิจสำคัญ นี่เป็นภารกิจลับ ห้ามบอกใครอย่างเด็ดขาด”

“ทำไมล่ะครับ?”

“เพราะว่า...มันก็เหมือนนักบินอวกาศ นายรู้จักใช่ไหม?”

“รู้จักครับ”

“นั่นแหละ ตอนนี้ฉันกำลังไปทำภารกิจที่สำคัญต่อโลกมากๆ แล้วพ่อกับแม่นายเป็นตัวร้าย เพราะฉะนั้นภารกิจของฉันต้องเป็นความลับ หลังจากทำภารกิจเสร็จ ฉันก็จะกลับมาฐานอย่างปลอดภัย”

จังหวะที่พูดถึงฐานฉันชี้ไปยังทางที่ตัวเองมาก่อนหน้านี้ แล้วมันก็ได้ผล เพียงแค่ปรับวิธีการพูดนิดหน่อยร‍า‍อุ‍ลก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจ

“แต่ว่า แม่บอกว่าพี่กำลังจะแต่งงาน ถ้าแต่งงานเป็นเจ้าสาวแล้วจะทำภารกิจยังไง”

ยัยนั่นบอกเรื่องนั้นกับเด็กด้วยเหรอ ร้ายกาจที่สุด!

“ก็นี่แหละภารกิจของพี่ ร‍า‍อุ‍ล พี่ไม่อยากแต่งงาน ถ้าพี่แต่งงานแล้วนายจะต้องเสียพี่สาวนะเข้าใจไหม”

“แบบนั้นก็แย่เลย”

“ใช่ไหมล่ะ เพราะฉะนั้นเรื่องที่เจอพี่ที่นี่ ห้ามบอกใคร แล้วฉันจะรับเป็นน้องชาย โอเค๊” พูดพร้อมทำมือโอเคให้ร‍า‍อุ‍ล

“ก็โอเค แต่ว่า...” เขายื่นเกมกดอันนั้นมาให้ฉัน ก่อนจะพูดเสียงหง็อยๆ “ผมขอเกมกดอันนี้ได้ไหมครับ”

“นายก็เอามาแล้วนี่ จะมาขอทำไม”

“ก็ผมอยากได้ของต่อจากพี่ เนเน่เพื่อนผมมีพี่ เขาบอกว่าได้ของเล่นต่อจากพี่มาเยอะเลย ผมเองก็มีพี่สาว แต่ไม่เคยได้ของเล่นต่อจากพี่เลย อันนี้ไนธ์ก็เป็นคนเอามาให้ครับ”

ไอ้เด็กนี่ แม่ตัวเองทั้งโลภมากทั้งหัวสูง ไม่เคยใช้เงินพ่อฉันซื้อของเล่นแพงๆ ให้หรือยังไงกัน แล้วมาทำหน้าตาอ้อนอะไรขนาดนั้น ฉันไม่ใจอ่อนให้อภัยแม่นายแค่เพราะนายมาอ้อนฉันห‍ร‍อ‍กนะ

“นะครับพี่เรนนี่ นะครับบบบ”

“หยุดๆๆ ฉันชื่อเรนิส คำนั้นนายไม่สนิทห้ามเรียก”

“แต่หลังเกมเขียนไว้ว่า เรนนี่”

“อ่านหนังสือออก?”

“ครับ ผมป.2 แล้ว”

ฉันล่ะปวดประสาทกับเด็กนี่จริงๆ เลย แต่ก็เอาเถอะ มีคนรักก็ดีกว่าคนเกลียด เอาไว้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาฉันจะละเว้นเขาสักคนก็แล้วกัน

“อะๆ ฉันจะให้เกมนี่กับนายก็ได้ แต่เมื่อกี้นายบอกว่าใครเอามาให้นะ?”

“ไนธ์ครับ” ไม่เรียกว่าพี่นำหน้าซะด้วย ไอ้เด็กนี่ทำถูกเรื่องที่สอง

“งั้นเอางี้ ผู้ชายคนนั้นเขาแก่กว่าฉัน นายต้องเรียกเขาว่า ลุงไนธ์”

“เรียกลุงได้ไง พี่เขาออกจะหล่อ”

ฉันเท้าเอววีนมองเด็กขี้เถียงตรงหน้า เพราะเขาพูดจาไม่ถูกใจ

“เอาใหม่” พร้อมทำเสียงเข้มใส่

“ก็ได้ครับ ลุงไนธ์” มันถูกใจเจ้จริงๆ ว้อย!

“โอเค งั้นฉันจะรับนายเป็นน้องชายก็ได้ จำไว้ว่าภารกิจลับมีฉันกับนายรู้กันแค่สองคน ห้ามบอกใครไม่อย่างนั้นฉันไล่ออกจากทีมแน่”

“รับทราบครับผม!”

หลังจากเคลียร์กับร‍า‍อุ‍ลอยู่นานสองนาน ในที่สุดฉันก็ออกจากบ้านมาได้สักที ทางด้านหลังบ้านไม่มีคนเฝ้าเลย พวกเขาคงไม่คิดว่าฉันจะปีนหนีออกไปทั้งอย่างนี้สินะ ประเมินความสามารถฉันต่ำไปซะแล้ว

ฉันวิ่งลัดสนามหญ้ามาถึงรั้วบ้านแล้วปีนออกด้วยความคล่องแคล่ว จากสกิลหนีเรียนสมัยอยู่ฮ่องกง กระโปรงทรงเอที่ใส่มาเลยไม่เป็นอุปสรรคอะไรมากมายนัก ออกมาจนถึงด้านนอกของตัวบ้าน เป็นกำแพงยาวตลอดแนวทั้งสองฝั่ง มีถนนลาดยางเส้นเล็กๆ ตัดผ่าน ตรงข้ามตัวบ้านเป็นป่าโปร่งกว้างหลายกิโลฯเชื่อมไปยังชายหาดส่วนตัวซึ่งมีบ้านพักตากอากาศอยู่ตรงนั้นด้วย

แต่เป้าหมายของฉันไม่ใช่ชายหาด ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากเมือง ไม่มีรถขับผ่านถ้าจะนั่งแท็กซี่ต้องเรียกเข้ามา และฉันต้องทำก่อนที่จะมีใครรู้ตัวว่าฉันหายไป

มือถือนี่ก็แบตจะหมดอยู่รอมร่อ ดีนะที่ยังใช้เรียกแกร๊บให้มารับได้ ฉันเลยออกมาจากบ้านหลังนั้นได้อย่างง่ายดาย

แต่มันก็ง่ายเกินไป

วินาทีที่รถขับออกมาจากบ้านหัวใจของฉันเต้นรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ถูกจับตามองเหมือนนกในกรงทอง วันนี้แหละที่ฉันจะออกไปบินอย่างอิสระ ไม่ต้องมีใครมาตามคุมเหมือนนักโทษอีกต่อไป

“เท่าไหร่คะ”

ฉันลืมไปเลยว่าตัวเองเหน็บกระเป๋าเงินเอาไว้ในชุดเกาะอก เลยต้องพยายามหามุมแอบล้วงมันออกมาไม่ให้ลุงคนขับรถเห็นเข้า ไอ้ตอนใส่เข้าไปมันก็ใส่ง่ายอยู่ห‍ร‍อ‍ก แต่ทำไมตอนเอาออกมันติดขัดอย่างนี้เนี่ย

ฮึบ ดึงเข้าๆ

“สี่ร้อยห้าสิบบาทจ้าหนู”

“ได้ค่ะ รอแป๊บหนึ่งนะคะ”

ระหว่างนั้นก็พยายามล้วงมือเข้าไปในเกาะอก แต่ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ทั้งแน่นและฝืดอย่างนี้ รู้งี้น่าจะถือมาดีกว่า ฮึ่ย

“ไม่ใส่กระเป๋ามาดีๆ ล่ะหนูเอ๊ย แล้วดูสภาพ ไปแสดงหนังซอมบี้มาเรอะ”

ลุงปากเสียมาก ฉันไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย ก็แค่ผมที่ทำมาสวยๆ ตอนเช้ากระเซิงเล็กน้อยเพราะทั้งปีนรั้วทั้งเข้าไปในช่องลับมา ไหนจะหน้าเยิ้มไปด้วยเหงื่อแล้วเนื้อตัวก็เหนียวไปหมด ฉันแทบไม่กล้ามองกระจกเลย

ยายเพิ้งหัวกระเซิงใส่เ‍ด‍ร‍สราคาครึ่งหมื่นไม่มีรองเท้าแถมยังทาปากแดงอีก

คนบ้าชัดๆ!

ในจังหวะที่ฉันกำลังพยายามดึงเอากระเป๋าเงินออกมาจากเสื้อด้วยความทุลักทุเลอยู่นั้นเอง ความที่ออกแรงมากเกินไปมันเลยทำให้ฉันกระชากผิดจังหวะ ตะเข็บเสื้อที่บอบบางเป็นทุนเดิมก็ได้ขาดออก

แควก

เกิดเป็นเสียงที่ทำให้ทั้งรถเงียบไปในทันที ฉันเงียบ ลุงก็เงียบ สถานการณ์น่าอึดอัดนั้นกินเวลายาวนานถึงสามนาที

กว่าที่ฉันจะได้สติ บริเวณสีข้างด้านขวาก็มีลมเย็นวาบเข้ามาโดนผิวจนต้องรีบหนีบรักแร้ปิดเอาไว้

แย่มาก นี่มันโคตรซวยเลย

“เอ่อ...สี่ร้อยห้าสิบใช่ไหมคะ”

นี่เป็นในเมือง แถมยังเป็นตอนกลางวัน แม้ว่าสภาพฉันจะล่อแหลมสุ่มเสี่ยงต่อการถูกข่มขืนมากแค่ไหนก็ตาม แต่เขาคงจะไม่คิดทำอะไรอย่างนั้นห‍ร‍อ‍กใช่ไหม

คิดดังนั้นฉันจึงค่อยๆ หยิบเอาแบงก์ห้าร้อยยื่นให้ลุงโดยใช้แขนซ้ายที่ไม่ได้มีภาระอะไร ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถโดยไม่รับแม้แต่เงินทอน

บ้าเอ๊ย ทำไมชีวิตฉันต้องมาซวยอะไรอย่างนี้เนี่ย นี่เพิ่งจะวันที่สองเองนะที่มาถึงไทย แล้วจังหวะที่ลงจากรถก็ไม่ทันได้สังเกตว่าลุงมาจอดตรงฟุตบาทที่ทั้งร้อนทั้งคนเยอะ ทันทีที่เท้าฉันเหยียบพื้นความร้อนก็ทำให้ต้องรีบย่ำเท้าเร็วๆ เพื่อไม่ให้เท้าโดนลวกจนสุกไปซะก่อน

ร้อนโว้ย

“ดูคนนี้สิ หน้าตาก็สวยนะ ไม่น่าเป็นบ้าเลย น่าสงสารจัง”

ทันใดนั้นก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นจากเด็กสาวสองคนที่เดินผ่านตัวฉันไปก่อนหน้านี้ พวกเธอแสดงสีหน้าสงสารอย่างที่ปากว่า ทำให้ฉันถึงกับต้องก้มมองตัวเองด้วยความสมเพช

สภาพยัยเรนนี่เอ๊ย ตอนนี้แกต้องหาเสื้อผ้าดีๆ ใส่จะได้ไม่ถูกหาว่าเป็นคนบ้ามากไปกว่านี้ แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากัน

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   ตอนจบ ด้วยรัก...คุณ

    [Nithe’s part]งานแต่งตั้งประธานเป็นอะไรที่วุ่นวายไม่น้อย ผมเดินตามเรนนี่ตลอดเวลาทำหน้าที่บอดี้การ์ดของตัวเองที่ห่างหายไปหลายเดือน ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่แปลกอยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าที่ยิ้มกว้างของเรนนี่อย่างที่ไม่ได้เห็นมานาน ผมเองก็อดยิ้มตามเธอไม่ได้เธอดูมีความสุขมากจริงๆ มากกว่าเมื่อก่อนมาก ผมดีใจที่พอผมกลับเข้ามาในชีวิตสิ่งแรกที่เห็นคือรอยยิ้มของเธอ และหวังว่าจะได้เห็นมันไปนานๆ ตลอดไปเลยยิ่งดี“คลั่งรักเมียนะมึงอะ มองไม่พัก มองขนาดนี้แล้ววันนั้นหมาตัวไหนครับบอกว่าถ้าได้เอาคนนี้เอาหมาดีกว่า”เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาที่ข้างตัว ผมเกือบลืมไปว่าวันนี้เชิญเพื่อนสุดที่รักมาด้วย หันไปเจอไอ้ ชาวี เพื่อนรักตัวแสบยืนทำหน้าแป้นน่าถีบอยู่ข้างๆ เห็นแล้วอยากจะหันไปแจกหมัดให้สักทีสองที“คนพูดนั่นไม่ใช่กูครับเพื่อน” ผมตอบยิ้มๆ สายตาก็มองกลับเข้าไปในงาน เรนนี่กำลังทักทายแขกเหรื่อในงานโดยมีไอ้เจ็ดเดินตามไม่ห่าง ผมเลยถือโอกาสหันมาคุยกับเพื่อนบ้างวันนี้มากัดหมดทั้ง นาวี ชาวี รวมทั้งไอ้นักรบ แล้วไหนจะสาวๆ เมียพวกมันอีกครบทีม ผมคิดว่างานสำคัญอย่างนี้พาพวกเธอมาเจอกันหน่อยก็ดี ซ้ำคุณหนูเอวา[1] เอ

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 33 ในฐานะ...บอดี้การ์ด

    ฉันมองเงาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจก หญิงสาวในเ‍ด‍ร‍สสีแดงสดแต่งหน้าจัดเต็มทาปากสีนู้ด ผมยาวสลวยถูกย้อมเป็นสีดำขลับแล้วรีดตรงทำให้เธอดูสง่าและภูมิฐานกว่าเมื่อก่อนเป็นไหนๆ สไตลิสของฉันวนรอบตัวแล้วปรบมือแล้วปรบมืออีกด้วยความภาคภูมิใจ ที่หล่อนสามารถเปลี่ยนลุคของฉันจากสก๊อยเป็นท่านประธานสาวได้สำเร็จ“สวย เริ่ด ปัง”“พอเถอะ เธออวยจนฉันเริ่มจะอึดอัดแล้ว”“ฉันอวยตัวเองเถอะ เมื่อก่อนเธอแต่งตัวไม่มีคลาสเอาซะเลย ตอนนี้เหรอ เหอะ อย่าว่าแต่มองเหลียวหลัง ผู้ชายที่ไหนเห็นก็ต้องวิ่งเข้ามากราบขอเป็นผัวค่ะ”“ขนาดนั้นเชียว?”เราสองคนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอย่างที่ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม คงเพราะอายุไม่ห่างกันมาก แล้วก็ทะเลาะกันมาตลอดเลยทำให้สนิทกันง่าย ทุกวันนี้การมีไข่มุกอยู่เป็นเพื่อนก็ไม่แย่เท่าไหร่“เธอไปแต่งตัวเถอะ เดี๋ยวไปพร้อมกัน” ฉันว่าพลางกลับมานั่งเล่นมือถือที่โซฟา ไม่ลืมที่จะถอดส้นสูงออกเพราะรู้ว่าไปงานยังไงก็คงไม่ได้ถอดไปอีกหลายชั่วโมง“ไม่เอาล่ะ เธอไปเถอะ ฉันเป็นแค่สไตลิสจะไปทำไม”“เธอเป็นเมียพ่อฉัน เป็นแม่เลี้ยงฉันนี่”“เธอ...ไม่ใช่ลูกของคุณเดชไม่ใช่เหรอ?”“อือ แล้วไงล่ะ ฉันก็เรียก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 32 คำที่อยากฟัง

    [Nithe’s part]ขอโทษ...คำนี้มันคงจะสายเกินไปที่จะพูดแล้วในตอนนี้ แหวนที่เธอคืนให้มา มันคือการตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนแต่ผมกลับไม่สามารถมูฟออนไปได้เลย“ผมเข้าใจนะว่าลูกพี่กำลังอกหัก แต่ดื่มเยอะๆ อย่างนี้มันไม่ดีนะพี่ คุณหนูเขามีความสุขแล้ว ผมเองก็ดูแลให้อย่างดี”คงมีแต่ไอ้เจ็ดที่เข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง เรื่องที่เราเลิกกันไม่ได้ประกาศออกไป เลยมีแค่คนที่ผมสนิทที่สุดเท่านั้นที่รู้ แม้แต่นาวี ชาวี หรือแม้แต่ไอ้นักรบก็ไม่รู้เรื่องนี้ หลายครั้งที่เจอกันพวกมันยังแซวเรื่องของผมกับเรนนี่อยู่เลย ผมเองก็ไม่อยากบอกใครว่าจริงๆ ความสัมพันธ์นั้นมันได้จบลงแล้ว“กูไม่ได้อกหัก” ผมปฏิเสธคำพูดของไอ้เจ็ด ด้วยไม่อยากยอมรับว่าตัวเองเลิกกับเธอแล้วจริงๆ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกระดกเหล้าเพียวๆ เข้าปากอีกอึกไม่รู้ว่าตัวเองดื่มจนเมาปลิ้นอย่างนี้มานานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าทุกวันหากคิดถึงเธอ รสขมปร่าของเหล้าเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยผมได้ดื่มแล้วก็เมา เมาแล้วก็นอน นอนแล้วก็ตื่นมาดื่มใหม่ ชีวิตผมเป็นอย่างนี้มาสามเดือนแล้ว โคตรขี้แพ้เลยเนอะไอ้เจ็ดก็เลิกงานเมื่อไหร่เป็นต้องมาดื่มเป็นเพื่อนผม บางวันมันก็บ่นว่าดื่มไม่ไหวแล้วขอก

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 31 ของขวัญสุดท้าย

    ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าตัวเองเสียไปหมดทุกอย่าง จนกระทั่งตัวเองมาเจอเรื่องนี้เมื่อก่อนฉันเสียแม่ เสียตา แต่ยังมีเป้าหมายในการทวงทุกอย่างคืนมาจากพ่อพอให้ได้มีแรงสู้ต่อ แต่วันนี้ฉันได้ทุกอย่างคืนมาแล้ว แม้แต่ตาก็อยู่กับฉัน แต่กลับไม่มีความสุขเลย“ตรงนี้อ่านว่า กอ อา กา แค่นี้ก็ไม่รู้เนอะ”“ก็เราไม่เคยเรียนหนังสือนี่”“ไม่เอาน่าหลานๆ อย่าเพิ่งทะเลาะกันสิ”อีกอย่างที่ฉันได้มา นั่นก็คือครอบครัวที่ใหญ่ขึ้น ฉันว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่เกินกว่าจะอยู่คนเดียว เลยให้ยัยไข่มุกย้ายกลับเข้ามา ด้วยเหตุผลแรกคือ ฉันอยากให้ร‍า‍อุ‍ลได้เรียนที่ดีๆ มีสังคมดีๆ ไม่ต้องลำบาก สองคืออยากให้หลินหลินได้มีเพื่อนอ้อ ฉันรับหลินหลินเป็นลูกบุญธรรมเรียบร้อยแล้ว ถึงจริงๆ เธอจะเรียกฉันว่าพี่สาวก็เถอะตอนนี้ในบ้านฉันเลยเต็มไปด้วยเสียงของเด็กสองคนทะเลาะกันแทบทุกวัน ตามด้วยเสียงคุณตาที่บอกว่าอย่าทะเลาะกันส่วนฉันก็มีงานใหญ่ต้องทำ“ชุดเห่ย”ยัยแม่เลี้ยงปากเสียว่าพลางมองฉันหัวจรดเท้า เธอเบะปากให้ชุดเ‍ด‍ร‍สสีแดงเรียบๆ ที่ฉันเลือกมาด้วยความตั้งอกตั้งใจยัยไข่มุกรับหน้าที่เป็นสไตลิสชั่วคราวให้ฉัน เพราะช่วงนี้ฉันยังไม่อยากพบเจอผู้คน

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 30 ความจริงที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้

    ‘แม่คะ อันนี้ดอกอะไรคะแม่ สวยมากเลย’‘ไซคลาเมนลูก ความหมายของมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ห‍ร‍อ‍ก บางคนก็เชื่อว่ามันเป็นสัญลักษณ์ของการจากลา แต่สำหรับแม่ หมายถึงความรักของแม่ จะยังคงอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะตายจากกัน’‘แม่อย่าพูดถึงเรื่องตายแบบนั้นสิคะ เรนไม่ชอบเลย’‘เรนนี่ลูก วันหนึ่งคนเราก็ต้องจากกัน แค่ว่าจะช้าหรือเร็วเท่านั้น แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ ถ้าแม่ไปก่อน แม่จะไปรอลูกอยู่ที่นั่นนะจ๊ะ’ภาพของแม่ที่ฉันไม่เคยฝันถึงเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันมองรูปของแม่ทุกวัน หวังว่าจะได้เจอแม่ในฝันสักครั้ง แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นความว่างเปล่า มีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในทุกคืนแต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ฉันถึงได้ฝันถึงแม่ แม่ที่ตายจากไปแล้วหลายปี ฉันถามแม่ว่าคุณตาอยู่ไหน แต่ท่านก็ไม่ตอบแล้วเดินไกลออกไป‘แม่คะ...อย่าทิ้งหนูไป’ เสียงของฉันในความฝันเรียกชื่อแม่ สองขาพยายามวิ่งตามท่าน แต่เหมือนว่ายิ่งวิ่งมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งห่างไกลกันมากขึ้นเรื่อยๆแม่...อย่าทิ้งหนูไป“แม่คะ...แม่อย่าทิ้งหนู”“เรนนี่” เสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาในความฝัน ฉันหันหลังไปแล้วก็เจอกับใบหน้าของชายหนุ่มที่เหมือนจะคุ้นเคย แต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเ

  • พยศรัก บอดี้การ์ดที่ร้าย   บทที่ 29 ชัยชนะที่ไม่ชนะ

    “เรื่องการเข้ารับตำแหน่งที่บริษัท ฉัตรจะจัดการให้เองนะคะคุณหนูไม่ต้องห่วง ตอนนี้พักผ่อนไปก่อน เอาสุขภาพตัวเองเป็นหลักนะคะ”คงเป็นความโชคดีของฉันอย่างหนึ่ง คือตอนที่ฉันรู้สึกแย่ฉันไม่เคยต้องอยู่คนเดียว ตอนที่เพื่อนไม่ว่างและฉันต้องการกำลังใจ ก็มีคุณฉัตรที่คอยเป็นธุระให้แทบทุกอย่าง แล้วยังอาสามาอยู่เป็นเพื่อนในบางวันเธอช่วยฉันตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ จนไม่รู้แล้วว่าต้องเริ่มขอบคุณเธอจากตรงไหนดี“ขอบคุณนะคะคุณฉัตร แค่นี้ก็ลำบากคุณมากพออยู่แล้ว” ฉันกล่าวขอบคุณออกไปอย่างจริงใจ นั่นคงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในตอนนี้“ไม่รบกวนห‍ร‍อ‍กค่ะ ยังไงฉันก็ต้องทำงานให้คุณในฐานะทนายในการแต่งตั้งประธานบริษัทอยู่แล้ว ตอนนี้เราต้องเตรียมตัวเพื่อจะไปแสดงตัวว่าเป็นทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมาย ฉัตรเตรียมเอกสารไว้ให้แล้ว คุณเรนค่อยดูตอนที่รู้สึกดีขึ้นนะคะ”“ขอบคุณค่ะ”“งั้นวันนี้ฉัตรจะรอเมย์บีมาก่อนค่อยไป คุณเรนอยากดื่มอะไรสักหน่อยไหมคะ ฉัตรไปชงให้”“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ”เฮ้อ...ฉันต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ต้องไม่จิตตก ต้องไม่คิดถึงเขาสิรู้ไหมว่าอะไรยากที่สุดของการอยู่คนเดียว คือเมื่อเราได้มีใครสักคนเข้ามาในชี

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status